ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 328 แผนเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 328 แผนเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
ตอนที่ 328 :แผนเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
เจียงเสี่ยวไป๋ได้วางแผนเรื่องขยายธุรกิจมาที่เจียงเฉิงไว้ระยะหนึ่งแล้ว
เพราะสุดท้ายแล้ว ชิงโจวนั้นเล็กเกินไป เมื่อธุรกิจพัฒนาไปถึงระดับหนึ่งก็จำเป็นต้องมีตลาดที่ใหญ่กว่าเดิมเพื่อรองรับธุรกิจที่ขยายตัวขึ้น
แต่เมื่อถังเสี่ยวโจวถามถึงเรื่องนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงประหลาดใจเล็กน้อย
“พูดตามตรง ผมก็มีแผนนี้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดตามความจริง
ถังเสี่ยวโจวดูสนใจมาก เขาถามว่า “คุณวางแผนที่จะเปิดร้านกุ้งอบน้ำมันของคุณในเจียงเฉิงไหม ? ”
แค่ได้ยินชื่อกุ้งอบน้ำมัน ถังเสี่ยวโจวก็คิดว่ามันฟังดูน่าอร่อยแล้ว
หลังจากฟังเจียงเสี่ยวไป๋อธิบายแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมันชิงเหอ เขาก็รู้สึกตั้งตารออย่างอดไม่ได้ ถ้าเจียงเสี่ยวไป๋เปิดร้านกุ้งอบน้ำมันในเจียงเฉิง เขาจะเป็นคนแรกที่ไปลองชิมอย่างแน่นอน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว “ตอนแรกผมวางแผนที่จะเปิดร้านกุ้งอบน้ำมันแห่งแรกในเจียงเฉิงช่วงเดือนเมษายนปีหน้า”
ถังเสี่ยวโจวมาจากครอบครัวนักวิชาการและเติบโตในเจียงเฉิง เขาไม่รู้ว่ากุ้งอบน้ำมันที่ว่านั้นมันคือเจ้าแมลงตัวใหญ่ที่ชอบทำลายต้นกล้าข้าวของชาวบ้าน เขาจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “ตามที่คุณพูด ตลาดกุ้งเครย์ฟิชในชิงโจวเกือบจะอิ่มตัวแล้ว ทำไมไม่มาตอนนี้เลย แต่ต้องรอถึงปีหน้าด้วยล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายว่ากุ้งจะมีตามฤดูกาลและจะขายได้เฉพาะตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมของทุกปี ตอนนี้ใกล้จะถึงเดือนกันยายนแล้ว กว่าจะสร้างร้านที่เจียงเฉิงและตกแต่งภายในเสร็จ กุ้งเครย์ฟิชก็จะหมดรุ่นพอดี
ถังเสี่ยวโจวยิ้มแห้ง “ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถกินกุ้งที่คุณพูดถึงได้จนกว่าจะถึงปีหน้า”
เขาเปลี่ยนเรื่อง แล้วถามว่า “คุณพูดว่าตอนแรก แสดงว่าแผนปัจจุบันของคุณเปลี่ยนไป คุณจะขยายธุรกิจมาที่เจียงเฉิงช้าลงหรือเร็วขึ้นกว่าเดิมล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองถังเสี่ยวโจวอย่างพินิจ สมแล้วที่เขาทำตำแหน่งเลขานุการ เพราะทักษะการฟังของเขาดีกว่าคนทั่วไปมาก เขาสามารถจับประเด็นสำคัญในคำพูดของคู่สนทนาได้อย่างง่ายดาย
เขายิ้มและพูดว่า “ผมมีความคิดอยู่บ้าง แต่ยังหาทางไปต่อไม่เจอ”
ถังเสี่ยวโจวดูเหมือนจะสนใจยิ่งขึ้น เขาพูดว่า “บอกความคิดของคุณมา บางทีผมอาจช่วยได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ดังที่คุณทราบ ผมซื้อรถบรรทุกรุ่น 140 ให้กับบริษัทโลจิสติกส์ แต่การขนส่งในชิงโจวนั้นไม่สะดวก การขนส่งสินค้าจากชิงโจวไปยังเจียงเฉิงต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ความคิดของผมคือถ้าเป็นไปได้ที่จะสร้างคลังสินค้าขนาดใหญ่ในเจียงเฉิงและใช้เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าของบริษัทโลจิสติกส์ ในอนาคต การจัดส่งสินค้าจากเจียงเฉิงไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศจะเร็วขึ้นมาก ! ”
ถังเสี่ยวโจวพยักหน้าและกล่าวว่า “ความคิดของคุณไม่เลวเลย เจียงเฉิงเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘ทางสู่มณฑลทั้งเก้า’ มีการคมนาคมสะดวกทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ มีการเชื่อมต่อกันเป็นอย่างดี และดูเหมือนว่าจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งได้”
หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาเสริมว่า “ถ้าคุณต้องการสร้างโกดังขนาดใหญ่ คุณจะต้องมีที่ดิน ทรัพยากรที่ดินในเจียงเฉิงมีมากมาย และนโยบายก็เอื้ออำนวย หากคุณต้องการ พรุ่งนี้ผมสามารถพาคุณไปดูสถานที่ได้”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกยินดี เขาไม่ได้คาดหวังว่าถังเสี่ยวโจวจะเต็มใจช่วยเขาขนาดนี้ นี่เป็นโอกาสดี เขาขอบคุณถังเสี่ยวโจวและพูดว่า “ขอบคุณ ผมกำลังกังวลว่าจะหาทางไปต่อไม่เจอ แต่ด้วยความช่วยเหลือของคุณ แบบนี้มันเยี่ยมมาก ! ”
“เอาล่ะ ผมขอดื่มให้คุณ ! ”
พวกเขาทั้งสองดื่มเหล้าหมดในรวดเดียว
หลังจากนั้น ถังเสี่ยวโจวก็ถามเกี่ยวกับขนาดและความต้องการของที่ดินที่เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการ กระทั่งกินอาหารเย็นเสร็จ เขาก็รวบรวมข้อมูลได้เพียงพอ
ถังเสี่ยวโจวจ่ายค่าอาหารและส่งเจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่เกสเฮาส์หงซาน แล้วนัดว่าจะเข้ามารับเขาตอนเที่ยงพรุ่งนี้เพื่อพาไปดูที่ดิน ก่อนจะจากไป
เจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่ห้องของเขา คิดถึงการสนทนาของเขากับถังเสี่ยวโจว เขาคิดว่าครั้งนี้เขาน่าจะได้ที่ดินจากเจียงเฉิงมาบ้าง แต่ในขณะที่กำลังดีใจ เขาก็ยิ้มอย่างจนปัญญาเช่นกัน เพราะดูท่าว่าเขาคงจะกลับไปในวันพรุ่งนี้ไม่ได้แล้ว
แผนมักเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์เสมอ
เขาจึงตัดสินใจที่จะโทรไปบอกพ่อตา และพูดคุยกับภรรยาสองสามคำ
เมื่อนึกถึงความคิดเหล่านี้ เขาก็คว้ากระเป๋าเงินแล้วลงไปชั้นล่าง ไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย มีอะไรให้ช่วยไหมคะ ? ”
ยังคงเป็นพนักงานต้อนรับคนเดิมจากเมื่อวาน เมื่อเธอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เธอก็ถามด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ ! รบกวนช่วยผมโทรทางไกลไปยังอำเภอเจี้ยนหยางในชิงโจว หมายเลข 2022 ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
“ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ ! ”
พนักงานต้อนรับพูดแล้วกดโทรหมายเลข 113 หาสถานีโอนสาย
คราวนี้การรอใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 10 นาทีก่อนที่จะเชื่อมต่อสายได้
เจียงเสี่ยวไป๋รับโทรศัพท์จากพนักงานต้อนรับแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงของหลินต้าเหว่ยดังมาจากปลายสาย “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ “เรียบร้อยดีครับ ! ”
หลินต้าเหว่ย “เสร็จงานแล้ว ลูกก็ควรกลับมาโดยเร็วที่สุด”
เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และเล่าเรื่องที่ถังเสี่ยวโจวคุยกับเขาเมื่อวานเย็นให้ฟัง
แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องถังเสี่ยวโจวจะพาเขาไปดูที่ดินในวันพรุ่งนี้ด้วย
ปลายสายฝั่งนั้น หลินต้าเหว่ยเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ในเมื่อเขาพูดแบบนั้น ลูกเองก็ต้องการที่ดินในเจียงเฉิง งั้นก็ไปดูเสียหน่อยเถอะ ! ”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาได้เสริมว่า “อย่างไรก็ตาม ในเจียงเฉิงไม่มีที่ดินอุตสาหกรรมแจกฟรี”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกประหลาดใจชั่วขณะ นโยบายระดับชาติเกี่ยวกับการแจกที่ดินอุตสาหกรรมฟรีควรจะยุติลงในปี 1986 ไม่ใช่หรือ ?
ทำไมถึงไม่สามารถรับที่ดินอุตสาหกรรมฟรีในเจียงเฉิงได้ล่ะ ?
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถบอกเรื่องนี้ให้พ่อตาของเขารู้ได้ ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นประหลาดใจและถามว่า “นโยบายที่ดินในเจียงเฉิงแตกต่างจากชิงโจวหรือครับ ? ”
หลินต้าเหว่ยยิ้ม “แน่นอน มันแตกต่างกัน ในเจียงเฉิงไม่มีอะไรเหมือนชิงโจว ที่นั่นมีคนต้องการที่ดินมากมาย ทันทีที่รัฐบาลปล่อยที่ดินให้ ก็มีการแข่งขันกันมากมาย”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดกับตัวเอง ไม่แปลกใจเลยที่มันเป็นเช่นนี้ นี่คือความแตกต่างระหว่างเมืองใหญ่และเมืองเล็ก และเป็นผลมาจากการแข่งขันในตลาด ตราบใดที่ยังมีการแข่งขัน ย่อมไม่มีอะไรได้มาฟรี และราคาก็มีแต่จะสูงขึ้นเท่านั้น
“พ่อครับ ผมเข้าใจ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่”
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “เอาล่ะ ลูกรู้ก็เป็นเรื่องดีแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กำลังคุยกับพ่อตา เขาก็ได้ยินเสียงลูกสาวของเขาพูดอย่างหมดความอดทนว่า “คุณตารีบหน่อยสิคะ หนูรอคุยกับป่าป๊าอยู่ ! ”
“โอเค โอเค เดี๋ยวตาบอกป่าป๊าหนูก่อน”
ในอีกด้านหนึ่ง หลินต้าเหว่ยถูกหลานสาวของเขาเซ้าซี้ไม่เลิก แต่เนื่องจากเขาได้พูดคุยสิ่งที่เขาต้องการพูดไปแล้ว เขาจึงส่งโทรศัพท์ให้เจียงชาน
“ป่าป๊า ในที่สุดป่าป๊าก็โทรมา หนูรอสายจากป่าป๊ามาทั้งวันแล้ว ! ”
ประโยคเดียวจากลูกสาวทำให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา
เขารีบพูดว่า “ป่าป๊าเพิ่งทำธุระเสร็จ ก็รีบโทรหาชานชานทันทีเลย”
“ป่าป๊า ทำงานยุ่งมาก พอจะมีเวลาหาสถานที่สนุก ๆ บ้างไหม ? ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ป่าป๊าเจอสวนสาธารณะหลายแห่งที่น่าเที่ยว”
“ป่าป๊า ที่นั่นสนุกไหมคะ ? ”
“……”
พ่อและลูกสาวคุยกันทางโทรศัพท์ต่อไปอย่างเพลิดเพลิน
หลังจากพูดคุยกันเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดเจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “ชานชานเด็กดี ให้หม่าม๊าคุยโทรศัพท์กับป่าป๊าหน่อยได้ไหม ? ”
“ได้ค่ะ ! ”
คราวนี้เจ้าตัวน้อยไม่ได้คัดค้าน เธอตอบตกลงอย่างเชื่อฟังและพูดว่า “งั้นหนูเอาโทรศัพท์ให้หม่าม๊านะคะ แล้วเจอกันค่ะป่าป๊า ! ”
จากนั้นเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้หลินเจียอิน
ในที่สุด เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดิมทีเขากังวลว่าลูกสาวของเขาจะเป็นเหมือนเมื่อวาน ไม่อย่างนั้นเขาได้คิดถึงหลินเจียอินจนน้ำตาตกในเป็นแน่
เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุข เมื่อได้ยินว่าหลินเจียอินรับสาย เขาก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “เมียจ๋า คุณคิดถึงผมไหม ? ”
ทันทีที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดคำพูดนี้ออกมา พนักงานต้อนรับที่ฟังอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนเธอแปลกใจที่เขาสามารถแสดงความรักต่อภรรยาได้ขนาดนี้ ทั้งที่สนทนาทางโทรศัพท์อยู่ ?
หลินเจียอินก็เขินอายเช่นกัน ใบหน้าของเธอแดงก่ำ
ตาบ้าเจียงเสี่ยวไป๋ เขาพูดคำแบบนี้อย่างไม่ดูตาม้าตาเรือเลย พ่อแม่ของเธอยังอยู่ตรงนี้ เขาถามมาแบบนี้แล้วจะให้เธอตอบอย่างไร ?