ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 326 กระหน่ำช้อปอีกครั้ง
ตอนที่ 326 :กระหน่ำช้อปอีกครั้ง
เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อสินค้าครั้งใหญ่ที่เคาน์เตอร์โอเมก้า พนักงานขายคำนวณราคานาฬิกาทั้ง 20 เรือน เบ็ดเสร็จแล้วราคารวมอยู่ที่ 46,800 หยวน
“เดี๋ยวผมจ่ายให้คุณก่อน 32,000 หยวน อีกเดี๋ยวผมจะไปนำเงินส่วนที่เหลือมาให้”
ขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋พูด เขาก็เปิดกระเป๋าปิแอร์ การ์แดงที่เพิ่งซื้อมาใหม่และเทธนบัตร 32 ปึกออกมา
การพกเงินแบบนี้เหมือนกับเถ้าแก่ถ่านหินในเมืองชานซีในอนาคต ที่ใช้กระสอบผ้าใบเพื่อขนเงินหยวน
พนักงานขายมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความทึ่ง เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นใครจ่ายเงินแบบนี้มาก่อน !
หลังจากตั้งสติได้ พนักงานขายก็รีบนับธนบัตร 32 ปึกอย่างรวดเร็ว เมื่อแน่ใจว่าจำนวนถูกต้อง พนักงานจึงพูดขึ้นว่า “ทั้งหมดนับได้ 32,000 หยวน คุณต้องชำระอีก 14,800 หยวน”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เขาเก็บนาฬิกาที่มีราคาค่อนข้างถูกทั้ง 18 เรือนไว้ในกระเป๋า รูดซิปขึ้นแล้วชี้ไปที่นาฬิกาที่แพงที่สุดสองเรือน แล้วพูดว่า “ผมจะทิ้งนาฬิกาสองเรือนนี้ไว้ที่นี่ก่อน แล้วผมจะไปเอาเงิน อีกไม่กี่นาทีผมจะกลับมา”
“ครับ คุณผู้ชายเดินดี ๆ นะครับ ไม่ต้องรีบ” พนักงานขายพูดอย่างสุภาพ
เจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่รถของเขา หยิบนาฬิกาออกมาเก็บไว้ จากนั้นยัดธนบัตรที่เหลืออีก 26 ปึกลงในกระเป๋าแล้วเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์โอเมก้าอย่างมั่นใจ
เขาหยิบเงินออกมา 15 ปึกแล้วดึงธนบัตรออกมา 20 ใบ จากนั้นเขาก็ยื่นทั้ง 15 ปึกนั้นให้กับพนักงานขาย ซึ่งเท่ากับ 14,800 หยวนพอดี
หลังจากจ่ายเงินและรับสินค้ามาแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เก็บนาฬิกาโอเมก้าทั้งสองเรือนไว้ในกระเป๋าของเขาแล้วเดินออกไป
แน่นอนว่าเขาแค่เดินออกจากเคาน์เตอร์โอเมก้า แต่ไม่ใช่ออกจากห้างสรรพสินค้า
ท้ายที่สุดแล้ว เขาตระหนักได้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะมาที่เจียงเฉิงสักครั้ง ดังนั้นเขาคิดว่าควรซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ กลับไปให้ภรรยาและลูกสาวของเขาด้วย !
หลังจากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็เข้าออกร้านค้าหลายร้าน แต่ละครั้งซื้อสินค้ามากเกินกว่าจะถือได้ เขาจึงต้องกลับไปที่รถเพื่อเก็บของ ก่อนจะกลับเข้าไปข้างในเพื่อช้อปปิ้งต่อ
เขาซื้อเสื้อผ้า กางเกง รองเท้า เครื่องประดับ ของเล่น ขนม……
รวมถึงกล้องที่เขาสัญญาว่าจะซื้อให้เจียงเสี่ยวชิงด้วย
เพราะตราบใดที่เขาถูกใจหรือชอบมัน เขาก็จะซื้ออย่างไม่ลังเล
หลังจากช้อปปิ้งอย่างสนุกสนานไปพักใหญ่ กว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะตระหนักได้ว่าเงินของเขาหมดก็ตอนที่เขาจะจ่ายเงินซื้อของชิ้นอื่นนั่นเอง เขาถอนหายใจและบ่นอย่างหงุดหงิดว่า “ทำไมเงินถึงใช้ง่ายขนาดนี้ ! ”
แต่ไม่เป็นไร !
แค่ไปธนาคาร..
“คุณเจียง คุณกลับมาอีกแล้ว มีอะไรให้ช่วยคะ ? ”
คนที่มาต้อนรับเขาคือติงรั่วหลัน
“ผมต้องการถอนเงิน คุณช่วยถอนเงิน 30,000 หยวนให้ผมหน่อย” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
ห๊ะ !
ติงรั่วหลันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอรู้ดีว่าครั้งล่าสุดที่เจียงเสี่ยวไป๋ถอนเงินเพราะจะไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า
และเขาเพิ่งถอนเงินไปตั้ง 60,000 หยวน !
เขาใช้เงินทั้งหมดไปในเวลาอันสั้นขนาดนี้เลยหรือ ?
โอ้พระเจ้า ! เขาซื้ออะไรไปเนี่ย ?
ติงรั่วหลันรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
แต่เมื่อคิดได้ว่ายอดเงินฝากในบัญชีธนาคารของเจียงเสี่ยวไป๋มีมากกว่า 5 ล้านหยวน ดังนั้นการใช้จ่ายแค่ไม่กี่หมื่นหยวนจึงดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด
คงพูดได้เพียงว่าโลกของคนรวยมันช่างเข้าใจได้ยากจริง ๆ !
ติงรั่วหลันหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบอารมณ์แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ฉันจะช่วยดำเนินการให้ค่ะ”
หลังจากถอนเงินแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ใส่มันลงในกระเป๋าของเขาและไปยังห้างสรรพสินค้าต่อ
ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้จ่ายมากนัก เขาใช้เงินไปเพียง 4,000 กว่าหยวนเท่านั้น
เมื่อคำนวณทั้งหมดแล้ว รวมถึงเงิน 1,000 หยวนที่หลินเจียอินมอบให้เขาและเงินที่เขาถอนออกมา เท่ากับว่าเขาใช้เงินไปทั้งหมดกว่า 66,000 กว่าหยวนกับการช้อปปิ้งในครั้งนี้
ยังมีเงินเหลืออยู่ในกระเป๋าของเขาประมาณ 25,000 หยวน
ก็น่าจะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินแล้ว !
ระหว่างเดินทางกลับจากเจียงโข่วไปยังเจียงชาง เจียงเสี่ยวไป๋ให้ความสนใจกับสถานที่ต่าง ๆ เพื่อดูว่าเขาจะพาลูกสาวไปเที่ยวที่ไหนได้บ้างในตอนที่พวกเขามาที่นี่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเจียงเฉิงจะเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของประเทศจีน แต่ก็ไม่มีสวนสนุกโดยเฉพาะในปี 1983
สิ่งนี้ทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย
เมื่อขับรถผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง เจียงเสี่ยวไป๋ก็มองไปยังภูเขาเสอซานที่อยู่ถัดจากสะพาน ยอดเขาที่ค่อนข้างต่ำเป็นสถานที่ก่อสร้าง และยังไม่มีตัวอาคารหลักเหมือนหอคอยกระเรียนเหลืองซึ่งเป็นอาคารสำคัญของเจียงเฉิงในอนาคต
และใน 1884 ซึ่งเป็นปีที่ 10 ของรัชสมัยจักรพรรดิกวงซูแห่งราชวงศ์ชิง หอคอยกระเรียนเหลืองถูกเพลิงไหม้ทำลาย เหลือเพียงหลังคาทองแดงที่โดดเด่นเท่านั้น
หลังจากนั้น มีการพยายามสร้างหอคอยกระเรียนเหลืองขึ้นใหม่มากกว่าสิบครั้ง แต่ทั้งหมดถูกเลื่อนออกไปด้วยเหตุผลหลายประการ จนกระทั่งเมื่อปี 1957 สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงได้เข้าครอบครองพื้นที่เดิมของหอคอยกระเรียนเหลือง จึงไม่สามารถสร้างหอคอยขึ้นใหม่ในตำแหน่งเดิมได้
ต่อมาในปี ค.ศ. 1981 โครงการบูรณะหอคอยกระเรียนเหลืองได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่สถานที่ก่อสร้างตั้งอยู่บนยอดเขาเสอซาน ซึ่งห่างจากพื้นที่เดิมของหอคอยกระเรียนเหลืองประมาณ 1 กิโลเมตร
หลังจากใช้เวลานานกว่า 4 ปี จนกระทั่งเดือนมิถุนายน ปี 1985 การบูรณะหอคอยกระเรียนเหลืองก็เสร็จสมบูรณ์อย่างเป็นทางการ มีการเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเดือนพฤศจิกายนของปีเดียวกัน
ดังนั้น ถ้าพาลูกสาวมาที่เจียงเฉิงตอนนี้ เธอก็ยังไม่สามารถไปเยี่ยมชมหอคอยกระเรียนเหลืองอันโด่งดังได้
ปัจจุบัน สถานให้ความบันเทิงแห่งเดียวในเจียงเฉิงคือสวนสาธารณะและศูนย์วัฒนธรรม
นอกจากนี้ สวนสาธารณะจงซานกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและปรับปรุง ดูเหมือนว่าในปี 1986 พวกเขาเพิ่งสร้างสวนสนุกแห่งแรกของมณฑลจีนตอนกลางภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย
แต่พิพิธภัณฑ์ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีในการเที่ยวชม !
เพราะชาติที่แล้ว เขามีความสนใจในของเก่าและรู้ว่าพิพิธภัณฑ์ประจำหูเป่ยก่อตั้งเมื่อปี 1953 และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้
เมื่อนึกถึงพิพิธภัณฑ์ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เจียงเฉิงไม่มีตลาดของเก่าในเวลานี้ และเขาไม่รู้ว่าตลาดของเก่าอยู่ที่ไหน มิฉะนั้นเขาอาจจะไปสำรวจและดูว่าเขาสามารถหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ได้หรือไม่
ในยุค 80 ร้านขายของเก่ายังมีของแท้ปะปนอยู่มาก ต่างจากยุคหลังที่การปลอมแปลงกลายเป็นเรื่องธรรมดาและตลาดก็เต็มไปด้วยของปลอม ของจริงมีเพียงหนึ่งหรือสองชิ้นเท่านั้นที่จะพบได้จากนับพันรายการ
อีกทั้งในเวลานี้ ของเก่าโบราณยังมีราคาถูกมากอีกด้วย
“ในอนาคตถ้ามีโอกาสไปเทียนจิง ฉันจะไปช้อปปิ้งที่ตลาดของเก่าพันเจียหยวน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พึมพำและวางความคิดเรื่องสะสมของเก่าไว้ จากนั้นเขาก็ใช้สมาธิไปกับการขับรถแทน
เมื่อกลับมาถึงที่เกสเฮาส์หงซาน เขาไปที่แผนกต้อนรับเพื่อขยายเวลาการเข้าพักของเขา
“คุณผู้ชาย ค่าห้องของคุณมีคนจ่ายไปแล้วค่ะ ! ”
พนักงานพูดพร้อมหยิบเงิน 50 หยวนมายื่นเงินให้เจียงเสี่ยวไป๋ “นี่คือค่าห้องและค่ามัดจำที่คุณจ่ายไปเมื่อวาน ฉันขอคืนให้คุณค่ะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และถามว่า “ใครเป็นคนจ่ายครับ ? ”
พนักงานต้อนรับส่ายหน้า “เรื่องรายละเอียดนั้นฉันไม่รู้แน่ชัดค่ะ แต่เบื้องบนฝากมาบอกว่าคุณสามารถอยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่คุณต้องการ คุณอยากเปลี่ยนเป็นห้องสวีทไหมคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปัด “ไม่เป็นไรครับ ! ”
เขาเดาได้เลยว่าเป็นถังเสี่ยวโจวที่จ่ายค่าห้องพักให้เขา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เขายื่นเงินให้พนักงานและพูดว่า “ผมจะจ่ายค่าห้องเอง คุณไม่ต้องสนใจทางฝั่งนั้น”
พนักงานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอพยายามโน้มน้าวเจียงเสี่ยวไป๋ แต่เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของเจียงเสี่ยวไป๋ จึงทำได้เพียงรับเงินและดำเนินการขยายเวลาเช่าห้อง
เจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่รถของเขา หยิบกระเป๋าและของบางอย่างที่เขาซื้อไว้ แล้วกลับไปที่ห้องพัก
ของส่วนใหญ่ถูกทิ้งไว้ในรถ ไม่ได้นำออกมา เพราะท้ายที่สุดแล้วรถก็จอดอยู่ที่เกสต์เฮาส์ เขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องถูกขโมย ทำให้เขาไม่ต้องลำบากในการขนของไปมา
หลังจากเข้าไปในห้อง เจียงเสี่ยวไป๋ก็อาบน้ำอีกครั้ง เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาซื้อและสวมนาฬิกาโอเมก้าเรือนใหม่ พลางมองดูตัวเองในกระจก
อืม ไม่เลว !
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นจึงบรรจุสิ่งของที่เขาซื้อให้กับเจียงเสี่ยวชิง และหลินเจียลี่ลงในถุงแยกกันสองใบ เขายังหยิบกระเป๋าเงินที่เพิ่งซื้อมาใหม่และใส่เงินลงไปในนั้นปึกใหญ่ด้วย
หลังจากนั้น เขาเก็บนาฬิกาโอเมก้าที่เขาจะมอบให้ถังเสี่ยวโจวไว้ในกระเป๋าของเขา และพับถุงสะดวกซื้ออีกใบใส่ไว้ข้างกันด้วย
ตอนนี้ไม่มีอะไรทำอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงรอให้ถังเสี่ยวโจวเลิกงาน