ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 315 สอนบทเรียนให้น้อง
ตอนที่ 315 :สอนบทเรียนให้น้อง
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พรุ่งนี้เธอไม่ต้องไปแจกใบปลิวแล้ว ให้เสี่ยวเหลยทำแทน”
เจียงเสี่ยวชิงถามอย่างไม่เข้าใจว่า “พี่รอง พี่ต้องการให้ฉันทำงานอื่นอย่างนั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “มหาวิทยาลัยของเธอใกล้เปิดเทอมแล้ว พรุ่งนี้กลับบ้านกับพี่และวันมะรืนนี้ พี่จะไปส่งที่เจียงเฉิง”
เจียงเสี่ยวชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอยุ่งกับการแจกใบปลิวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และลืมไปเลยว่ามหาวิทยาลัยกำลังจะเปิดเร็ว ๆ นี้
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋พูดถึงเรื่องนี้ เธอก็จำได้ทันที
“พี่รอง ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะมอบงานทั้งหมดของฉันให้เสี่ยวเหลยพรุ่งนี้”
เจียงเสี่ยวเหลยดีใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่รอง พี่จะให้ผมเป็นหัวหน้าทีมแจกใบปลิวใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและพูดว่า “พี่สาวของนายจะต้องไปเรียนแล้ว นายต้องรับผิดชอบแทน”
เจียงเสี่ยวเหลยตบหน้าอกของเขาแล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “พี่รองไม่ต้องกังวล ผมสัญญาว่าจะทำให้ดีกว่าพี่สี่”
เจียงเสี่ยวชิงหัวเราะแล้วพูดว่า “นิสัยมุทะลุและใจร้อนอย่างนาย แค่นายไม่ทำพลาด ฉันก็จะขอบคุณมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อยากจะเก่งกว่าฉันหรอก ! ”
เจียงเสี่ยวเหลยพูดอย่างไม่ยอมว่า “ตั้งแต่เริ่มต้น ผมก็แจกใบปลิวมากที่สุด และทุกวันนี้ผมดึงดูดลูกค้าได้มากที่สุดด้วย”
เจียงเสี่ยวชิงกล่าวว่า “นั่นหมายความว่านายมีความสามารถในการดึงดูดลูกค้า แต่ไม่ได้หมายความว่ามีความสามารถในการเป็นผู้นำได้เสียหน่อย การเป็นหัวหน้าไม่ได้หมายถึงการแจกใบปลิวอย่างเดียวนะ”
เจียงเสี่ยวเหลยทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “มีใครบ้างที่ไม่รู้จักวิธีการเป็นผู้นำ ? ก็แค่มอบหมายงานในตอนเช้าและรายงานผลการปฏิบัติงานในช่วงบ่าย ไม่ต้องกังวล ผมทำให้ดีกว่าพี่แน่นอน”
“ได้ ฉันจะคอยดู ! ”
เจียงเสี่ยวชิงยังอยากพูดมากกว่านี้ แต่เจียงเสี่ยวไป๋ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเธอ
“อย่าเสียเวลาโต้เถียงเรื่องไร้สาระเลย เพราะมันทั้งทำลายความรู้สึกต่อกันและไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
“ความมั่นใจของเสี่ยวเหลยเป็นสิ่งที่ดี”
“เสี่ยวชิง ในฐานะพี่สาว เธอควรให้กำลังใจเขา ไม่ใช่ทำให้เขาท้อใจ”
“นอกจากนี้ ในเมื่อเธอรู้ข้อบกพร่องของเขาแล้ว เธอควรให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาแก่เขา เพื่อช่วยเขา”
เจียงเสี่ยวชิงและเจียงเสี่ยวเหลยต่างก้มหน้าลง
พวกเขาทั้งสองไม่กล้าเถียงพี่รอง
หลังจากอบรมน้องสาวและน้องชายแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋บอกให้เจียงเสี่ยวชิงกลับไปนอน เมื่อเห็นว่าหวังเจี้ยนเช็ดพื้นเตียงเสร็จแล้ว เขาจึงไปที่เตียงชั้นบนแล้วนอนลงทั้งที่ยังสวมเสื้อผ้าเต็มตัว
หวังเจี้ยนและเจียงเสี่ยวเหลยต่างก็ขอให้เขาลงมานอนบนเตียง แต่เขาปฏิเสธ
น้องชายเคารพเขาขนาดนี้ เขาก็ต้องเกรงใจเช่นกัน
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของเขา หวังเจี้ยนและเจียงเสี่ยวเหลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ ไม่นานหลังจากปิดไฟ เสียงกรนของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ดังขึ้น
ปกติเขาไม่กรนเวลานอน
อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้เขานอนกรนเสียงดังกว่าปกติ
และเขายังนอนหลับสนิทมากอีกด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่หวังเจี้ยนและเจียงเสี่ยวเหลยจะตื่น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันและออกไปอย่างเงียบ ๆ
แม้จะอยู่ในเมือง แต่ในยุคนี้ไม่มีมลพิษเลย ดังนั้นอากาศยามเช้าในเมืองจึงสดชื่นมาก
“ตอนนี้เมียจ๋าของผมและชานชานคงกำลังนอนหลับกันอยู่สินะ ! ”
“สงสัยจังว่าพวกคุณฝันถึงผมหรือเปล่า ? ”
นี่เป็นครั้งแรกหลังจากเกิดใหม่ที่เขาตื่นนอนในตอนเช้าแล้วไม่เจอภรรยาและลูกสาว เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะคิดถึงพวกเธอ
หลังจากสูดอากาศบริสุทธิ์แล้ว เขาก็เริ่มเดินเร็วและวิ่งเหยาะ ๆ ไปตามทาง
ชาติที่แล้วเขามีนิสัยชอบวิ่งในตอนเช้า ทว่าตั้งแต่เกิดใหม่ เขาไม่เคยไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าเลย
ครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรถจี๊ปของเขาจอดอยู่ที่โรงงานผลิตเครื่องปรุง เขาอาจจะขับรถไปเลยก็ได้
หลังจากวิ่งไปได้สักพัก เขาก็รู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างไม่น่าเชื่อ มันคือความมีชีวิตชีวาที่เกิดจากการออกกำลังกาย
“บางที ฉันอาจจะตามใจตัวเองมากเกินไปตั้งแต่เกิดใหม่ ! ”
ขณะที่เขาวิ่ง เขาก็คิดกับตัวเองและตัดสินใจว่าต่อไปนี้หลังจากตื่นนอน เขาจะออกมาวิ่งออกกำลังกายทุกวัน
น่าเสียดายที่ภรรยาของเขากำลังตั้งท้อง เธอจึงไม่สามารถมาวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าด้วยได้
“แต่สามารถพาชานชานมาวิ่งด้วยได้นี่นา ! ”
เขารักลูกสาวของเขามากจนไม่กล้าส่งเธอไปโรงเรียนอนุบาลก่อนเวลาด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังหวังว่าจะพาเธอไปวิ่งในตอนเช้า
การวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าไม่เพียงแต่ช่วยให้มีสุขภาพดีเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นยังเป็นการสอนวินัยให้ลูกสาวของเขาได้อีกด้วยขารีบปลอบใจตัวเอง
ระยะทาง 4 กิโลเมตร เขาและเหรินฉางเซี่ยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการเดินเมื่อคืนนี้ แต่เช้านี้เขาวิ่งไปตลอดทาง และใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ตอนที่เขาตกแต่งห้องทำงาน เขาได้สั่งทำห้องนั่งเล่นและห้องน้ำอยู่ภายในด้วย เขาอาบน้ำเสร็จก็ขับรถไปคืนให้เหรินฉางเซี่ยด้วยความรู้สึกสดชื่น
“วันนี้คุณอารมณ์ดีจังเลยนะ ! ” เหรินฉางเซี่ยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ไม่มีวันไหนที่ผมอารมณ์ไม่ดี อย่าลืมคุยกับอธิการเจิ้งและผู้บังคับการการเมืองสวีเกี่ยวกับโรงเรียนสอนขับรถด้วยนะครับ”
เหรินฉางเซี่ยยิ้มและพูดว่า “คุณไม่ได้ตั้งใจจะเอารถมาคืนฉันหรอก เห็นได้ชัดว่าคุณมาที่นี่เพื่อทวงงาน”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ
เหรินฉางเซี่ยกล่าวว่า “เอาล่ะ ฉันจำได้ แต่คุณควรคุยกับรองนายกเทศมนตรีจางให้ดี แต่ฉันคิดว่ารองนายกเทศมนตรีจางคงตัดสินใจเรื่องนี้เองไม่ได้เหมือนกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผู้นำคนหนึ่งเคยพูดไว้ว่าเราควรรู้จักคลำหินข้ามแม่น้ำ เรื่องบางเรื่องเราต้องลองทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผมเชื่อว่าถึงแม้รองนายกเทศมนตรีจางจะไม่สามารถตัดสินใจเองได้ แต่เรื่องนี้จะต้องมีความหวังแน่นอนถ้าได้รับการผลักดันจากเขา”
เหรินฉางเซี่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “ฉันมีข้อมูลบางอย่างที่จะเผยให้คุณรู้ ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่ขาดแคลนคนขับรถ แต่หน่วยงานของรัฐบางแห่งที่ซื้อยานพาหนะแล้วก็ยังขาดแคลนคนขับรถ คุณสามารถบอกเรื่องนี้กับรองนายกเทศมนตรีจางได้เช่นกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกดีมาก
เหรินฉางเซี่ยส่งเจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่โรงงานผลิตเครื่องปรุงรสและไปทำงาน เจียงเสี่ยวไป๋กินบะหมี่ในโรงอาหารแล้วกลับไปที่ห้องทำงานของเขา
เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหารองนายกเทศมนตรีจาง
“สวัสดีตอนเช้า ท่านผู้นำ ผมเจียงเสี่ยวไป๋”
“หายากมากที่คุณโทรหาฉันในตอนเช้า มีธุระอะไรล่ะ ? ” รองนายกเทศมนตรีจางพูดแซวเขามาจากปลายสาย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ คุณจะให้ผมไปหาตอนนี้หรือไปหาทีหลังดีครับ ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “วันนี้ฉันไม่ว่าง คุณมาพรุ่งนี้ได้ไหม ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบกลับทันทีว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง พรุ่งนี้ผมจะไปเจียงเฉิง ผมขอเวลาคุณสักหนึ่งชั่วโมงได้ไหม แค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
รองนายกเทศมนตรีจางหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “คุณคิดว่าฉันว่างเหมือนคุณหรือไง ? ตารางงานของฉันถูกวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว คุณมาขอแทรกตารางงานฉันแบบนี้ จะให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมงได้อย่างไร ? ”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง รองนายกเทศมนตรีจางก็พูดต่อ “เอาล่ะ ถ้าคุณรีบมาตอนนี้ ฉันให้เวลาคุณ 10 นาที เพราะฉันมีประชุมในอีก 20 นาที”
เจียงเสี่ยวไป๋ดูกังวลเล็กน้อยและพูดว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง ผมไม่สามารถพูดคุยทุกเรื่องได้ภายใน 10 นาที คุณไปประชุมก่อนเถอะ แล้วผมจะไปรับคุณมาทานอาหารกลางวัน ผมจะทำเมนูพิเศษให้คุณกิน มันคือปากปลาหม้อไฟ เมนูนี้คุณไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน เราค่อยพูดคุยกันระหว่างกินก็ได้”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
“โอเค ไม่ต้องมารับฉัน บอกสถานที่มา ฉันจะไปถึงตอน 11.30 น.”
”ถ้าอย่างนั้นไปที่ถนนชิงโจว ไปที่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง เราจะพูดคุยกันที่ห้องอาหารส่วนตัวด้านในสุด”
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เยี่ยมมาก มาทำปากปลาหม้อไฟกันอีกรอบ
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว เขาเดินออกจากห้องทำงานและมุ่งหน้าไปที่ตลาด