ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 314 เดินเล่นไปตามถนนชิงโจว
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 314 เดินเล่นไปตามถนนชิงโจว
ตอนที่ 314 :เดินเล่นไปตามถนนชิงโจว
“การจัดตั้งโรงเรียนสอนขับรถร่วมกับกองบังคับการจราจรนั้นเทียบเท่ากับการมีหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของคุณ และคุณยังได้รับผลประโยชน์ส่วนใหญ่อีกด้วย”
“แต่สำนักงานความมั่นคงสาธารณะขาดเงินทุนไม่ใช่หรือ ? ”
“ด้วยรายได้จากโรงเรียนสอนขับรถ คุณสามารถแก้ไขปัญหาด้านการเงินของหน่วยงานคุณได้”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงโน้มน้าวอย่างช้า ๆ โดยเต็มใจที่จะสละผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจบางส่วนไปเพื่อโน้มน้าวใจเหรินฉางเซี่ย
ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว เพราะระบบปัจจุบันเป็นคนกำหนด
ถ้าไม่มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนขับรถ ด้วยจดหมายแนะนำของบริษัทเอกชนของเขาเพียงอย่างเดียว คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์สมัครสอบใบขับขี่ได้
ในกรณีนั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะการขับรถ แต่พวกเขาก็จะไม่มีคุณสมบัติขับรถ
เหรินฉางเซี่ยเริ่มเกิดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เพราะเมื่อมีการจัดตั้งโรงเรียนสอนขับรถ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนทั่วไป แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เขาไม่กล้าตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว
“โดยส่วนตัวแล้ว ฉันสนับสนุนเรื่องนี้ แต่ว่า……”
“คุณเลิกพูดคำว่า ‘แต่’ เถอะ” เหรินฉางเซี่ยยังพูดไม่จบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ขัดจังหวะเขาแล้ว “พรุ่งนี้คุณลองไปคุยกับอธิบดีเจิ้งปิงอี้และผู้บังคับการเมืองสวีเซี่ยงตง ส่วนผมจะไปพบรองนายกจางเพื่อพูดคุยเรื่องนี้”
“เรื่องนี้จะต้องทำให้สำเร็จ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ดูมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ตกลง ! ฉันจะทำให้ดีที่สุด ! ” เหรินฉางเซี่ยพูดอย่างช่วยไม่ได้
จากนั้น ทั้งสองคนก็ดื่มและสูบบุหรี่ ขณะคุยเรื่องรายละเอียดการจัดตั้งโรงเรียนสอนขับรถ พวกเขาพูดคุยกันจนกระทั่งเหมาไถสองขวดหมด แม้แต่อาหารในหม้อและจานก็หมดเกลี้ยง
เนื่องจากเหรินฉางเซี่ยดื่มไปเยอะ เจียงเสี่ยวไป๋จึงไม่ให้เขาขับรถกลับ เขายึดกุญแจของเหรินฉางเซี่ยและบอกว่าพรุ่งนี้จะให้คนขับรถไปส่งที่บ้านของเขา
“คุณมีเหตุผล ! ”
“เอาล่ะ ฉันจะฟังคุณ ไม่ขับก็ไม่ขับ ! ” เหรินฉางเซี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในช่วงเวลานี้ ยังไม่มีกฎหมายที่เข้มงวดในการควบคุมการเมาแล้วขับ
การห้ามขับรถหลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีการกำหนดไว้ในมาตรา 26 ของ “ข้อบังคับการจัดการจราจรทางถนน” ที่ออกโดยสภาแห่งรัฐเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ปี 1988 อย่างไรก็ตาม ไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับวิธีการลงโทษบุคคลที่ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับ มีเพียงบทลงโทษเฉพาะผู้ที่เมาแล้วขับเท่านั้น
จนกระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม ปี 2011 ประเทศจีนเริ่มใช้บทลงโทษทางอาญาสำหรับกรณีเมาแล้วขับ
ดังนั้น แม้ว่าเหรินฉางเซี่ยจะเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ แต่เขาก็ไม่ตระหนักถึงเรื่องเมาแล้วขับมากนัก ในทางกลับกัน เจียงเสี่ยวไป๋ผู้ที่เกิดใหม่กลับให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
“ไปเถอะ ผมจะเดินไปกับคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดพร้อมกับยื่นบุหรี่ให้กับเหรินฉางเซี่ย พวกเขาจุดบุหรี่แล้วออกเดิน
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ตั้งใจจะเดินไปส่งเหรินฉางเซี่ยถึงบ้านพัก เนื่องจากบ้านของเหรินฉางเซี่ยอยู่ที่ถนนชิงหยวน ซึ่งเป็นบ้านพักเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตำรวจ ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋จะเดินไปทางถนนชิงโจว ดังนั้นพวกเขาจึงเดินไปทางเดียวกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเสี่ยวไป๋ใช้เวลายามค่ำคืนในเมืองชิงโจวหลังจากที่เขาเกิดใหม่ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินไปตามบนถนนด้วย
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองชิงโจวในชีวิตก่อนหน้านี้ ทุกคืนเมืองจะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟนีออน รถยนต์ไหลเหมือนสายน้ำ และค่ำคืนในเมืองก็ดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าตอนกลางวัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีแสงนีออนหลากสีสันให้เห็น และไฟตามถนนชิงซานก็เบาบาง ทำให้บริเวณนี้ดูมืดมาก
แม้ว่าจะมียานพาหนะสัญจรไปมาบนถนนบ้างเป็นครั้งคราว แต่แทบจะไม่มีคนเดินเท้าเลย บรรยากาศในยามนี้จึงเงียบเหงาและว่างเปล่า เทียบไม่ได้กับยามค่ำคืนของถนนในชนบทของโลกยุคหลังด้วยซ้ำ
ถ้าเขาไม่ได้สัมผัสกับตัวเอง เขาคงไม่เชื่อว่าประเทศจีนจะสร้างเมืองสมัยใหม่ที่สามารถเทียบเคียงมหานครของประเทศที่พัฒนาแล้วได้ในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษ
“ผู้กองเหริน คุณเชื่อไหม อีกสิบปีต่อจากนี้ไป จะมีอาคารสูงอยู่ทุกหนทุกแห่ง แสงไฟหลากสีสันจะส่องสว่างในเมืองให้สว่างราวกับตอนกลางวัน และรถยนต์ทุกประเภทจะขับเรียงรายกันเหมือนมังกร……”
เจียงเสี่ยวไป๋ดื่มไปเล็กน้อย ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความคิดที่อัดแน่นอยู่ในใจออกมาบ้าง เขาชี้ไปยังถนนที่รกร้างตรงหน้าแล้วพูดเสียงดังออกมา
เหรินฉางเซี่ยหลุดขำออกมา “น้องชาย คุณดื่มมากเกินไปหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม แม้ว่าเขาจะพูดความจริง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเขา
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจทันทีว่าทำไมผู้คนมากมายถึงชอบดื่ม เพราะเมื่อพวกเขาดื่ม เมาแล้วพวกเขาก็สามารถเป็นตัวของตัวเองได้
เมื่อคุณดื่ม ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร คนอื่นก็จะมองว่ามันเป็นคำพูดของคนเมา
ไม่ว่าคุณจะทำอะไร คุณก็สามารถโทษว่าเป็นเพราะเมาได้
ช่างเป็นข้อแก้ตัวที่ง่ายดายจริง ๆ !
เขายื่นบุหรี่ให้กับเหรินฉางเซี่ย แล้วจุดบุหรี่สูบเองด้วยเช่นกัน สูดควันออกมาราวกับว่าเขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ที่กักขังออกมามากมาย ทำให้เขารู้สึกตัวเบาลงมาก เขาพูดช้า ๆ “คุณก็คิดเสียว่าผมดื่มมากเกินไปเลยพูดเรื่องไร้สาระแล้วกัน”
เหรินฉางเซี่ยเป็นคนดื่มเก่ง พอถึงตอนนี้เขาก็เริ่มสร่างเมาแล้ว
เขาไม่เคยเห็นเจียงเสี่ยวไป๋เป็นแบบนี้มาก่อน และอดไม่ได้ที่จะกังวลเล็กน้อย เขาจึงถามว่า “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ? ”
“ผมจะเป็นอะไรได้ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว “ไปกันเถอะ หนทางยังอีกยาวไกล ! ”
ทั้งสองเดินต่อไปตามถนนชิงซาน มุ่งหน้าไปยังใจกลางเมือง
ถนนชิงซานห่างจากถนนชิงโจวประมาณ 4 กิโลเมตร และพวกเขาไม่ได้เดินเร็วนัก เนื่องจากดื่มแอลกอฮอล์มา เจียงเสี่ยวไป๋ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงหอพักพนักงาน
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว พนักงานส่วนใหญ่จึงปิดไฟและเข้านอนแล้ว
“ปัง ปัง ปัง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เคาะประตูไม้ห้องที่เจียงเสี่ยวเหลยพัก
“ใครน่ะ ? ”
ดูเหมือนเจียงเสี่ยวเหลยจะยังไม่หลับ เขาถามอย่างเกียจคร้านแล้วเดินไปที่ประตู
“พี่ ! ”
“พี่มาได้ยังไง ? ”
เมื่อเปิดประตูและเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงเสี่ยวเหลยก็ถามด้วยความประหลาดใจ
“ฉันมาไม่ได้หรือ ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์
เจียงเสี่ยวเหลยยิ้มเจื่อนและพูดว่า “ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่แปลกใจ”
ขณะที่พูด เขาก็หันข้างให้เจียงเสี่ยวไป๋เข้าไปในห้อง
หอพักพนักงานเป็นห้องสำหรับสี่คน ในตอนแรก เจียงเสี่ยวไป๋ได้จำลองมันตามแผนผังหอพักของมหาวิทยาลัยในอนาคต เขาขอให้ช่างไม้ถานทำเตียงสองชั้นจำนวน 2 เตียงในแต่ละห้อง โต๊ะเดี่ยวพร้อมลิ้นชัก 4 ตัว และโต๊ะสำหรับวางสิ่งของบางอย่าง
ห้องนี้มีคนพักแค่ 2 คนเท่านั้น คือเจียงเสี่ยวเหลยและหวังเจี้ยน
“พี่ใหญ่ ! ”
หวังเจี้ยนหลับไปแล้ว แต่อาจเป็นเพราะเสียงเคาะประตูที่ปลุกเขาให้ตื่น หลังจากที่เห็นเจียงเสี่ยวไป๋เข้ามาในห้อง เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วอุทานออกมาด้วยความตกใจ
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับพลางพูดว่า “นอนต่อเถอะ”
หวังเจียนขยี้ตาแล้วถามว่า “ไม่เป็นไร พี่ใหญ่ วันนี้พี่ไม่กลับบ้านหรือ ? ”
สายตาของเจียงเสี่ยวไป๋กวาดไปทั่วห้องแล้วพูดว่า “ไม่ คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่”
เจียงเสี่ยวเหลยพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็นอนเตียงผมแล้วกัน ผมจะไปนอนกับหวังเจี้ยน”
แม้ว่าในห้องจะมีสี่เตียง แต่ที่นอนชั้นบนเป็นเพียงแผ่นไม้ ไม่มีผ้าปูที่นอนหรือผ้าห่ม
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่จำเป็น แค่เช็ดไม้กระดานด้านบนให้หน่อย ฉันก็นอนได้แล้ว”
ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีผ้าห่ม
อีกอย่าง การให้เจียงเสี่ยวเหลยและหวังเจี้ยนนอนเตียงเดียวกัน พวกเขาคงจะอึดอัดไม่น้อย
“ผมเช็ดให้ ! ”
หวังเจี้ยนลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบผ้าขี้ริ้วแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ พี่นอนบนเตียงของผมดีไหม ให้ผมนอนบนพื้นไม้เอง”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไร เขาหันไปพูดกับเจียงเสี่ยวเหลยว่า “เสี่ยวเหลย นายช่วยไปเรียกเสี่ยวชิงมาให้ฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”
“อื้ม”
เจียงเสี่ยวเหลยตอบรับ และไปที่หอพักหญิง
หลังจากผ่านไปราว 7-8 นาที เจียงเสี่ยวเหลยก็กลับมาพร้อมกับเจียงเสี่ยวชิง
“พี่รอง นี่มันดึกแล้ว พี่มีอะไรหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวชิงที่เพิ่งตื่นยังดูงัวเงียเล็กน้อย ขณะที่เธอถามก็อ้าปากหาวไปด้วย