ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 311 เปลี่ยนไปตามบทบาทที่ทำ
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 311 เปลี่ยนไปตามบทบาทที่ทำ
ตอนที่ 311 :เปลี่ยนไปตามบทบาทที่ทำ
พ่อครัวหลิวได้ยินเสียงของเจียงเสี่ยวไป๋จึงเดินออกจากครัว เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองคุยกัน จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พวกคุณสองคนรู้จักกันหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ใช่ เรารู้จักกันมาก่อนแล้ว เราเป็นเพื่อนกัน ! ”
จางชุ่ยฮวารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในความเป็นจริง เธอกับเขาเคยพบกันเพียง 5 ครั้งเท่านั้น อีกทั้ง 4 ครั้งแรกยังเป็นเพราะเจียงเสี่ยวไป๋ขอยืมและนำรถจักรยานมาคืนเธอ และครั้งล่าสุดคือตอนที่เธอนั่งรถสามล้อพ่วงข้างของเจียงเสี่ยวไป๋เข้าเมือง เธอไม่คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะบอกว่าเธอเป็นเพื่อนของเขา
คำว่า ‘เพื่อน’ ฟังดูดีมากจริง ๆ
แต่ถ้าเลื่อนระดับไปอีกนิดก็จะดีมาก เช่น เลื่อนเป็น ‘แฟน’ อะไรแบบนั้น !
แต่แล้วเธอก็รีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากใจ ใบหน้าของเธอแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “คุณมาหาลุงของฉันใช่ไหม ? งั้นพวกคุณสองคนคุยกันไปนะ ฉันจะทำผักดองต่อแล้ว ! ”
จากนั้น เธอก็ก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับการทำผักดองของตัวเอง
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่เข้าใจกับปฏิกิริยาของเธอ เขาแค่พูดว่าเธอเป็น ‘เพื่อน’ เท่านั้น จำเป็นต้องเขินขนาดนี้เลยหรือ ? แถมยังหน้าแดงด้วย !
เขาส่ายหัวแล้วพูดกับพ่อครัวหลิวว่า “ฉันแค่แวะมาดู ขอตัวก่อนนะ ! ”
เขาเดินออกจากโรงอาหารของพนักงานและเดินตรงไปยังห้องฝึกอบรมพนักงานขับรถบรรทุก
……
“สิ่งที่สำคัญที่สุดของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนคือการยิ้ม”
“ประสบการณ์บอกผมว่ารอยยิ้มเป็นต้นทุนที่ต่ำที่สุดในการสร้างปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ เพียงแค่ยิ้ม คุณก็สามารถสร้างความประทับใจที่ดีให้กับผู้อื่นได้”
“ไม่มีใครอยากเห็นคนที่ทำหน้าขึงขังตลอดเวลาหรอกนะ”
“จำไว้ว่าพวกคุณมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อทำให้พวกเขาไม่พอใจ ถ้าคุณทำหน้าปั้นหน้าบึ้งตึง ใครจะไปอยากมองพวกคุณ ? ”
“ขณะเดียวกัน รอยยิ้มก็เป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่สวยงามที่สุด ดังคำกล่าวที่ว่า อย่าตีคนที่มอบรอยยิ้มให้ อย่าด่าคนที่มอบของขวัญให้คุณ……”
“……”
ภายในห้องฝึกอบรม โหยวโย่หยูกำลังอธิบายหลักการสื่อสารระหว่างบุคคลอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนฟังสักพัก เขาคิดว่าสิ่งที่โหยวโย่หยูพูดนั้นสมเหตุสมผล พนักงานขับรถจะได้ใช้ทักษะนี้ตอนวิ่งรถแน่นอน
“โดยเฉพาะพวกคุณ ! ”
โหยวโย่หยูชี้ไปที่จู้ตงเฟิง เฮ่อหานและพนักงานขับรถคนอื่น ๆ ที่เป็นทหารปลดประจำการ แล้วพูดว่า “พวกคุณทุกคนเคยเป็นทหารมาก่อน แต่ละคนต่างทำสีหน้าเคร่งขรึม หากพูดให้ดูดีหน่อยก็คือดูมีอำนาจ แต่หากพูดให้ไม่น่าฟังหน่อยก็คือมันดูเหมือนเด็ก”
“ฉันแน่ใจว่าพวกคุณบางคนอาจจะไม่ชอบในสิ่งที่ฉันพูด”
ทันทีที่เขาพูดจบ จู้ตงเฟิงก็ยกมือขึ้นเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยและถามว่า “คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าเราเหมือนเด็ก ? ”
โหยวโย่หยูยิ้มและพูดว่า “ถ้าคุณไม่เป็นเด็ก คุณจะถามคำถามเด็ก ๆ แบบนี้ไหม ? ”
“งั้นฉันจะบอกให้พวกคุณรู้ก็แล้วกันว่าทำไมฉันถึงพูดแบบนั้น ? ”
“พวกคุณอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีบทบาทอะไร และมีสถานะอะไร ! ”
โหยวโย่หยูจ้องมองไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์ “ใช่ เมื่อคุณอยู่ในกองทัพ คุณต้องรักษามาดเคร่งขรึมเอาไว้ก็จริง แต่ตอนนี้รบกวนพวกคุณช่วยสัมผัสไหล่ของคุณ ตรวจสอบปลอกคอเสื้อของคุณ คุณยังมีอินทรธนูและตราสัญลักษณ์ยศอยู่หรือไม่ ? ”
“บทบาทนั้นมันจบลงแล้ว ! ”
“พวกคุณไม่ใช่ทหารอีกต่อไป ! ”
“ตอนนี้พวกคุณเป็นพนักงานขับรถบรรทุก และเป็นตัวแทนของบริษัทโลจิสติกส์ ! ”
“ขนาดบทบาทของพวกคุณเปลี่ยนไปแล้ว แต่พวกคุณก็ยังไม่ได้ตระหนักรู้ หรือว่าแบบนี้มันไม่เหมือนเด็ก ? ”
“มีคนบอกว่า เราควรรักสิ่งที่เราทำและทุ่มเทให้กับงานของเรา”
“เมื่อพวกคุณรับราชการทหารก็ควรทำตัวเหมือนทหาร แต่เมื่อพวกคุณทำงานเป็นพนักงานขับรถและพนักงานขาย คุณก็ควรทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด”
“สิ่งนี้เรียกว่า ‘การเปลี่ยนไปตามบทบาทที่ทำ’ ”
“ฉะนั้นพวกคุณช่วยบอกผมดัง ๆ หน่อย พนักงานขายสามารถปั้นหน้าขึงขังทั้งวันได้ไหม ? ”
“ไม่ได้ ! ”
พวกเขาทั้งหมดรวมถึงจู้ตงเฟิงต่างตอบเสียงดัง
โหยวโย่หยูพยักหน้าด้วยความพอใจ และพูดว่า “ในเมื่อรู้ว่าทำไม่ได้ งั้นก็เปลี่ยนซะ…..” ขณะที่เขาพูด เขาก็กวาดสายตามองไปทั่วห้อง แต่จู่ ๆ เขาก็เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ยืนอยู่ข้างนอก
เขาพยักหน้าเล็กน้อยและพูดต่อโดยไม่ลังเล “เปลี่ยนนิสัยที่ชอบทำหน้าขึงขัง หัดแสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มของคุณ และแสดงท่าทางที่เหมาะกับบทบาทใหม่ของพวกคุณ ! ”
หลังจากพูดสิ่งนี้แล้ว เขาก็หยุดและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“เถ้าแก่เจียง คุณกลับมาแล้ว เข้ามาพูดคุยอะไรสักหน่อยไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ฉันจะไม่เข้าไปแล้ว คุณพูดต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน”
“เอาล่ะ เถ้าแก่เจียง คุณมีอะไรฝากพูดไหม ? ” โหยวโย่หยูถามต่อ
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบว่า “แจ้งให้ทุกคนทราบ หลังจากที่คุณสอนจบแล้ว เวลา 14.00 น. ของวันนี้ ให้ทุกคนไปที่กรมควบคุมการค้า”
“ครับ ! ”
โหยวโย่หยูเห็นด้วยและกลับเข้าไปข้างในเพื่อสอนต่อ
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้อยู่ข้างนอกเพื่อฟังต่อ แต่ขับรถไปที่ร้านโยวผิ่นแทน
เนื่องจากมีการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ทุกวัน และมีการแจกใบปลิวอย่างต่อเนื่อง จึงยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าคิวเพื่อรับเมล็ดแตงโม 5 รสฟรี
แต่เมื่อเทียบกับวันก่อน ๆ ดูเหมือนคนจะเริ่มน้อยลงมาก
หลังจากจอดรถแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เดินไปที่ร้าน
“พี่เสี่ยวไป๋มาแล้ว ! ”
หลี่ลี่เปิดประตูให้เจียงเสี่ยวไป๋และทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“สองสามวันที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถามอย่างสบาย ๆ หลังจากเข้ามา
หลี่ลี่ปิดประตูแล้วตอบว่า “คนมารับเมล็ดแตงโมน้อยกว่าเมื่อสองสามวันก่อนเล็กน้อย แต่มีคนซื้อมากขึ้น เมื่อวานก่อนเราทำยอดขายมากกว่า 800 หยวน ส่วนเมื่อวานมากกว่า 900 หยวน และวันนี้น่าจะมากกว่านี้อีก หวังว่าเราจะทำยอดขายทะลุหลักพันได้”
“เยี่ยมมาก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชื่นชม
หลี่ลี่ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “เมื่อวานมีลูกค้าคนหนึ่งแซ่เหวิน เขาซื้อเมล็ดแตงโม 5 รสไปคราวเดียว 10 ถุง และก็ขอเบอร์โทรศัพท์ของพี่ แต่ฉันให้เบอร์โทรศัพท์สำนักงานของโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสให้เขาไป”
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”
จู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อวานถึงมีคนแซ่เหวินโทรหาเขา
หลี่ลี่ถามอย่างตื่นเต้นว่า “พี่ คุณเหวินคนนั้นวางแผนที่จะเปิดแฟรนไชส์ร้านโยวผิ่นของเราหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวแล้วพูดว่า “เขาโทรมา แต่ฉันไม่ว่าง ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ ? ”
หลี่ลี่อธิบายว่า “เพราะฉันพบเขาขณะแจกใบปลิวที่โรงภาพยนตร์ เขาถามฉันเกี่ยวกับเมล็ดแตงโม 5 รสและยังขอซื้อไปจำนวนมาก ดังนั้นฉันจึงคิดว่าเขาอาจอยากเปิดร้านแฟรนไชส์”
“เป็นไปได้ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วย
เขากล่าวต่ออีกว่า “เธอทำได้ดีมาก ถ้าเขาเปิดแฟรนไชส์ของเราจริง ๆ ฉันจะให้โบนัสเธอ ! ”
“ขอบคุณพี่เสี่ยวไป๋ ! ”
หลี่ลี่พูดอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวเสริมว่า “สร้างผลงานให้กับบริษัทก็ต้องได้รับรางวัลตอบแทน ตั้งใจทำผลงานต่อไปนะ และหากในอนาคตเจอเรื่องแบบเดียวกันนี้ ก็อย่าลืมรวบรวมข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียดล่ะ”
ครั้งนี้พวกเขารู้เพียงว่าลูกค้าที่สนใจแฟรนไชส์คือคนแซ่เหวิน แต่ไม่มีข้อมูลอื่น จึงไม่สามารถติดต่อเขาได้ พวกเขาทำได้แค่รอให้ลูกค้าคนนั้นติดต่อมาเท่านั้น
แบบนี้ทำให้พวกเขาต้องเป็นฝ่ายรอ
แต่เรื่องนี้ไม่สามารถตำหนิหลี่ลี่ได้เช่นกัน เนื่องจากเธอไม่มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน
แค่เธอคาดการณ์ว่าลูกค้าอาจสนใจแฟรนไชส์ก็แสดงให้เห็นว่าเธอเอาใจใส่และกระตือรือร้นในการทำงานแค่ไหน ถึงแม้ว่าเธอจะค่อนข้างใหม่กับเรื่องเหล่านี้ก็ตาม
หากฝึกฝนเธอไปเรื่อย ๆ ในอนาคตเธอจะกลายเป็นผู้ช่วยมือดีคนหนึ่งเลย
“เข้าใจแล้วพี่เสี่ยวไป๋ ฉันจะจำไว้ให้ขึ้นใจ”
หลี่ลี่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ เขาตั้งใจจะฝึกฝนน้องสาวคนนี้ให้ดี จึงพูดว่า “เดี๋ยวฉันจะไปต่างเมืองสักสองสามวัน ไม่ได้เข้าร้าน ฝากเธอดูแลร้านด้วยนะ”
หลี่ลี่พยักหน้ารับอย่างมีความสุข
หลังจากให้คำแนะนำแก่เธอแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้อยู่ต่อ เขาขับรถกลับไปที่สำนักงานของโรงงานผลิตเครื่องปรุงรส