ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 300 ชั้นเรียนฝึกอบรมพนักงานขับรถ
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 300 ชั้นเรียนฝึกอบรมพนักงานขับรถ
ตอนที่ 300 :ชั้นเรียนฝึกอบรมพนักงานขับรถ
จากนั้น เฝิงเจียเหอก็เล่าให้เขาฟังทันทีถึงเรื่องที่เฝิงเยี่ยนหงไปคุยกับเขาที่บ้านเมื่อคืนนี้
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยิน ในใจก็แอบยกนิ้วชมเฝิงเยี่ยนหง
เขาพูดอย่างดีใจว่า “พี่เจียเหอ ถ้าพี่เต็มใจ ผมก็ยินดีต้อนรับพี่”
เฝิงเจียเหอดีใจมาก “งั้นวันนี้ฉันจะไปทำเรื่องพักงานโดยไม่รับค่าจ้าง คาดว่าน่าจะปลีกตัวจากสถานีมาได้สักสิบกว่าวัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าเห็นด้วย เวลาสิบกว่าวันกำลังดีเลย
หลังจากที่เฝิงเจียเหอกลับไปแล้ว ชายร่างสูงคนนั้นก็เดินเข้ามาหาเขาและพูดว่า “สวัสดีเถ้าแก่เจียง ผมชื่อโหยวเจิ้ง มาสมัครเป็นพนักงานขับรถครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ แล้วพูดว่า “ยินดีต้อนรับ ต่อไปนี้เรียกฉันว่าผู้ช่วยเจียงก็พอแล้ว”
“ครับ เถ้าแก่เจียง ! ”
โหยวเจิ้งพูดอย่างเคารพ
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะพลางกล่าวว่า “ทำไมคุณถึงเหมือนกับพี่ชายของคุณนักนะ”
โหยวเจิ้งกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชายผมบอกว่าหากอยากเข้ากับทุกคนได้ง่าย เราก็ต้องหน้าด้านหน้าทนก่อนครับ”
“พี่ชายคุณพูดถูก”
เจียงเสี่ยวไป๋ชื่นชม เขาคิดว่าสองพี่น้องโหยวโหย่วหยูและโหยวเจิ้งเป็นคนที่น่าสนใจ จึงพูดว่า “พี่ชายของคุณบอกว่าคุณขับรถได้ คุณขับรถมานานแค่ไหนแล้ว ? ”
โหยวเจิ้งเกาหัว แล้วพูดด้วยสีหน้าเก้ ๆ กัง ๆ ว่า “พี่ชายบอกว่าถ้าเถ้าแก่เจียงถามอะไร ให้ตอบตามความเป็นจริง ผมไม่ขอปิดบังเถ้าแก่เจียงแล้วกัน แม้ว่าผมจะเคยเป็นทหารผ่านศึกมาก่อน แต่เมื่อก่อนผมขับรถไม่เป็น วันนั้นพี่ชายมาหาผม แล้วบอกให้ผมไปเรียนขับรถ ตอนนี้ผมฝึกขับรถกับเขาทุกเย็น กระทั่งขับเป็นแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้
ที่โหยวโหย่วหยูบอกว่าน้องชายของเขาขับรถได้ แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะเขาสอนน้องชายเขาให้ขับเป็นอย่างฉับพลันนี่เอง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและไม่สนใจมากนัก เขาชี้ไปยังหลินเจียอินแล้วพูดว่า “เอาล่ะ คุณไปกรอกใบสมัครที่ผู้จัดการหลินก่อน” จากนั้น เขาก็ชี้ไปยังอีกด้านของประตูใหญ่ “กรอกใบสมัครเสร็จแล้วก็มารับการฝึกอบรม”
“ขอบคุณครับเถ้าแก่เจียง ! ”
โหยวเจิ้งขอบคุณแล้ว ก็รีบหันไปทักทายหลินเจียอิน “สวัสดี ผู้จัดการหลิน ! ” จากนั้น เขาก็เดินตามเธอเข้าไปในห้องทำงานเพื่อกรอกแบบฟอร์มสมัคร
เจียงเสี่ยวไป๋พาคนที่เหลืออีก 17 คนเดินไปที่ห้องทางด้านซ้ายของประตูใหญ่
เขาเตรียมสถานที่นี้ไว้สำหรับสถานีตำรวจ เขาวางแผนที่จะสร้างสถานีป้องกันร่วมระหว่างตำรวจและโรงงาน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตอนนี้โรงงานผลิตเครื่องปรุงรสยังคงเป็นโรงงานชั่วคราว และมีพนักงานทำงานน้อย เขาจึงยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ
ตอนนี้ห้องนี้ว่าง สามารถนำมาเป็นสถานที่ฝึกอบรมได้
ทั้งกระดานดำ ชอล์กและเก้าอี้ในห้อง รวมถึงปากกาและสมุดบันทึกล้วนถูกเฉินซินจัดเตรียมขึ้นตามสั่งของเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋ขอให้พนักงานขับรถเหล่านี้นั่งลงแล้วพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกคุณถูกจ้างงานอย่างเป็นทางการแล้ว ผมได้จัดชั้นเรียนฝึกอบรมพนักงานขับรถบรรทุกให้แก่พวกคุณ เพื่อสอนความรู้ทางการเงิน การจัดซื้อและทักษะการขาย”
เขายิ้มและพูดต่ออีกว่า “พวกคุณยังคงได้รับเงินเดือนขณะฝึกอบรม ไม่ว่าในอนาคตพวกคุณจะรับจ็อบเสริมของบริษัทหรือไม่ แต่การเรียนรู้ความรู้บางอย่างเป็นเรื่องดีเสมอ ฉะนั้นพวกคุณต้องตั้งใจเรียนรู้ให้ดีก่อนจะออกสนามจริง”
ทุกคนต่างฟังอย่างเงียบ ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงพูดต่ออีกว่า “เพื่อความสะดวกในการเรียนและรับการฝึกอบรม พวกคุณจะได้กินอาหารทั้ง 3 มื้อในโรงอาหารของโรงงานผลิตเครื่องปรุงรส หอพักพนักงานของพวกคุณอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ หลังจากเลิกงานในตอนเย็นแล้ว เฉินซินจะรับหน้าที่พาพวกคุณไปที่หอพักพนักงาน”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เฉินซินก็พาเปากันฉวนมาถึงห้องอบรมแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋เรียกให้ทั้งสองเข้ามาในห้อง จากนั้นก็แนะนำเปากันฉวนให้พนักงานขับรถทุกคนรู้จัก “นี่คือครูเปาที่ทางเราเชิญมา เขาจะสอนความรู้และทักษะในการจัดซื้อให้พวกคุณ ทุกคนปรบมือต้อนรับเขากัน ! ”
แปะ แปะ แปะ……
เสียงปรบมือดังขึ้น
เปากันฉวนดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกของเขาในฐานะครู เมื่อวานตอนที่เมิ่งเสี่ยวเป่ยบอก เขาเองก็ยังอึ้งอยู่พักหนึ่ง
ตอนแรกเขาคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋มาบอกด้วยตนเอง เขาจึงต้องตอบตกลง
เขาถึงกับใช้เวลาทั้งคืนเตรียมตัวมาอย่างดี
“สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเปากันฉวน ทำงานเป็นหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ในโรงงานฟิล์มพลาสติก งานในหน้าที่ของฉันยังรวมถึงงานจัดซื้อด้วย วันนี้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มาพูดคุยกับทุกคน พวกคุณเรียกฉันว่าเหล่าเปาก็ได้”
เปากันฉวนทักทายทุกคน
เจียงเสี่ยวไป๋แนะนำเฉินซินให้ทุกคนรู้จักต่อ “นี่คือเฉินซิน ในระหว่างการฝึก เธอจะเป็นหัวหน้าทีมของคุณ หากพวกคุณมีคำถามใด สามารถสอบถามเธอได้”
“หัวหน้าหรือคะ ? ”
เฉินซินเงอะงะไปครู่หนึ่ง เธอแค่พาเปากันฉวนมาส่งเท่านั้น ทำไมถึงได้กลายเป็นหัวหน้าคลาสเรียนฝึกอบรมไปแล้วล่ะ
จู้ตงเฟิงนำพนักงานคนอื่นปรบมือ แล้วพูดขึ้นว่า “สวัสดีครับหัวหน้าห้อง ! ”
ชายหัวเกรียนคนอื่นต่างพากันปรบมือแล้วพูดขึ้นว่า “สวัสดีครับหัวหน้าห้อง ! ”
การที่ชายชาตรีกลุ่มใหญ่ยอมให้หญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเป็นหัวหน้าชั้นเรียนฝึกอบรม เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋สามารถโน้มน้าวใจฝูงชนได้ดีแค่ไหน
เฉินซินหน้าแดงเหมือนลูกพีชสุกแล้วถามเจียงเสี่ยวไป๋เบา ๆ ว่า “ผู้ช่วยเจียง ฉันก็ต้องเข้าร่วมฝึกอบรมเหมือนกันใช่ไหมคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “หากคุณไม่มีอะไรทำก็เข้ามาฟังได้ แต่ถ้าคุณมีงานก็ไปทำงานของคุณได้เหมือนกัน ฉันให้คุณเป็นหัวหน้าชั้นฝึกอบรมของพวกเขา เพราะอยากให้คุณเข้ามาดูแลการเข้างานและจัดการชีวิตของพวกเขาเป็นหลัก”
“อ้อ ค่ะ ! ”
เฉินซินตอบตกลง ขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกดีใจมาก
“รายงานตัวครับ ! ”
ในตอนนี้เอง โหยวเจิ้งที่กรอกแบบฟอร์มสมัครแล้ว ก็รีบมารายงานตัวที่หน้าประตูห้องอบรม
เจียงเสี่ยวไป๋ให้เขาเข้ามาในห้องแล้ว ก็พูดว่า “ฉันต้องไปเอารถบรรทุก 5 คันกลับมาจากเจี้ยนหยาง มีใครเต็มใจไปด้วยบ้าง ? ”
จู้ตงเฟิงยกมือขึ้นทันที “รายงานผู้ช่วยเจียง ผมยินดีไปครับ”
ตามมาด้วยเฮ่อหาน หยางเสี่ยวหัว ฟู่จั่วอี้ และกัวเป่าเถียนต่างก็พากันยกมือขึ้น
พวกเขาล้วนเป็นทหารผ่านศึกและเต็มไปด้วยพลัง
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างพอใจ “งั้นก็พวกคุณแล้วกัน ! ”
ทั้งห้าคนดีใจมาก กัวเป่าเถียนหันไปกระซิบกับหยางเสี่ยวหัวที่อยู่ข้างกันว่า “ได้ออกวิ่งรถดีกว่าการนั่งฟังอบรมอยู่ที่นี่เป็นไหน ๆ ฉันไม่ชอบเรียนที่สุดแล้ว”
หยางเสี่ยวหัวคิดแบบนั้นเหมือนกัน เขาจึงกระซิบว่า “ฉันก็ด้วย ! ”
พวกเขาทั้งสองไม่รู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋หูดีมาก แม้ว่าพวกเขาจะกระซิบกันเบามาก แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังได้ยินเช่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋กำลังจะพูด จู้ตงเฟิงก็ถามต่ออีกว่า “ผู้ช่วยเจียงครับ งั้นที่ให้เราไปขับรถจากเจี้ยนหยางมาชิงโจว พวกเราจะได้รับเบี้ยเลี้ยงด้วยไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ “ได้”
จู้ตงเฟิงยิ้มกว้างทันที “ดีเหลือเกิน แบบนี้วันนี้ผมก็จะได้ค่าเบี้ยเลี้ยงวิ่งรถแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าที่จู้ตงเฟิงอยากไปเจี้ยนหยางเป็นเพราะอยากได้ค่าเบี้ยเลี้ยงวิ่งรถ
ผู้ชายคนนี้หมกมุ่นอยู่กับเงินหรือเพราะเหตุผลอื่น ?
เขามองจู้ตงเฟิงแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณวิ่งรถ คุณย่อมต้องได้เบี้ยเลี้ยงอยู่แล้ว แต่การฝึกอบรมที่พวกคุณพลาดไป พวกคุณต้องไปเรียนเสริมด้วยตนเอง”
จู้ตงเฟิงไม่ได้กังวลอะไร ขอแค่มีเบี้ยเลี้ยงให้ตอนวิ่งรถก็พอแล้ว
แต่กัวเป่าเถียนและหยางเสี่ยวหัวกลับมีสีหน้าขมขื่น เดิมทีพวกเขาคิดว่าการไปเจี้ยนหยางจะทำให้พวกเขาไม่ต้องเข้าอบรม แต่ใครจะไปรู้ว่าพวกเขายังต้องกลับมาอบรมเสริมด้วย
นี่มันช่างทำดี แต่กลับไม่ได้รับผลดีตอบ
จู้ตงเฟิงและคนอื่นรวมห้าคนจะต้องไปที่เจี้ยนหยางด้วย แต่รถจี๊ปของเจียงเสี่ยวไป๋นั่งได้ไม่พอ ดังนั้นเขาจึงให้เงินจู้ตงเฟิงไป 30 หยวน ให้พวกเขานั่งรถโดยสารไปที่เจี้ยนหยางกันเอง จากนั้นก็นัดพบกันที่หน้าที่ว่าการอำเภอเจี้ยนหยาง
หลังจากเตรียมการแล้ว เขาก็ออกเดินทางไปพร้อมกับหลินเจียอิน เจียงชาน และเจียงถิง
จากที่นี่ไปถึงเจี้ยนหยางมีระยะทางกว่า 60 ลี้ อีกทั้งถนนที่เดินทางไปที่นั่นก็ยังมีสภาพไม่ดีนัก เจียงเสี่ยวไป๋พิจารณาว่าภรรยาของเขากำลังตั้งท้องลูก เขาจึงขับรถอย่างระมัดระวังและใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงกว่าจะถึง
ได้กลับไปที่เจี้ยนหยาง หลินเจียอินดูมีความสุขมาก
“ชานชาน อีกเดี๋ยวก็จะได้เจอคุณตา คุณยายแล้ว ลูกดีใจไหม ? ”
“ดีใจค่ะ ! ”
“แต่หนูว่าหม่าม๊าดูดีใจกว่านะ ! ”
หนูน้อยสังเกตเห็นท่าทีของหม่าม๊า เธอก็พูดออกไปตามตรงโดยไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
“ใกล้ถึงหรือยังคะ ? ”
“หนูอยากเจอพ่อกับแม่เหมือนกัน ! ”
เจียงถิงที่นั่งอยู่ข้างเจียงชานพูดด้วยความตื่นเต้น
หลินเจียอินเห็นว่าลูกสาวไม่สนใจเธอ เธอจึงยิ้มและพูดกับเจียงถิงว่า “ถิงถิง หนูอยากไปบ้านคุณตาคุณยายของชานชานกับพวกป้าไหม ? ”