ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 297 รู้จักไหม ขับขี่อย่างปลอดภัยน่ะ
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 297 รู้จักไหม ขับขี่อย่างปลอดภัยน่ะ
ตอนที่ 297 :รู้จักไหม ขับขี่อย่างปลอดภัยน่ะ
“ครูสอนอะไร ? ”
โหยวโหย่วหยูยังไม่รู้เรื่องที่เจียงเสี่ยวไป๋จะจัดฝึกอบรมให้พนักงานขับรถบรรทุก เขาจึงถามด้วยความสงสัยว่า “เถ้าแก่เจียง หมายถึง……สอนอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบกลับ “สอนพนักงานขับรถบรรทุก”
โหยวโหย่วหยูถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่ง “เถ้าแก่เจียง แม้ว่าผมจะขับรถเป็น แต่ทักษะของผมธรรมดามาก ผมรู้ตัวเองว่าสอนใครขับรถบรรทุกไม่ได้หรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ผมรับสมัครพนักงานขับรถบรรทุก พวกเขาขับรถเป็น คุณไม่ต้องสอนทักษะขับรถให้พวกเขาหรอก”
โหยวโหย่วหยูถามอย่างสงสัยว่า “งั้นผมจะสอนอะไรพวกเขาได้ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม “จุดแข็งของคุณอย่างไรล่ะ สอนพวกเขาว่าควรจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร วิธีทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าอย่างรวดเร็ว วิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คน วิธีสังเกตพฤติกรรมของผู้คนและประจบพวกเขา……”
โหยวโหย่วหยูยิ้มเจื่อน
เจียงเสี่ยวไป๋เดินอารมณ์ดีออกมาจากโรงงานฟิล์มพลาสติก ตอนแรกเขาตั้งใจจะดึงคนมาช่วยฝึอบรมพนักงาน 2 คน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้คนมาช่วยสอนเพิ่มอีก 2 คน
คราวนี้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องจัดฝึกอบรมให้พนักงานขับรถบรรทุกแล้ว
เมื่อคำนวณว่าครั้งนี้ได้รถบรรทุกใหญ่มาทั้งหมด 65 คัน แต่มีคนมาสมัครตำแหน่งพนักงานขับรถเพียง 17 คนเท่านั้น แม้ว่าทหารผ่านศึกที่จะมาถึงในอีก 10 วันจะมีจำนวน 20-30 คน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
และโฆษณารับสมัครพนักงานขับรถบรรทุกที่ให้ลงในหน้าหนังสือพิมพ์ก็ยังไม่มีวี่แววตอบกลับมา
“ในยุคสมัยนี้ การรับสมัครพนักงานขับรถบรรทุกมันยากเย็นขนาดนี้เชียวหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋บ่น ดูเหมือนว่าเขาต้องคิดหาวิธีอื่นแล้ว
เมื่อกลับมาถึงห้องทำงานในโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสแล้ว หลินเจียอินยังคงเมินเขา เจียงเสี่ยวไป๋ได้แต่ยิ้มเจื่อน หลังจากปรับอารมณ์แล้ว เขาก็ไปสอนเด็กน้อยทั้งสองเล่นหมากรุกต่อ
ก่อนหน้านี้เขาสอนการรุกด้วยปืนใหญ่กลางและการป้องกันด้วยม้าหลัง ทั้งสองวิธีนี้เป็นวิธีโจมตีและป้องกันที่มีทิศทางการเดินหมากที่ชัดเจน
ยังมีวิธีการเดินหมากอีกหลากหลายรูปแบบ เช่น ปืนใหญ่กลางข้ามแม่น้ำ รถศึกรุกม้าตั้งฉาก ปืนใหญ่กลางเผชิญเบี้ยม้าสองทาง ปืนใหญ่กลางพาทหารแนว 3 รุกม้าหลัง ปืนใหญ่กลางรุกฆาตม้าหลังและวิธีอื่น ๆ อีกนับสิบวิธี ซึ่งเด็กน้อยทั้งสองเล่นได้เกือบหมดแล้ว
ครั้งนี้เขาเริ่มสอนเทคนิค “เทวดาชี้ทาง”
เทคนิคนี้แตกต่างจากการรุกด้วยปืนใหญ่กลางและการป้องกันด้วยม้าหลัง “เทวดาชี้ทาง” เรียกอีกอย่างว่าการโยนหินถามทาง โดยผู้เล่นจะยังไม่เปิดเผยทิศทางการเดินหมากรุกก่อน แต่จะทดสอบคู่ต่อสู้ด้วยเบี้ยทหารในแนว 3 หรือแนว 7 จากนั้นถึงกำหนดเส้นทางหมากรุกตามการตอบสนองของคู่ต่อสู้
สำหรับรูปแบบการเดินหมากที่สามารถรับมือกับรูปแบบเทวดาชี้ทางได้ โดยทั่วไปแล้วจะมีปืนใหญ่ล่าง ปืนใหญ่กลาง ม้าทะยาน หรืออาจใช้รูปแบบเทวดาชี้ทางเหมือนกันได้
วิธีการยังมีอีกหลากหลาย
เจียงเสี่ยวไป๋มองว่าการสอนหมากรุกและวิธีการเล่นหมากรุกเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือการสอนเด็กสองคนให้คิด ฝึกฝนการสังเกต การคำนวณ และความสามารถอื่น ๆ ผสมผสานหลักการของหมากรุกเข้ากับชีวิต และสร้างความบันเทิงให้พวกเขา
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน
เจียงเสี่ยวไป๋พาหลินเจียอินและชานชานกลับบ้าน เฝิงเยี่ยนหงรอหวังผิงมารับ
จนกระทั่งเวลาเกือบใกล้ช่วง 18.00 น. หวังผิงถึงได้มารับเธอ
“เมียจ๋า วันนี้อยากกินอะไร กลับบ้านไปผมจะทำให้คุณกิน ! ”
ภายใต้การบ่นอย่างต่อเนื่องของเฝิงเยี่ยนหง ในที่สุด หวังผิงก็เรียนรู้ที่จะเรียกเธอว่า ‘เมียจ๋า’ ตามแบบเจียงเสี่ยวไป๋
เฝิงเยี่ยนหงกล่าวว่า: “วันนี้ไม่กินข้าวที่บ้าน เราจะไปบ้านพี่ใหญ่ของฉันกัน”
“ได้ ! ”
หวังผิงตอบตกลงอย่างมีความสุข “ผมไม่ได้ดื่มกับพี่ใหญ่มานานแล้ว คืนนี้จะได้ดื่มกับเขาเสียหน่อย”
เฝิงเยี่ยนหงเอื้อมมือไปบีบหูของหวังผิงทันที “ดื่ม ดื่ม ดื่ม วัน ๆ รู้จักแต่จะดื่ม ทำไมไม่เลียนแบบเจียงเสี่ยวไป๋เขาบ้าง คุณจำได้ไหมว่าเขาพูดว่าอะไร ? เขาบอกว่าถ้าดื่มห้ามขับรถ ถ้าจะขับรถห้ามดื่ม รู้จักไหม ขับขี่อย่างปลอดภัยน่ะ ? ”
หวังผิงร้องโอดโอยขอความเมตตาทันที “โอ๊ย ๆ ผมรู้แล้ว ไม่ดื่มแล้ว ผมไม่ดื่มแล้ว ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ! ”
แล้วเขาก็เริ่มสาปแช่งเจียงเสี่ยวไป๋ในใจ: นายอีกแล้วเสี่ยวไป๋ ! คราวนี้ฉันต้องมาถูกเมียคุมเรื่องดื่มไปด้วยเลย !
เมื่อไปถึง ครอบครัวของเฝิงเจียเหอกำลังกินข้าวเย็น
“สวัสดีครับลุงใหญ่ ! สวัสดีครับป้าสะใภ้ ! ”
หวังกังทักทายทั้งสองอย่างมีมายาท
“สวัสดีครับอาเยี่ยนหง อาเขย ! ”
“สวัสดีค่ะอาเยี่ยนหง อาเขย ! ”
เฝิงเจาหลงกับเฝิงเจาเฟิ่ง ลูกชายและลูกสาวของเฝิงเจียเหอต่างลุกขึ้นทักทายพวกเขา เช่น เฝิงเจียเหอเห็นว่าน้องสาวและน้องเขยมา ก็กล่าวทักทายเช่นกัน “ทำไมไม่บอกกันล่วงหน้าล่ะว่าจะมา” จากนั้น เขาก็หันไปพูดกับเว่ยเหวินเจิน ภรรยาของเขา “คุณไปเตรียมอาหารมาอีก 2 จาน ผมจะดื่มกับหวังผิงสักหน่อย”
“ดื่ม ! ”
เว่ยเหวินเจินขานรับด้วยรอยยิ้ม แล้วหันไปพูดกับหวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงว่า “พวกเธอนั่งพักกันก่อนนะ ฉันทำอาหารไม่นานหรอก เพียงแต่ไม่ได้บอกกันก่อนว่าจะมา เลยไม่ได้ซื้อเนื้อเตรียมไว้ เป็นเมนูผักทั้งหมด อย่าถือสากันเลยนะ”
เฝิงเยี่ยนหงกล่าวว่า “ไม่เป็นไรพี่สะใภ้ พวกฉันมารบกวนพวกพี่ต่างหาก”
เว่ยเหวินเจินพูดตำหนิว่า “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย รีบนั่งลงเร็วเข้า”
หลังจากเรียกให้พวกหวังผิงนั่งลงที่โต๊ะแล้ว เว่ยเหวินเจินก็นำชามและตะเกียบมาให้ 3 ชุด จากนั้นเธอก็รีบเข้าไปทำอาหารในครัว
ภายในห้องโถง เฝิงเจียเหอพูดอย่างดีใจว่า “เฮ้อหยา ไม่ได้ดื่มกับนายมานานแล้ว คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ ! ”
หวังผิงทำหน้าจ๋อย แล้วพูดเสียงสลดว่า “วันนี้ผมขับรถมา ดื่มเหล้าไม่ได้”
เฝิงเจียเหอพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ขับรถหลังจากดื่มมันจะเป็นไร ? ไม่ใช่ว่าไม่เคยขับรถตอนดื่มมาเสียหน่อย เคยมีครั้งไหนที่ประสบอุบัติเหตุบ้างล่ะ ? ไม่ต้องกังวลหรอก วันนี้เราต้องมาดื่มกัน ! ”
หวังผิงก็อยากดื่มเหมือนกัน
แต่ภรรยาไม่อนุญาต เขาจะกล้าดื่มได้อย่างไร !
เขาหันกลับไปมองเฝิงเยี่ยนหง เฝิงเยี่ยนหงจึงพูดขึ้นว่า “พี่ อย่าเพิ่งพูดเรื่องดื่มเลย วันนี้เรามีธุระมาคุยกับพี่”
เฝิงเจียเหอพูดด้วยรอยยิ้ม “ธุระอะไรล่ะ พูดเสียดูเป็นทางการเชียว ? ”
“พี่ พี่เคยคิดที่จะเปลี่ยนงานบ้างไหม ? ” เฝิงเยี่ยนหงถาม
เฝิงเจียเหอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ฉันกำลังทำงานได้ดีในฐานะรองหัวหน้าสถานีรถแทรคเตอร์ ทำไมถึงต้องเปลี่ยนงานล่ะ ? ”
หวังผิงก็มองภรรยาด้วยความประหลาดใจเช่นกัน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเฝิงเยี่ยนหงถึงถามแบบนั้น
เฝิงเยี่ยนหงกล่าวว่า “พี่ทำงานที่สถานีรถแทรคเตอร์ได้เงินเดือนแค่ไม่กี่สิบหยวน ไม่มีความก้าวหน้าอะไร ทำไมพี่ไม่ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เปลี่ยนไปทำงานที่ทำเงินได้มากขึ้นล่ะ ? ”
เฝิงเจียเหอถามด้วยความสงสัยว่า “งานอะไรที่จะได้เงินเดือนสูงกว่าเงินเดือนของฉันที่สถานีรถแทรคเตอร์ ? ”
เฝิงเยี่ยนหงพูดอย่างไม่อ้อมค้อมเช่นกัน “พี่เจียงเสี่ยวไป๋เขากำลังก่อตั้งบริษัทโลจิสติกส์และกำลังรับสมัครพนักงานขับรถบรรทุก ฉันคิดว่าพี่สามารถลองดูได้”
เฝิงเจียเหอโบกมือแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าพวกเธอสองสามีภรรยาทำธุรกิจกับเจียงเสี่ยวไป๋ได้เงินดี แต่ธุรกิจส่วนตัวมีความเสี่ยง ต้องทำถึงจะมีรายได้ และยังมีโอกาสขาดทุนด้วย การทำงานที่สถานีรถแทรคเตอร์เป็นงานที่รับประกันรายได้ ขนาดน้ำท่วม หน้าแล้งก็ยังรับประกันรายได้ และเกษียณอายุก็มีเงินบำนาญ มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการทำงานในภาคเอกชนไม่ใช่หรือ ? ”
นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดในยุคนี้
เฝิงเยี่ยนหงพอเข้าใจอยู่ แต่เธอก็ยังพูดว่า “พี่ ค่าแรงของบริษัทโลจิสติกส์สูงนะ พี่ลองดูก็ได้ ฉันว่าบางทีอาจเป็นโอกาสก็ได้”
เฝิงเจียเหอถามว่า “สูงขนาดไหนล่ะ ? ”
เฝิงเยี่ยนหงตอบ “ทำตำแหน่งพนักงานขับรถบรรทุกอย่างเดียวได้เดือนละ 100 หยวน แต่ถ้ารับจ็อบเสริมทำจัดซื้อและการขายด้วย จะได้เงินเดือนเพิ่มอีกหนึ่งเท่า ไม่รวมค่าคอมมิชชั่น”
เฝิงเจียเหอตกตะลึง เขาไม่คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะให้เงินเดือนสูงขนาดนี้
เขาทำงานเป็นรองหัวหน้าสถานีรถแทรคเตอร์ เงินเดือนของเขาได้เพียง 60 หยวนเท่านั้น และต่อให้นับรวมรายได้จากงานนอก ก็ยังไม่เท่ากับ 100 หยวน
อย่างไรก็ตาม เงินเดือนเท่านี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาตื่นเต้น เขายิ้มและโบกมือ “ช่างเถอะ ฉันยังไม่ลาออกหรอก ฉันจะเป็นรองหัวหน้าสถานีรถแทรคเตอร์ของฉันนี่แหละ”
เฝิงเยี่ยนหงได้ยินแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล หากพี่ชายของเธอพลาดโอกาสนี้ไป คงยากที่จะพบเจอสิ่งดี ๆ เช่นนี้ในอนาคตได้