ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 296 ไม่ครบวงจร ไม่ใช่เจียงเสี่ยวไป๋
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 296 ไม่ครบวงจร ไม่ใช่เจียงเสี่ยวไป๋
ตอนที่ 296 :ไม่ครบวงจร ไม่ใช่เจียงเสี่ยวไป๋
“ทำไม ผู้ช่วยเจียงไม่คิดว่าแก้วพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งจะผลิตออกมาได้เร็วขนาดนี้ใช่ไหม ! ”
เมื่อเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังมองแก้วชา เมิ่งเสี่ยวเป่ยจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋หลุดจากความคิดของตนเอง จึงกล่าวว่า “ฉันกำลังมองใบชาในแก้วน่ะ มันคือชาหลงจิ่งจากซีหูสินะ ! ”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะสนใจใบชามากกว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของโรงงาน
ในยุคนี้ การคมนาคมไม่สะดวก ผลิตภัณฑ์จำพวกใบชาจะผลิตและจำหน่ายในท้องถิ่นเป็นหลัก และแหล่งปลูกชาหลงจิ่งอยู่ที่เจ้อเจียง ซึ่งอยู่ไกลจากที่นี่มาก โดยทั่วไปชาวชิงโจวจะไม่รู้จักชาตัวนี้
เธอเลิกคิ้ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดว่าผู้ช่วยเจียงจะรู้เรื่องชาด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “ฉันไม่ได้รู้อะไรมากนักหรอก แค่รู้ว่าชาหลงจิ่งจากซีหูเป็นชาดี”
“และน่าเสียดายที่ชาดี ๆ แบบนี้ถูกต้มใส่ถ้วยพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง เพราะมันจะมีกลิ่นพลาสติกติดมาด้วย จะดีกว่าถ้าชงในถ้วยแก้ว”
เขาไม่กล้าพูดอะไรมาก ไม่เช่นนั้นความลับจะถูกเปิดเผยเอาได้
ความประหลาดใจฉายในดวงตาคู่สวยของเมิ่งเสี่ยวเป่ย เพราะเธอไม่เคยเจอใครที่พิถีพิถันเรื่องการชงชาเหมือนกับเจียงเสี่ยวไป๋เลย เธอจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้อยนักที่จะมีของเข้าตาผู้ช่วยเจียง เพื่อนของฉันส่งมาให้ 2 ห่อ ถ้าคุณชอบ คุณแบ่งไปสักห่อสิ”
“งั้นต้องขอบคุณคุณแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ปฏิเสธ เพราะในยุคสมัยนี้หาชาหลงจิ่งจากซีหูของแท้ได้ยากมาก เขาเองก็คิดถึงรสชาติของมันเหมือนกัน
เมิ่งเสี่ยวเป่ยเม้มริมฝีปากแล้วยิ้มรับ “ยินดีค่ะ”
เธอชอบดื่มชา และชาหลงจิ่งจากซีหูนี้เป็นพ่อของเธอที่ส่งมาให้จากเทียนจิง ถ้าเป็นคนอื่น เธอคงไม่กล้าให้อย่างแน่นอน
แต่เจียงเสี่ยวไป๋แตกต่างออกไป เขาเป็นเจ้านายของเธอและเขาก็เข้าใจเรื่องชาด้วย นับได้ว่าเป็นคอเดียวกัน เธอจึงยินดีที่จะแบ่งปันให้
หลังจากพูดคุยกันสักพัก เมิ่งเสี่ยวเป่ยก็เข้าสู้โหมดทำงาน แล้วพูดว่า “ผู้ช่วยเจียง วันนี้คุณมีอะไรจะมอบหมายให้เราทำไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่ใช่มามอบหมายงาน แต่อยากจะขอยืมคนมาช่วยงานสัก 2-3 คนหน่อย”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “โรงงานนี้เป็นของคุณ ถ้าคุณต้องการใช้งานใคร คุณบอกมาได้เลย ไม่ต้องขอยืม”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “งั้นฉันขอยืมตัวเปากันฉวนและข่งชิงเซี๋ยงไปสัก 2-3 วัน”
เปากันฉวนเป็นหัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ ข่งชิงเซี๋ยงเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงิน
แม้เมิ่งเสี่ยวเป่ยจะสงสัยว่าเจียงเสี่ยวไป๋ต้องการตัวสองคนนี้ไปทำไม แต่เธอก็ยังรับปากในทันที “ไม่มีผัญหา เดี๋ยวฉันให้พวกเขาสั่งงานลูกน้องไว้ล่วงหน้า”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปฏิเสธ “เรื่องนั้นไม่จำเป็น ฉันจะเชิญให้พวกเขาไปเป็นครู ให้แต่ละคนไปสอนคนละครึ่งวัน เป็นช่วงเช้า 1 วัน และช่วงบ่าย 1 วัน ส่วนวันไหนเดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที”
แบบนี้ยิ่งไม่มีปัญหาเข้าไปใหญ่ เมิ่งเสี่ยวเป่ยเห็นด้วยทันที
“เอาล่ะ ตอนนี้ธุระของฉันเสร็จแล้ว พวกคุณคุยกันไปนะ เดี๋ยวฉันขอตัวก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป
เมิ่งเสี่ยวเป่ยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคงอยากถามเรื่องการขายจากคุณเฉินใช่ไหม ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรายงานให้ฉันฟังอยู่แล้ว คุณก็อยู่ฟังสักพักสิ เขาจะได้ไม่ต้องไปพูดให้คุณฟังอีกรอบ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ “ก็ได้ ! ”
พูดแล้ว เขาก็นั่งลงอีกครั้ง
เฉินอันผิงหยิบรายงานที่เขาเขียนออกมาส่งให้เมิ่งเสี่ยวเป่ย จากนั้นก็เล่าสถานการณ์ตอนออกไปส่งเสริมการขายที่ต่างเมืองในรอบนี้
เขาได้เดินทางไปยังเจียงเฉิง และได้ลูกค้ารายใหญ่ของเจียงเฉิงมา เช่น ห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิง สหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคเจียงเฉิง ศูนย์การค้าเจียงเฉิง ตลาดค้าส่งและลูกค้ารายใหญ่อื่น ๆ รวมแล้วมียอดสั่งซื้อถุงพลาสติกสะดวกซื้อ 490,000 ใบ
นอกจากนี้ เขายังได้ไปนำเสนอถุงบรรจุภัณฑ์อาหารที่โรงงานผลิตวัตถุดิบอาหารหลายแห่งในเจียงเฉิง และยังได้รับคำสั่งซื้อมาอีกหลายคำสั่งซื้อด้วย
แต่เมื่อเทียบกับยอดสั่งซื้ถุงพลาสติกสะดวกซื้อแล้วยังมียอดสั่งน้อยกว่ามาก ยอดสั่งรวมมีแค่ 60,000 กว่าใบเท่านั้น
ส่วนยอดของพนักงานขายรายอื่นได้มีการโทรรายงานกลับมายังโรงงานทุกวัน เขายังคำนวณสถิติหลังจากที่เขากลับมา พบว่ายอดขายถุงสะดวกซื้อที่พวกอวี๋เต๋อสุ่ยทำได้มีมากถึง 3.18 ล้านใบ และยอดขายรวมของถุงบรรจุภัณฑ์อาหารทะลุเป้าถึง 310,000 ใบ
ยอดสั่งซื้อนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ได้แรงบันดาลใจจริง ๆ
เมิ่งเสี่ยวเป่ยยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เพิ่งจะเดือนสิงหาคมเอง ถ้าหากยอดสั่งซื้อยังมีแนวโน้มเป็นแบบนี้เรื่อย ๆ ปีนี้พวกเราน่าจะมียอดขายทะลุเป้าที่ 20 ล้านใบ”
เธอไม่คิดเลยว่าโรงงานฟิล์มพลาสติกที่ใกล้จะปิดตัวลงเต็มทีจะทำยอดขายได้ขนาดนี้ภายใต้การนำของเจียงเสี่ยวไป๋แค่ในระยะเวลาเพียง 2 เดือน
เจียงเสี่ยวไป๋อารมณ์ดีมาก เขาพูดว่า “เป็นเพราะผู้จัดการเมิ่งมีความเป็นผู้นำและบริหารได้ดี ถูกแล้วที่ตอนนั้นผมเลือกให้คุณเข้ามาดูแลโรงงาน”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยพูดอย่างเก้อเขินว่า “แนวคิดทางธุรกิจและแนวคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เป็นของคุณทั้งหมด ฉันแค่ดำเนินการตามเท่านั้น”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปัด “ไม่ ๆ ไม่ว่าความคิดและนวัตกรรมจะดีแค่ไหน แต่มันก็แค่คำพูดบนกระดาษ ผลประโยชน์ขององค์กรจะบรรลุได้ต้องผ่านการจัดการและการดำเนินงาน หลังจากที่ให้ผู้จัดการเมิ่งดูแลโรงงานแล้ว เรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปทุกวันและเห็นผลได้อย่างชัดเจน”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยพูดแก้ “รองผู้จัดการต่างหากล่ะคะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นับตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่ใช่รองอีกแล้ว เพราะผลงานตรงหน้าได้พิสูจน์แล้วว่าคุณมีความสามารถ นับตั้งแต่วันนี้ไป คุณจะเป็นคนรับผิดชอบทุกเรื่องของโรงงานฟิล์มพลาสติก”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยอึ้งไป
เธอเคยคิดเหมือนกันว่าเธอจะตั้งใจทำผลงานให้ดี และสักวันหนึ่งเธอจะได้ขึ้นเป็นผู้จัดการโรงงาน จะได้ไม่เป็นรองผู้จัดการที่มีอำนาจบริหารของผู้จัดการเหมือนอย่างตอนนี้ ตอนแรกเธอคิดว่าคงต้องใช้เวลาสะสมผลงาน 1 ปีเป็นอย่างต่ำ ไม่คิดเลยว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะเลื่อนตำแหน่งให้เธอเร็วขนาดนีั
ความสุขมาอย่างกะทันหันเกินไปแล้ว
“ขอบคุณผู้ช่วยเจียง ฉันจะพยายามทำให้โรงงานฟิล์มพลาสติกยิ่งใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน ! ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยพูดอย่างตื่นเต้น
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ผมเชื่อว่าคุณทำได้ ! ”
“ขอแสดงความยินดีกับผู้จัดการเมิ่ง ! ”
เมื่อมีการแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่ เฉินอันผิงจึงรีบยืนขึ้นกล่าวแสดงความยินดีทันที
เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า “โรงงานฟิล์มพลาสติกมาถึงจุดนี้ได้เพราะได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคจากรองผู้จัดการหวัง หัวหน้าแผนกเฉินและพนักงานขายของคุณ ผลลัพธ์นี้เป็นผลมาจากการทำงานหนักของทุกคน”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วย “ผู้จัดการเมิ่งพูดถูกแล้ว โรงงานฟิล์มพลาสติกมาถึงจุดนี้ได้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณเหมือนกัน ผมคิดว่าคุณจะต้องได้โบนัสและค่าคอมมิชชั่นก้อนโตแน่นอน”
เฉินอันผิงพูดอย่างมีความสุข “ขอบคุณผู้ช่วยเจียง”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “อย่าเอาแต่พูดขอบคุณเลย ถ้าคุณอยากขอบคุณจริง ๆ งั้นก็ไปช่วยเป็นครูในคลาสที่ผมจะจัดขึ้นหน่อยสิ”
การฝึกอบรมให้กับพนักงานขับรถเหล่านั้นจะต้องสอนเรื่องการขายให้พวกเขาด้วย
หากไม่ทำให้เป็นแบบครบวงจร ก็คงไม่ใช่เจียงเสี่ยวไป๋แล้ว
เฉินอันผิงพูดด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “ผู้ช่วยเจียง งานฝั่งผมไม่เหมือนของแผนกการเงินและแผนกโลจิสติกส์ ผมยังมีงานรออีกมากมาย จะเอาเวลาไหนไปฝึกอบรมให้คนอื่นล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เรื่องจัดสรรเวลาอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของคุณ ถึงอย่างไรคุณก็ต้องจัดอบรมให้ดี”
“ครับ ! ”
เฉินอันผิงตอบตกลงอย่างช่วยไม่ได้
ในตอนนี้เอง โหยวโหย่วหยูก็มาหาเมิ่งเสี่ยวเป่ย
“สวัสดีเถ้าแก่เจียง ! ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ โหยวโหย่วหยูก็กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
พนักงานทั้งโรงงานฟิล์มพลาสติกต่างเรียกเจียงเสี่ยวไป๋ว่าผู้ช่วยเจียง มีเพียงแค่โหยวโหย่วหยูคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมเปลี่ยนคำเรียก เขามักจะเรียกเจียงเสี่ยวไป๋ว่าเถ้าแก่เจียงเสมอ
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกฉันว่าผู้ช่วยเจียง อย่าเรียกเถ้าแก่เจียง”
“ครับ เถ้าแก่เจียง ! ”
เอ่อ……
เจียงเสี่ยวไป๋พูดไม่ออกและขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอะไรอีก เขาพูดเพียงว่า “บอกน้องชายของคุณว่าพรุ่งนี้ให้ไปรวมตัวกับคนอื่นที่หน้าโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสตอน 8.00 น. พวกเขาจะเริ่มงานอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้”
“ขอบคุณเถ้าแก่เจียง ! ”
โหยวโหย่วหยูขอบคุณอย่างมีความสุขทันที
เจียงเสี่ยวไป๋มองเขาอย่างเพ่งพินิจ ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มกว้างราวกับเจอสมบัติเข้าแล้ว “หัวหน้าโหยว ช่วยอะไรผมสักอย่างสิ ! ”
โหยวโหย่วหยูกล่าวอย่างไม่ลังเลใจว่า “เถ้าแก่เจียง มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาได้เลย ผมจะพยายามอย่างเต็มที่”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะพลางกล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แค่จะให้คุณไปช่วยเป็นครูสักสองวันน่ะ”