ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 289 สวรรค์ต้องการคนดีเช่นกัน
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 289 สวรรค์ต้องการคนดีเช่นกัน
ตอนที่ 289 :สวรรค์ต้องการคนดีเช่นกัน
ในตอนที่ฟู่เต๋อเจิงและคนอื่นมาถึง ชาวบ้านทุกคนที่มาช่วยงานต่างพากันทำสีหน้างุนงง พวกเขาไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้มาทำไม
คนพวกนี้ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนในหมู่บ้าน อีกทั้งในบรรดาพวกเขายังแต่งเครื่องแบบตำรวจอีกด้วย
จนกระทั่งเจียงไห่หยางเดินออกจากห้องโถงไว้ทุกข์และเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เขาจึงพูดว่า “แขกมาแล้ว จุดประทัดได้ ! ”
จากนั้น ผู้ช่วยคนหนึ่งก็ขานรับและจุดประทัด
“ปัง ปัง ปัง……”
ท่ามกลางเสียงประทัด เหรินฉางเซี่ย ฟู่เต๋อเจิง เจียงเสี่ยวไป๋ และเย่กวงโต้วเดินเข้าไปในห้องโถงไว้ทุกข์ตามลำดับ
บรรยากาศภายในห้องโถงไว้ทุกข์ทั้งดูอึมครึมและเศร้าสร้อย ด้านหน้าโลงศพสีดำสนิทมีโคมสถิตวิญญาณหรือท่อฮวงแขวนไว้ บนโต๊ะแปดเซียนหน้าห้องโถงไว้ทุกข์มีแค่บ้านกงเต็ก กระถางธูปและเครื่องบูชา เปลวเทียนสีขาวพลิ้วไหว มีควันธูปลอยอบอวลอยู่จาง ๆ ไม่มีรูปภาพของเจี่ยงจงฉือเลยสักใบ
เงินกระดาษกำลังลุกไหม้อยู่ในอ่างทองแดงใต้โต๊ะ บรรยากาศอันน่าเศร้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง
เหรินฉางเซี่ยและฟู่เต๋อเจิงโค้งคำนับอยู่หน้ากงเต๊กสามครั้ง
ทั้งสองต่างก็เป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ พวกเขาจึงไม่อยากคุกเข่าคำนับ
เจี่ยงจืออันในวัย 7 ขวบสวมผ้ากระสอบไว้ทุกข์คุกเข่าลงข้างโต๊ะแล้วก้มขอบคุณ
หลังจากที่ทั้งสองเคารพหน้ากงเต๊กเสร็จแล้ว ฟู่เต๋อเจิงจึงยื่นมือออกไปประคองเด็กชายให้ลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า “เด็กดี ฉันขอแสดงความเสียใจด้วย พ่อของเธอคือวีรบุรุษ ! ”
ประโยคนี้ทำให้จืออันน้อยน้ำตาไหลออกมา
บางทีการเปลี่ยนแปลงกะทันหันอาจทำให้เด็กคนนี้เข้มแข็งขึ้น เด็กน้อยกลั้นน้ำตาแล้วพูดว่า “ขอบคุณครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต เขาปฏิบัติตามธรรมเนียมเคารพศพในชนบทและคุกเข่าลงด้วยความเคารพต่อหน้าวิญญาณและคำนับสามครั้ง
ผู้ตายสละชีพอย่างยิ่งใหญ่ การก้มหัวคำนับถือเป็นการแสดงความเคารพ !
คนที่เขากำลังคำนับอยู่นี้คือวีรบุรุษ !
เด็กน้อยจืออันที่เพิ่งลุกขึ้นมาเห็นว่ามีคนคุกเข่าก้มคำนับหน้ากงเต๊ก เขาจึงรีบคุกเข่าลงแล้วก้มคำนับตอบอย่างมีมารยาท
เจียงเสี่ยวไป๋ลุกขึ้นยืนแล้ว เขาใช้มือพยุงจืออันน้อยให้ลุกขึ้นตามกฎของมารยาทแล้วพูดว่า “เด็กน้อย พ่อของเธอคือวีรบุรุษ พวกเราต่างเคารพและนับถือเขามาก ฉันขอแสดงความเสียใจด้วยนะ ขอให้เธอเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ ! ”
“ขอบคุณครับ ! ”
ตอนแรกเย่กวงโต้วตั้งใจจะแค่โค้งคำนับเท่านั้น แต่เมื่อเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋คุกเข่าแล้วก้มหัวคำนับแนบพื้น เขาจึงต้องทำตามกฎของชนบทเหมือนหัวหน้าของเขาเช่นกัน
ฟู่เต๋อเจิงที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ได้พูดอะไร
เพราะวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของเจี่ยงจงฉือควรค่าแก่การถูกคำนับแล้ว
เย่กวงโต้วเป็นเพียงคนหนุ่มคนหนึ่ง เขาอยากทำอย่างไรก็ให้เขาทำอย่างนั้นเถอะ !
หลังจากเคารพศพในห้องโถงไว้ทุกข์แล้ว เจียงไห่โปจึงได้พาทั้งสี่คนไปพบเจี่ยงชุ่ยซานและวังผิง
เมื่อรู้ว่าเหรินฉางเซี่ยเป็นอธิบดีสำนักงานความมั่นคงสาธารณประจำเมือง เขามาเพื่อมอบเงินเยียวยาและแสดงความเสียใจ เจี่ยงชุ่ยซานรู้สึกซาบซึ้งใจและรู้สึกเศร้าโศกใจในเวลาเดียวกัน ส่วนวังผิงก็ยิ่งร้องไห้อย่างน่าเวทนา
ทั้งสี่คนปลอบใจเธออยู่นาน เหรินฉางเซี่ยบอกว่าเขาได้ประกาศเกียรติคุณของเจี่ยงจงฉือให้แล้ว จากนั้นก็มอบเงินเยียวยาจำนวน 2,200 หยวนให้แก่เจี่ยงชุ่ยซาน
เงินจำนวนมากขนาดนี้ทำให้เจี่ยงชุ่ยซานตกใจจนไม่กล้ารับมัน
หลังจากเหรินฉางเซี่ยพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่านี่คือความตั้งใจของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ สุดท้ายชายชราถึงได้ยอมรับเงินไปด้วยมือที่สั่นเทา
ต่อมา เหรินฉางเซี่ยและเจียงเสี่ยวไป๋นั่งพูดคุยกับเจี่ยงชุ่ยซาน ส่วนฟู่เต๋อเจิงและเย่กวงโต้วไปสัมภาษณ์คนที่มาช่วยงานบางส่วน ซึ่งทุกคนต่างบอกว่าเจี่ยงจงฉือเป็นคนดี และทุกคนต่างก็เสียดายและเสียใจที่คนดี ๆ อย่างเขาต้องมาจากไปเร็วขนาดนี้
ทั้งสี่คนอยู่ที่บ้านของครอบครัวเจี่ยงได้ไม่นาน หลังจากถ่ายรูปและสัมภาษณ์เสร็จก็กล่าวคำอำลาเจี่ยงชุ่ยซาน
“ลุงเจี่ยง วันหน้าหากมีเรื่องทุกข์ยากใจอะไรก็ให้มาหาผมได้”
ก่อนไป เหรินฉางเซี่ยกล่าวทิ้งท้ายไว้
เจี่ยงชุ่ยซานกล่าวด้วยรอยยิ้มเศร้าว่า “จงฉือไม่อยู่แล้ว ฉันเองก็ไม่รบกวนทางรัฐบาลหรอก ตอนนี้ฉันยังพอมีเรี่ยวแรงที่จะเลี้ยงดูให้หลาน ๆ ทั้งสองคนเติบโตเป็นผู้เป็นคนได้ พอเมื่อฉันตายไป แล้วได้ไปพบกับจงฉือ ฉันจะได้มีคำอธิบายให้เขา”
คำพูดที่แสนเรียบง่าย แต่กลับทำให้เหรินฉางเซี่ยและคนอื่นรู้สึกเวทนาใจอยู่ไม่น้อย
ระหว่างทางกลับเข้าเมือง ฟู่เต๋อเจิงตกผลึกความคิดของตนเองแล้วจึงกล่าวว่า “คนอย่างเจี่ยงจงฉือควรถูกเขียนยกย่องวีรกรรมของเขาให้ดีเพื่อให้ทุกคนได้รู้เรื่องราวการกระทำอันยิ่งใหญ่ของเขา”
เย่กวงโต้วตามไปสัมภาษณ์กับเขาเช่นกัน เขาได้ยินเรื่องราวดี ๆ มากมายของเจี่ยงจงฉือ “ก็เหมือนอย่างที่หลี่ชวงฉวนบอก เจี่ยงจงฉือเป็นคนที่ดีมาก ! ”
พอพูดจบ เขาก็พูดอย่างไม่พอใจต่ออีกว่า “ใช่ เจี่ยงจงฉือเขาเป็นคนดี แต่ทำไมถึงไม่มีรางวัลสำหรับคนดี เขาสละชีวิตเพื่อช่วยผู้อื่น แต่สุดท้ายกลับตายไม่เห็นศพ สวรรค์ไม่ยุติธรรมกับคนดีเลย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วยเช่นกัน เขากล่าวว่า: “อธิบดีเหริน รบกวนคุณช่วยเพิ่มกำลังค้นหาร่างของเขาได้ไหม เราจะต้องหาร่างของเขาให้พบ ไม่อย่างนั้นมันก็ดูไม่ยุติธรรมเหมือนอย่างที่เย่กวงโต้วบอกเอาไว้จริง ๆ ”
เหรินฉางเซี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ฉันจะพยายาม ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมยินดีออกเงินส่วนหนึ่งให้เป็นรางวัลของภารกิจค้นหาในนามของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ หรือจะนำไว้ใช้เป็นเงินอุดหนุนในภารกิจค้นหาก็ได้”
ฟู่เต๋อเจิงกล่าวว่า “ฉันจะตั้งใจเขียนข่าวบอกเล่าวีรกรรมที่กล้าหาญของเจี่ยงจงฉือ เพื่อให้ผู้คนรู้จักเขามากขึ้น และฉันหวังว่าจะมีคนเข้าร่วมการค้นหามากขึ้น”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “มันควรจะเป็นแบบนี้ แม้ว่าสวรรค์จะไม่ยุติธรรม แต่โลกก็ควรมีความยุติธรรม เราจะไม่ปล่อยให้วีรบุรุษหายไปแบบนี้ และยิ่งไม่ควรให้ครอบครัวของเขามีชีวิตที่ยากลำบากในอนาคต”
ฟู่เต๋อเจิงหันกลับมามองเขาแล้วกล่าวว่า “เรื่องการเงิน เกรงว่าคงต้องพึ่งคุณแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ถึงตอนนั้นผมจะหางานที่ค่อนข้างเบาและเหมาะสมให้แก่ลุงเจี่ยงและพี่สะใภ้วังผิง”
แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนน้ำเสียงไปพลางพูดว่า “แต่ลูก ๆ ทั้งสองคนของเขาสูญเสียพ่อไป คงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจไม่น้อย ผมว่าเราต้องเยียวยาจิตใจของพวกเขาให้ดี เพื่อที่พวกเขาจะได้เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ”
ฟู่เต๋อเจิงชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กล่าวชม “คุณคิดได้ละเอียดรอบคอบมาก มันเป็นสิ่งที่เราควรต้องทำ งั้นก็พูดมาสิว่าคุณมีความคิดดี ๆ อะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นอกจากเขียนข่าวบอกเล่าวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของเจี่ยงจงฉือแล้ว ผมคิดว่าท่านประธานยังสามารถเขียนบทความในชื่อเรื่องที่ว่า ‘สวรรค์ต้องการคนดีเช่นกัน’ ในอนาคตเมื่อพวกเด็ก ๆ ได้อ่านบทความที่อบอุ่นประเภทนี้ มันจะช่วยบรรเทาความบอบช้ำทางจิตใจจากการสูญเสียพ่อไปได้”
“สวรรค์ต้องการคนดีเช่นกัน ! ”
“สวรรค์ต้องการคนดีเช่นกัน ! ”
ฟู่เต๋อเจิงพึมพำอยู่ 2-3 ครั้งแล้วพยักหน้ารับ “ได้ฉันจะพยายามเขียนออกมาให้ดีที่สุด”
วันรุ่งขึ้น สำนักข่าวรายวันชินโจวไม่เพียงแต่เขียนข่าวบอกเล่าวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของเจี่ยงจงฉือในฐานะวีรบุรุษเท่านั้น แต่ยังมีข่าวที่เขียนถึงเงินรางวัลในการ ‘ค้นหาร่างของวีรบุรุษ’ ที่มีมูลค่าสูงกว่า 10,000 หยวนอีกด้วย !
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ก็ได้ตีพิมพ์บทความ ‘สวรรค์ต้องการคนดีเช่นกัน’ ด้วย ซึ่งบทความนี้ได้บอกเล่าทุกช่วงชีวิตของความเป็นลูก พี่ชาย สามีและพ่อของเจี่ยงจงฉือ ถ้อยคำที่เรียบง่ายเต็มไปด้วยความรัก และยกย่องถึงความเสียสละที่เขามีต่อทุกคนตลอดช่วงชีวิตของเขา
ผู้คนในเมืองชิงโจวต่างหลั่งน้ำตาหลังจากที่ได้อ่านบทความนี้
ส่งผลให้มีผู้คนมาช่วยร่วมค้นหาเจี่ยงจงฉือเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เราไม่ได้ต้องการรางวัล เราแค่อยากช่วยค้นหาร่างของวีรบุรุษให้พบ ! ”
ผู้คนที่มาช่วยตามหาเจี่ยงจงฉือต่างพูดเสียงดัง
คนหนุ่มสาวบางส่วนไปที่ฝายต้าซา เพื่อลอยเทียนหอมริมแม่น้ำ เขียนชื่อ เจี่ยงจงฉือลงไปและนำดอกไม้ไปกราบไหว้บูชาเจี่ยงจงฉือ
ช่วงแรกยังมีคนไปไม่ค่อยเยอะ แต่พอคนเริ่มรู้จักเจี่ยงจงฉือมากขึ้น หลายคนก็เข้ามาสักการะ
ริมหาดที่เคยถูกน้ำท่วมและบนพื้นที่ที่ที่เคยมีดินถล่มเต็มไปด้วยดอกไม้สด
“เจี่ยงจงฉือ—ผู้เป็นวีรบุรุษ ! ”
“เจี่ยงจงฉือ—ผู้เป็นพ่อที่ดี ! ”
“เจี่ยงจงฉือ—ผู้เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี ! ”
“วีรบุรุษเจี่ยงจงฉือ ไปสู่สุขคติ ! ”
“……”
กระดาษที่เขียนชื่อเจี่ยงจงฉือจำนวนนับไม่ถ้วนไว้ถูกหย่อนใส่เรือกระดาษ แล้วปล่อยลอยไปตามแม่น้ำชิงเจียงโดยหวังว่าจะลอยไปยังที่ที่ร่างของวีรบุรุษอยู่