ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 282 ค้นหา
ตอนที่ 282 :ค้นหา
เมื่อได้ยินเสียงคนตะโกนเรียน ทุกคนในร้านต่างรู้สึกตึงเครียดแล้วพากันหันไปมองเป็นตาเดียว
คนที่มาสวมหมวกไม้ไผ่เก่า ๆ บนศีรษะ สวมเสื้อกันฝน และรองเท้าบูทยางสีดำ เมื่อมองแวบแรก เขาดูเหมือนชาวนาที่เพิ่งกลับจากปลูกข้าวในนาข้าว
ไม่ใช่คนของที่ร้าน
ในเวลานี้ เจี่ยงชุ่ยหยูเดินเข้าไปหาผู้มาเยือนและถามอย่างกังวลว่า “เฉินชวน เกิดอะไรขึ้น ? ใครเป็นอะไร ? ”
เมื่อเฉินชวนเห็นเจี่ยงชุ่ยหยู เขาก็พูดพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย “ป้าชุ่ยหยู เกิดเรื่องขึ้นกับจงฉือแล้ว”
เจี่ยงชุ่ยหยูที่ได้ยินแบบนั้นถามอย่างเป็นกังวลว่า “จงฉือเป็นอะไร ? รีบพูดมาสิ ! ”
เฉินชวนเเล่าให้ฟังทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น “เมื่อวานตอนเย็นฝนตกหนัก น้ำขึ้นสูง คาดว่าทางเหมืองน่าจะขุดหินออกมามากเกินไป ทำให้ภูเขาถล่มในตอนเช้า คนงานในเหมืองพากันวิ่งหนีไปทุกทิศทุกทาง แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด พื้นที่ที่คนงานหลายคนวิ่งหนีไปดันทรุดตัวลงในแม่น้ำ จงฉือลงน้ำไปช่วยชีวิตคนงานคนอื่น เขาช่วยขึ้นมาได้สองคน แต่ตัวเขาเองกลับจมน้ำหายไป……”
“ห๊ะ ! ”
เจี่ยงชุ่ยหยูร้องอุทานด้วยความตกใจ เธอเกือบจะเป็นลมแล้ว
‘จงฉือ’ ที่ทั้งสองพูดถึงนี้มีชื่อว่าเจี่ยงจงฉือ เป็นลูกชายของเจี่ยงชุ่ยซานพี่ชายคนโตของเจี่ยงชุ่ยหยู
เจี่ยงจงฉือและเฉินชวนเป็นชายหนุ่มในวัยสามสิบต้น ๆ ทั้งสองโตมาด้วยกัน ตอนนี้ทำงานเป็นคนงานในเหมืองหินที่เขตชานเมืองชิงโจว
เมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งสองยังมาเยี่ยมเยียนเจี่ยงชุ่ยหยูที่ร้านอยู่เลย
เจี่ยงชุ่ยหยูยังเคยจะเลี้ยงกุ้งอบน้ำมันทั้งสอง แต่เจี่ยงจงฉือเห็นว่าราคากุ้งอบน้ำมันอยู่ที่ชุดละ 5 หยวน เขาก็รีบปฏิเสธทันที แถมยังพูดอีกว่าเงิน 5 หยวนนี้เป็นรายได้ที่เขาต้องทำงานในเหมือง 7-8 วันกว่าจะได้มา อาหารราคาแพงขนาดนี้ เขากินไม่ลงจริง ๆ
เจี่ยงชุ่ยหยูไม่คาดคิดเลยว่าหลานชายที่เพิ่งพบหน้าไปเมื่อไม่กี่วันก่อนจะจากกันไปแบบนี้
เจียงเสี่ยวไป๋ เจียงเสี่ยวเฟิง และคนอื่นต่างได้ยินที่เฉินชวนพูดเช่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋รีบเดินเข้าไปพยุงร่างที่สั่นเทาของอาสะใภ้ แล้วถามเฉินชวนว่า “แล้วตอนนี้ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
เฉินชวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดเสียงสั่น “ฉันและเพื่อนร่วมงานลงน้ำไปหาตัวเขาอยู่หลายครั้ง แต่น้ำขึ้นสูงเกินไป เราหาพี่จงฉือไม่เจอ คาดว่าเขาคงถูกกระแสน้ำพัดหายไปแล้ว”
เจี่ยงชุ่ยหยูได้ยินแบบนั้นยิ่งเศร้าโศกใจ หลานชายของเธอช่วยชีวิตคนอื่นไว้ไม่ให้จมน้ำ แต่ตัวเขาเองกลับจมน้ำตายไม่เห็นแม้แต่ศพ จะไม่ให้เธอเศร้าเสียใจได้อย่างไร
“เสี่ยวไป๋ อา……อาจะไปตามหาจงฉือ ! ”
เจี่ยงชุ่ยหยูคว้าข้อมือของเจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดทั้งน้ำตา
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “อาสะใภ้สามรออยู่ที่ร้านดีกว่า ผมจะพาคนออกไปตามหาเขาเอง ! ”
พูดแล้ว เขาก็หันไปกำชับเจียงเสี่ยวชิง “เสี่ยวชิง ดูแลอาสะใภ้สามด้วย”
“ค่ะพี่ ! ”
เจียงเสี่ยวชิงพยักหน้ารับคำ
เจี่ยงชุ่ยหยูกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ อาอยากไป พี่ใหญ่ของอาเหลือลูกชายคนนี้แค่คนเดียวแล้ว พี่สะใภ้ของอาก็มาด่วนจากไปเสียก่อน หากหาร่างจงฉือไม่พบ อาไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ของอาเขาจะ……”
ขณะที่พูด เธอก็สะอื้นจนพูดไม่ออก
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ค่อยรู้สถานการณ์ครอบครัวฝั่งแม่ของอาสะใภ้สาม เมื่อได้ยินแล้ว เขาก็ทำได้เพียงพูดปลอบ “อาสะใภ้สาม อาว่ายน้ำไม่เป็น ถึงไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ อารอฟังข่าวอยู่ที่ร้านเถอะ ผมจะต้อง……ตามหาเขาให้เจอ เขาคือวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตคน”
พูดจบ เขาก็หันไปหาเจียงเสี่ยวเฟิงแล้วพูดว่า “เสี่ยวเฟิง นายไปเรียกหวังผิงมา ให้เขาช่วยหาคนที่ว่ายน้ำเป็นมาช่วยกันตามหา”
“ครับพี่ ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิงรับคำแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่กางร่มไปด้วยซ้ำ
เจียงเสี่ยวเหลยเห็นแบบนั้นก็รีบพูดขึ้นบ้าง: “พี่ใหญ่ ผมขอไปด้วย!”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดแล้ว หวังผิงเพิ่งออกไปส่งกุ้งเครย์ฟิชตามร้านต่าง ๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปถึงตรงไหนของเมืองแล้ว บางทีเขาอาจกำลังขับรถอยู่ ดังนั้นเขาจึงตกลงให้เจียงเสี่ยวเหลยไปด้วย
“นายก็ระวังตัวด้วย ! ”
“ครับพี่ ! ”
เจียงเสี่ยวเหลยวิ่งฝ่าสายฝนออกไปอย่างรวดเร็ว
เจียงเสี่ยวไป๋หันไปพูดกับเฉินชวนว่า “เฉินชวนใช่ไหม รอฉันครู่หนึ่งนะ ฉันจะโทรหาสำนักความมั่นคงสาธารณะ แล้วคุณก็พาฉันไปที่เกิดเหตุ”
“อื้ม ! ”
เฉินอันตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
เจียงเสี่ยวไป๋รีบเดินไปยังร้านข้าง ๆ เขากดโทรหาเหรินฉางเซี่ยอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เหรินฉางเซี่ยเข้าใจสถานการณ์แล้ว เขาบอกว่าจะรีบนำกำลังคนไปค้นหาด้วยตนเองทันที
หลังจากวางสายเหรินฉางเซี่ย เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วโทรหาหลินเจียอินต่อ
“เมียจ๋า พอดีทางนี้มีเรื่องให้ผมต้องจัดการ ตอนเที่ยงคงกลับบ้านไม่ได้แล้ว คุณกับชานชานกินข้าวกลางวันที่โรงอาหารของโรงงานไปก่อนนะ เดี๋ยวผมทำธุระเสร็จแล้วจะไปรับคุณ”
“ได้ คุณก็รีบหน่อยนะ แม่จะได้ไม่บ่นคุณอีก”
“อืม ผมรู้”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อไม่ให้ภรรยาของเขาเป็นกังวล
หลังวางสายจากหลินเจียอินแล้ว เขาก็รีบไปหาเฉินชวนแล้วขับรถไปยังเหมืองหินทันที
เหมืองหินตั้งอยู่ในชานเมืองทางตอนเหนือของเมืองชิงโจว
แม่น้ำชิงเจียงไหลผ่านเมืองชิงโจวจากทางใต้ไปทางเหนือ เป็นแนวโค้งใหญ่ที่ฝายต้าซา แล้วเปลี่ยนกระแสไปทางทิศตะวันออก ตรงโค้งใหญ่ของแม่น้ำก็คือฝายต้าซา เหมาะแก่การทำเหมืองหินและขุดทรายมาก
ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึง
มีรถตำรวจจอดอยู่ริมถนนหลายคัน เจียงเสี่ยวไป๋คาดการณ์ว่าคงเป็นเหรินฉางเซี่ยที่นำกำลังคนมา
เขาจอดรถที่ริมถนน หลังลงมาจากรถก็มองไปยังแม่น้ำชิงเจียงที่บัดนี้ไม่เหลือร่องรอยของหาดทรายริมแม่น้ำแล้ว เพราะพื้นที่หาดได้ถูกน้ำท่วมจนกลายเป็นเหมือนทะเลสาบน้ำขุ่น
เนินเขาด้านหน้าพังทลายลงมาครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นหินสีขาวและดินแดง ต้นไม้ที่หักโค่นลงมายังถูกฝังกลบไม่หมด มีกิ่งก้านและใบไม้บางส่วนโผล่ออกมาเหนือดินโคลน เช่นเดียวกับเครื่องบดกรวด 2 เครื่องที่ล้มคว่ำอยู่บนโคลน
หลายคนถอดเสื้อ ในมือถือไม้ไผ่ยาวคอยควานหาอยู่ริมแม่น้ำ
เรือพายขนาดเล็กลำหนึ่งล่องอยู่ในแม่น้ำ ด้านบนมีเงาคนราว 5-6 คน พวกเขาต่างถือไม้ไผ่ลำยาวควานหาในแม่น้ำเช่นกัน
“หลังเกิดเหตุ เถ้าแก่เจิ้ง เจ้าของสัมปทานเหมืองหินเข้าร่วมทีมค้นหากับคนงานมาโดยตลอด พวกเขาลงน้ำไปหลายครั้ง แต่ก็ยังหาร่างไม่เจอ”
เฉินชวนอธิบาย
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและเดินอย่างรวดเร็วไปที่ริมฝั่งแม่น้ำด้านล่างเพื่อเข้าร่วมทีมค้นหา
ทั้งสองเดินล่องไปตามริมฝั่งแม่น้ำ กระทั่งตามเหรินฉางเซี่ยทัน
เหรินฉางเซี่ยกล่าวว่า “ฉันพอจะเข้าใจสถานการณ์โดยรวมแล้ว แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ โอกาสรอดของเขาน่าจะเป็นศูนย์ ขนาดจะตามหาร่างให้เจอยังยากเลย”
“ลองพยายามดูก่อนเถอะครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาจึงทำได้เพียงพูดไปแบบนี้
เหรินฉางเซี่ยกล่าวว่า “น้ำขุ่นเกินไป อีกทั้งเรือที่ใช้ค้นหาก็มีเพียงไม่กี่ลำ ฉันได้ส่งคนไประดมชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำมาช่วยกันค้นหาแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวขอบคุณ
เหรินฉางเซี่ยกลับพูดว่า: “นี่เป็นหนึ่งในงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเรา คุณจะมาขอบคุณกันทำไม ? อีกอย่างเจี่ยงจงฉือเกิดอุบัติเหตุเพราะช่วยชีวิตคน เราจะเพิกเฉยต่อคนดี ๆ แบบนี้ได้หรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้แต่ถอนหายใจ “ใช่แล้ว เราจะต้องหาตัวเขาให้พบ ต่อให้หาเจอแค่ร่างก็ยังดี”
เหรินฉางเซี่ยถอนหายใจและพึมพำว่า “วีรบุรุษ ! วีรบุรุษ ! ”
ตั้งแต่สมัยโบราณ สตรีงามและวีรบุรุษกู้ชาติมักไม่ยอมให้ผู้คนเห็นพวกเขาแก่ชรา !
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน การเป็นวีรบุรุษล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะได้เป็นวีรบุรุษก็เมื่อพวกเขาได้กลายเป็นความทรงจำให้ผู้คนรำลึกถึงไปแล้ว
ในฐานะตำรวจของประชาชน เขาเคยเห็นวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตผู้คน ช่วยดับไฟและต่อสู้กับพวกอันธพาลมามากกว่าหนึ่งครั้ง ส่วนใหญ่พวกเขาต้องแลกมาด้วยชีวิตของตัวเองถึงจะถูกกล่าวขานว่าเป็นวีรบุรุษ
ทั้งสองรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ จึงหยุดพูด และค้นหาต่อไปตามริมฝั่งแม่น้ำ
ฝนยังคงตกลงมา
หวังผิงพาคนมาช่วยหาอีกสิบกว่าคนเช่นกัน เขายังหาเรือพายมาได้อีกลำหนึ่งด้วย ในขณะที่มีชาวบ้านบางคนตั้งแพไม้ไผ่ด้วย คนที่ว่ายน้ำเก่งก็จะขึ้นแพไม้ไผ่ไปค้นหาในแม่น้ำ
มีคนมากขึ้นมาช่วยค้นหาตามริมฝั่งแม่น้ำชิงเจียง ทุกคนต่างช่วยกันตามหาอย่างเร่งรีบ แม้ฝนจะตก ฟ้าจะร้องก็ไม่หวั่น