ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 280 เคล็ดลับในการทำเงิน
ตอนที่ 280 :เคล็ดลับในการทำเงิน
ในตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋มาถึงในเมือง ฝนก็เริ่มเบาลงแล้ว แต่ยังคงตกไม่หยุดอยู่เหมือนเดิม
ไม่รู้ว่าเพราะฝนตกทำให้คนไม่อยากออกไปข้างนอกหรือเพราะเป็นช่วงสารทจีนที่คนกลับไปต่างจังหวัดเพื่อรวมตัวกราบไหว้บรรพบุรุษของตน ทำให้คนเดินถนนน้อยมาก
ในยุคนี้ มักมีคนบอกว่านับขึ้นไปสามรุ่น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้มีชาติกำเนิดเป็นชาวนา
แต่ในช่วงต้นปี 80 ชาวบ้านเกือบร้อยละ 90% เป็นชาวนาทั้งนั้น
แม้จะมีข้อยกเว้นอยู่บ้างที่บรรพบุรุษไม่ใช่ชาวนา แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาแทบจะแยกไม่ออกจากชาวนาเลย
สายฝนและเทศกาลทำให้เมืองทั้งเมืองเงียบงันราวกับถูกทิ้งร้าง
เว้นเสียแต่ว่าจะมีรถโดยสารวิ่งผ่านมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น บนถนนแทบไม่มีรถวิ่งผ่านเลย
หลังจากไปส่งหลินเจียอินและเจียงชานที่ห้องทำงานแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ไปที่ร้านอร่อยสามมื้อ
“พี่ ! ”
“พี่ ! ”
“พี่ ! ”
“……”
เจียงเสี่ยวเฟิง เจียงเสี่ยวชิง หลี่ลี่ และคนอื่นเห็นเจียงเสี่ยวไป๋แล้วต่างก็ลุกขึ้นยืนทักทาย
เจียงเสี่ยวไป๋หันไปพยักหน้าให้ทีละคน
หลังนั่งลงแล้ว เจียงเสี่ยวเฟิงจึงรายงานสถานการณ์ของเมื่อวานให้ฟัง “พี่ ถ้าเรายังแจกแบบนี้ต่อไป เราขาดทุนแน่”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเขาแล้วพูดต่อ “ต่อให้ขาดทุน มันก็ขาดทุนที่ร้านโยวผิ่น โรงงานเมล็ดแตงโมของนายไม่ได้ขาดทุนด้วยสักหน่อย นายจะกังวลอะไร ? ”
ตามแผนธุรกิจที่เจียงเสี่ยวไป๋คิดมา ร้านโยวผิ่นเป็นร้านหลักที่ขายผลิตภัณฑ์จากโรงงานเมล็ดแตงโมจินเคอ โรงงานรับผิดชอบเฉพาะการผลิตเมล็ดแตงโม 5 รสและขายส่งเท่านั้น ส่วนการจัดจำหน่ายเป็นหน้าที่ของร้านโยวผิ่น รวมถึงผลิตภัณฑ์แจกก็รวมอยู่ในรายการสั่งซื้อของร้านโยวผิ่นด้วย
ตอนนี้ราคาของเมล็ดแตงโมดิบอยู่ที่ชั่งละ 2 เหมา โรงงานผลิตเมล็ดแตงโมจินเคอขายขนาดถุงละ 500 กรัมให้ร้านโยวผิ่นในราคาถุงละ 2 เหมา ขนาดถุง 100 กรัมสำหรับแจกฟรีอยู่ที่ถุงละ 5 เจี่ยว คำนวณดูแล้ว โรงงานผลิตเมล็ดแตงโมจินเคอจะมีกำไรมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
เมื่อวานร้านโยวผิ่นแจกไป 7,921 ถุง รวมมูลค่ากว่า 396.5 หยวน ขายได้ 917 ถุง เป็นเงิน 183.4 หยวน รวมทั้งหมด 579.9 หยวน
กำไรสุทธิที่ 30 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับโรงงานได้กำไรประมาณ 173 หยวน
เจียงเสี่ยวเฟิงยิ้มเจื่อน “ถึงแม้ว่าโรงงานจะได้กำไรนิดหน่อย แต่พี่ขาดทุนนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “วางใจได้ ไม่ขาดทุนหรอก ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิงมองเขาอย่างอึ้ง ๆ เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นแล้วจึงพูดว่า “นายอยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องอึกอัก”
เจียงเสี่ยวเฟิงเกาหัว พลางพูดเสียงแผ่วว่า “พี่ ฉันคิดว่ายอดขายเมล็ดแตงโม 5 รสมันน้อยเกินไป การเปิดโรงงานเมล็ดแตงโมไม่ได้กำไรเท่ากับการเปิดร้านกุ้งเครย์ฟิช”
หลังจากสรุปบัญชีเมื่อวาน เขามีความคิดนี้ มันเหมือนกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่หนักอึ้งอยู่ในใจ หากไม่พูดออกไปคงรู้สึกอึดอัด
เจียงเสี่ยวไป๋หันไปมองหลี่ลี่ หลี่เจีย และคนอื่น “พวกเธอก็คิดแบบนี้เหมือนกันหรือ ? ”
หลี่ลี่รีบโบกมือ “พี่ เมื่อวานวันเดียวขายได้ 275.1 หยวน เท่านี้ก็มากแล้ว ! ”
“ใช่ เยอะมากแล้ว ! ” หลี่เจียพูดเช่นกัน
มีเพียงเจียงเสี่ยวเฟิงเท่านั้นที่ไม่คิดแบบนั้น ในใจคิดว่าเพราะพวกเธอเห็นแค่เงินที่เข้ามาสองร้อยกว่าหยวน แต่ไม่เคยคิดว่าจ่ายออกไปเท่าไรแล้วต่างหาก !
อีกอย่าง ต้นทุนรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชอยู่ที่ชั่งละ 3 เหมา ชุดกลางใช้กุ้งหนัก 2 ชั่งครึ่ง ขายอยู่ที่ชุดละ 5 หยวน นั่นหมายความว่ากำไรที่ได้จากการขายกุ้งเครย์ฟิชจะอยู่ที่ชั่งละ 1.7 หยวน แต่เมล็ดแตงโม 5 รสทำกำไรได้ไม่ถึงชั่งละ 2 เหมาด้วยซ้ำ ความแตกต่างมันสูงมาก
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูเจียงเสี่ยวเฟิงอย่างใช้ความคิดและเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ตอนนี้ฝนกำลังตก ไม่สามารถออกไปแจกใบปลิวได้ ร้านโยวผิ่นจึงยังไม่รีบเปิดร้าน เจียงเสี่ยวไป๋คิดดูแล้วจึงตั้งใจจะอาศัยโอกาสนี้สอนเรื่องแนวทางการดำเนินธุรกิจให้เจียงเสี่ยวเฟิง เจียงเสี่ยวชิง หลี่ลี่ และคนอื่นรู้
“เสี่ยวเฟิง จริงอยู่ที่เมื่อเทียบกับผลกำไรจากการขายกุ้งเครย์ฟิชแล้ว เมล็ดแตงโม 5 รสทำกำไรได้น้อยกว่ามาก”
“แต่ผลกำไรมหาศาลของกุ้งเครย์ฟิชนั้นเป็นเพียงกำไรชั่วคราวเท่านั้น และจะกลับสู่ระดับกำไรปกติภายในไม่กี่ปี”
“หลักสำคัญของการทำธุรกิจก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรได้มหาศาลจะคงอยู่ได้ไม่นาน เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นธุรกิจที่ผูกขาด และนักธุรกิจที่แท้จริงจะทำกำไรได้อย่างสมเหตุสมผลเท่านั้น”
เป็นแบบนี้จริง ?
เจียงเสี่ยวเฟิงคิดแล้วก็ส่ายหน้า “พี่ ผมไม่ค่อยเข้าใจที่พี่พูดสักเท่าไร ผมรู้แค่ว่ากุ้งเครย์ฟิชทำเงินได้มากกว่า ทำให้มีแรงบันดาลใจในการทำ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าแล้วพูดต่อ “คนส่วนใหญ่ก็เหมือนนายนั่นแหละ พอเคยทำกำไรได้มหาศาลก็จะไม่สนใจกำไรน้อยนิด แต่ในยุคผลิตภัณฑ์ เคล็ดลับทำเงินมีแค่สองวิธีเท่านั้น”
เจียงเสี่ยวชิง หลี่ลี่ และคนอื่นได้ยินว่ามีเคล็ดลับทำเงิน ทุกคนต่างก็หูผึ่งทันที
“เคล็ดลับในการทำเงินสองประการ ข้อหนึ่งคือปริมาณมาก และอีกข้อคือสามารถทำซ้ำได้”
“ปริมาณมากที่ว่านี้ หมายถึงการผลิตในปริมาณมากและปริมาณการซื้อของลูกค้าที่ต้องมีมากด้วยเช่นกัน”
“ยกตัวอย่างเช่นเมล็ดแตงโม 5 รส เราสามารถผลิตมันในปริมาณที่มากได้ เพราะคนติดนิสัยชอบกินเมล็ดแตงโม เมล็ดแตงโมได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดาของขบเคี้ยวทั้งหมด ดังนั้นจึงสามารถผลิตในปริมาณมากได้”
“ส่วนสามารถทำซ้ำได้หมายถึงรูปแบบธุรกิจหรือแนวทางการทำธุรกิจ”
“ยกตัวอย่างร้านค้าประเภทร้านโยวผิ่น สามารถเปิดได้ง่าย ขอเพียงแค่มีเงินกับคน ก็สามารถเปิดร้านได้หลายแห่งตามที่ต้องการแล้ว”
“นี่คือการทำซ้ำ”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายอย่างชัดเจนและไม่ได้ลึกซึ้งเลย แต่เจียงเสี่ยวเฟิง หลี่ลี่และคนอื่นที่ได้ฟังกลับไม่เข้าใจ ราวกับอยู่ท่ามกลางม่านหมอกที่สลัวเลือนลาง
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เพราะเมื่อก่อนพวกเขาแทบไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้ทางธุรกิจเลย
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้บังคับให้เข้าใจในรวดเดียวเช่นกัน ความรู้ต้องสะสม
เขาพูดต่ออีกว่า “ธุรกิจกุ้งเครย์ฟิชก็ทำตามเคล็ดลับทำเงินทั้งสองเคล็ดลับนี้เช่นกัน ในตอนแรกยังมีปริมาณไม่มาก จนกระทั่งต่อมาได้เปิดร้านสาขาและทำธุรกิจแฟรนไชส์ถึงได้ทำยอดขายได้มหาศาล”
เจียงเสี่ยวเฟิงคิดแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง
เขาจำได้ว่าวันแรกที่เขาไปจับกุ้งเครย์ฟิช ตอนนั้นเขาจับมาเพียงแค่ร้อยกว่าชั่งเท่านั้น ไม่กี่วันต่อมา ปริมาณการจับในแต่ละวันก็มีเพียงแค่ไม่กี่ร้อยชั่งเช่นเดียวกัน
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจในทันทีและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ผมเข้าใจแล้ว ! ”
“โรงงานผลิตเมล็ดแตงโมของผมเทียบได้กับกุ้งเครย์ฟิช ส่วนร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงก็เทียบได้กับร้านโยวผิ่น ยิ่งร้านโยวผิ่นเปิดขยายสาขาไปได้มากเท่าไร ยอดขายของโรงงานผลิตเม็ดแตงโมก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
เจียงเสี่ยวไป๋ดีใจมาก เขาไม่คิดเลยว่าน้องชายของเขาจะเปรียบเทียบแบบนี้
แต่มันก็เป็นแบบนี้จริง
ดังนั้น เขาจึงพูดว่า “นายพูดถูก แต่การเปิดร้านกุ้งเครย์ฟิชมีต้นทุนสูง เพราะต้องจ้างพ่อครัวแม่ครัวด้วย ในขณะที่การเปิดร้านโยวผิ่นมีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก อีกทั้งยังไม่ต้องการพ่อครัวแม่ครัว ง่ายกว่ากันตั้งเยอะ”
เจียงเสี่ยวเฟิงพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “พี่ ผมเข้าใจที่พี่ต้องการจะสื่อแล้ว ร้านโยวผิ่นสามารถขยายสาขาได้มากกว่าสาขาของกุ้งเครย์ฟิช และยอดขายในอนาคตจะต้องมีมูลค่าสูงกว่าธุรกิจกุ้งเครย์ฟิชอย่างแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างพอใจแล้วพูดเสริมว่า “ในแต่ละปี กุ้งเครย์ฟิชจะมีให้จับแค่ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมเท่านั้น แต่เมล็ดแตงโม 5 รสสามารถขายได้ตลอดทั้งปี”
“อื้ม ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิงพยักหน้ารับแล้วพูดว่า “พี่วางใจได้ ต่อไปนี้ผมจะไม่คิดอะไรไร้สาระอีกแล้ว ผมจะต้องบริหารโรงงานผลิตเมล็ดแตงโมให้ดี พี่เปิดร้านโยวผิ่นกี่ร้าน ผมรับประกันเลยว่าจะดูแลให้โรงงานผลิตเมล็ดแตงโมให้ร้านของพี่ทุกร้านอย่างเพียงพอ”
“ฉันเชื่อว่านายทำได้ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มขณะให้กำลังใจ
เมื่อเห็นว่านี่ก็สายมากแล้ว เขาจึงไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องหลักการทำธุรกิจของตนเองต่อ แต่ถามเจียงเสี่ยวชิงถึงสถานการณ์การแจกใบปลิวแทน เมื่อรู้ว่าเจียงเสี่ยวหยูและเจียงเสี่ยวเหลยสามารถดึงดูดลูกค้ามาได้มากที่สุด เขาก็ชื่นชมทั้งสองด้วยความดีใจ
เจียงเสี่ยวหยูและเจียงเสี่ยวเหลยต่างมีความสุขและภูมิใจในตัวเองมาก
เจียงเสี่ยวเหลยจึงพูดว่า “รอให้ฝนหยุดตกแล้ว วันนี้ผมจะแจกใบปลิว 6,000 ใบ พรุ่งนี้ผมจะต้องดึงดูดลูกค้ามาได้มากกว่าน้องเล็กอย่างแน่นอน”
เจียงเสี่ยวหยูไม่ได้มีท่าทีกลัวเลยสักนิด “งั้นก็ลองแข่งกันดู ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นว่าน้องชายและน้องสาวต่างฮึกเหิมขนาดนี้ก็รู้สึกดีใจไม่น้อย
แต่วันนี้ทั้งสองไม่สามารถแข่งกันได้แล้ว
เพราะแม่ยื่นคำขาดแล้วว่าเขาจะต้องพาน้องชายและน้องสาวของเขากลับบ้านตอนเที่ยง ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ไว้แข่งกันพรุ่งนี้เถอะ วันนี้ทุกคนจะต้องกลับบ้านพร้อมกับฉันตอนเที่ยงเพื่อไปฉลองวันสารทจีน”
ห๊ะ !
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ ?
เจียงเสี่ยวเหลยไม่อยากกลับเลย เขาเพิ่งเข้าเมืองมาได้ 2 วันเท่านั้น ต้องกลับอีกแล้วหรือ