ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 278 แผนการใหญ่ที่เจียงเสี่ยวไป๋บรรยาย
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 278 แผนการใหญ่ที่เจียงเสี่ยวไป๋บรรยาย
ตอนที่ 278 :แผนการใหญ่ที่เจียงเสี่ยวไป๋บรรยาย
“คุณต้องการอะไร ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางมองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างระมัดระวัง
ประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกเขาว่าตราบใดที่เจียงเสี่ยวไป๋ร้องขอ มันก็คงไม่ใช่เรื่องดี
เขาจะไม่มีวันตกลงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “ในเมื่อคุณอนุมัติรถบรรทุก 60 คันนั้นให้ผมแล้ว คุณก็ควรหาที่จอดให้ผมด้วยสิ ! ”
ห๊ะ ?
รองนายกเทศมนตรีจางมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความอึ้ง: ช่วยเลิกหน้าด้านหน่อยได้ไหม ขอให้ฉันอนุมัติรถบรรทุกไม่พอ ยังขอให้หาที่จอดรถให้อีก !
หลังจากตกตะลึงเล็กน้อย เขาก็เข้าใจทันที
เจ้าหนุ่มคนนี้ชักจะร้ายเกินไปแล้ว นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งในการขอที่ดินให้ตัวเองสินะ !
“เฮอะ ๆ……”
รองนายกเทศมนตรีจางหัวเราะเฮอะ ๆ นี่คือ ‘ความต้องการเล็ก ๆ น้อย ๆ ’ อย่างนั้นหรือ ?
แหม ช่างเป็นความต้องการที่ ‘เล็กน้อย’ เสียเหลือเกินนะ !
ฟู่เต๋อเจิงได้ยินเสียงเค้นหัวเราะของรองนายกเทศมนตรีจาง เขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด มันมีความไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่จริง ๆ ด้วย บริษัทโลจิสติกส์อะไรพวกนั้นเป็นแค่ภาพฝันที่เขาอ้างขึ้นมาทั้งนั้น ชายหนุ่มคนนี้กำลังทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อให้ได้ที่ดินมาถือครองในนามของการเปิดบริษัท
ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาคิดจะทำอะไร ทำไมถึงต้องการที่ดินมากมายขนาดนั้น ?
ติงจวิ้นเจี๋ยตระหนักได้ในทันที เดิมทีเจียงเสี่ยวไป๋ไม่เพียงแค่คาดการณ์ได้ว่ารองนายกเทศมนตรีจางได้ใบเสนอราคารถบรรทุกเหล่านั้นมาได้แล้วเท่านั้น แต่เขายังได้วางแผนโครงการใหม่เอาไว้แล้วด้วย
เขาไม่เพียงแต่มองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งเท่านั้น แต่ยังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอนอีกด้วย
คนแบบนี้ ไม่นับถือคงไม่ได้แล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นสีหน้ารองนายกเทศมนตรีจางแล้ว แต่เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาอธิบายอย่างอดทนว่า “รองนายกจาง เอาเป็นว่าผมจะพูดถึงโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสให้คุณฟังก่อนแล้วกัน”
“เมื่อก่อน คุณบอกว่าผมทำแค่เครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันเท่านั้น ที่อื่นไม่มีขาย ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจัดส่ง”
“แต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างที่คุณพูดเลย เพราะตอนนี้ผมได้คิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ 5 ตัวขึ้นมาแล้ว มันคือผงห้าเครื่องเทศ ผงพะโล้ ซอสหม่าล่า ซอสพริก และน้ำพริกเผากันมา ! ”
“และสาเหตุที่นอกเขตชิงโจวไม่มีร้านกุ้งอบน้ำมัน นั่นเป็นเพราะตอนนั้นผมยังไม่ได้รับสมัครแฟรนไชส์จากภายนอก”
“ในเดือนมีนาคมปีหน้า ผมมีแผนจะขยายร้านสาขากุ้งอบน้ำมันชิงเจียงไปที่เจียงเฉิง หวงโจวและที่อื่นรวมนับสิบเมือง และในขณะเดียวกัน ผมก็จะเริ่มรับสมัครแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมันชิงเหอด้วย”
“สาเหตุที่โรงงานผลิตเครื่องปรุงรสยังไม่ได้มีการผลิตล็อตใหญ่ นั่นเป็นเพราะผมตั้งใจว่าจะรอสร้างโรงงานหลังหมดฤดูกุ้งเครย์ฟิชในช่วงเดือนตุลาคมไปแล้ว”
“ไหนจะยังมีน้ำเต้าหู้ เต้าหู้แท่ง ฟองเต้าหู้ เต้าหู้แห้ง ล่าเถียว ผลิตภัณฑ์จากโรงงานผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอีก”
“สินค้าเหล่านี้จะถูกนำไปจำหน่ายทั่วประเทศ”
“และผลิตภัณฑ์จำนวนมากเหล่านี้ที่ผมพูดถึงจะต้องใช้เครื่องเทศ พริกไทย ถั่วเหลืองและวัตถุดิบหลักอื่น ๆ ที่ชิงโจวไม่สามารถจัดหาได้อย่างเพียงพอ”
“ที่ผมจะตั้งบริษัทโลจิสติกส์ก็เพราะผมต้องการส่งสินค้าจากชิงโจวออกไปขายที่อื่น และซื้อวัตถุดิบจากที่อื่นเข้ามาด้วย ฉะนั้นรถบรรทุกที่ผมขออนุมัติจะไม่มีทางถูกจอดทิ้งไว้เฉย ๆ แน่นอน”
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือโกดังเก็บสินค้า ผมอยากได้ที่ดิน ส่วนที่จอดรถเป็นเรื่องรอง”
“สิ่งที่ผมต้องการจริง ๆ คือพื้นที่โกดังขนาดใหญ่”
หลังจากเขาพูดจบ รองนายกเทศมนตรีจาง ฟู่เต๋อเจิงและติงจวิ้นเจี๋ยก็ตกตะลึง
นี่มันแผนใหญ่อะไรเช่นนี้ !
หากสามารถทำให้เป็นจริงได้ มันจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาของชิงโจวได้เป็นอย่างมาก หรืออาจทำได้แม้กระทั่งผลักดันชิงโจวให้เข้าสู่โฉมใหม่ไปเลย
อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว
รองนายกเทศมนตรีจางถูกโน้มน้าวจนใจอ่อน เขารับปากว่าจะให้ที่ดิน 500 หมู่ไว้เพื่อสร้างโกดังขนาดใหญ่และโรงจอดรถบรรทุก
และในอนาคต โกดังและโรงจอดรถเหล่านี้ยังสามารถรองรับนิคมอุตสาหกรรมทางตอนใต้ของเมืองได้อีกด้วย
หลังอาหารเย็น เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าจะไปส่งพวกเขาสามคนกลับ แต่รองนายกเทศมนตรีจางปฏิเสธ เขายังให้ติงจวิ้นเจี๋ยกลับบ้านเอง ส่วนเขาออกไปเดินเล่นกับฟู่เต๋อเจิง
อากาศตอนกลางวันในเดือนสิงหาคมจะร้อนจัด แต่ตอนกลางคืนจะเย็นสบายกว่ามาก โดยเฉพาะเมื่อมีลมพัดมาเอื่อย ๆ
ถนนในเวลานี้ไม่ได้เต็มไปด้วยแสงไฟนีออนเหมือนในยุคหลัง ไม่มีแสงจ้าจากไฟรถที่ผ่านไปมา มีเพียงไฟถนนสลัวและแสงไฟจากบ้านเรือนเท่านั้นที่ไม่ทำให้เมืองมืดมิดในยามค่ำคืน
เวลาช่วง 20.00 – 21.00 น. บนท้องถนนมีคนไม่เยอะมาก
รองนายกเทศมนตรีจางและฟู่เต๋อเจิงเดินไปด้วยกันบนถนน พวกเขาสูบบุหรี่และพูดคุยกันอย่างสบายอารมณ์
“เหล่าฟู่ คุณว่าทำไมเจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้มีความคิดมากมายนักนะ ? ”
“ฉันก็งงเหมือนกัน ความรู้ของเขาไม่สอดคล้องกับอายุของเขาเลย ! ”
“ใช่แล้ว มุมมองหลายอย่างของเขาทั้งเฉียบแหลมและมองการณ์ไกล ทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกทัศน์ของฉันกว้างไกลขึ้นมาก”
ฟู่เต๋อเจิงหัวเราะ “เด็กคนนั้นดีหมดทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคือหน้าไม่อายนี่แหละ”
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ใช่แค่หน้าไม่อายเท่านั้น แต่ยังร้ายกาจอีกด้วย”
ฟู่เต๋อเจิงยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นทำไมคุณถึงยังตามใจเขาล่ะ ทำไมถึงต้องแสร้งทำเป็นไม่มีทางเลือก จนต้องตอบสนองความต้องการที่มากเกินไปของเขาแทบจะทุกความต้องการด้วย ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางหัวเราะ “คนหนุ่มไง การมีทักษะการวางแผนเป็นสิ่งที่ดี แม้ว่าแผนของเขาจะดูเห็นแก่ตัวเล็กน้อย แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของชิงโจว ฉันเลยไม่มีเหตุผลที่จะไม่สนับสนุนมัน”
ขณะที่พูดคุย ทั้งสองเดินไปที่ประตูร้านแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมันชิงเหอ
เมื่อเห็นว่าร้านสว่างไสว ลูกค้าเต็มร้านและธุรกิจก็เฟื่องฟู รองนายกเทศมนตรีจางจึงกล่าวว่า: “มีคำพูดหนึ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดได้ดีเลยทีเดียว เขาบอกว่าเขาอยากทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้เปรียบ แบบนั้นลูกค้าถึงจะเข้ามาซื้อสินค้าเรื่อย ๆ ”
จากนั้น เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะ “ทุกคนในเมืองเป็นลูกค้าของเขา แต่เขาเป็นลูกค้าของฉัน ฉันเรียนรู้จากเขาและปล่อยให้เขารู้สึกว่าได้เอาเปรียบฉัน มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ ? ”
ฟู่เต๋อเจิงยื่นมือชี้รองนายกเทศมนตรีจาง “จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ! ”
……
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ยืนส่งพวกรองนายกเทศมนตรีจางกลับไปแล้ว เขาก็พาหลินเจียอินและเจียงชานกลับบ้าน
เมื่อสามคนพ่อแม่ลูกเดินออกมาจากประตูร้าน หลินเจียอินเห็นคนจำนวนมากในร้านอร่อยสามมื้อที่อยู่ติดกัน เจียงเสี่ยวเฟิงและเจียงเสี่ยวชิงต่างก็อยู่ในนั้นเช่นกัน “ทำไมคุณไม่ไปถามว่าวันนี้พวกเขาขายเมล็ดแตงโม 5 รสไปกี่ถุง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว “ถามหรือไม่ถาม ผลลัพธ์ก็เห็นอยู่ตรงนั้นแล้ว วันนี้ดึกมากแล้ว เรากลับบ้านกันดีกว่า ! ”
“คุณใจกว้างจริง ๆ ! ” หลินเจียอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ที่จริงเธออยากเข้าไปถามมาก
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วพูดว่า “ต่อให้หัวใจของผมจะกว้างแค่ไหน แต่ใส่คุณได้แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ ! ”
“แหวะ ! ”
หลินเจียอินไม่คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะพูดมาแบบนี้ ใบหน้าสวยของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอทั้งรู้สึกเขินอายและอบอุ่นใจ
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ ภรรยาของเขาช่างน่ารักจริง ๆ
หลังจากล้อเล่นกันสักพัก ทั้งสามก็ขึ้นรถและมุ่งหน้ากลับบ้านอย่างช้า ๆ
กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบ 22.00 น. แล้ว
“ทำไมกลับมาช้านักล่ะ ? ”
“ตอนนี้เจียอินกำลังตั้งครรภ์หลานชายแม่อยู่นะ กลับดึกขนาดนี้จะส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของเจียอิน ! ”
“ถ้าลูกงานยุ่ง ดูแลภรรยาของลูกได้ไม่ดี ก็ให้เธออยู่บ้าน แม่จะดูแลเอง ! ”
พอเข้ามาในบ้าน หวังซิ่วจวี๋ก็บ่นเจียงเสี่ยวไป๋ชุดใหญ่
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกไม่ยุติธรรม ครั้งที่แล้วเขากลับมาช้าเพราะเจียงเสี่ยวเฟิงพาชานชานกลับมาส่งดึก วันนี้เขากลับมาช้าอีกวัน รวมแค่สองวันเท่านั้น ทำไมถึงได้กลายเป็นลูกชายที่ดูแลสะใภ้ไม่ดีไปแล้วล่ะ ?
แต่แม่เขาบ่นมาแบบนี้ เขาจะทำอย่างไรได้ ?
เขาไม่มีทางเลือก นอกจากต้องอดทนกับมัน และให้สัญญาว่า “มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ผมจะกลับเร็ว ๆ แล้ว”
หลินเจียอินช่วยพูดเช่นกัน “แม่ หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
หวังซิ่วจวี๋กล่าวว่า “จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร ? เกิดเหนื่อยจนกระทบครรภ์ขึ้นมา มันจะเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ”
“ไม่อย่างนั้น เจียอินหยุดอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปทำงานแล้วดีไหม ! ”
หลินเจียอินจะยอมอยู่บ้านเฉย ๆ ทุกวันได้อย่างไร เธอกลัวจนต้องรีบปลีกตัวหนี “แม่ หนูขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ หนูเหนื่อยแล้ว ! ”