ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 268 ไม่ใช่ข่าวดี
ตอนที่ 268 :ไม่ใช่ข่าวดี
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงใกล้ห้าโมงเย็นอย่างรวดเร็ว
โดยปกติในเวลานี้ เจียงเสี่ยวไป๋จะพาภรรยาและลูกสาวกลับบ้านแล้ว
แต่วันนี้เขายังกลับไม่ได้
เพราะเจียงชานยังไม่กลับมา
“เมียจ๋า เสี่ยวเฟิงได้บอกหรือเปล่าว่าพวกเขาไปไหนกัน ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถาม
หลินเจียอินส่ายหน้า “เขาไม่ได้บอก”
ในปี 1983 ไม่เหมือนคนรุ่นหลังที่มีโทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา ตอนนี้เจียงเสี่ยวเฟิงยังไม่กลับมา เจียงเสี่ยวไป๋จึงต้องรอ
กระทั่งเวลาล่วงเลยจากห้าโมงเย็นมาจนถึงหกโมงเย็น เจียงเสี่ยวเฟิงก็ยังไม่กลับมา
“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองหลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหงแล้ว จึงชวนพวกเธอไปกินข้าว
ทั้งคู่กำลังตั้งครรภ์และต้องรับประทานอาหารให้ตรงเวลาเพื่อเสริมโภชนาการ
เฝิงเยี่ยนหงกล่าวว่า “พี่ พี่กับพี่เจียอินไปกินข้าวก่อนเถอะ ฉันจะรอที่นี่ ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเราออกไปกันหมด เกิดเสี่ยวเฟิงและคนอื่นกลับมา พวกเขาจะหาเราไม่เจอ”
เจียงเสี่ยวไป๋จึงพูดว่า “ไม่ต้องหรอก พวกเราไปกินด้วยกันนี่แหละ เดี๋ยวให้เสี่ยวซินรออยู่ที่นี่ พวกเรากินเสร็จก็ห่อกลับมาฝากเธอด้วย”
“ใช่แล้ว ผู้จัดการเฝิง พวกคุณไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวฉันรออยู่ที่นี่เอง” เฉินซินรีบพูดขึ้นในทันที
เฝิงเยี่ยนหงจึงขึ้นรถไปกับเจียงเซียวไป๋และหลินเจียอิน
ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงสาขา 2 ตั้งอยู่ทางใต้ของเมือง ไม่ไกลจากโรงงานผลิตเครื่องปรุง ทั้งสามคนจึงมาถึงในเวลาอันสั้น
“ผู้จัดการหลิน พี่เสี่ยวไป๋ เชิญด้านในก่อน ! ”
ผู้จัดการสาขา 2 คือเจียงเสี่ยวเฟิ่ง เมื่อเห็นพวกเจียงเสี่ยวไป๋มาที่ร้านเย็นขนาดนี้ เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็รีบไปต้อนรับพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“เอากุ้งนึ่งมา 1 ชุด แล้วก็เมนูง่าย ๆ อีก 2 จาน พวกเรามากินข้าวเย็น” เจียงเสี่ยวไป๋กำชับ
เจียงเสี่ยวเฟิ่งรีบตกลง เธอจัดโต๊ะสำหรับทั้งสามคน แล้วไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเอง
ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็น โต๊ะส่วนใหญ่ในร้านจึงเต็มไปด้วยลูกค้า
หลินเจียอินมองแล้วพูดว่า “ตอนนี้ลูกค้าน้อยกว่าเมื่อก่อนมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋จึงกล่าวว่า “ตอนนี้มีร้านกุ้งอบน้ำมันเปิดเป็นจำนวนมาก อีกทั้งพวกเขายังทำของว่างมื้อดึกและขยายเวลาเปิดทำการ แน่นอนว่าลูกค้าไม่จำเป็นต้องต่อคิวเหมือนเมื่อก่อนที่เพิ่งเปิดร้านเพียงไม่กี่ร้าน”
“อื้ม ! ”
หลินเจียอินพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ถึงอย่างไรตอนนี้ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงมีการขยายสาขาไปมากกว่า 15 สาขา ส่วนร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอก็มีแฟรนไชส์มากถึง 30 สาขาแล้ว
หลินเจียอินไม่คิดเรื่องนี้แล้ว เธอพูดว่า “คุณว่าพวกเสี่ยวเฟิงไปเที่ยวที่ไหนกัน ทำไมถึงยังไม่กลับมาอีก ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้กังวลถึงเรื่องนี้มากนัก “ไม่ต้องสนใจเขาแล้ว อีกเดี๋ยวเขาคงกลับมา ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคุณและเยี่ยนหง”
ทั้งสามพูดคุยกันพร้อมกับกินข้าวเย็นด้วยกัน
“นายได้ยินข่าวไหม ? เมื่อบ่ายวันนี้มีเด็กจมน้ำตายในแม่น้ำชิงเจียงอีกแล้ว”
“ห๊ะ ? ตรงไหนหรือ ? ”
“ด้านล่างภูเขาชีเฟิง ฉันได้ยินมาว่าหลังออกมาจากสวนสัตว์แล้ว พวกเขาก็ไปเล่นที่ริมแม่น้ำกัน มีสามีภรรยาคู่หนึ่งพาเด็กมาหลายคน สองสามีภรรยาไม่ทันได้ระวัง ทำให้มีเด็กหนึ่งในนั้นถูกน้ำพัดไป”
“เฮ้อ……ทำไมสองสามีภรรยาคู่นั้นถึงไม่ระวังเลยนะ ? ”
“……”
คนกลุ่มนั้นคุยกันเสียงไม่เบา เจียงเสี่ยวไป๋ หลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหงต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน
ทันใดนั้น ใบหน้าของหลินเจียอินก็ซีดเผือดลง เธอหันกลับไปถามลูกค้าที่โต๊ะนั้น “ที่พวกคุณพูดมามันจริงหรือเปล่า ? ”
ที่โต๊ะนั้นมีวัยรุ่นนั่งอยู่ 4 คน หนึ่งในวัยรุ่นผมสั้นพูดขึ้นว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องดีเสียหน่อย โกหกไม่ได้หรอก ? ”
วัยรุ่นที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า: “สองสามีภรรยาคู่นั้นพาเด็กมาด้วย 3 คน เป็นเด็กผู้ชาย 1 คน เด็กผู้หญิง 2 คน ส่วนเด็กที่จมน้ำตายเป็นเด็กผู้หญิง……”
สีหน้าของหลินเจียอินซีดขาวยิ่งขึ้นกว่าเดิม เสียงของเธอสั่นเท้าเล็กน้อย “เด็กผู้หญิงคนที่จมน้ำชื่ออะไร ? ”
เมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้ สิ่งแรกที่เธอนึกถึงคือเด็กหญิงตัวเล็กที่ตกลงไปในน้ำนั้นจะเป็นลูกสาวของเธอหรือไม่ ?
เฝิงเยี่ยนหงนั้นไม่ต่างกัน จู่ ๆ เธอก็คิดว่าหรือคนกลุ่มนั้นจะเป็นพวกเจียงเสี่ยวเฟิง ?
เพราะถึงอย่างไร สองสามีภรรยาคู่นั้นก็พาลูก ๆ มาด้วย 3 คน อีกทั้งยังเป็นเด็กผู้หญิง 2 คน เด็กผู้ชาย 1 คน สถานการณ์ช่างเหมือนกับของเจียงเสี่ยวเฟิง หลัวเจาตี้ เจียงถิง เจียงชานและหวังกังอย่างประจวบเหมาะ
และพวกเจียงเสี่ยวเฟิงก็ออกไปเที่ยวนานแล้ว แต่จนถึงกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา
แม้แต่เจียงเสี่ยวไป๋ยังใจหายวูบ ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเช่นกัน
ทั้งสามมองไปที่วัยรุ่นมีรูปร่างค่อนข้างอ้วนอย่างประหม่าและเป็นกังวล
แต่ชายหนุ่มคนนั้นกลับยิ้มแหย “ผมจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ ! ”
เขาแค่ได้ยินข่าวมาเท่านั้น ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรขนาดนั้น
เขาส่ายหัวแล้วมองหลินเจียอินด้วยสีหน้าแปลก ๆ เขาคิดกับตัวเองว่าไม่ใช่ลูกของคุณเสียหน่อยที่ตกลงไปในน้ำ ทำไมคุณถึงกังวลขนาดนี้ ?
หลินเจียอินไม่รู้ข่าวที่แน่ชัด เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลไม่แพ้กัน
“ฉันไม่กินแล้ว เรากลับไปที่โรงงานกันเถอะ ! ” หลินเจียอินพูดขึ้นมา
เฝิงเยี่ยนหงพยักหน้าเห็นด้วย เธอไม่มีอารมณ์กินข้าวเช่นเดียวกัน
เจียงเสี่ยวไป๋หมดหนทาง สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงให้เจียงเสี่ยวเฟิ่งนำอาหารใส่ห่อให้เขา
เมื่อขึ้นรถมา หลินเจียอินก็ยิ่งเป็นกังวลยิ่งขึ้น สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “หนังตาของฉันกระตุก เด็กที่จมน้ำคงไม่ใช่พวกชานชานใช่ไหม ? ”
เฝิงเยี่ยนหงได้ยินแบบนั้นจึงรีบถามขึ้นว่า “หนังตากระตุกข้างไหน ? ”
“ซ้าย ! ”
“ขวาร้าย ซ้ายดี ! ” เฝิงเยี่ยนหงลูบหน้าอกตนเอง แล้วผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ตอนนี้พวกชานชานยังไม่กลับมาเลย ฉันเป็นกังวล……” หลินเจียอินขอบตาแดง เสียงของเธอสั่นขณะที่พูด
เจียงเสี่ยวไป๋ที่เห็นแบบนั้นจึงรีบปลอบใจเธอว่า “เมียจ๋า คุณอย่าเพิ่งคิดไปไกล ลูกของเราไม่เป็นอะไรหรอก”
ที่จริงตัวเขาเองก็กังวลเช่นกัน แต่ตอนนี้ภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์ หมอบอกว่าหญิงมีครรภ์ไม่ควรได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากเกินไป เขาจึงทำได้เพียงแค่ปลอบเธอเท่านั้น
คนเรานั้นก็แปลก เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวที่ไม่ดี ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาคือมักจะคิดเชื่อมโยงกับตนเองก่อนเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณอยู่ที่ทำงานและรู้ข่าวว่าย่านชุมชนที่คุณอาศัยอยู่มีไฟไหม้ ปฏิกิริยาแรกที่คุณทำก็คือ คุณจะคิดว่าบ้านของคุณถูกไฟไหม้หรือเปล่า
ในทางจิตวิทยา นี่คืออาการวิตกกังวลหรือโรคย้ำคิดย้ำทำ คนเราเกือบทุกคนมีภาวะนี้ และจะเห็นได้ชัดเจนกว่าในสตรีมีครรภ์
ทั้งสามกลับมาที่ห้องทำงานของโรงงานอย่างรวดเร็ว
แต่ภายในห้องทำงานยังคงมีแค่เฉินซินอยู่คนเดียวเท่านั้น
“ผู้จัดการหลิน พวกคุณกลับมาเร็วจัง ? ”
เฉินซินลุกขึ้นยืน เธอถามด้วยความประหลาดใจ
หลินเจียอินกล่าวว่า: “ชานชานกับเสี่ยวกังยังไม่กลับมาอีกหรือ ? ”
เฉินซินรู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้น ตอนนี้ในห้องทำงานมีเธอแค่คนเดียว หากเจียงชานและหวังกังกลับมาแล้ว ผู้จัดการหลินก็ต้องเห็นไม่ใช่หรือ ? แล้วทำไมถึงยังถามแบบนี้อีก ?
อืม เธอคงเป็นกังวล !
“ผู้จัดการหลิน คุณไม่ต้องกังวล อีกเดี๋ยวพวกเขาคงกลับมา” เฉินซินพูดปลอบใจ
หลินเจียอินจะไม่กังวลได้อย่างไร ตอนนี้มีข่าวว่ามีเด็กผู้หญิงจมน้ำตาย คิดได้ดังนั้น เธอจึงรีบไปคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องทำงานขึ้นมากดโทรหาร้านหลักของเธอ
“ฮัลโหล ฉันหลินเจียอิน ! ”
“หัวหน้าแม่ครัวหลัวและชานชานอยู่ที่นั่นไหม ? ”
เมื่อปลายสายกดรับ หลินเจียอินก็ถามโพล่งออกไปในทันที
แต่คำตอบที่ปลายสายตอบกลับมาทำให้เธอผิดหวังแล้ว
หลังจากวางสายไปแล้ว หลินเจียอินก็ยิ่งกระสับกระส่ายและร้อนใจมากยิ่งขึ้น
และในตอนนี้เอง หวังผิงก็มาถึงที่ทำงาน
เขาเปิดประตูเข้ามาก็เห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋และหลินเจียอินยังอยู่ เขาจึงหันไปพูดกับเฝิงเยี่ยนหงด้วยรอยยิ้มว่า “ผมก็ว่าทำไมวันนี้คุณถึงยังไม่กลับบ้านเสียที ที่แท้เสี่ยวไป๋กับพี่สะใภ้ก็ยังอยู่ที่นี่นี่เอง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเขาแล้วถามว่า “ทำไมนายถึงมาที่นี่ล่ะ ? ”
หวังผิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ฉันก็มารับเยี่ยนหงกับเสี่ยวกังกลับบ้านไง ! ”
ระหว่างที่พูด เขาถึงได้สังเกตว่าเสี่ยวกังไม่ได้อยู่ที่นี่ หวังผิงจึงเอ่ยถาม “เสี่ยวกังล่ะ ? ”
เฝิงเยี่ยนหงตอบ “เมื่อเช้าเสี่ยวเฟิงพาชานชานกับเสี่ยวกังออกไปเที่ยวเล่น ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”
หวังผิงพยักหน้ารับ มิน่าล่ะ เจียงเสี่ยวไป๋ถึงยังไม่ยอมกลับบ้าน ที่แท้เขาก็กำลังรอเจียงชานอยู่นี่เอง
“ไม่เป็นไร งั้นเราก็รอลูกก่อนแล้วกัน ! ”
หวังผิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ