ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 267 เย่กวงโต้วผู้กลัดกลุ้ม
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 267 เย่กวงโต้วผู้กลัดกลุ้ม
ตอนที่ 267 :เย่กวงโต้วผู้กลัดกลุ้ม
ใบปลิวทั้ง 100,000 ใบที่ถูกส่งมาจากโรงพิมพ์ของสำนักข่าวถูกบรรจุห่อละ 5,000 ใบ ทั้งหมด 20 ห่อ
แต่ละห่อจะมีตัวเลขรหัสกำกับไว้ เจียงเสี่ยวชิงจึงหยิบเอาสมุดและปากกาออกมาเขียนตัวเลขรหัสของใบปลิวแต่ละชุดที่แต่ละคนได้รับ
แบบนี้ เวลามีลูกค้านำใบปลิวมาแลกก็จะสามารถนับจำนวนลูกค้าที่แต่ละคนดึงดูดมาได้
เจียงเสี่ยวเหลยเห็นแบบนั้นจึงถาม “พี่รอง เลขรหัสมีแค่ 20 ชุด เรามีทั้งหมด 25 คน จะแบ่งอย่างไรดี ? ”
เจียงเสี่ยวชิงคิดแล้วจึงพูดว่า “หลี่ลี่ หลี่เจีย หวังเจี้ยนและหวังฉินเป็นพนักงานของร้านโยวผิ่น ไม่ต้องเข้าร่วมการประเมินการแจกใบปลิว ดังนั้นให้พวกเขาไปแจกใบปลิวแค่นิดหน่อยพอ”
จากนั้น เธอหันมองไปที่เย่กวงโต้วแล้วพูดว่า “ส่วน……นักข่าวเย่ก็เช่นกัน”
หลี่ลี่และคนอื่นไม่มีข้อคัดค้านอะไร
มีเพียงเย่กวงโต้วคนเดียวที่รู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย เพราะเจียงเสี่ยวชิงยังคงเรียกเขาว่านักข่าวเย่ ทั้งที่เขาบอกแล้วว่าให้เธอเรียกเขาว่า “กวงโต้ว” น่ะ !
เธอไม่ใส่ใจมันเลยสักนิด !
“เสี่ยวชิง เธอคอยจดบันทึกไป เดี๋ยวฉันจะช่วยแบ่งใบปลิวให้”
เมื่อรู้ว่างานของทุกคนในวันนี้คือการแจกใบปลิวคนละ 3,000 ใบแล้ว เย่กวงโต้วจึงเป็นคนเดินไปแกะห่อใบปลิวแล้วแจกจ่ายให้แต่ละคน
“ต้องรบกวนนักข่าวเย่แล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวชิงไม่ได้คัดค้านเช่นกัน เธอพูดอย่างเป็นกันเอง
เธอยังคงเรียกเขาว่านักข่าวเย่ !
เย่กวงโต้วรู้สึกเหมือนมีเข็มมาทิ่มใจ เขาเปิดห่อใบปลิวอย่างกลัดกลุ้มและเริ่มนับอย่างรวดเร็ว
เจียงเสี่ยวชิงที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับตกตะลึง เธอถามเขาอย่างอึ้ง ๆ ว่า “นักข่าวเย่ คุณทำอะไรน่ะ ! ”
เย่กวงโต้วหันมาตอบด้วยความงุนงง “ต้องแบ่งให้คนละ 3,000 ใบไม่ใช่หรือ ? ผมก็กำลังนับใบปลิวอยู่นี่ไง”
เจียงเสี่ยวชิงหลุดขำออกมา สาวน้อยกล่าวด้วยรอยยิ้มขบขันว่า “ใบปลิวมีห่อละ 5,000 ใบ คุณเทียบความหนาแล้วแบ่งเป็นสองในสามไม่ได้หรือ ? ”
ดูจากรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและการสวมแว่นตาของเขาแล้ว เธอนึกว่าเขาเป็นคนฉลาด แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นเด็กเนิร์ดจอมซื่อแบบนี้
ถ้านับทีละ 3,000 ใบต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ? !
มันก็แค่การแจกใบปลิวเท่านั้น จะนับหายหรือเกินไปหลักสิบหรือหลักร้อยใบไม่เป็นไรหรอก !
เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
เย่กวงโต้วได้ยินเจียงเสี่ยวชิงพูดแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็แดงเรื่อขึ้นมา
เขาเรียนสาขาวารสารศาสตร์ ซึ่งเป็นสาขาที่เข้มงวดและละเอียดมาก เมื่อได้ยินว่าแต่ละคนต้องแจกใบปลิวคนละ 3,000 ใบ เขาจึงคิดว่าทุกคนจะต้องได้ใบปลิวไปจำนวนเท่ากัน ไม่ควรขาดหรือเกิน
แต่ไม่คาดเลยว่าคนหนึ่งจะได้น้อยไปหรือเกินไปเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย
ฉากเล็ก ๆ นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เจียงเสี่ยวชิงจดบันทึกเลขรหัส เย่กวงโต้วเป็นคนแจกใบปลิว หลี่ลี่แจกกระเป๋าสะพายหลังสีดำให้ทุกคนคนละใบ นี่คือกระเป๋าที่เจียงเสี่ยวไป๋เตรียมไว้ให้ล่วงหน้า
ทั้งสามทำงานร่วมกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
กระทั่งถึงคิวเจียงเสี่ยวเหลย เป็นใบปลิวห่อที่ 12 เย่กวงโต้วกำลังเตรียมจะแบ่งให้ แต่กลับเห็นเด็กหนุ่มโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องแบ่งแล้ว ห่อนี้ผมจัดการเอง ! ”
เย่กวงโต้วชะงักไปเล็กน้อย ใบปลิวหนึ่งห่อมี 5,000 ใบ มันไม่ใช่งานเบา ๆ เลยนะ
เจียงเสี่ยวเหลยหัวเราะแล้วพูดอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เป็นไร ผมพลังเยอะ ! ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบใบปลิวทั้งห่อยัดลงในกระเป๋าเป้สะพายหลัง แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะแจกใบปลิวให้เยอะกว่าคนอื่น
ไม่นาน คนอื่นก็รับใบปลิวแล้วแยกย้ายกันไป ภายในร้านจึงเหลือเพียงเจียงเสี่ยวชิง เย่กวงโต้ว หลี่ลี่และเจียงเสี่ยวหยูเท่านั้น
คนที่เหลือแบ่งใบปลิวให้กันและกัน หลี่ลี่ล็อคประตูร้านแล้วจึงพูดกับเจียงเสี่ยวชิงว่า: “พี่เสี่ยวชิง ฉันกับเสี่ยวหยูไปก่อนนะ ! ”
หลี่ลี่และหลี่เจียเป็นฝาแฝดกัน ทั้งสองเป็นลูกของป้าฝ่ายแม่ของเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวชิงให้เธอกับเจียงเสี่ยวหยูไปแจกใบปลิวที่ทางเข้าโรงภาพยนตร์
เจียงเสี่ยวชิงไม่ลืมที่จะกำชับว่า “ระวังตัวด้วย หลี่ลี่ ฉันฝากดูแลเสี่ยวหยูด้วยนะ”
“อืม ฉันจะดูแลเธอให้ ! ” หลี่ลี่ตอบรับ
เจียงเสี่ยวหยูพูดขึ้นเช่นกันว่า “พี่ไม่ต้องกังวล ฉันไม่เป็นไรหรอก”
หลังจากที่ทั้งสองจากไปแล้ว เจียงเสี่ยวชิงก็พูดว่า “นักข่าวเย่ งั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
เย่กวงโต้วรีบพูดขึ้นว่า “เสี่ยวชิง งั้นเราไปด้วยกันเถอะ ! ”
เจียงเสี่ยวชิงมองเขาด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า “คุณไปที่จัตุรัสตรงถนนเหรินหมินทางตอนเหนือของเมือง ส่วนฉันไปที่สี่แยกถนนเซิงหลี่ทางตอนใต้ของเมือง เราไม่ได้ไปแจกที่เดียวกัน”
เย่กวงโต้ว: “……”
มองร่างสวยเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เย่กวงโต้วรู้สึกมึนงง ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“ตอนบ่ายฉันต้องกลับไปบอกหัวหน้าเจียงว่าพรุ่งนี้ฉันจะมาช่วยแจกใบปลิวต่อ ! ”
เย่กวงโต้วกำหมัดแน่นและตัดสินใจว่าตราบใดที่ใบปลิวยังถูกแจกหมด เขาจะมาช่วยแจกทุกวันเพื่อจะได้เห็นหน้าเจียงเสี่ยวชิงทุกวัน
……
“พี่ชายคะ รับใบปลิวนี่สิ พรุ่งนี้สามารถนำใบปลิวนี้ไปแลกเมล็ดแตงโม 5 รสได้หนึ่งถุงนะคะ”
“คุณอาคะ ใบปลิวนี้สามารถนำไปแลกรับเมล็ดแตงโม 5 รสได้ฟรีนะคะ”
“เมล็ดแตงโม 5 รสอร่อยมากเลยนะคะ คุณป้าสามารถนำใบปลิวนี้ไปแลกเมล็ดแตงโม 5 รสได้ฟรีหนึ่งถุงที่ร้านข้าง ๆ สถานีขนส่งผู้โดยสาร”
“พี่สาวคะ……”
“……”
ร่างเล็กหันซ้ายหันขวาท่ามกลางฝูงชนภายใต้แสงแดดที่แผดจ้า ยื่นใบปลิวให้ทุกคนที่ผ่านไปมาอย่างกระตือรือร้น
เนื่องจากเธอพูดจาไพเราะ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาจึงยอมรับใบปลิว และบางคนถึงกับหยุดพูดคุยกับเธอหรือชมเธอว่า “สาวน้อยคนนี้มีความสามารถจริง ๆ ! ”
เจียงเสี่ยวหยูรู้สึกถึงความสำเร็จ
ทางฝั่งของเจียงเสี่ยวเหลย เขาสะพายกระเป๋าเป้แล้วเดินแจกใบปลิวไปตามถนน เสื้อผ้าของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดโต เขาเดินจนเท้าเจ็บระบมไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกัดฟันทนเดินแจกต่อไป
“ข้อตกลงบอกว่าต้องแจกวันละ 3,000 ใบ แต่ฉันจะแจก 5,000 ใบให้เสร็จ ! ”
เจียงเสี่ยวเหลยกระตุ้นตัวเองและเร่งความเร็วในการแจก
……
เนื่องจากมีทั้งโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ อีกทั้งมีคนกระจายไปแจกใบปลิวตามพื้นที่ต่าง ๆ มากถึง 20 กว่าคน ด้วยการโฆษณาอย่างหนักนี้ ชื่อเสียงของเมล็ดแตงโม 5 รสจินเคอจึงเป็นที่รู้จักไปทั่วเมืองชิงโจวอย่างรวดเร็ว
“เมล็ดแตงโม 5 รสคืออะไร ? ”
“แลกรับฟรีหนึ่งถุงได้จริง ๆ ใช่ไหม ? ”
“แล้วไปรับที่ไหนล่ะ ? ฉันอ่านหนังสือไม่ออก ! ”
“ร้านโยวผิ่น……ข้างสถานี……ขนส่งผู้โดยสาร ! ”
“ข้างสถานีขนส่งผู้โดยสารหรือ ฉันเคยเดินผ่านมาก่อน เหมือนจะมีร้านใหม่มาเปิดจริง ๆ เพียงแต่ยังไม่เปิดขาย”
“ในใบปลิวบอกว่าให้นำไปแลกวันพรุ่งนี้ ต้องรอพรุ่งนี้ก่อนถึงจะนำไปแลกได้”
“จริงหรือไม่จริง แค่เราไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง”
“อืม ถึงอย่างไรก็ของฟรี พรุ่งนี้เราลองไปดูได้”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋กลับมาที่โรงงานผลิตเครื่องปรุงรส เมื่อเห็นว่าในห้องทำงานมีแค่หลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหงอยู่ เขาจึงถามว่า “ชานชานกับเสี่ยวกังไปไหนล่ะ ? ”
หลินเจียอินตอบว่า “เสี่ยวเฟิงพาออกไปเที่ยวเล่น”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เดิมทีเขาอยากให้ครอบครัวของเจียงเสี่ยวเฟิงได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันสามคนพ่อแม่ลูก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าน้องชายจะพาเจียงชานกับหวังกังไปด้วย
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และเขาก็ไม่ได้ใส่ใจถึงเรื่องนี้
“จริงสิ เลขาติงโทรมาหาคุณด้วย” หลินเจียอินนึกได้
เจียงเสี่ยวไป๋ดีใจมาก เขารีบโทรกลับไปหาติงจวิ้นเจี๋ยทันที
“เลขาติง คุณโทรหาผมเพราะมีข่าวดีใช่ไหม ? ”
เมื่อปลายสายรับสาย เจียงเสี่ยวไป๋จึงถามด้วยรอยยิ้ม
ปลายสายฝั่งนั้นมีเสียงของติงจวิ้นเจี๋ยกล่าวตอบมาว่า “ข่าวดีอะไรล่ะ ผมจะโทรมาบอกว่ารองนายกเทศมนตรีจางจะกลับมาพรุ่งนี้แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ลองถามหยั่งเชิงไปว่า “รองนายกเทศมนตรีจางได้บอกอะไรบ้างไหม ? ”
“เปล่านะ ท่านรองนายกไม่ได้พูดอะไร เขาแค่บอกว่าจะกลับมาถึงพรุ่งนี้ และขอให้ผมไปรับที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร”
“น้ำเสียงของเขาได้บ่งบอกอะไรบ้างไหม ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถามอย่างไม่ลดละ
ติงจวิ้นเจี๋ยหัวเราะ “ท่านรองนายกจะเปิดเผยอะไรง่าย ๆ ขนาดนั้นได้อย่างไร อีกอย่างมันเป็นการโทรคุยกันทางโทรศัพท์ด้วย”
หลังจากหยุดไปสักพัก เขาก็กล่าวว่า “พี่เจียง อย่ากังวลมากเกินไป รองนายกเทศมนตรีจางกลับมาพรุ่งนี้ก็ได้รู้ทุกอย่างแล้วไม่ใช่หรือ”
เจียงเสี่ยวไป๋จะไม่เป็นกังวลได้อย่างไร ?
รองนายกเทศมนตรีจางจะช่วยอนุมัติรถบรรทุก 40 คันได้หรือไม่นั้นมันเกี่ยวข้องกับความเร็วในการพัฒนาของหลายอุตสาหกรรมเลยนะ
พอถามความคืบหน้าไม่ได้ เจียงเสี่ยวไป๋จึงผิดหวังเล็กน้อย “อื้ม คุณบอกเวลาที่รองนายกเทศมนตรีจางจะกลับมาให้ผมรู้ด้วย ผมจะไปรับเขาพร้อมกับคุณ”
ติงจวิ้นเจี๋ยลังเลเล็กน้อยแล้วบอกเวลา
หลังจากวางสายไป เจียงเสี่ยวไป๋จึงเอามือกุมขมับ
เขารู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะสถานการณ์นี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง
แต่สภาพแวดล้อมทั่วไปก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะกลับมาเกิดใหม่ แต่หลายอย่างนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เขาทำได้เพียงดำเนินการไปทีละขั้นเท่านั้น
เขาส่ายหัวและเลิกคิดเรื่องนี้ไป
เพราะพรุ่งนี้เช้า เจียงเสี่ยวไป๋ต้องไปร่วมงานเปิดร้านโยวผิ่นด้วยตนเอง