ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 262 เป็นรองแค่ตำแหน่งประธานาธิบดี
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 262 เป็นรองแค่ตำแหน่งประธานาธิบดี
ตอนที่ 262 :เป็นรองแค่ตำแหน่งประธานาธิบดี
“เสี่ยวเย่ ยินดีต้อนรับสู่แผนกโฆษณา ! ”
เย่กวงโต้วเคาะประตูแล้วเข้ามาในสำนักงาน เจียงเสี่ยวไป๋จึงกล่าวต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม
เย่กวงโต้วมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะขมวดคิ้ว “คุณเรียกผมว่าอะไรนะ ? ”
“เสี่ยวเหย่ ! ” (คำพ้องเสียง มีความหมายว่า ลูกพี่)
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไปเล็กน้อย ขณะเอ่ยออกมา
“เฮอะ!”
เย่กวงโต้วขานรับเสียงดังแล้วพูดว่า “ดีมาก!”
แล้วเขาก็หัวเราะออกมาดัง ๆ ราวกับได้ระบายความแค้น
เขามั่นใจว่าสาเหตุที่เขาถูกย้ายมายังแผนกโฆษณาเป็นเพราะเจียงเสี่ยวไป๋แน่นอน
หากไม่ระบายสักหน่อย ในใจคงยากที่จะสงบ
เจียงเสี่ยวไป๋หน้าเจื่อน คนที่อยู่มาสองชาติอย่างเขากลับถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งหลอกเสียได้
ต่อไปนี้เขาไม่กล้าเรียกใครว่า “เสี่ยวเย่” แล้ว
“เอาล่ะไอ้หนู เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันนะเรา ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองเย่กวงโต้วขณะเอ่ยออกมา
เย่กวงโต้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “เสียแรงที่ปู่ของผมชมว่าคุณเป็นคนดี ที่จริงคุณมันก็แค่พวกลื่นไหลไปเรื่อย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ “ฉันลื่นไหลตรงไหน ? ”
เขาโบกมือปัดแล้วพูดว่า “นายไปถามประธานฟู่นู่นว่าฉันได้เป็นคนบอกให้นายย้ายมาที่แผนกโฆษณาหรือเปล่า ? แต่ที่จริงฉันก็ไปขอคนมาจากเขาจริง ๆ นั่นแหละ เพียงแต่คนที่ฉันขอตัวมาคือถังชือเอินต่างหาก ส่วนนายคือคนที่ประธานฟู่ยัดมาให้ฉัน ! ”
เย่กวงโต้วชะงักไปเล็กน้อย ท่านประธานเป็นคนบอกเองว่าการย้ายเขามาที่แผนกโฆษณาเป็นการตัดสินใจของท่านประธาน ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนบอกให้ประธานฟู่ย้ายเขามา เด็กหนุ่มเริ่มสับสน เพราะสถานะของทั้งสองคนนี้ไม่จำเป็นต้องพูดโกหกเขาเลย
หรือว่าเขาเข้าใจเจียงเสี่ยวไป๋ผิดไป ?
ไม่ !
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่เขายังเชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจียงเสี่ยวไป๋
“แม้ว่าคุณจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่มันต้องเป็นฝีมือของคุณแน่นอน ! ”
เย่กวงโต้วพูดออกไปตามตรงว่า “ต่อให้คุณได้ตัวผมไป แต่คุณไม่มีวันได้ใจผมหรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋หมดคำจะพูดอีกครั้ง เจ้าหมอนี่พูดจาไร้สาระอะไร นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือ !
อืม ต่อให้เป็นผู้หญิง แต่ฉันก็เป็นคนมีลูกมีเมียแล้วนะ
มองดูเย่กวงโต้ว เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นเหมือนม้าหนุ่มมุทะลุ เต็มไปด้วยธรรมชาติที่ดุร้าย และเหมือนเม่นที่มีหนามแหลมคมทั่วตัว
“คนหนุ่มเจ้าอารมณ์เป็นเรื่องดี ! ”
“แต่โดยปกติแล้วคนที่มีความสามารถจะไม่เจ้าอารมณ์ ในขณะที่คนไร้ความสามารถมักจะเจ้าอารมณ์เสมอ ! ”
“ไม่รู้ว่าอารมณ์ของนายคู่ควรกับความสามารถของนายหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างลึกซึ้ง
เย่กวงโต้วกระตุกมุมปาก เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “อายุมากกว่าผมแค่ไม่กี่ปี ยังมาทำตัวเป็นคนแก่ต่อหน้าผมอีก เรียกใครว่าคนหนุ่มฮะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ “นายคิดว่าฉันพูดผิดงั้นหรือ ? ”
เย่กวงโต้วไม่เถียง เขาแค่มองค้อนเจียงเสี่ยงไป๋ ถือเป็นการยอมรับแบบเงียบ ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “เรียกนายว่าคนหนุ่มเพราะเห็นแก่หน้านายต่างหาก ไม่รู้จักถนอมน้ำใจคนเขาเลย”
เย่กวงโต้วพูดอย่างโมโหว่า “หน้าผม ผมรักษาเองได้ ไม่ต้องให้คุณมาไว้หน้าแทนหรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ ฉันก็อยากดูเหมือนกันว่านายจะมีหน้าอะไรกับเขา ? ”
“นายอายุ 22 ปีแล้ว ส่วนฉันอายุ 28 ปี ฉันอายุมากกว่านาย 6 ปี”
“นายทำงานในสำนักพิมพ์ไป 6 ปีแล้วจะได้นั่งเก้าอี้ประธานหรือเปล่า ? ”
เย่กวงโต้วชะงักไป มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ ?
กว่าฟู่เต๋อเจิงจะได้นั่งเก้าอี้ประธานสำนักพิมพ์ก็จวนจะอายุ 40 ปีอยู่แล้ว ต่อให้เขาจะมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยคิดว่าพออายุ 20 กว่าปีจะได้เป็นประธานสำนักพิมพ์
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่อ “แม้ว่านายจะได้เป็นประธานสำนักพิมพ์ แต่เดือนหนึ่งนายสามารถทำเงินได้เท่าไหร่กันเชียว ? ”
“อืม ฉันรู้ว่าเงินเดือนปัจจุบันของประธานฟู่บวกค่าเขียนข่าวต้นฉบับแล้วได้ประมาณ 100 กว่าหยวนต่อเดือน”
“แม้ว่านายจะมีความสามารถ และเขียนต้นฉบับได้มากมายก็ตาม”
“แต่ฉันว่านายน่าจะทำเงินได้อย่างมากก็เดือนละ 200 หยวน”
เย่กวงโต้วไม่กล้าคิดถึงเงินเดือน 200 หยวนเลย ตอนนี้เขาเพิ่งเข้ามาทำงานในสำนักพิมพ์ ได้รับเงินเดือนแค่ 20 หยวนต่อเดือนเท่านั้น
เจียงเสี่ยวไป๋หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วถามเขาต่อ “นายรู้ไหมว่าฉันทำรายได้ได้เท่าไรในแต่ละเดือน ? ”
เย่กวงโต้วยิ้มอย่างดูถูก เขาจะสนใจเงินที่คนอื่นหามาได้ไปทำไม แต่เมื่อจู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ถามมาแบบนี้ เขาสงสัยเล็กน้อยจึงถามออกไป “เท่าไรล่ะ ? ”
“เดือนที่แล้วได้ประมาณสามแสนกว่าหยวน ! ”
“อะไรนะ ? ”
เย่กวงโต้วอุทานด้วยความตกใจ: สามแสนกว่าหยวนเชียวหรือ ? นั่นมันจำนวนเงินมหาศาลเลยนะ !
เจียงเสี่ยวไป๋กับหัวเราะ เขาพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “เดือนนี้น่าจะแตะหลักล้าน ! ”
เย่กวงโต้วได้ยินก็ตกตะลึงตาค้าง หัวของเขามึนตึ้บไปหมด
เงินหลักล้านแบบนั้น ด้วยระดับเงินเดือนของเขา ไม่ต้องพูดถึงการเก็บออมไปตลอดชีวิตเลย เขาไม่มีทางหาเงินได้มากขนาดนั้นแม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่หลายสิบหรือหลายร้อยชั่วอายุคนก็ตาม
แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับทำได้ในเดือนเดียว
เขาไม่เคยคิดว่าช่องว่างระหว่างคนเราจะใหญ่ขนาดนี้
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงกล่าวต่อ “สิ่งที่ฉันกำลังบอกนายไม่ใช่สิ่งอวดอ้าง แต่เพื่อให้นายรู้ว่าแท้จริงแล้วนายเป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่เลือดร้อน นายยังไม่มีความเข้าใจในตรรกะที่ซ่อนอยู่ของโลกใบนี้”
“แน่นอนว่าฉันก็ไม่อยากสอนนายเหมือนกัน”
“เพราะคนเราต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตด้วยตนเอง”
“แต่สิ่งที่ฉันสามารถบอกนายได้ก็คือ เมื่อนายเข้ามาอยู่ในแผนกโฆษณาแล้ว แม้ว่าประตูสู่ความเข้าใจโลกจะยังไม่เปิดกว้าง แต่ก็เท่ากับเปิดประตูแง้มไว้บ้างแล้ว”
“นี่คือโอกาสของนาย”
“โอกาสก็เหมือนหัวขโมย มันมาโดยที่นายไม่รู้ตัว แต่เมื่อมันจากไป มันจะไปพร้อมกับการสูญเสียอย่างมากเช่นกัน”
“เมื่อนายเข้าไปอยู่ในแผนกบรรณาธิการ ตำแหน่งของหัวหน้าหงเหว่ยและประธานฟู่ในตอนนี้คืออนาคตของนาย”
“ซึ่งนายจะสามารถมองเห็นตัวเองในอีกไม่กี่ปี หรืออีกหลายสิบปีหลังจากนี้ได้จากพวกเขา”
“แต่หากมาเข้ามาอยู่ในแผนกโฆษณา อนาคตของนายจะไร้ขีดจำกัด”
“โลกของนายไม่ได้มีเพียงแค่ข่าว ต้นฉบับ และการถ่ายภาพ แต่นายจะได้เห็นแต่ละบริษัทสร้างความมั่งคั่งนับล้านหรือหลายพันล้านภายใต้การวางแผนและความคิดสร้างสรรค์ของนาย”
“ตัวนายเองก็สามารถหาเงินได้จนใช้ไม่หวาดไม่ไหว กระทั่งกลายเป็นเศรษฐีในที่สุด”
“ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนให้โอกาสนายแล้ว นายจะคว้ามันไว้ได้หรือไม่นั้นก็อยู่ที่ตัวนาย ฉันไม่สามารถบังคับใครได้”
คำพูดเป็นชุดของเขาทำให้เย่กวงโต้วตกตะลึง
เขาเคยเรียนมหาวิทยาลัยมาก่อน แต่ในรั้วมหาวิทยาลัยไม่มีใครเคยสอนเขาแบบนี้
อะไรคือตรรกะที่ซ่อนอยู่ของโลกนี้ ?
อะไรคือโอกาส ?
คนอย่างเขาจะมีโอกาสกลายเป็นเศรษฐีมูลค่านับล้านหรือหลักสิบล้านได้จริงหรือ ?
ดูเหมือนเขาจะงมงายและสับสนมากในขณะนี้
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็พูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ทำไมเข้ามาทำงานในแผนกโฆษณาแล้วถึงทำเงินได้มากมายขนาดนั้น ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วตอบไปเพียงสั้น ๆ ว่า “เพราะการโฆษณาเป็นรองแค่ตำแหน่งของประธานาธิบดี ! ”
เป็นรองแค่ตำแหน่งของประธานาธิบดี ?
เย่กวงโต้วยิ้มเหยเก “หัวหน้าเจียง คุณพูดเกินจริงไปหน่อยหรือเปล่า ! หากการทำโฆษณามันดีแบบนี้ แล้วทำไมทุกคนถึงไม่แห่ไปทำโฆษณากันหมดล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเย่กวงโต้ว แล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้เป็นคนพูดประโยคนี้ แต่พูดโดยประธานาธิบดีรูสเวลต์แห่งสหรัฐอเมริกา”
“คำพูดเดิมของเขาคือ: ถ้าฉันสามารถมีชีวิตอีกครั้งและเลือกอาชีพได้ ฉันคิดว่าฉันจะทำอาชีพนักโฆษณา”
“นายดูสิ ขนาดประธานาธิบดียังเลือกแบบนี้”
“นายยังคิดว่าเป็นนักโฆษณาไม่ดีเท่าเป็นบรรณาธิการอีกงั้นหรือ ? ”
คำพูดนี้ทำเอาเย่กวงโต้วถึงกับเถียงไม่ออก
เจียงเสี่ยวไป๋จ้องไปยังเย่กวงโต้ว แล้วพูดว่า “ตอนนี้นายสามารถเลือกเดินหันหลังกลับออกไป กลับไปที่แผนกบรรณาธิการของนาย แล้วฉันจะบอกกับประธานฟู่ว่าไม่ต้องการนายแล้ว”
“หรือนายจะเลือกอยู่ที่นี่ต่อก็ได้ แต่ถ้าหากนายเลือกอยู่ต่อ นายก็จงละทิ้งความเย่อหยิ่งและอคติของนายไปซะ แล้วเรียนรู้จากฉันให้มาก ตั้งใจทำโฆษณาให้ดี”
ความเงียบเข้ามาเยือนภายในสำนักงานแผนกโฆษณา
เย่กวงโต้วอยากจะออกไปทันที และไปที่แผนกบรรณาธิการเพื่ออุดมคติในใจของเขา
แต่ทว่า……
เท้าของเขากลับหนักพอ ๆ กับตะกั่ว เขาไม่สามารถขยับขาได้เลย
ถ้าเดินออกไป นั่นคือความใฝ่ฝันของเขา
แต่การอยู่ต่อนั้น มันคือความจริง
เขาควรจะเลือกอย่างไรดี ?
เย่กวงโต้วเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ