ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 261 ติดกับดักแล้ว
ตอนที่ 261 :ติดกับดักแล้ว
ถังชือเอินเกิดในครอบครัวนักวิชาการ เธอสำเร็จการศึกษาจากสาขาวารสารศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน มีความรู้ทางวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยมและรอบรู้เรื่องต่าง ๆ รวมถึงมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและความเข้าใจอันลึกซึ้งที่ไม่เหมือนใคร เธอเป็นบรรณาธิการสาวสวยที่อายุน้อยที่สุดของสำบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายวันชิงโจว และเป็นลูกศิษย์ที่ฟู่เต๋อเจิงภาคภูมิใจที่สุด
ฟู่เต๋อเจิงไม่คิดเลยว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะอยากดึงถังชือเอินไปทำงานด้วย
“ฝันไปเถอะ ! ”
ฟู่เต๋อเจิงโกรธมาก เขาปฏิเสธแบบไม่คิดอะไรเลย
เจียงเสี่ยวไป๋แสดงสีหน้าเกินจริงและพูดว่า “ประธานฟู่ ผมฝันไปตรงไหน ? ผมกำลังมองหาทหารที่ดี แม่ทัพที่แข็งแกร่งต่างหาก ! ”
ฟู่เต๋อเจิงพูดด้วยความโกรธว่า “ทหารที่ดีแม่ทัพที่แข็งแกร่งอะไรล่ะ นอกจากเย่กวงโต้ว คนอื่นห้ามคิดเด็ดขาด ! ”
“เย่กวงโต้วคือใครหรือ ? ” เจียงเสี่ยวไป๋แอบหัวเราะอยู่ในใจ ทว่าปากกลับถามอย่างไม่พอใจ
“บรรณาธิการฝึกงานคนใหม่ ! ” ฟู่เต๋อเจิงตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไปเล็กน้อยแล้วพูดอย่างมีน้ำโหว่า “ประธานฟู่ คุณทำเกินไปแล้ว ผมอยากได้ตัวถังชือเอินมาทำงาน แต่ในเมื่อคุณไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ทำไมถึงไม่ส่งบรรณาธิการผู้มีประสบการณ์อย่างเหล่าฉินหรือเสี่ยวเยว่มาให้ผมแทนล่ะ ทำไมต้องส่งบรรณาธิการฝึกหัดมาให้ผมด้วย ? ”
ฟู่เต๋อเจิงพูดอย่างไม่พอใจว่า “บรรณาธิการฝึกหัดก็เป็นบรรณาธิการเช่นกัน เขาเป็นคนที่มีความสามารถ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง ทำไมคุณถึงช่างเลือกขนาดนี้ ? ”
หลังจากบ่นไปชุดใหญ่ ในที่สุดเจียงเสี่ยวไป๋ก็ต้องจำยอม
“เฮ้อ ! ”
เขาทำได้เพียงถอนหายใจอย่างยอมรับชะตากรรม “ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ! ”
เมื่อเห็นสีหน้าหงุดหงิดของเจียงเสี่ยวไป๋ ฟู่เต๋อเจิงก็มีรอยยิ้มของผู้ชนะอยู่ที่มุมปากของเขา: คิดจะมาต่อปากต่อคำกับฉัน คุณยังเด็กไป
เขาหยิบบุหรี่ยี่ห้อจงฮว๋าออกมาอย่างอารมณ์ดี แล้วโยนให้เจียงเสี่ยวไป๋ไปหนึ่งมวน
เจียงเสี่ยวไป๋รับมาจุดสูบ แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้มีโฆษณาหลายชุดที่จะลงหนังสือพิมพ์ ในเมื่อคุณยกเย่กวงโต้วให้มาทำงานกับผมแล้ว งั้นก็รีบให้เขาไปที่แผนกโฆษณา จะได้ให้เขาฝึกมือเสียหน่อย”
ฟู่เต๋อเจิงพูดอย่างเห็นด้วย “อีกเดี๋ยวฉันจะส่งเขาไป”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาสูบบุหรี่หมดมวนแล้วก็กลับไปยังแผนกโฆษณาของสำนักพิมพ์ พอเข้าไปในแผนก เขาก็ระเบิดหัวเราะเสียงดัง “ฟู่เต๋อเจิงหนอฟู่เต๋อเจิง ต่อให้คุณเจ้าเล่ห์แค่ไหนก็ตามผมไม่ทันหรอก ! ”
ไม่ผิด เพราะแท้จริงแล้วคนที่เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการก็คือเย่กวงโต้ว
ส่วนถังชือเอิน เหล่าฉิน และเสี่ยวเยว่นั้น เขาก็แค่เอามายั่วอีกฝ่ายเท่านั้น
อีกด้านหนึ่งนั้น ฟู่เต๋อเจิงได้ไปที่แผนกบรรณาธิการหลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ออกไปจากห้องทำงานของเขาแล้ว
“เสี่ยวเย่ เดี๋ยวคุณไปรายงานตัวที่แผนกโฆษณานะ ต่อไปนี้คุณจะย้ายไปทำงานที่แผนกนั้น ! ”
ห๊ะ ?
เย่กวงโต้วชะงักไปเล็กน้อย วันนี้เป็นวันแรกที่เขาเข้ามาทำงานในสำนักพิมพ์ เขากำลังภูมิใจที่ตนเองได้เป็นบรรณาธิการอย่างที่ใฝ่ฝันและอนาคตเขาตั้งใจจะเป็นบรรณาธิการที่มีชื่อเสียงอย่างออเรียน่า ฟาลลาชี่ให้ได้
คิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เริ่มงานเป็นบรรณาธิการเต็มตัว เขาก็ต้องมาได้ยินท่านประธานสั่งให้ย้ายไปอยู่แผนกโฆษณาแล้ว
บรรดาบรรณาธิการคนอื่นในแผนกอย่างหงเหว่ย หวังเสี่ยวหย๋า เฉินไป๋เซิง มู่เสี่ยวชิงต่างมองไปที่ฟู่เต๋อเจิงด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ท่านประธานถึงได้ย้ายเย่กวงโต้วไปที่แผนกโฆษณา
เพราะแผนกโฆษณาไม่ใช่แผนกในสังกัดของสำนักพิมพ์โดยตรง แต่เป็นเพียงแผนกเอาต์ซอร์สเท่านั้น
นักศึกษาจบใหม่อย่างเย่กวงโต้วควรได้เรียนรู้และฝึกฝนอยู่ในแผนกบรรณาธิการ ถ้าไปแผนกโฆษณาแล้วพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเรียนรู้และเติบโตไปก็ไร้ประโยชน์
ในฐานะหัวหน้าแผนกบรรณาธิการ หงเหว่ยเตรียมพิจารณาจะช่วยพูดขอให้เย่กวงโต้วอยู่ต่อแล้ว
“ท่านประธาน ผมมาเพื่อเป็นบรรณาธิการ ผมไม่ไปแผนกโฆษณา ! ”
เย่กวงโต้วพูดอย่างไม่ยอม
ฟู่เต๋อเจิงพูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวเย่ การปฏิวัติก็เหมือนกับอิฐก้อนหนึ่ง ที่ไหนต้องการ มันก็ควรถูกย้ายไปที่นั่น แผนกโฆษณาเป็นแผนกหนึ่งของสำนักพิมพ์เช่นกัน ต่อให้คุณไปทำงานที่แผนกโฆษณา คุณก็สามารถกลายเป็นที่โดดเด่นในแผนกได้เหมือนกัน ! ”
ในใจของเย่กวงโต้วเดือดพล่าน แผนกโฆษณาและแผนกบรรณาธิการมันเหมือนกันด้วยหรือ ?
และดูเหมือนเขาจะนึกบางอย่างได้ เขาจึงถามออกไปว่า “ท่านประธาน เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนขอให้ผมไปทำงานที่แผนกนั้นใช่ไหม ? ”
ฟู่เต๋อเจิงชะงักไปเล็กน้อย
เพราะเขาจำได้แม่นเลยว่าในตอนที่เขาบอกจะส่งตัวเย่กวงโต้วไปทำงานกับเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงเสี่ยวไป๋ยังถามอยู่เลยว่าเย่กวงโต้วเป็นใคร ?
แต่พอได้ยินคำพูดของเย่กวงโต้ว นี่เขารู้จักเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยหรือ ?
ฟู่เต๋อเจิงเกิดความสงสัยจึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “คุณรู้จักเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยหรือ ? ”
เย่กวงโต้วตอบว่า “เมื่อวานผมเจอเขาที่ป้อมยาม ตอนนั้นเขาบอกให้ผมไปทำงานที่แผนกโฆษณา แต่ผมปฏิเสธไป ! ”
ห๊ะ !
“เจียงเสี่ยวไป๋เจ้าเล่ห์ ที่แท้เขาก็ขุดหลุมพรางฉันนี่เอง ! ” ฟู่เต๋อเจิงด่าเจียงเสี่ยวไป๋ในใจไปชุดใหญ่แล้ว นี่เขาไม่รู้ตัวเลยหรือนี่ว่าเขาติดกับดักเจียงเสี่ยวไป๋เข้าแล้ว
แต่แน่นอนว่าเขาไม่สามารถยอมรับมันต่อหน้าลูกน้องของเขาได้
ไม่เช่นนั้นจะดูไร้ความสามารถเกินไป
“เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้บอก ฉันเป็นคนส่งคุณไปเอง ! ” ฟู่เต๋อเจิงพูดเสียงเคร่งขรึม
เย่กวงโต้วมองฟู่เต๋อเจิงด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ
แต่ในเมื่อฟู่เต๋อเจิงพูดมาขนาดนี้แล้ว เขาเองก็ไม่กล้าตั้งข้อสงสัยอย่างเปิดเผย จึงทำได้เพียงกัดฟันพูดว่า “ท่านประธาน คุณพอจะให้ผมอยู่แผนกบรรณาธิการต่อได้ไหม ผมเรียนจบวารสารศาสตร์และการถ่ายภาพมา อีกทั้งผมเองก็เขียนโฆษณาไม่เป็นด้วย”
หงเหว่ยถือโอกาสนี้พูดขึ้นว่า “ท่านประธาน เสี่ยวเย่ถือเป็นต้นกล้าที่ดี ให้เขาทำงานในแผนกบรรณาธิการเถอะ ! ”
“ใช่แล้ว ท่านประธาน ! ”
“ท่านประธาน แผนกโฆษณาเป็นของเอ้าท์ซอต เสี่ยวเย่เป็นพนักงานประจำของสำนักพิมพ์ การถูกจัดให้ไปอยู่ในแผนกโฆษณาไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลย”
“ท่านประธาน โปรดพิจารณาอีกครั้งเถอะ ! ”
หวังเสี่ยวหย๋า เฉินไป๋เซิง มู่เสี่ยวชิงต่างช่วยพูดแทนเย่กวงโต้ว
ในเวลานี้ ฟู่เต๋อเจิงรู้ว่าตัวเองติดกับแล้ว เขาไม่อยากยกเย่กวงโต้วให้เจียงเสี่ยวไป๋แล้ว แต่เขาเป็นถึงประธานสำนักพิมพ์ เขาจะพูดแล้วคืนคำไม่ได้ !
ผู้นำที่พูดแล้วคืนคำคือผู้นำที่ไร้ศักดิ์ศรี
ไม่อย่างนั้นหากในอนาคตพูดอะไรขึ้นมา ผู้ใต้บังคับบัญชาจะมองว่าเป็นเพียงลมปากน่ะสิ
“แค่ก ! ”
ฟู่เต๋อเจิงกระแอม แล้วพูดเสียงดัง “พวกคุณจะไปเข้าใจอะไร ? เป็นเพราะเสี่ยวเย่คือต้นกล้าที่ดีนี่แหละ ฉันถึงได้ให้เขาไปทำงานที่แผนกโฆษณาโดยเฉพาะ”
หงเหว่ย หวังเสี่ยวหย๋าและคนอื่นต่างมองไปยังฟู่เต๋อเจิงด้วยความไม่เข้าใจ
บางทีอาจเป็นเพราะเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องอธิบาย ฟู่เต๋อเจิงจึงกล่าวต่อว่า “แผนกโฆษณาก็เป็นแผนกหนึ่งของสำนักพิมพ์เช่นกัน แต่กลับไม่มีคนของสำนักพิมพ์อยู่ในนั้นเลย แบบนี้ไม่เท่ากับว่าแยกตัวออกจากสำนักพิมพ์ไปงั้นหรือ”
“ดังนั้น ฉันถึงได้ส่งเย่กวงโต้วเข้าไปในแผนกโฆษณายังไงล่ะ”
เขามองไปยังเย่กวงโต้ว แล้วกล่าวว่า “เสี่ยวเย่ หากคุณไปทำงานที่แผนกโฆษณา หลังจากทำงานในแผนกโฆษณาเสร็จแล้ว ก็สามารถทำงานเป็นบรรณาธิการและรับเงินเดือนสองทางได้ อืม คนอื่นไม่ได้รับสวัสดิการนี้นะ”
กลายเป็นว่าหงเหว่ยและคนอื่นต่างรู้สึกว่าตนเองไม่น่าเป็นห่วงเป็นใยเย่กวงโต้วเลย ตอนนี้พวกเขาเริ่มอิจฉาเย่กวงโต้วเสียแล้วสิ
แม้ว่าเย่กวงโต้วจะอยู่แผนกโฆษณา แต่ตอนนี้แผนกโฆษณายังไม่ค่อยมีงานมากนัก เขามีเวลามากในการทำงานเป็นบรรณาธิการ ด้วยวิธีนี้ เขาไม่เพียงแต่สามารถเติบโตในฐานะบรรณาธิการได้เท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้ความรู้เกี่ยวกับการโฆษณาด้วย
ทั้งยังได้เงินเดือนจากทั้งสองทาง
มันช่างดีเหลือเกิน !
“ท่านประธานคิดได้รอบคอบมาก ! ”
“ท่านประธานดีกับพนักงานจริง ๆ ! ”
“เสี่ยวเย่ ไปทำงานที่แผนกโฆษณาก็ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ อย่าทำให้ท่านประธานผิดหวัง ! ”
“เสี่ยวเย่ ถ้าแผนกบรรณาธิการมีงาน ฉันจะบอกนายแน่นอน”
“……”
หงเหว่ยและคนอื่นต่างชมฟู่เต๋อจิงและยินดีกับเย่กวงโต้ว ทันใดนั้นแผนกบรรณาธิการก็คึกคักขึ้นมาทันที
ฟู่เต๋อเจิงพอใจกับผลลัพธ์นี้เช่นกัน
อืม ในที่สุดฉันก็ผ่านมันไปได้สักที ฉันต้องหาโอกาสคิดบัญชีกับเจียงเสี่ยวไป๋ก่อน
มีแต่เย่กวงโต้วเท่านั้นที่สงสัยว่า: มันจะเป็นเช่นนี้จริงหรือ ?
เย่กวงโต้วสะพายกระเป๋าสีเขียวขี้ม้าของตนขึ้นบ่า แล้วเดินไปที่แผนกโฆษณา