ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 259 อยู่ในแผนการแล้ว
ตอนที่ 259 :อยู่ในแผนการแล้ว
เฝิงเยี่ยนหงเห็นว่าจ้าวซื่อเจ๋อและไป๋เสี่ยวเจี๋ยกำลังหัวหด และเธอจะไม่พลาดโอกาสที่จะซ้ำเติมคนนิสัยไม่ดีทั้งสองคนนี้อย่างแน่นอน
เธอยกกระเป๋าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ถึงฉันจะมีแค่ 7 ใบ แต่มันก็มีรูปแบบที่แตกต่างกัน ฉันจะได้เปลี่ยนแบบใช้ทุกวัน ซึ่งมันยอดเยี่ยม ! ”
ไป๋เสี่ยวเจี๋ยมองลงไปที่กองกระเป๋าที่อยู่บนพื้น มันมีทั้งหมด 50 ใบ นอกจากกระเป๋าสีแดง 21 ใบแล้ว ยังมีกระเป๋าถือสีดำอีก 29 ใบ
มีเพียงสองแบบเท่านั้น
เธอไม่มีทางเปลี่ยนแบบกระเป๋าใช้ได้ทุกวันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ ไม่เหมือนกับของหลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหง
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเจี๋ยเปลี่ยนเป็นซีดขาวด้วยความโกรธ
ตอนที่หลินเจียอินกำลังเลือกกระเป๋า เธอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋เก็บกระเป๋าทั้งหมดที่เขาซื้อก่อนหน้านี้ไว้ในกระเป๋าเดินทางสองใบ ในเวลาเดียวกัน เธอจงใจพูดขึ้นว่า “สามี แล้วกระเป๋าที่คุณซื้อก่อนหน้านี้อยู่ที่ไหน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋แอบหัวเราะอยู่ในใจ ภรรยาของเขายั่วคนให้หงุดหงิดเก่งเช่นกัน
เขาพูดอย่างให้ความร่วมมือว่า “ผมเอาทั้งหมดใส่กระเป๋าเดินทาง ไม่เช่นนั้นจะถือกลับไม่สะดวก ! ”
หลินเจียอินชื่นชมอย่างมีความสุข “สามี คุณคิดได้รอบคอบมาก”
จ้าวซื่อเจ๋อและไป๋เสี่ยวเจี๋ย มองไปที่กองกระเป๋าที่อยู่บนพื้น และทันใดนั้นทั้งคู่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
ฉันจะเอากระเป๋ามากมายกลับไปได้อย่างไร ?
ในเวลานี้ ตู้ซาซาเดินไปหาทั้งสองอย่างเงียบ ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มหวานว่า “คุณลูกค้าสองท่าน ทำไมคุณไม่ซื้อกระเป๋าเดินทางสักสองใบด้วยล่ะ”
จากนั้น เธอก็ชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางของเจียงเสี่ยวไป๋ “พวกคุณดูสิว่ามันสะดวกมากแค่ไหน ! ”
ใบหน้าของจ้าวซื่อเจ๋อแทบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำอยู่แล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ค่อนข้างพอใจกับการช่วยเหลืออันน่าทึ่งของตู้ซาซา แน่นอนว่าเขาต้องตอบแทนเธอ
“โอ้ ฉันลืมบอกคุณจ้าวไป”
“กระเป๋าผู้หญิงเหล่านั้นเป็นกระเป๋าที่ฉันซื้อให้กับผู้จัดการร้านผู้หญิง พวกเธอมีทั้งหมด 12 คน ไม่มากไม่น้อย ให้คนละหนึ่งใบก็พอ”
“กระเป๋าถือผู้ชาย 3 ใบเป็นของผู้จัดการร้านผู้ชาย และที่เหลือเป็นของพนักงานขายในโรงงานของฉัน”
“ให้ของรางวัลต่อความขยันแก่พวกเขาบ้าง พวกเขาจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน ! ”
อ้อ !
หลินเจียอินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็เข้าใจว่าทำไมเจียงเสี่ยวไป๋จึงซื้อกระเป๋าเหล่านั้น
ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง มีร้านค้าที่ดำเนินการโดยตรง 15 แห่ง โดย 12 แห่งเป็นผู้จัดการร้านที่เป็นผู้หญิง และอีก 3 แห่งเป็นผู้จัดการร้านผู้ชาย
จากมูลค่ารายได้ที่พวกเขาสร้างขึ้น การให้กระเป๋าหนึ่งใบเป็นของรางวัลที่ไม่มากเกินไปเลย และยังสามารถเป็นแรงจูงใจให้พวกเขาตั้งใจทำงานได้อีกด้วย
เงินเพียงเล็กน้อยที่ซื้อกระเป๋าเหล่านี้ มันคุ้มค่ามาก
ในส่วนของพนักงานขาย เจียงเสี่ยวไป๋หมายถึงพนักงานของโรงงานฟิล์มพลาสติก พวกเขากำลังหาลูกค้าอยู่ข้างนอก และพวกเขาต้องการกระเป๋าจริง ๆ
เฝิงเยี่ยนหงมองดูเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความชื่นชมในใจ
อย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก แม้ว่าเขาจะแข่งขันกับคนอื่น แต่เขาก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนและไม่ยอมเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่หยวนเดียว
ในทางกลับกัน จ้าวซื่อเจ๋อใช้เงินซื้อกระเป๋าไปมากมาย แต่แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ?
มันเสียเปล่า !
หลังจากได้ยินคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว จ้าวซื่อเจ๋อถึงได้รู้ว่าเขาตกอยู่ในแผนของเจียงเสี่ยวไป๋ตั้งแต่แรก
สิ่งของที่คนอื่นซื้อนั้นมีประโยชน์ แต่สิ่งของที่เขาซื้อมากลับไร้ประโยชน์
ไม่เพียงทำให้เขาเสียหน้าเท่านั้น แต่ความคิดของเขากลับทำให้คนเยาะเย้ยได้
จ้าวซื่อเจ๋อเหมือนไก่ที่พ่ายแพ้ ดูหดหู่
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “ยังมีกระเป๋าเดินทางสองใบนี้ด้วย ใบหนึ่งสำหรับน้องสาวของฉันที่สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ และอีกใบสำหรับน้องชายของฉันที่สอบผ่านเข้าโรงเรียนมัธยมปลายได้”
จ้าวซื่อเจ๋อโกรธมากจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด
ไอ้สารเลวคนนี้ไม่เพียงแต่มีการวางแผนที่จะซื้อกระเป๋าเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังวางแผนในการซื้อกระเป๋าเดินทางที่ใช้ใส่กระเป๋าเหล่านั้นอีกด้วย
หลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหงมองหน้ากัน พวกเธอไม่คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะวางแผนทุกอย่างในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเสียงดัง “คุณชายจ้าว เก็บกระเป๋าของคุณช้า ๆ ล่ะ ไม่ต้องรีบ ส่วนเราจะไปซื้อของอื่น ๆ ต่อแล้ว”
หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็พาหลินเจียอิน เฝิงเยี่ยนหงและหนูน้อยทั้งสองคนจากไปอย่างเท่
เมื่อมองไปที่กองกระเป๋าบนพื้น จ้าวซื่อเจ๋อและไป๋เสี่ยวเจี๋ยก็มองหน้ากันและยืนนิ่งอยู่เป็นเวลานาน
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองจึงต้องทำตามตัวอย่างของเจียงเสี่ยวไป๋ โดยนำหนังสือพิมพ์และฟองน้ำที่ยัดดันทรงกระเป๋าออกมาทั้งหมด ให้ตู้ซาซานำกระเป๋าทั้งหมดใส่ลงในถุงพลาสติกสะดวกซื้อใบใหญ่สองสามใบ และทั้งสองก็ออกจากห้างสรรพสินค้าด้วยอารมณ์ที่ไม่ดี
ทันทีที่พวกเขาทั้งสองออกไป พวกเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ลากกระเป๋าเดินทางสองใบ สาวงามสองคนและเด็กอีกสองคน เดินออกจากห้างสรรพสินค้าไปอย่างมีความสุข แล้วทั้งหมดก็พูดคุยหัวเราะกันตลอดทาง
“คุณจ้าว คุณถือถุงพลาสติกสะดวกซื้อมากมายขนาดนี้ไหวหรือ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋แซว
จ้าวซื่อเจ๋อโกรธจัดและพูดอย่างเมินเฉย “นี่คือถุงพลาสติกสะดวกซื้อ สบายมาก”
เป็นผู้แพ้ แต่ไม่ยอมเสียฟอร์ม !
คุณชายจ้าวพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “คุณจ้าวพูดถูก ถุงพลาสติกสะดวกซื้อใส่ของสะดวกมาก ถ้าฉันรู้ ฉันคงไปขอจากพนักงานขายสักหน่อยแล้ว”
น้ำเสียงของคำพูดทำให้ดูเหมือนว่าเขารู้สึกเสียดายที่ไม่ขอถุงพลาสติกสะดวกซื้อจากพนักงานขาย
จ้าวซื่อเจ๋อจะฟังไม่ออกถึงน้ำเสียงที่หยอกล้อจากเจียงเสี่ยวไป๋ได้อย่างไร เขาโกรธมากจนเกือบจะโยนถุงในมือทิ้ง แล้วฟาดหมัดใส่เจียงเสี่ยวไป๋แล้ว
เขาพยายามระงับความโกรธในใจ จากนั้นจึงเรียกไป๋เสี่ยวเจี๋ยเพื่อเดินไปที่มอเตอร์ไซค์เจียหลิง 125 ของเขา
จ้าวซื่อเจ๋อชอบความรู้สึกของการขี่มอเตอร์ไซค์สาวสวย โดยให้หน้าอกเธอแตะที่บริเวณหลังของเขาเป็นครั้งคราว
แต่ในเวลานี้ เขาไม่สามารถมีความสุขได้
ไอ้สารเลวนั่นรวยมาก คงมีมอเตอร์ไซค์สักคันแหละ !
เขาทำได้เพียงให้ไป๋เสี่ยวเจี๋ยนั่งข้างหลังเท่านั้น แต่เจ้าสารเลวนั่นมาพร้อมกับสาวงามสองคน ดังนั้นคงต้องให้สาวงามนั่งข้างหน้าหนึ่งคนและข้างหลังหนึ่งคนแน่ ๆ
จ้าวซื่อเจ๋ออดไม่ได้ที่จะมองตามเจียงเสี่ยวไป๋ไป
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของเจียงเสี่ยวไป๋ แต่กลับเห็นเขาเปิดรถจี๊ปเทียนจิง 212 ยกกระเป๋าเดินทางสองใบใส่ไว้ในท้ายรถ จากนั้นทั้งห้าคนก็เข้าไปในรถ
รถจี๊ปเทียนจิงเป็นรถที่จ้าวซือเจ๋อใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของมัน
ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่พ่อของเขาจ้าวเหมิงหูก็ยังมีแค่รถตู้ชางเหอเท่านั้น
“หรือว่าไอ้สารเลวคนนั้นคือเจียงเสี่ยวไป๋ ? ”
จ้าวซื่อเจ๋อพึมพำพลางคิดแล้วก็อุทานออกมา
ไป๋เสี่ยวเจี๋ยได้ยินเสียงอุทานของจ้าวซื่อเจ๋อ จึงถามด้วยความตกใจ “เจียงเสี่ยวไป๋คือใคร ? ”
จ้าวซื่อเจ๋อกล่าวว่า “ทั่วทั้งชิงโจว นอกเหนือจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่มีรถจี๊ปแล้ว บุคคลธรรมดาเพียงคนเดียวที่เป็นเจ้าของรถจี๊ปคือ เจียงเสี่ยวไป๋”
”เขาทำร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงและเปิดแฟรนไชส์ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอ และยังเปิดโรงงานอีกหลายแห่งด้วย”
แม้ว่าจ้าวซื่อเจ๋อจะเป็นลูกคนรวยที่ไม่ค่อยสนใจอะไร แต่จ้าวเหมิงหูพ่อของเขาก็อยู่ในแวดวงนั้นและเคยได้ยินเกี่ยวกับธุรกิจบางอย่างของเจียงเสี่ยวไป๋มาบ้าง
ไป๋เสี่ยวเจี๋ยตกใจมาก ผู้ชายที่แต่งตัวธรรมดาจะรวยขนาดนี้ได้อย่างไร ?
เมื่อมองดูรถจี๊ปที่ขับออกไปอย่างช้า ๆ เธอก็รู้สึกขมขื่นในใจ ผู้ชายคนนั้นไม่เพียงจะหล่อและรวยกว่าคุณจ้าวเท่านั้น เขายังมีรถจี๊ปด้วย !
นี่เธอกำลังเสียตัวและเลือกคนผิดอยู่หรือ !
จะดีแค่ไหนถ้าคนที่เธอเข้าหาคือเจียงเสี่ยวไป๋ !
จ้าวซื่อเจ๋ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเมื่อเห็นการแสดงออกของไป๋เสี่ยวเจี๋ย และตะโกนด้วยความโมโห “คุณกำลังมองอะไรอยู่ มันก็แค่รถจี๊ปไม่ใช่หรือ ? ”
ไป๋เสี่ยวเจี๋ยรู้สึกไม่มีความสุขอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงทำหน้าบูดบึ้งและพูดว่า “ขนาดกระเป๋ายังแย่งซื้อมาไม่ได้ นับประสาอะไรกับรถจี๊ปล่ะ ? แน่จริงคุณก็ซื้อรถจี๊ปสักคันเลยสิ ! ”
แม้ว่าเสียงของเธอจะเบา แต่จ้าวซื่อเจ๋อก็ได้ยินที่เธอพูดอย่างชัดเจน
เขาถูกเจียงเสี่ยวไป๋ตบหน้า และแม้แต่ผู้หญิงที่เป็นแค่พนักงานโรงงานยังกล้าดูถูกเขา ?
จ้าวซื่อเจ๋อโกรธมากจนโยนกระเป๋าทั้งหมดในมือไปที่ไป๋เสี่ยวเจี๋ย และด่าทอเธอ “ก็เป็นเพราะเธอนั่นแหละ ถ้าเธอไม่ได้อยากแย่งซื้อกระเป๋าขนาดนั้น ฉันจะไปมีปัญหากับเจียงเสี่ยวไป๋ได้อย่างไร ? ”
ชายหญิงคู่นี้เริ่มทะเลาะและด่าทอกันบนถนนแล้ว