ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 247 บังเอิญอยากคุยธุระด้วยพอดี
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 247 บังเอิญอยากคุยธุระด้วยพอดี
ตอนที่ 247 :บังเอิญอยากคุยธุระด้วยพอดี
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่เจียงเสี่ยวชิง แล้วพูดว่า “เราจะขายเมล็ดแตงโม 5 รสในอีกไม่กี่วันนี้ พี่จะให้พวกเธอทั้งสามคนช่วยแจกใบปลิว”
“ใบปลิวอะไร ? ”
“โรงงานของเสี่ยวเฟิงสร้างเสร็จแล้วหรือ? ทำไมเร็วขนาดนี้ ! ”
ประโยคแรกเจียงเสี่ยวชิงเป็นคนถามขึ้นมา ส่วนประโยคหลังตามมาด้วยคำถามจากเจียงไห่หยาง ทั้งคู่เกือบถามออกมาพร้อมกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบเจียงไห่หยางก่อนว่า “พ่อครับ เราจะสร้างโรงงานเสร็จเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ? ”
เจียงไห่หยางกล่าวว่า “ฉันก็ว่า มันจะเสร็จเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็พูดเสริมว่า “แล้วแกบอกว่าจะขายเมล็ดแตงโม 5 รส สรุปมันยังไง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายเหตุผลทันที
สำหรับโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ดำเนินการเหมือนกับโรงงานผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
โรงงานผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองดำเนินตามรูปแบบการลงทุนและการดำเนินงานขององค์กรสมัยใหม่ โดยสร้างโรงงานที่ได้มาตรฐานก่อน แล้วจึงเริ่มดำเนินการ
โรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสกำลังสร้างโรงงานและลงมือปฏิบัติในเวลาเดียวกัน
สาเหตุหลักของความแตกต่างก็คือ โรงงานทั้งสองแห่งมีการพึ่งพาเครื่องจักรและอุปกรณ์ในระดับที่แตกต่างกัน โรงงานผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองไม่สามารถดำเนินการผลิตได้หากไม่มีเครื่องจักรและอุปกรณ์ ในขณะที่โรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไร
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาว่าเจียงเสี่ยวเฟิงไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ในขณะนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ จึงตั้งใจขอให้เขาเริ่มจากทำแบบเล็ก ๆ และฝึกฝีมือไปก่อน
ดังนั้น เจียงเสี่ยวไป๋จึงไม่ปล่อยให้เจียงเสี่ยวเฟิงดูแลการก่อสร้างโรงงาน แต่เขาพบกับจวงปี้เฉิง แทนและขอให้จวงปี้เฉิงนำทีมไปที่เจี้ยนหยางเพื่อทำการก่อสร้างเป็นการส่วนตัว
จวงปี้เฉิงทำงานร่วมมือกับเจียงเสี่ยวไป๋หลายครั้งและเข้าใจความคิดของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นอย่างดี ด้วยพิมพ์เขียวของโรงงานที่เจียงเสี่ยวไป๋ร่างมาให้ เขาจึงไม่มีปัญหาในการสร้างโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รส
ตามคำแนะนำของเจียงเสี่ยวไป๋ หลังจากที่จวงปี้เฉิงมาถึงเจี้ยนหยาง เขาได้สร้างโรงงานขนาดเล็กขึ้นเป็นอันดับแรก ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร และขอให้เจียงเสี่ยวเฟิงรับสมัครคนงานมากกว่า 12 คนเพื่อคั่วเมล็ดแตงโมด้วยมือในหม้อกระทะขนาดใหญ่หลายใบ
ด้วยวิธีนี้ ไม่จำเป็นต้องรอให้สร้างโรงงานสร้างเสร็จก่อนการผลิตและดำเนินการ นอกจากนี้ยังถือเป็นการฝึกความสามารถของเจียงเสี่ยวเฟิงในทุกด้าน และฝึกอบรมพนักงานให้มีทักษะในการคั่วเมล็ดแตงโมอีกด้วย
อาจกล่าวได้ว่าสามารถบรรลุผลหลายอย่างด้วยระยะเวลาที่สั้น
เจียงไห่หยางถามว่า “เสี่ยวเฟิงสามารถคั่วเมล็ดแตงได้เท่าไหร่ต่อวัน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ช่วงแรกได้ไม่เยอะเท่าไร แต่ตอนนี้วันหนึ่งสามารถคั่วได้เป็นหมื่นชั่งแล้ว”
เจียงไห่หยางพยักหน้า “นั่นเป็นจำนวนมากแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขาเปลี่ยนหัวข้อและอธิบายเกี่ยวกับใบปลิวให้เจียงเสี่ยวชิงฟัง
เจียงเสี่ยวชิง เจียงเสี่ยวเหลย และเจียงเสี่ยวหยูต่างตั้งใจฟัง
หลังจากพูดคุยและกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็พาหลินเจียอินและเจียงชานเข้าเมือง
“สวัสดีค่ะผู้จัดการหลิน ! ”
ทันทีที่เธอเข้าไปในโรงงาน เฉินซินก็กล่าวทักทาย “ฉันวางบัญชีร้านค้าที่คุณขอไว้บนโต๊ะแล้วนะคะ”
“อืม ขอบคุณมาก ! ” หลินเจียอินขอบคุณเธอแล้วเดินไปที่โต๊ะ
โต๊ะตรงข้ามกัน เฝิงเยี่ยนหงก็อยู่ที่นั่นแล้ว
วันนี้เธอมาเร็วมาก เธออ่านหนังสือได้สักพักแล้วรู้สึกปวดหัว แต่เมื่อเธอเห็นหลินเจียอิน เธอก็ดีใจมาก “พี่เจียอินมาถึงแล้วหรือ ฉันมาถึงแล้วอ่านหนังสือได้สักพักแล้ว”
หลินเจียอินยิ้มและพูดว่า “ฉันให้เธอมาสายหน่อยไม่ใช่หรือ ? ทำไมถึงมาเร็วขนาดนี้ ? ”
เฝิงเยี่ยนหงพูดว่า “หวังผิงออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า ฉันไม่มีอะไรทำที่บ้าน จึงมาที่นี่”
ความรู้สึกที่ไม่มีอะไรให้ทำ ทำให้เธอเบื่อหน่ายจริง ๆ
เธอคิดถึงชีวิตการเปิดร้านบนถนนชิงโจว ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างหนักสำหรับเธอก็ตาม
หลินเจียอินก็เหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับการอยู่บ้าน ต่อให้เธอมาทำงานและไม่มีอะไรให้ทำก็ยังง่ายกว่าต้องมารับมือกับการดูแลอย่างกระตือรือร้นของพ่อแม่สามี เมื่อใดก็ตามที่พ่อแม่สามีมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ เธอมักจะรู้สึกกดดันมาก
“เอาล่ะ ถือว่าเป็นวันหยุดของตัวเองก็แล้วกัน”
เราทุกคนไม่สามารถทำทุกอย่างตามอำเภอใจได้ ดังนั้นหลินเจียอินจึงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องปลอบใจเฝิงเยี่ยนหง
เด็กน้อยสองคนอย่างเจียงชานและหวังกังชอบที่นี่ เพราะมันทั้งกว้างขวางและสว่างสดใส อีกทั้งยังมีหม่าม๊าคอยอยู่ข้าง ๆ พวกเขาอีกด้วย
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ไปส่งหลินเจียอินและเจียงชานแล้ว เขาก็ขับรถไปที่ศาลาที่ว่าการ
“เถ้าแก่เจียง ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ ? ”
ถัดจากสำนักงานรองนายกเทศมนตรีจางคือสำนักงานเล็ก ๆ ของติงจวิ้นเจี๋ย เมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ ติงจวิ้นเจี๋ยก็ยืนขึ้นทักทาย
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวสวัสดี เขาก็ถามว่า “รองนายกเทศมนตรีจางอยู่ไหม ? ”
ติงจวิ้นเจี๋ยกล่าวว่า “เขาไปที่เมืองหลวงของมณฑลเมื่อสองวันก่อน ยังไม่กลับมาเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ผิดหวังเล็กน้อย เขาไม่คิดว่ารองนายกเทศมนตรีจางจะไม่อยู่ที่นี่ จึงถามไปว่า “รองนายกเทศมนตรีจางจะกลับมาเมื่อไร ? ”
ติงจวิ้นเจี๋ยกล่าวว่า “ก่อนที่เขาจะเดินทางไป เขาบอกว่าจะกลับมาในวันมะรืนนี้ หากคุณมีเรื่องด่วน แล้วรองนายกเทศมนตรีจางโทรกลับมาเมื่อไร ผมจะแจ้งให้คุณทราบทันที”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปฏิเสธ “ไม่มีอะไรเร่งด่วนหรอก ผมแค่จะมาถามเรื่องรถบรรทุกคันใหญ่ที่ผมพูดถึงครั้งล่าสุดว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
ติงจวิ้นเจี๋ยยิ้มและพูดว่า “คราวนี้ที่รองนายกเทศมนตรีจางไปยังเมืองหลวงของมณฑณ ก็เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้คุณโดยเฉพาะ เราจะให้คำตอบเมื่อเขากลับมา”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงเล็กน้อย เขาไม่คิดว่ารองนายกเทศมนตรีจางไปที่เจียงเฉิงเพื่อทำธุระให้เขา
ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะสร้างปัญหาให้กับรองนายกเทศมนตรีจางจริง ๆ
ในขณะนี้ เขาก็รู้สึกขอบคุณและเขาก็ตั้งตารอเช่นกัน เขาสงสัยว่ารองนายกเทศมนตรีจางจะสามารถอนุมัติรถบรรทุกได้กี่คันในครั้งนี้ ?
หลังจากพูดคุยกับติงจวิ้นเจี๋ยสองสามคำแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ขอตัวกลับ
ทันทีที่เขาเดินไปที่ลานจอดรถ เขาได้พบกับเหรินฉางเซี่ย
“อธิบดีเหริน ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ! ”
เหรินฉางเซี่ยกลอกตาไปที่เขา และพูดว่า “คุณทำธุระของตัวเองเสร็จแล้วหรือ ? ถ้าคุณว่างช่วยรอผมเดี๋ยวสิ ผมมีธุระจะคุยกับคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ช่างบังเอิญจริง ๆ ผมกำลังจะถามบางอย่างจากคุณเช่นกัน”
เหรินฉางเซี่ยกล่าวว่า “เอาล่ะ รอฉันก่อน เดี๋ยวฉันจะออกมาในครึ่งชั่วโมง”
เจียงเสี่ยวไป๋ดูนาฬิกาของเขา แล้วพูดว่า “เกือบจะเที่ยงแล้ว ผมจะไปที่ร้านบนถนนชิงโจวเพื่อสั่งกุ้งอบน้ำมันรอคุณแล้วกัน พอคุณไปถึง เราค่อยพูดคุยและกินข้าวกันที่นั่น”
ดวงตาของเหรินฉางเซี่ยหรี่ลงเล็กน้อย เขาพูดว่า “คุณชวนฉันไปกินข้าว แสดงว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หัวเราะและพูดว่า “แต่ในเมื่อคุณอาสาเป็นเจ้ามือมื้อนี้ หากไม่กินคงเสียเปล่าแย่”
ทั้งสองแยกกัน เจียงเสี่ยวไป๋ไปที่โรงงานผลิตเครื่องปรุงรสเพื่อรับหลินเจียอิน เฝิงเยี่ยนหงและเด็กน้อยทั้งสอง
ในรถ เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “เมียจ๋า จากนี้ไปเราจะเปลี่ยนไปกินอาหารกลางวันที่ร้านสาขาของเราวันละร้าน ด้วยวิธีนี้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปตรวจสอบเองที่ร้านทุกวันแล้ว”
“ลำพังร้านสาขาชิงเจียงของเราเองก็มีตั้ง 15 ร้านแล้ว ถ้าทำตามวิธีของคุณ เราจะตรวจสอบร้านต่าง ๆ ได้เพียงเดือนละสองครั้งเท่านั้น” หลินเจียอินโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้ ๆ แบบนั้นตรวจสอบน้อยเกินไป ฉันไม่วางใจ ต้องให้ฉันไปตรวจวันละรอบถึงจะได้”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เมียจ๋า ดูเหมือนว่าคุณจะตรวจสอบร้านค้าบ่อยเกินไป แต่ที่จริงแล้วมันไม่มีผลอะไร ทำตามที่ผมบอกเถอะ เราไปกินอาหารที่ร้านในเครือแต่ละร้านในทุกวันโดยไม่ต้องแจ้งให้พวกเขารู้ล่วงหน้า เพื่อที่เราจะได้เห็นสภาพจริงของพวกเขา”
หลินเจียอินคิดตามและตระหนักได้ว่ามันเป็นแบบนั้นจริง
ขณะกินอาหาร เราสามารถตรวจสอบสุขอนามัยของร้านค้า สังเกตทัศนคติในการให้บริการของพนักงานและตรวจสอบรสชาติอาหารของพ่อครัวได้
“แล้ววันนี้เราจะไปกินข้าวที่ไหนล่ะ ? ”
“วันนี้ผมจะไปที่ถนนชิงโจว ผมนัดกับอธิบดีเหรินเพื่อหารือบางเรื่อง”
หลินเจียอินพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเยี่ยนหงและฉันจะไม่กินข้าวร่วมโต๊ะกับคุณ ฉันจะนั่งอีกโต๊ะ”
เมื่อพวกเขามาถึงร้านที่ตั้งอยู่ริมถนนชิงโจว หลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหงต่างก็รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายอย่างอธิบายไม่ถูก
“ที่นี่ดีกว่าเยอะ ! ” หลินเจียอินถอนหายใจ
“ใช่ ! ”
เฝิงเยี่ยนหงพยักหน้าและพูดอย่างมีความสุข “พอมาถึงที่นี่ ฉันรู้สึกมีพลังขึ้นมาทันทีเลย”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินสิ่งที่สองสาวพูด เขาก็ส่ายหัวและยิ้ม จากนั้นจึงไปจัดโต๊ะเพื่อรอเหรินฉางเซี่ย