ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 242 ฉันมีข่าวดีมาบอกนาย
ตอนที่ 242 :ฉันมีข่าวดีมาบอกนาย
เจียงเสี่ยวไป๋จ้องไปที่หมออย่างประหม่า เพราะกลัวว่าจะเป็นคำตอบที่เขาไม่อยากได้ยิน
แพทย์หญิงเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย และในที่สุดก็พูดว่า “ภรรยาของคุณตั้งครรภ์ได้ประมาณหกสัปดาห์แล้ว ! ”
“จริงหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตื่นเต้นมากจนอุทานออกมา
แพทย์หญิงกล่าวอย่างโกรธเคือง “แล้วฉันจะโกหกคุณทำไม”
เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขมากจนเขาไม่สนใจท่าทีและสีหน้าของแพทย์หญิงคนนั้นเลย
ตามเวลาโดยประมาณ ตอนนี้คือกลางเดือนสิงหาคม ถ้าอายุครรภ์ 6 สัปดาห์ นั่นหมายความว่าภรรยาของเขาตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
เขาจำได้ชัดเจนว่าครั้งแรกที่เขาได้หลับนอนกับหลินเจียอินหลังจากเกิดใหม่คือคืนวันที่เขาเมาในคืนวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม
แบบนี้หมายความว่าหลังจากคืนนั้น เธอก็ตั้งครรภ์แล้ว !
ฮ่าฮ่า แม้ว่าเขาจะเมา แต่เขาก็ไม่พลาดเป้านะเนี่ย !
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะชื่นชมตัวเอง และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณครับคุณหมอ ! ขอบคุณมากครับ ! ”
เมื่อหลินเจียอินได้ยินหมอบอกว่าเธอตั้งครรภ์จริง ๆ เธอก็รู้สึกมีความสุขและแอบกังวลในเวลาเดียวกัน
ที่จริงแล้วตอนนี้เธอยังไม่อยากมีลูกเลย
อาชีพการงานของเธอเพิ่งเริ่มต้น และเธอยังอยากทำงานอย่างเต็มที่ต่อไปอีกสัก 2 ปี
แต่ตอนนี้เธอตั้งครรภ์แล้ว เธอก็ยอมรับได้ แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังมีความกังวลอยู่ไม่น้อย
โรงพยาบาลในเวลานี้ไม่เหมือนกับโรงพยาบาลยุคสมัยใหม่ ที่หญิงตั้งครรภ์จะต้องได้รับยาโปรเจสเตอโรนหรือยาบำรุงครรภ์ประเภทโฟลิก ธาตุเหล็กและแคลเซียม หลังจากรับการตรวจร่างกายในโรงพยาบาลแล้ว
แพทย์หญิงเพียงแต่บอกให้เจียงเสี่ยวไป๋ปรุงอาหารดี ๆ ที่มีวัตถุดิบบำรุงสำหรับสตรีมีครรภ์ ให้หาของบำรุงเสริมโภชนาการ ให้เธอนอนบนเตียงให้มากขึ้น ลดกิจกรรมต่าง ๆ งดนอนดึกและไม่ควรทำให้ภรรยาของเขาอารมณ์เสียบ่อย ๆ เป็นต้น
“อย่างไรก็ตาม ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลานี้ ! ”
แพทย์หญิงก็มองดูเจียงเสี่ยวไป๋และเตือนเขา
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในใจกลับทอดถอนใจไม่น้อย: ชีวิตที่แสนมีความสุขนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนเท่านั้น มันช่างสั้นนัก !
อนิจจา… มีทั้งกำไรและขาดทุน !
หลังออกจากโรงพยาบาล เจียงเสี่ยวไป๋ก็ขับรถวกกลับไปที่เจียงวาน
หลินเจียอินเห็นว่ามันผิดทิศ จึงถามว่า “ทำไมคุณถึงขับรถกลับ ? คุณไม่ไปที่ร้านหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ต้องไปทำงานแล้ว ดูแลลูกที่บ้านเถอะ”
หลินเจียอินได้ยินแบบนั้นก็เริ่มร้อนใจ “ไม่ ฉันต้องไปทำงาน”
วันนี้ยังมีผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์อีกสองคนที่ต้องเจรจาด้วย และเธอก็นัดหมายพวกเขาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “งานที่สำคัญที่สุดของคุณตอนนี้คือการดูแลครรภ์ เมื่อลูกของเราเกิดมา คุณก็สามารถออกไปทำงานได้”
หลินเจียอินพูดอย่างกังวลว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ? ตอนนี้ฉันท้องได้เดือนกว่าเท่านั้น ยังเหลือเวลาอีกเก้าเดือนกว่าที่ลูกจะคลอด”
แค่เลี้ยงลูกอยู่บ้านเท่านั้น เธอทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่บ้านเฉย ๆ เป็นเวลานาน
นอกจากนี้ หลังจากคลอดบุตรแล้ว เธอยังต้องให้นมลูกอีกด้วย
ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีจนกว่าเด็กจะหย่านม
ทันใดนั้น หลินเจียอินก็รู้สึกว่าผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และต้องให้กำเนิดทารก
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “หมอไม่ได้บอกหรือ ? เธอยังบอกให้คุณออกกำลังกายน้อยลงด้วย”
หลินเจียอินแย้งกลับว่า “ออกกำลังกายน้อยไม่ได้หมายความว่าไม่ออกกำลังกายเลย คุณกลับรถให้เร็ว ๆ เลย ฉันต้องไปทำงาน”
เธอทนไม่ไหวที่จะต้องพักงาน และตอนนี้ร้านกุ้งทั้งสองแบรนด์ก็เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เธอรู้สึกประสบความสำเร็จอย่างมาก
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ไม่สะทกสะท้าน หลินเจียอินก็รู้สึกดีและโกรธในเวลาเดียวกัน
เมื่อก่อนเธอท้องชานชาน เธอไม่เห็นว่าเขาจะเป็นห่วงเธอขนาดนี้
ตอนนั้นถึงแม้เธอจะตั้งท้องลูกอยู่ เธอก็ยังต้องไปทำนา ไปตัดฟืนบนภูเขาและไปตักน้ำทุกวัน
ไม่มีวันไหนที่เธอเลี้ยงลูกที่บ้านโดยไม่ทำอะไรเลย
เธอจ้องมองเจียงเสี่ยวไป๋และพูดด้วยความโกรธว่า “ถ้าคุณไม่กลับรถ ฉันจะโกรธแล้วนะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึง หมอเตือนเรื่องต้องห้ามเกี่ยวกับหญิงตั้งครรภ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าให้เธอสะเทือนอารมณ์มากเกินไปในระหว่างตั้งครรภ์
“โอเค โอเค…เมียจ๋า อย่าโกรธนะ ผมจะกลับรถเดี๋ยวนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่กล้าทำให้หลินเจียอินโกรธ จึงยกธงขาวยอมแพ้อย่างรวดเร็ว
เจียงเสี่ยวไป๋กลับรถช้า ๆ และขับกลับไปที่ถนนชิงโจว พลางกล่าวว่า “เมียจ๋า หากคุณอยากทำงานก็ไม่เป็นไร แต่คุณไม่สามารถทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อนได้ คุณต้องระมัดระวังร่างกายของคุณให้มาก และต้องเดินช้า ๆ……”
เขาเตือนภรรยาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคนแก่ที่จู้จี้จุกจิก
หลินเจียอินปวดหัวมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“โอเค โอเค ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ ! ”
เพื่อป้องกันไม่ให้เขาบ่นต่อ หลินเจียอินจึงเห็นด้วยกับเขา เธอคิดว่านี่คือลูกคนที่สองของเขา แล้วทำไมเขาถึงกังวลมากขนาดนี้ ?
เธอรู้สถานการณ์ของตัวเธอเอง นอกจากจะคลื่นไส้เล็กน้อยเวลาได้กลิ่นควันน้ำมันแล้ว เธอยังไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ มากนัก เธอแค่ต้องใส่ใจตัวเองให้มากขึ้นอีกหน่อยเวลาทำสิ่งต่าง ๆ เท่านั้นเอง
ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงร้าน
“สวัสดีผู้จัดการหลิน ! ”
“สวัสดีผู้จัดการหลิน ! ”
เมื่อพนักงานเสิร์ฟหลายคนเห็นหลินเจียอิน พวกเขาต่างก็ทักทายเธออย่างสุภาพ
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้รับการทักทายแบบนี้ เมื่อพนักงานเสิร์ฟเห็นเขา พวกเขาก็แค่พยักหน้าเท่านั้น
เป็นเพราะเขากำหนดกฎไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
พวกเขาต้องทักทายเมื่อเห็นผู้จัดการหลินเท่านั้น
เขาเดินตามหลินเจียอินเข้าไปในห้องทำงานของเธออย่างเงียบ ๆ
ห้องทำงานของเธอรีโนเวทใหม่มาจากห้องครัวของร้านอร่อยสามมื้อก่อนหน้านี้ ด้านในค่อนข้างของเยอะ
เจียงเสี่ยวไป่ขมวดคิ้ว เขาปล่อยให้ภรรยาของเขาทำงานในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ไม่ได้แล้ว
“เมียจ๋า จากนี้ไปคุณไปทำงานที่ห้องทำงานของโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสเถอะ สภาพแวดล้อมของที่นั่นดีกว่านี้”
หลินเจียอินตอบกลับโดยไม่คิดว่า “ไม่ ที่นี่ดีอยู่แล้ว อยู่ใกล้ร้าน หากมีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะได้ทราบโดยเร็ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงโน้มน้าวต่อ “คุณไม่ต้องกังวลหรอก อ่านรายงานเป็นหลัก ฟังรายงานการทำงานจากผู้จัดการของร้านค้าที่ดำเนินการโดยตรงแต่ละแห่ง จากนั้นหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับผู้รับแฟรนไชส์ คุณสามารถทำงานที่นั่นได้”
หลินเจียอินส่ายหน้า เธอเคยเดินไปตรวจสอบร้านทุกวันเพื่อดูสุขอนามัยและการบริการของพนักงาน จะให้เธอแยกตัวจากสภาพแวดล้อมการทำงาน เธอไม่คุ้นเคยและไม่ชอบมัน
เมื่อคิดว่าไม่ได้ไปตรวจสอบที่ร้านมาสองวันแล้ว เธอจึงพูดว่า “ขอกุญแจรถหน่อย ฉันจะไปดูร้านอีกสองสามแห่ง”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง: ผมบอกคุณแล้ว แต่มันก็ไร้ประโยชน์ การขับรถนั้นอันตรายมากและคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่นะ !
เขาจะไม่ให้กุญแจรถกับภรรยาโดยเด็ดขาด
แต่เขาไม่ต้องการทำให้ภรรยาของเขาโกรธ
“เมียจ๋า คุณสามารถไปที่ร้านใดก็ได้ที่คุณต้องการ แต่คุณไม่สามารถขับรถเองได้อีกต่อไป ผมจะขับรถให้คุณตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
ห๊ะ ?
หลินเจียอินก็ตกตะลึงเช่นกัน: นี่……เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอขับรถคนเดียวด้วยซ้ำ !
ยังมีอิสรภาพอยู่ไหม ?
“สามี……คุณมีงานต้องทำมากมาย คุณไม่จำเป็นต้องอยู่กับฉันทุกวัน” หลินเจียอินพูดอย่างเก้อเขิน “ฉันจะขับช้า ๆ ไม่เป็นไรหรอก”
เธอรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะดื้อรั้นกับเจียงเสี่ยวไป๋ ดังนั้นเธอจึงใช้คำพูดที่อ่อนโยน โดยหวังว่าจะได้รับความยินยอมจากเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋กลอกตา ด้วยทักษะการขับรถของเขา เขารู้ดีว่าตั้งแต่การออกตัวรถ การเลี้ยวและการเบรกกะทันหันเป็นครั้งคราว มันมีความเสี่ยงที่พวงมาลัยจะกระแทกกับหน้าท้องของภรรยาเขา ?
แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว !
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่อยากเป็นกังวลในทุกวัน
“ดังนั้น ถ้าคุณไปทำงานที่โรงงานผลิตเครื่องปรุงรส ผมสามารถไปส่งคุณได้ตลอดเวลา”
เป้าหมายหลักของเขาตอนนี้อยู่ที่โรงงานผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง และมีโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสอยู่ข้าง ๆ เขาจะได้มั่นใจว่าภรรยาของเขาทำงานอยู่ใกล้ตัวเขาตลอดเวลา
ทั้งคู่คุยกันเรื่องนี้เป็นเวลานาน และในที่สุดหลินเจียอินก็ยอม
เจียงเสี่ยวไป๋ไปหาเฝิงเยี่ยนหง
“เยี่ยนหง พี่สะใภ้ของเธอท้องแล้ว จากนี้ไปเธออาจต้องรับหน้าที่ดูแลร้านนี้”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เฝิงเยี่ยนหงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่เสี่ยวไป๋ ขอแสดงความยินดีด้วย ให้พี่สะใภ้ของฉันบำรุงครรภ์อย่างสบายใจได้เลย ทิ้งธุรกิจที่ร้านให้ฉันเถอะ ไม่ต้องกังวล”
ในขณะนี้ หวังผิงก็วิ่งมาอย่างตื่นเต้น
“เสี่ยวไป๋ ฉันมีข่าวดีมาบอก ! ”