ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 237 หลุมพรางใหญ่
ตอนที่ 237 :หลุมพรางใหญ่
ที่ห้างสรรพสินค้าเมืองชิงโจว
“ผู้จัดการเกา ถุงพลาสติกสะดวกซื้อจะจัดส่งมาให้เราอีกเมื่อไร?”
หัวหน้าฝ่ายขายเหรินจื้อหย่งดูเหนื่อยล้าขณะเข้าพบเกาเหวยหมิน ผู้จัดการห้างสรรพสินค้า
เกาเหวยหมินรู้สึกว้าวุ่นใจ
เฉินอันผิงจากโรงงานฟิล์มพลาสติกบอกกับเขาว่าแท้จริงแล้วการแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อเป็นกิจกรรมที่โรงงานของเขาจัดขึ้น เมื่อกิจกรรมสิ้นสุดลง เขาก็ไม่สามารถแจกถุงพลาสติกให้ฟรีได้อีกแล้ว !
ในตอนแรก เป็นเฉินอันผิงที่ขอร้องให้เราใช้ถุงพลาสติกสะดวกซื้อในห้างสรรพสินค้า เขายังบอกด้วยว่าการแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อแก่ลูกค้าจะช่วยปรับปรุงคุณภาพการให้บริการของห้างสรรพสินค้าได้
ทุกวันนี้ เวลาลูกค้ามาใช้บริการซื้อของในห้างสรรพสินค้า ลูกค้าก็มักจะขอถุงพลาสติกจากพนักงานขาย
แต่ตอนนี้เขากลับมาบอกว่าจะไม่มอบให้ฟรีแล้ว !
ลูกค้าไม่มีถุงพลาสติกสะดวกซื้อ แถมวิจารณ์ห้างสรรพสินค้าไปต่าง ๆ นานา: ทั้งว่าขี้เหนียวบ้างล่ะ ทัศนคติการบริการไม่ดีบ้างล่ะ คุณภาพการให้บริการต่ำบ้างล่ะ
บรรดาลูกค้าทั้งกล่าวหา เยาะเย้ย และบ่นได้ในทุกรูปแบบ
แม้กระทั่งหญิงชราคนหนึ่งที่ทะเลาะกับพนักงานขายเรื่องถุงพลาสติกสะดวกซื้อ พนักงานขายพูดเพียงสองสามคำ หญิงชราจึงตะโกนกลับไปว่า “น่าโมโห ! ”
แล้วเธอก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นห้างสรรพสินค้า……
พนักงานขายในห้างสรรพสินค้าปวดหัวมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเขาเห็นเหรินจื้อหย่ง เขาจึงถามว่า “หัวหน้าเหริน ถุงพลาสติกสะดวกซื้อจะมีมาอีกทีเมื่อไร ? ”
เหรินจื้อหย่งจะทำอะไรได้อีก ?
นอกจากมาหาเกาเหวยหมินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เกาเหวยหมินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องไปหาเฉินอันผิง แต่เฉินอันผิงพูดเพียงประโยคเดียวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า: กิจกรรมแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อสิ้นสุดลงแล้ว หากต้องการใช้ ห้างสรรพสินค้าของคุณสามารถมาขอซื้อได้ที่โรงงานฟิล์มพลาสติกของเรา นอกจากนี้คุณยังสามารถพิมพ์โลโก้ ชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของห้างสรรพสินค้าลงบนถุงพลาสติกสะดวกซื้อได้ เพียงแต่คุณต้องเพิ่มเงิน
เกาเหวยหมินโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าถุงพลาสติกสะดวกซื้อที่แจกให้พวกเขานั้นเป็นเพียงกลยุทธ์การตลาด โรงงานฟิล์มพลาสติกกำลังปลูกฝังนิสัยการซื้อของลูกค้าโดยเริ่มจากการแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อของห้างสรรพสินค้า พอลูกค้าชินกับการใช้ถุงพลาสติกสะดวกซื้อที่ห้างสรรพสินค้าแจกแล้ว ลูกค้าก็จะนึกถึงห้างสรรพสินค้าเป็นอันดับแรก ไม่ใช่โรงงานฟิล์มพลาสติก
ลงทุนไม่มาก แต่ได้ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่!
“ผู้จัดการเกา ลองซื้อถุงพลาสติกสะดวกซื้อจากโรงงานฟิล์มพลาสติกดูสิ ไม่อย่างนั้นเราคงจะหนีไม่พ้นคำวิจารณ์ของลูกค้า” เหรินจื้อหย่งกล่าวหน้าเจื่อน
เกาเหวยหมินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องแจ้งให้เซี่ยงอิง หัวหน้าแผนกจัดซื้อไปจัดการเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ตัวเขาเองไม่ต้องการติดต่ออะไรกับเฉินอันผิงเป็นการส่วนตัวแล้ว
เซี่ยงอิง เธอคือพี่สาวของเซี่ยงเฉียนจิ้น
ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋กำลังจะทำร้านพะโล้ เซี่ยงอิงเป็นผู้ที่ช่วยหาซื้อตู้แช่ให้กับเขา ต่อมาหลังจากสร้างบ้านหลังใหม่ที่เจียงวาน เธอก็ช่วยเจียงเสี่ยวไป๋หาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในบ้าน
เธอรู้ว่าโรงงานฟิล์มพลาสติกได้ถูกเซ็นสัญญาเหมาจากเจียงเสี่ยวไป๋ ดังนั้นเธอจึงติดต่อตรงไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ แทนที่จะติดต่อกับเฉินอันผิง
หลังจากพูดคุยกันสักพัก ห้างสรรพสินค้าก็สั่งซื้อถุงพลาสติกสะดวกซื้อจำนวนสองล้านใบจากโรงงานฟิล์มพลาสติกทุกเดือน ตามขนาดมาตรฐานที่ความกว้าง 330 มม. กว้างด้านข้าง 150 มม. ยาว 480 มม. ความหนาของฟิล์มชั้นเดียว 0.025 มม. โดยพิมพ์โลโก้ ชื่อ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของห้างสรรพสินค้าลงบนถุงพลาสติกด้วย
ราคาอยู่ที่ใบละ 3 หลี
ในทางกลับกัน เจียงเสี่ยวไป๋รับประกันว่าถุงพลาสติกสะดวกซื้อที่ขายให้สำหรับห้างสรรพสินค้านั้นจะเป็นราคาต่ำสุด หากหน่วยงานอื่นต้องการสั่งทำถุงพลาสติก เขาจะคิดราคาขายส่งในปริมาณมากที่ใบละ 3.5 หลี และราคา 5 หลีต่อคำสั่งซื้อจำนวนน้อย
ในเวลาเดียวกัน เจียงเสี่ยวไป๋ยังแถมถุงพลาสติกสะดวกซื้อขนาดความกว้าง 440 มม. กว้างด้านข้าง 180 มม. ยาว 680 มม. ความหนาของฟิล์มชั้นเดียว 0.045 มม. กว่าหนึ่งแสนใบให้ห้างสรรพสินค้าอีกด้วย
เซี่ยงอิงจึงถามด้วยความแปลกใจว่า: “ถุงพลาสติกสะดวกซื้อมีหลายประเภทหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “มีขนาดแตกต่างกัน คุณสามารถจับคู่ถุงพลาสติกสะดวกซื้อตามขนาดของสิ่งของได้ ซึ่งทั้งสะดวกและประหยัดกว่ามาก”
เซี่ยงอิงคิดว่ามันสมเหตุสมผล และหลังจากถามเกี่ยวกับข้อมูลชัดเจนแล้ว เธอก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอเปลี่ยนขนาดของถุงพลาสติกสะดวกซื้อสองล้านใบเป็นสี่ขนาดที่แตกต่างกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ กล่าวว่า “พี่เซี่ยงอิง ตอนนี้โรงงานผลิตถุงพลาสติกสะดวกซื้อมีแค่ 2 ขนาดที่ผมแนะนำไปเท่านั้น เมื่อยอดขายเพิ่มขึ้น เราถึงจะผลิตถุงพลาสติกสะดวกซื้อหลายขนาดออกมา ถึงตอนนั้นผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง”
เซี่ยงอิงพยักหน้า
เนื่องจากตอนนี้มีเพียงสองขนาดเท่านั้น เธอไม่สามารถทำอะไรได้ เพียงแค่ต้องใช้มันก่อน
ที่สหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคชิงโจว
ผู้อำนวยการเสิ่นเย่าเหวินก็อารมณ์ไม่ดีเช่นกันในช่วงสองวันที่ผ่านมา
อย่าถามว่าทำไม
ที่เขาอารมรณ์เสียก็เกิดจากจากถุงพลาสติกสะดวกซื้อนั่นเอง
“เฉินอันผิงจากโรงงานฟิล์มพลาสติกบอกว่าเขาจะไม่แจกถุงพลาสติกสะดวกซื้ออีกแล้ว”
“พนักงานขายของเราถูกลูกค้าบ่นทุกวัน เป็นเพราะเขาแท้ ๆ แต่ฉันต้องมาเก็บกวาดเองเสียได้”
รองผู้อำนวยการ หยางชิงจู กล่าวว่า “หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ฉันคิดว่าเราควรซื้อถุงพลาสติกสะดวกซื้อจากโรงงานฟิล์มพลาสติกจะดีกว่า เพราะร้านค้าอื่นๆ สามารถหาซื้อได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าถุงพลาสติกสะดวกซื้อนั้นไม่แพง !”
เสิ่นเย่าเหวิน กล่าวว่า “อย่าซื้อ ฉันยังไม่เชื่อว่าคุณไม่สามารถขายสินค้าได้หากไม่มีถุงพลาสติกสะดวกซื้อ โรงงานฟิล์มพลาสติกไม่ให้ฉัน ฉันก็จะไม่แจกให้ลูกค้าเช่นกัน ”
นั่นแหละ.
เมื่อก่อนไม่มีถุงพลาสติกสะดวกซื้อก็ยังขายสินค้าของเราได้ !
หยางชิงจู กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “เราจะไม่แจกหรือ แต่ห้างสรรพสินค้าก็มีนะ ! สินค้าหลายชิ้นที่เราขายก็มีขายในห้างสรรพสินค้าเช่นกัน ลูกค้าเดิมของเราหลายรายไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า ”
อ่า ?
เสิ่นเย่าเหวินสาปแช่งเฉินอันผิงอย่างดุเดือดอีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพูดว่า “เอาล่ะ ผมรู้แล้ว”
เขาหันหลังกลับ แล้วพูดว่า “ถ้าคุณต้องการซื้อก็ไปซื้อเลย แต่ผมไม่ซื้ออยู่แล้ว”
หยางชิงจูยิ้มอย่างขมขื่นและคิดในใจว่า: ถ้าฉันซื้อ คุณก็ต้องซื้อมันด้วย เพราะเราต่างก็ซื้อในนามสหกรณ์จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ใช่หรือ !
เขาส่ายหัวแล้วไปติดต่อกับเฉินอันผิง
สหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคใช้ถุงพลาสติกสะดวกซื้อมากกว่าห้างสรรพสินค้า เนื่องจากสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคมีร้านค้ามากกว่า ต่างจากห้างสรรพสินค้าที่มีห้างสรรพสินค้าเพียงแห่งเดียว
พวกเขาตกลงที่จะสั่งซื้อถุงพลาสติกสะดวกซื้อเดือนละสิบล้านใบในราคาใบละ 3.5 หลี
เฉินอันผิงยิ้มแก้มปริ
ขายให้สหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคเพียงแห่งเดียวสามารถทำรายได้กว่าเดือนละ 35,000 หยวนแล้ว
เขาไม่เคยคาดหวังว่าผลิตภัณฑ์ที่ดูเหมือนไม่มีจุดเด่นอย่างเช่นถุงพลาสติกสะดวกซื้อจะทำยอดขายได้มากเช่นนี้
นี่แค่ขายในเมืองชิงโจวเท่านั้น หากอีกเจ็ดอำเภอรอบนอกมาสั่งซื้อถุงพลาสติกสะดวกซื้อ หรือแม้แต่เมืองในมณฑลจีนตอนกลางมาสั่งซื้อขึ้นมาล่ะ……
เฉินอันผิงไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
จู่ ๆ คำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ดังก้องอยู่ในหัวของเขา: ของฟรีคือของที่แพงที่สุด
ตอนนี้เขาคิดดูแล้ว มันเป็นขุมทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างเห็นได้ชัด
เข้าสู่เดือนสิงหาคม ได้มีการเปิดจำหน่ายถุงพลาสติกสะดวกซื้อในพื้นที่ต่าง ๆ ของชิงโจว
เจียงเสี่ยวไป๋ได้จัดประชุมร่วมกับพนักงานขายทั้งหมดของโรงงานฟิล์มพลาสติก
“เรื่องจริงได้พิสูจน์แล้วว่าถุงพลาสติกสะดวกซื้อของเราได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนทั่วไป” เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่เฉินอันผิง อวี๋เต๋อสุ่ยและพนักงานขายทั้ง 12 คน “ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องขยายตลาดออกจากเมืองชิงโจว เข้าสู่ตลาดระดับประเทศแล้ว”
อวี๋เต๋อสุ่ยและคนอื่นต่างกำหมัดเตรียมพร้อม พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นกันมาก
สาเหตุหลักมาจากความสำเร็จของยอดขายถุงพลาสติกสะดวกซื้อในเมืองชิงโจว พวกเขาจึงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในการขาย
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือแนวทางนโยบายการขายในปัจจุบันของโรงงาน
เงินเดือนพื้นฐานของพนักงานขายทั่วไปจะอยู่ที่เดือนละ 30 หยวน ไม่รวมค่าตั๋วเดินทางเพื่อธุรกิจ มีเบี้ยเลี้ยงค่าครองชีพ 2 หยวนต่อวัน เงินช่วยเหลือค่าที่พัก 2 หยวนและค่าคอมมิชชั่นจากยอดขาย
โรงงานได้กำหนดค่าคอมมิชชั่นการขายแบบขั้นบันได ผู้ที่ทำยอดขายต่อเดือนได้มากกว่า 100,000 หยวนจะได้รับค่าคอมมิชชั่น 3% ผู้ที่ทำยอดขายได้ 200,000 หยวนต่อเดือนจะได้รับค่าคอมมิชชั่น 5% และผู้ที่ทำยอดขายได้ 500,000 หยวนต่อเดือนจะได้รับค่าคอมมิชชั่น 10% และถ้าทำยอดขายได้เกิน 1 ล้านหยวนต่อเดือน จะได้รับค่าคอมมิชชั่น 20%
อวี๋เต๋อสุ่ยประมาณการว่ายอดขายถุงพลาสติกสะดวกซื้อต่อเดือนในเมืองชิงโจวเพียงแห่งเดียวสามารถสูงถึง 70,000-80,000 หยวน
แต่หากพวกเขาขยายตลาดออกไป พวกเขาจะสามารถทำยอดขายได้หลายแสนหยวนแน่นอน
หากเขาทำยอดขายได้ดี ไม่แน่ว่าเขาอาจได้กลายเป็นเศรษฐีมีเงินรายได้หนึ่งหมื่นหยวนต่อเดือนก็ได้
ยิ่งคิดยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะออกไปแสดงความสามารถที่เขามี