ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 236 แจกของฟรีได้เริ่มขึ้นแล้ว
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 236 แจกของฟรีได้เริ่มขึ้นแล้ว
ตอนที่ 236 :แจกของฟรีได้เริ่มขึ้นแล้ว
“สองวันที่ผ่านมา คุณได้อ่านหนังสือพิมพ์บ้างไหม? มีบทความที่น่าสนใจอยู่สองบทความ มันไม่เหมือนข่าว แต่เหมือนเรื่องเล่ามากกว่า”
“เรื่องเล่าอะไรล่ะ ? มันมีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง หญิงชราคนนั้นซื้อของจากห้างสรรพสินค้า เธอถือข้าวของในมือไว้พะรุงพะรัง ทำให้เธอหลบรถจักรยานที่สวนมาไม่ทัน”
“ใช่แล้ว ส่วนสาวน้อยคนนั้นคงไม่ตกลงไปในคูน้ำที่ส่งกลิ่นเหม็นหรอก ถ้าแอปเปิลที่เธอซื้อมาไม่ร่วงลงไปบนพื้นน่ะ”
“เฮ้อ… ยังไงซะมันก็ไม่สะดวกจริง ๆ เวลาที่เราซื้อของกลับบ้าน”
“ใช่ ไม่เหมือนคนในชนบทที่มักจะสะพายกระบุงไปจ่ายตลาด”
“จะให้สะพายกระบุงเดินห้างสรรพสินค้าหรือไง มันไม่เหมาะหรอก ! ”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินบทสนทนาทำนองนี้ได้ตลอดเวลา ขณะเดินอยู่บนถนน
บางคนบ่นเกี่ยวกับความไม่สะดวกในการซื้อของกลับบ้าน นอกจากนี้ยังมีคนที่ระบายความไม่พอใจต่อห้างสรรพสินค้าและสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคอีกด้วย
เกาเหวยหมิน ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าได้แต่คิดอย่างไม่เข้าใจว่า: แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา ?
เสิ่นเย่าเหวิน ผู้อำนวยการสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคก็มีใบหน้าที่มืดมนเช่นกัน: นี่เขาถูกกล่าวหาโดยไม่รู้ตัวเลย
“มันกลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างรวดเร็ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างพอใจและทึ่งที่บรรณาธิการสำนักพิมพ์มีความสามารถมากจริง ๆ ที่สามารถเขียนบทความจากคนจริงและเหตุการณ์จริงออกมาได้ ซึ่งมันมีประสิทธิภาพมากกว่าการแต่งเรื่องตามที่เขาขอเสียอีก
เมื่อตระหนักได้ว่าถึงเวลาที่สมควรแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋จึงเรียกเฉินอันผิงมาพบอีกครั้ง
“ช่วงนี้คุณอ่านหนังสือพิมพ์หรือยัง ? ”
เฉินอันผิงกล่าวว่า “ได้อ่านแล้ว และผมก็ได้ยินความคิดเห็นของบางคนเช่นกัน พวกเขาพูดกันว่าการซื้อของกลับบ้านมันไม่สะดวกจริง ๆ ”
ไม่เพียงเท่านั้น เฉินอันผิงยังนึกถึงกลอุบายของเจียงเสี่ยวไป๋ และค่อย ๆ ตระหนักถึงบางสิ่ง เขาจึงขอให้เฉินอันเหอ น้องชายของเขาไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า หลังจากจ่ายเงินแล้วก็ให้จงใจบ่นเสียงดังว่า: “ฉันถือไปไม่ไหวหรอก ของมากมายขนาดนี้ ฉันจะเอามันกลับบ้านได้อย่างไร ? ”
เฉินอันผิงมีความสุขมากที่ทำให้พนักงานขายโกรธ
และไม่เพียงเท่านี้แค่นั้น เขายังขอให้เฉินอันเหอไปซื้อของที่สหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคอีกครั้ง โดยบ่นแบบเดียวกันด้วย
ถ้าทำเพียงคนหนึ่งคน รู้สึกว่าผลกระทบจะไม่มากนัก
เฉินอันผิงไม่ยอมหยุดแค่นั้น เขาได้ระดมป้าข้างบ้านอีก 7-8 คนของเขาให้ออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าก่อน จากนั้นค่อยไปที่สหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคแล้วบ่นในทำนองเดียวกัน
จากนั้น เฉินอันผิงมอบหมายงานให้กับพนักงานขาย 12 คนในแผนกขาย และขอให้พวกเขาระดมญาติและเพื่อนฝูงไปด้วย
เขารายงานเรื่องนี้ให้เจียงเสี่ยวไป๋ทราบ เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเสียงดังและชื่นชมเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า: “ตอนนี้คุณเอาถุงพลาสติกสะดวกซื้อของเราไปให้ห้างสรรพสินค้าและสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคที่ละหนึ่งแสนใบ ให้พนักงานขายของพวกเขาแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อให้ลูกค้าหลังจากที่ลูกค้าซื้อของและจ่ายเงินเสร็จ เพื่อให้ลูกค้าใส่ของได้สะดวกยิ่งขึ้น”
เฉินอันผิงอุทานออกมาด้วยความตกใจ “มอบ…….มอบให้หนึ่งแสนใบเลยหรือ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเขา โดยคิดว่าก่อนหน้านี้เฉินอันผิงคงเข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจและดูงุนงงอยู่ดี เขาจึงพูดว่า “หัวหน้าเฉิน หากเรามัวแต่เสียดายเด็ก เราจะจับหมาป่าได้อย่างไร ? การแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อหนึ่งแสนใบเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น รอให้พวกเขาใช้หมดแล้ว เราค่อยให้พวกเขาฟรีอีก ! ”
เฉินอันผิงตกใจ และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “งั้นผู้ช่วยเจียงต้องการมอบให้พวกเขากี่ใบ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ กล่าวว่า “จำนวนที่คุณมอบให้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่คุณต้องจำไว้ว่าคุณให้พวกเขาครั้งละ 100,000 เท่านั้น หลังจากที่พวกเขาแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อเสร็จแล้ว พวกเขาต้องการถุงพลาสติกสะดวกซื้ออีกอย่างแน่นอน แต่คุณไม่สามารถให้มากเกินจากครั้งแรกหนึ่งได้”
เฉินอันผิงพยักหน้าเห็นด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “นี่คืองานของคุณและพนักงานขายทุกคนในช่วงนี้ ประการแรก ให้ห้างสรรพสินค้าและหน่วยอื่น ๆ มารับถุงพลาสติกสะดวกซื้อของเรา และประการที่สอง เพื่อตรวจสอบร้านค้าของพวกเขา เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานขายของพวกเขาจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ใส่ถุงและเก็บบันทึกเพื่อดูว่าแจกไปเท่าไร”
เฉินอันผิงกล่าวว่า “เรื่องแค่นี้ ผมจะจัดการให้ทันที”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เขายังไม่ลืมอธิบายข้อควรระวังบางประการและขอให้เฉินอันผิงปฏิบัติตามด้วย
เขาเชื่อว่าตราบใดที่ฝ่ายขายทำงานได้ดี ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ผู้คนในเมืองชิงโจวจะติดนิสัยซื้อของแล้วนำใส่ถุงพลาสติกสะดวกซื้อกลับบ้าน เพราะมันสะดวกกว่าการหอบของพะรุงพะรังมาก
ซึ่งเรื่องจริงก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
พอห้างสรรพสินค้าและสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคได้ยินว่ามีการแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อฟรีให้แก่พวกเขา หัวหน้าของทั้งสองหน่วยงานต่างก็ประหลาดใจมาก
ก่อนหน้านี้ ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงเหล่านั้นทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ
ซึ่งมันอาจส่งผลกระทบต่อการใช้บริการของลูกค้าในระยะยาวได้
แต่ใครจะไปคิดว่าในช่วงเวลาวิกฤตินี้ พนักงานขายของโรงงานฟิล์มพลาสติกจะได้นำถุงพลาสติกสะดวกซื้อมาให้พวกเขาฟรี เพื่อให้พวกเขาแจกให้กับลูกค้าที่มาซื้อสินค้า แก้ปัญหาลูกค้าไม่สะดวกที่จะนำสินค้ากลับบ้านได้อย่างสมบูรณ์
ห้างสรรพสินค้าและสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภครับมันมาด้วยความยินดี
ตามที่พนักงานขายของโรงงานฟิล์มพลาสติกกล่าวไว้ ถุงพลาสติกสะดวกซื้อสามารถอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าและปรับปรุงคุณภาพการบริการของร้านค้าพวกเขาได้
และไม่มีค่าใช้จ่าย
ห้างสรรพสินค้าและสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคกำลังส่งเสริมถุงพลาสติกสะดวกซื้อภายในอย่างจริงจัง โดยกำหนดให้พนักงานขายทุกคนแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อให้กับลูกค้าหลังจากซื้อของและจ่ายเงิน
ในตอนแรก พนักงานขายบางส่วนไม่คุ้นเคยจึงลืมแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อให้กับลูกค้า เมื่อพนักงานขายของโรงงานฟิล์มพลาสติกเห็นสิ่งนี้ระหว่างการตรวจสอบ พวกเขาก็จะเตือนพนักงานขายเช่นกัน
ทำให้พนักงานขายค่อย ๆ คุ้นเคยกับการแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อให้แก่ลูกค้าหลังจากซื้อสินค้าแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ยังลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันชิงโจวเป็นเวลาหลายวัน
“ถุงพลาสติกสะดวกซื้อ สะดวกสบายมาก ! ”
“ห้างสรรพสินค้าได้ปรับการให้บริการและแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อให้ลูกค้า ! ”
“สหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคได้ปรับการบริการเช่นกัน พวกเขาแจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อแก่ลูกค้าทุกคน ! ”
ร้านพะโล้ของเขาเองเคยใช้กล่องแบบใช้แล้วทิ้งมาเสิร์ฟลูกค้า แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มหันมาใช้ถุงร้อน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดต้นทุนเท่านั้น แต่ยังสะดวกสำหรับลูกค้าในการรับสินค้า และยังเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าอีกด้วย
เฉินอันผิงดูเหมือนจะเข้าใจแนวคิดของเจียงเสี่ยวไป๋เช่นกัน ขณะจัดส่งถุงพลาสติกสะดวกซื้อไปยังห้างสรรพสินค้าและสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภค เขายังส่งถุงพลาสติกสะดวกซื้อไปยังร้านค้าขนาดใหญ่และเล็ก โรงอาหาร และแม้แต่ร้านขายติ่มซำบางแห่งในเมืองชิงโจว โดยแจกฟรีตั้งแต่จำนวน 500-5,000 ใบ ขึ้นอยู่กับขนาดของร้านค้านั้น ๆ
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ผู้คนตามท้องถนนและตรอกซอกซอยของเมืองชิงโจวต่างใช้ถุงพลาสติกสะดวกซื้อใส่ของที่พวกเขาซื้อมา
ร้านค้าบางแห่งไม่มีถุงพลาสติกสะดวกซื้อ ลูกค้าจึงถามว่า “ทำไมไม่แจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อให้ล่ะ ? ”
เจ้าของร้านค้าเหล่านั้นถูกถามคำถามมากมายจนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากโทรไปที่หมายเลขโทรศัพท์บนถุงและถามว่าจะซื้อได้จากที่ไหน
ตอนนี้ถุงพลาสติกสะดวกซื้อกำลังกลายเป็นกระแส
ในหนึ่งสัปดาห์ เฉินอันผิงนับจำนวนถุงพลาสติกสะดวกซื้อที่ส่งออกไป รวมเป็นจำนวนถึง 5 ล้านใบแล้ว
แม้ว่าต้นทุนจะตกใบละ 2 หลี แต่นับรวม ๆ แล้วก็เป็นจำนวนเงินมากถึง 10,000 หยวนได้
ที่แผนกขายของพวกเขายังไม่ได้รับเงินแม้แต่หยวนเดียว แต่ตอนนี้ต้องมาเสียต้นทุนไปเป็นหมื่นหยวนแล้ว เฉินอันผิงรู้สึกเป็นทุกข์อีกครั้ง
“ผู้ช่วยเจียง เราต้องส่งถุงพลาสติกสะดวกซื้อให้พวกเขาไปอีกนานแค่ไหน ? ”
เมื่อพบเจียงเสี่ยวไป๋ เฉินอันผิงจึงลองถามถึงเรื่องนี้ดู
“แจกไปเรื่อย ๆ อีกหน่อยก็แล้วกัน ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึงเกี่ยวกับทฤษฎีเกี่ยวกับนิสัยความเคยชินของมนุษย์อีกครั้ง บางคนบอกว่าต้องใช้เวลา 21 วันในการสร้างนิสัย ในขณะที่บางคนบอกว่าใช้เวลาเพียง 7 วันเท่านั้น
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกว่า 7 วันนั้นไม่เพียงพออย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะขยายเวลาแจกเพิ่มไปอีก 7 วัน
จากนั้น เขาก็พูดกับเฉินอันผิงว่า “หลังจากจัดส่งอีกหนึ่งสัปดาห์ เราจะหยุดแจกให้ห้างร้านในเมืองชิงโจว แต่คุณนำไปแจกให้แก่อำเภอรอบนอกภายใต้เขตการปกครองของชิวโจวแทน ทำตามวิธีเดียวกับที่แจกในชิงโจวเลย”
นี่ยังต้องแจกให้แก่อำเภอรอบนอกอีกหรือ ?
แจกถุงพลาสติกสะดวกซื้อในเมืองชิงโจวยังเสียต้นทุนไปกว่าสัปดาห์ละ 10,000 หยวน หากให้แจกในอำเภอรอบนอกอีก 7 อำเภอจะไม่ยิ่งเสียต้นทุนไปสัปดาห์ละหลายหยวนหรือ
ที่สำคัญคือกังวลว่าถ้าเลิกแจกแล้ว ห้างสรรพสินค้าและสหกรณ์จำหน่ายเครื่องบริโภคอุปโภคจะซื้อต่อไหม ?
เจียงเสี่ยวไป๋มั่นใจและพูดว่า “อย่ากังวล เมื่อผู้คนสร้างนิสัยที่เคยชินแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะเปลี่ยนแปลงความเคยชินของพวกเขา”
“พวกเขาจะซื้อมันอย่างแน่นอน ! ”