ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 219 แขกที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 219 :แขกที่ไม่คาดคิด
“พี่เซี่ยง ทำไมถึงมาเร็วแบบนี้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินเข้ามาทักทายเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้น เขาก็ทักทายผู้หญิงผมสั้นที่อยู่ข้าง ๆ เซี่ยงเฉียนจิ้น “สวัสดีครับพี่สะใภ้ ! ”
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าแขกกลุ่มแรกที่มาคือเซี่ยงเฉียนจิ้นและภรรยาของเขา
เซี่ยงเฉียนจิ้นมองไปที่ประตูบ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยแววตาที่ตกตะลึง บ้านหลังนี้สวยงามมาก เหมือนกับคฤหาสน์ของเจ้าชายอย่างไรอย่างนั้น
“มีงานฉลองที่บ้านของคุณทั้งที พี่ชายอย่างฉันก็ต้องมาให้เร็วอยู่แล้ว”
หลังจากที่เซี่ยงเฉียนจิ้นพูดออกมา เขาก็กำหมัดแล้วพูดว่า “ขอแสดงความยินดี ! ขอแสดงความยินดีกับน้องเสี่ยวชิงที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋จึงพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า “ขอบคุณครับ เชิญเข้ามานั่งข้างในก่อน”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ขยับไปด้านข้างเพื่อให้เซี่ยงเฉียนจิ้นและภรรยาของเขาเข้าไปในห้อง
แต่คนที่มาช่วยงานไม่เคยเห็นเซี่ยงเฉียนจิ้นและภรรยาของเขามาก่อน จึงยังสงสัยว่าพวกเขาเป็นใคร ?
โดยไม่คาดคิด กลับกลายเป็นเพื่อนของเจียงเสี่ยวไป๋
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทั้งสองคนจะดูไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา ดูเหมือนจะมีฐานะและเป็นคนในเมือง
“ตอนนี้ธุรกิจของเสี่ยวไป๋กำลังไปได้ดีในเมืองนี้ แม้แต่คนในเมืองก็มาร่วมฉลองด้วย”
“ใช่ ตอนนี้เสี่ยวไป๋มีหน้ามีตาในสังคม”
“ใช่ เราก็ต้องช่วยเหลือและทำงานของตัวเองให้เต็มที่ เสี่ยวไป๋จะได้เห็นเราอยู่ในสายตา”
“ฉันรู้ ! ”
“……”
ผู้ที่มาช่วยงานสองสามคนกำลังคุยกัน ในตอนนั้นก็มีเสียงประทัดดังขึ้นอีก
ในชนบท เมื่อแขกมา คนจุดประทัดจะจุดประทัดที่มีความยาวประมาณ 50 ดอกเป็นการบอกคนในบ้านว่าแขกมาถึงแล้ว และถือเป็นการจุดต้อนรับแขกด้วย
ทันทีที่ประทัดดับลง ทุกคนที่มาช่วยงานก็รู้ว่ามีแขกกำลังมา
“มาแล้ว ๆ เตรียมบุหรี่เตรียมชาไว้ด้วย……”
“ได้……”
เมื่อมีแขกระลอกที่สองมา เสียงประทัดและเสียงของผู้มาช่วยงานก็ดังเข้ามาทีละคนเป็นระลอกคลื่น
เจียงเสี่ยวไป๋เดินนำเซี่ยงเฉียนจิ้นและภรรยาของเขามายังลานด้านหน้า
“เสี่ยวไป๋ หลังจากที่ได้เห็นบ้านของนายแล้ว ฉันอยากจะกลับไปบ้านเกิดของฉันแล้วสร้างลานแบบนี้ตรงหน้าบ้าน”
เซี่ยงเฉียนจิ้นพูดด้วยความรู้สึกชื่นชม
ผางเสี่ยวเจวียน ภรรยาของเซี่ยงเฉียนจิ้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไอ้หยา เงินเดือนของคุณไม่เพียงพอที่จะสร้างบ้านแบบนี้หรอก แม้แต่วางรากฐานก็คงไม่มีปัญญา”
ใครบ้างที่ไม่ชอบบ้านแบบนี้ ?
แต่การสร้างบ้านเรือนสี่ประสานแบบนี้ต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน ?
ผางเสี่ยวเจวียนไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เซี่ยงเฉียนจิ้นยิ้มอย่างเขินอาย “ฉันก็แค่พูดถึงสิ่งที่อยากทำ ในภายภาคหน้าหากว่ามีเงินก็ค่อยสร้างทีละเล็กละน้อยก็ได้”
หลังจากพูดจบ เขาก็ถามเจียงเสี่ยวไป๋ไปว่า “บ้านหลังนี้ของน้องชายใช้เงินไปเท่าไหร่กัน ? ”
เขาอยากทำแบบนี้จริง ๆ จนคิดที่จะเก็บเงินสร้างมันขึ้นมาให้ได้ในสักวัน
เป็นเรื่องยากสำหรับเจียงเสี่ยวไป๋ที่จะเอ่ยปากต่อต้านความคิดของเซี่ยงเฉียนจิ้น แม้ว่าเขาจะมีเงิน แต่เขาก็ไม่สามารถสร้างบ้านแบบนี้ได้
เพราะมันไม่มีห้องโถงบรรพบุรุษตระกูลเฉินแห่งที่สองอีกแล้วอย่างไรล่ะ ?
บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋มีราคาแพงอย่างแน่นอน เพราะของที่นำมาตกแต่งบ้านทั้งหมดคือของโบราณที่มีเพียงหนึ่งเดียว เรือนสี่ประสานที่นี่ยังสร้างขึ้นมาจากวัสดุเก่าแก่ ร่องรอยของประวัติศาสตร์และงานฝีมือโบราณเป็นสิ่งที่หายากมากในปัจจุบัน
เรียกได้ว่ามีค่าอย่างมาก
ขณะที่เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร จู่ ๆ เจียงเสี่ยวหลี่ก็เข้ามาแล้วตะโกนว่าว่า “เสี่ยวไป๋ มีแขกมาอีกคน เราไม่รู้จัก สงสัยจะเป็นแขกของคุณ”
“อื้ม ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบกลับไป จากนั้นเขาก็ใช้โอกาสนี้พูดว่า “พี่เซี่ยง พี่พาพี่สะใภ้ไปนั่งก่อน ผมขอตัวไปดูแขกครู่หนึ่ง”
เซี่ยงเฉียนจิ้นกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปหาที่นั่งก่อน”
พูดจบ เขาก็เดินออกไปทันที
เมื่อทั้งสามออกไป พวกเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าประตูมาพร้อมกับถือถ้วยชากระดาษใช้แล้วทิ้งอยู่ในมือ
เจียงเสี่ยวไป๋ตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมทั้งมีรอยยิ้มบิดเบี้ยวบนใบหน้าของเขา
“ผู้อำนวยการหวัง ! ”
“ผู้อำนวยการเฉียน ! ”
“ประธานฟู่ ! ”
“ประธานจู ! ”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาจับมือและกล่าวทักทายทีละคน
ในกลุ่มมีมากกว่าสิบคน ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้นำจากหน่วยงานต่าง ๆ ในเมือง เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าพวกเขามารวมตัวกันได้อย่างไร
ฟู่เต๋อเจิงกล่าวว่า “ทำไมไม่บอกว่าที่บ้านมีงานเลี้ยง จะได้ให้คนมาช่วย”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องเล็กน้อยครับ ผมไม่กล้ารบกวนพวกคุณหรอก”
เฉียนฟางอี้ยิ้มและพูดว่า “เหล่าฟู่ โทษฐานที่เขาไม่บอกเรา เราต้องให้เขาดื่มเป็นการลงโทษ”
หวังเต๋อคุนกล่าวว่า “คุณต้องลงโทษตัวเองสามแก้ว แล้วพวกเราทุกคนจะไม่ถือสา”
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องตลก แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็เกือบจะผงะ
เขารีบพูดว่า “ไว้คุยเรื่องดื่มทีหลังเถอะครับ ทุกคนเข้าไปนั่งดื่มชาข้างในกันก่อน”
เขาไม่แม้แต่จะถามว่าคนใหญ่คนโตพวกนี้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
เมื่อคนกลุ่มนี้เดินเข้ามายังลานหน้าบ้าน ทุกคนก็ตกตะลึง บ้านหลังใหม่ของเจียงเสี่ยวไป๋นั้นดูมีสไตล์มาก จึงขอให้เจียงเสี่ยวไป๋พาพวกเขาเดินดูรอบ ๆ บ้าน
เจียงเสี่ยวไป๋ย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
ทุกคนพูดคุยและหัวเราะกันระหว่างที่เดินดูบ้าน เพราะเหตุนี้เจียงเสี่ยวไป๋ถึงรู้ว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงรู้ว่าบ้านของเขามีงานเลี้ยงฉลอง
ที่แท้เป็นเพราะเซี่ยงเฉียนจิ้นรู้เรื่องที่ครอบครัวของเขาจะจัดงานเลี้ยง จึงเอาไปบอกกับฟู่เต๋อเจิง ฟู่เต๋อเจิงบอกหวังเต๋อคุน หวังเต๋อคุนก็บอกเฉียนฟางอี้อีกที……
จากนั้นไม่นาน เกือบทุกคนในชิงโจวที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้เรื่องนี้ และก็ทำการนัดหมายกัน
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เซี่ยงเฉียนจิ้น เขารู้สึกว่าเซี่ยงเฉียนจิ้นเป็นคนปากไม่มีหูรูด
ฟู่เต๋อเจิงยิ้มและพูดว่า “อย่าไปตำหนิเสี่ยวเซี่ยงที่มาบอกเรื่องนี้ให้พวกเราเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋: “……”
ฟู่เต๋อเจิงและกลุ่มของเขามากกว่าสิบคนขับรถมาเจ็ดคัน
การมาของขบวนรถหลายคันเช่นนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้ที่มาช่วยงานและแขกต่างก็กำลังพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่
“คนพวกนี้คือผู้นำของหน่วยงานราชการใช่ไหม ? ”
“ดูท่าต้องเป็นแบบนั้นแน่ ! ”
“ใช่ ถ้าไม่ใช่คนใหญ่คนโตคงไม่มีรถยนต์มากมายขนาดนี้”
“อย่างที่คาดไว้ เสี่ยวไป๋รู้จักกับคนใหญ่คนโตมากมายจริง ๆ ”
“ใช่ ฉันไม่คิดว่าจะมีคนใหญ่คนคนโตมาที่หมู่บ้านของเรามากมายขนาดนี้”
“ธุรกิจของเสี่ยวไป๋เฟื่องฟูมาก เราลองไปทำความรู้จักกับคนใหญ่คนโตเหล่านี้ดีไหม ! ”
“……”
แม้แต่เจียงไห่หยางและหวังซิ่วจวี๋ต่างก็ประหลาดใจและดีใจเมื่อรู้ว่ามีบุคคลสำคัญมากมายมางานเลี้ยงของพวกเขา จึงรีบไปเตรียมบุหรี่และรินชาต้อนรับด้วยตนเอง
ฟู่เต๋อเจิงและคนอื่นรู้ว่าชายชราและหญิงชราสองคนนี้คือพ่อแม่ของเจียงเสี่ยวไป๋ ดังนั้นพวกเขาจึงทำตัวสุภาพและไม่อยากให้เจ้าบ้านต้องมาลำบากแบบนี้ จึงเชิญให้เจียงไห่หยางนั่งลงและสูบบุหรี่ด้วยกันแทน
เจียงเสี่ยวไป๋ได้แต่ยิ้มบาง
และตอนนี้ก็เป็นเวลาใกล้จะเที่ยงแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋จำได้ว่าเขาจะต้องไปรับพ่อตาแม่ยายของเขา ดังนั้นเขาจึงพูดกับฟู่เต๋อเจิงและคนอื่นว่า “ทุกท่าน พอดีว่าผมต้องขอตัวไปทำธุระก่อน เชิญทุกคนดื่มชาและกินเมล็ดแตงโมคั่วกันไปก่อนนะครับ ต้องขอโทษจริง ๆ ”
จูกั๋วฟู่คว้าตัวเขาแล้วพูดว่า “จะรีบไปไหนเล่า ฉันจะถามพอดีว่าคุณไปเอาเมล็ดแตงพวกนี้มาจากไหน มันมีกลิ่นหอมและอร่อยมาก”
ชิวเสี่ยวหยุนยังกล่าวอีกว่า “ใช่ ฉันก็กำลังจะถามพอดี ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “นี่คือเมล็ดแตงโม 5 รสที่ผมคั่วเอง”
“คุณคั่วเองหรือ ? ”
“คุณคั่วมันหรือ ? ”
“ยังคั่วเมล็ดแตงโมได้ด้วยหรือนี่ ? ”
“……”
ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงหลายเสียงดังขึ้น ทั้งหวังเต๋อคุน จูกั๋วฟู่ โจวฉางซง, ชูเหวินปิน และคนอื่น ๆ
จูกั๋วฟู่กล่าวว่า “นั่งลง นั่งลง ฉันว่าเราต้องมาพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจเมล็ดแตงโม 5 รสกันแล้วแหละ”
เจียงเสี่ยวไป๋ “……”
พวกคุณจะคุยกับผมเกี่ยวกับธุรกิจเมล็ดแตงโม 5 รสงั้นหรือ ?
ไม่ได้ ไว้ค่อยหาเวลาคุยเรื่องนี้กันทีหลังได้ไหม เพราะตอนนี้เขาต้องไปรับพ่อตาแม่ยายก่อน !