ผมถูกแฟนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กนอกใจและถูกไส่ร้าย แต่ถึงอย่างนั้น คนที่เป็นห่วงผมกลับเป็นสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 15 เพื่อนสนิทอีกคน
หลังจากที่อิจิโจซังออกไปแล้ว ฉันก็กลับเข้ามาในห้องตัวเอง
จะทำยังไงดีพรุ่งนี้ การไปโรงเรียนมันเป็นเรื่องปกติที่ควรทำอยู่แล้ว แต่ฉันกลัว การที่ลืมความกลัวนี้ไปได้สักพักก็ต้องขอบคุณเธอ ตอนนี้พอกลับมาอยู่คนเดียวในห้อง ความรู้สึกโดดเดี่ยวและความกลัวกลับเข้ามาควบคุมจิตใจอีกครั้ง
“บ้าชะมัด มือฉันสั่นไม่หยุดเลย”
แค่เดินในทางเดิน นักเรียนที่ไม่รู้จักกันก็พูดจาแย่ๆ ใส่
พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าตู้รองเท้าจะเป็นยังไง อาจมีขยะหรือหมุดแหลมใส่มาอยู่ข้างในก็ได้
ทนฟังคำด่าทอไปเรื่อยๆ จนถึงห้องเรียน ถึงตอนนั้นก็คงเจอสายตาเย็นชาจากคนอื่นที่มองว่า “ทำไมหมอนี่ถึงยังมาอีก?” หรือ “รู้จักอ่านบรรยากาศบ้างไหม ออกไปจากโรงเรียนเถอะ” ยิ่งเจอแบบนี้ทุกวันมันก็ยิ่งบั่นทอนจิตใจไปเรื่อยๆ
หรืออาจมีคนวางดอกไม้ไว้บนโต๊ะบ้างก็ได้ แล้วฉันก็ต้องทนเรียนไปบนโต๊ะที่มีรอยขีดเขียน
คิดได้เท่านี้ก็ถอนหายใจ มันใกล้จะถึงการสอบวัดผลแล้วแท้ๆ แต่สภาพนี้ไม่พร้อมอ่านหนังสือเลย
อยากจะร้องไห้ มีรุ่นน้องที่ยืนอยู่เคียงข้างแค่คนเดียว แม้ว่ามันจะช่วยได้บ้าง แต่ว่า…
แต่ถึงยังไง ความกลัวก็ยังคงเป็นความกลัว
ง่วงมาก เคยได้ยินมาว่าคนที่จิตใจใกล้พังทลายจะรู้สึกหมดแรง นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ อาจเป็นแบบนั้นจริงๆ
การที่ฉันได้รับการปลอบโยนจากอิจิโจซังช่วยฉันไว้มากขนาดไหน ตอนที่ได้พูดคุยกับเธอ ทำให้ลืมความเจ็บปวดพวกนี้ได้
แล้วเสียงเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้คงเป็นบัญชีหลอกโจมตีสภาพจิตใจเหมือนเดิม บล็อกกี่รอบก็เบื่อแล้ว จะลบบัญชีไปเลยดีไหม
แต่ก็พยายามเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ที่ปรากฏขึ้นบนจอนั้นไม่ใช่ข้อความที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แต่เป็นอีกหนึ่งความหวังแทน
‘เฮ้ เออิจิ นายโอเคไหม?’
ข้อความสั้นๆ ที่ดูดุดัน เพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายของฉัน คนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กมาอย่างยาวนานเท่าๆ กับมิยูกิ
อิมาอิ ซาโตชิ
ซาโตชิเป็นนักเรียนสายวิทย์ พอขึ้นม.ปลาย เราเลยไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่เขาเป็นเพื่อนสนิทที่ฉันสนิทตั้งแต่สมัยประถม
“ก็พอไหวอยู่”
ฉันตอบกลับไปอย่างนั้น
‘ก็ดี งั้นเจอกันที่ร้านฟาสต์ฟู้ดที่เราไปกันประจำตอนเลิกซ้อมได้ไหม?’
ข้อความของเขาเรียบง่ายเหมือนเคย
มันเป็นคำพูดธรรมดาๆ ที่เหมือนเดิม ตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องวุ่นวายนั้น
“ตกลง”
ความจริงแล้วฉันกลัวมาก ตั้งแต่ถูกมิยูกิหักหลัง ฉันกลัวว่าวันหนึ่งซาโตชิอาจจะหักหลังเหมือนกัน เพื่อนร่วมห้องที่เคยสนิทกัน เพื่อนในชมรมต่างก็กลับคำได้ง่ายๆ ทั้งนั้น
ซาโตชิเองก็อาจจะ…
แต่เขายังปฏิบัติต่อฉันเหมือนเดิม แค่นั้นน้ำตาก็เกือบจะไหลออกมาแล้ว
——————————
“เฮ้ เออิจิ ทางนี้”
ร้านฟาสต์ฟู้ดราคาถูกที่เราเคยมา น่าจะเป็นเวลาซ้อมชมรมของเขาแต่เขากลับมาตรงนี้แทน ร่างกายของเขาดูแข็งแกร่งแต่กลับใส่แว่นที่เข้ากับใบหน้าอันชาญฉลาด
เขาเป็นนักธนูมือหนึ่งของชมรม และเป็นคนที่ได้คะแนนอันดับต้นๆ ของรุ่น เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มครบเครื่อง แม้จะไม่เทียบเท่าอิจิโจซัง แต่ก็ถือว่าเป็นคนที่เพียบพร้อมอีกคน
ปกติแล้วเขามักจะหิวและสั่งเฟรนช์ฟรายส์มาทาน แต่วันนี้กลับสั่งแค่เครื่องดื่ม
“มาเร็วเหมือนเคยนะ”
“อืม เพื่อนเกิดเรื่องสำคัญขึ้น แค่เรื่องชมรมมันไม่สำคัญขนาดนั้นหรอก”
จากน้ำเสียงนี้เหมือนเขาจะรู้อะไรมาบ้างแล้ว
มีโอกาสที่จะได้ยินคำพูดปฏิเสธอยู่บ้าง ทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย
พอฉันนั่งลง ซาโตชิก็ก้มหัวลงทันที
“ขอโทษนะ เออิจิ!! ฉันไม่ทันสังเกตว่านายกำลังเจอเรื่องอะไรอยู่ แบบนี้เรียกว่าเพื่อนที่ดีไม่ได้เลย ยกโทษให้ฉันเถอะ!!”
ปกติเขาจะมีเหตุผลเสมอ แต่วันนี้เขากลับแสดงอารมณ์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เอ๊ะ”
“ฉันไม่ได้เล่นโซเชียลมากเท่าไหร่เลยไม่รู้ว่ามีข้อความโจมตีแพร่สะพัดไปขนาดนั้น แล้วเรายังอยู่คนละห้องกันอีกตั้งแต่ม.ปลาย… เลยไม่รู้เลยว่าวันนี้นายต้องเจออะไรมาบ้าง รู้เรื่องอีกทีก็ช่วงหลังเลิกเรียน นายเคยช่วยฉันไว้หลายครั้ง แต่กลับไม่มีใครอยู่ข้างนายตอนที่นายต้องการจริงๆ ขอโทษนะ!”
เขาเป็นคนแสดงความรู้สึกตรงไปตรงมาอยู่แล้ว แต่วันนี้ดูจะมากกว่าปกติ
ทำไมกัน…ทำไม…
“ซาโตชิ…นายเชื่อในตัวฉันหรอ?”
“อืม ตอนเลิกเรียนรุ่นน้องในชมรมเอาโพสต์เกี่ยวกับนายมาให้ดู ฉันรู้ได้ทันทีเลยว่ามันเป็นเรื่องโกหก ไม่มีทางที่นายจะทำร้ายผู้หญิง แล้วคนที่เขียนเรื่องนั้นก็คือมิยูกิ มันเป็นไปไม่ได้ นายไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นได้ มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ”
“…”
คำพูดของซาโตชิทำให้ความรู้สึกในใจของฉันแตกสลาย
“ฉันรีบถามสมาชิกชมรมที่อยู่ห้องเดียวกับนาย ก็ได้ยินมาว่านายหายตัวไปก่อนการประชุมใหญ่ของโรงเรียนแล้วก็ขอลากลับ ฉันเลยรีบไปหาครูประจำชั้นของนาย ครูทาคายานางิ ฉันกะจะบุกไปถามให้รู้เรื่อง ถ้าครูคิดจะเพิกเฉยหรือปกปิดอะไร ฉันจะต่อยครูสักหมัด”
พอคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ซาโตชิอาจจะโดนพักการเรียนหรือไล่ออกเพราะเรื่องนี้ ใจของฉันก็เย็นเฉียบขึ้นมา
โรงเรียนมักจะพยายามปกปิดปัญหาแบบนี้ ฉันก็เลยเริ่มทำใจว่าผู้ใหญ่คงช่วยอะไรไม่ได้ เป็นเรื่องปกติที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว
“แล้วครูเขาว่าไงบ้างล่ะ?”
ซาโตชิจากท่าทางโมโหเปลี่ยนเป็นสีหน้าหนักใจ คิดอยู่พักหนึ่งแล้วเล่าต่อ
“ครูทาคาเนะเป็นห่วงนายอย่างไม่น่าเชื่อ ดูเหมือนว่าครูจะเพิ่งรู้เรื่องตอนเช้าวันนี้ แล้วก็ตั้งใจเรียกนักเรียนหลายคนมาให้ข้อมูล แต่เหมือนจะยังหาข้อมูลไม่ได้มากนัก เลยดูร้อนใจ”
ฉันพยักหน้าให้เขา
“ปกติครูจะดูเหมือนคนที่ไม่กระตือรือร้น แต่พอฉันไปหาครู ครูกลับจริงจังมาก บอกว่า ‘ช่วยบอกให้อาโอโนะรู้นะ ขอให้เขาวางใจได้ ถึงจะน่ากลัวแต่ขอให้ลองเชื่อใจผู้ใหญ่ดู ครูจะรับผิดชอบแก้ไขเรื่องนี้เอง ขอแค่ให้เขาเชื่อใจสักนิดก็พอ’ “
TLN: เพื่อนแท้ล่ะ????