ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 517 แกมันก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ
“คนพวกนั้นกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!” ถังเจิ้นหวากระแทกไม้เท้าลงกับพื้นด้วยความโกรธ ทันใดนั้นท่านก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ท่านระงับความโกรธภายในใจ หันไปมองถังหย่าและกล่าวอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวหย่ากลับเมืองหลวงกัน พ่ออยากแนะนำเธอให้ทุกคนรู้จัก” ถังหย่ามองหน้าท่าน ถามด้วยความกังวล “มีอะไรเกิดขึ้นหรือคะ” เซียวเจี้ยนสยงก็หันไปมองถังเจิ้นหวาเช่นกัน พร้อมกับถามว่า “คุณถัง มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับบริษัทของคุณหรือเปล่า” ถังเจิ้นหวาครุ่นคิดสักพัก แล้วบอกพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะนี้ เซียวเจี้ยนสยงขมวดคิ้ว “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ที่จะจัดการ” จากนั้นท่านก็หยุด ก่อนจะกล่าวต่อไป “เป็นเวลาอันสมควรแล้วหรือ…” ท่านหันไปมองถังหย่า “ที่จะประกาศตัวตนของเสี่ยวหย่าในตอนนี้” ถังเจิ้นหวากล่าวว่า “ไม่มีปัญหา ผมยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเอ็มไพร์กรุป ผมเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในเอ็มไพร์กรุป และผมต้องการชดใช้ให้เสี่ยวหย่า” “คุณพ่อคะ” ถังหย่ามองถังเจิ้นหวาแล้วถอนหายใจ “คุณพ่อไม่ได้เป็นหนี้อะไรหนูเลยนะคะ” ถังเจิ้นหวาส่ายศีรษะ “เป็นความผิดของพ่อเอง ที่ไม่ได้ปกป้องลูกและแม่ของลูก” เมื่อถังหย่าได้ยินท่านเอ่ยถึงมารดา ดวงตาเธอก็เริ่มแดงเรื่อ “คุณแม่เสียชีวิตเพราะพยายามปกป้องหนู…” “เสี่ยวหย่า ลูกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของแม่เลย” ถังเจิ้นหวากล่าวอย่างจริงจัง “ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด” … เมื่อถังซีมาถึงเมือง C ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เธอกับอาหกเข้าไปในเรือนจำไม่ได้ เธอขอให้อาหกจองห้องพักที่โรงแรมให้ เมื่อไปถึงโรงแรมเธอก็โทรหาเฉียวเหลียง เขาอยู่ที่สนามบิน กำลังจะบินไปอเมริกา ถังซีขมวดคิ้ว หลังจากเธอทำให้ร่างกายตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการบังคับใช้ทักษะอเนกประสงค์คราวที่แล้ว เวลานี้ 008 ได้ปิดใช้งานทักษะอเนกประสงค์ เธอจะเปิดใช้งานไม่ได้จนกว่าคะแนนกายภาพจะสูงขึ้นถึงเกณฑ์ที่กำหนด ตอนนี้เธอจึงทำได้เพียงแค่บอกให้เฉียวเหลียงดูแลตัวเองให้ดีเท่านั้น เฉียวเหลียงอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว เมื่อได้ยินคำพูดอันแสนอบอุ่นของถังซี เขาก็ยิ้ม “ตกลงครับ คุณเองก็ต้องให้อาหกติดตามอย่างใกล้ชิดนะ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน เข้าใจไหม” ถังซีกล่าวว่า “ฉันปลอดภัยอยู่ที่บ้าน คุณต่างหากเป็นคนที่ต้องระมัดระวังตัว คุณบอกไม่ใช่หรือว่าพวกนักเลงเม็กซิกันต้องการฆ่าคุณ…” “ตกลง ผมจะระมัดระวัง” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมต้องวางสายแล้วล่ะ ลู่หลีโทรมา” เฉียวเหลียงวางสาย และรับสายจากลู่หลี “ว่าไง ลู่หลี” เสียงสั่นเครือของเหวินนิ่งดังขึ้น “ลู่หลีหายไป ฉันพบโทรศัพท์เครื่องนี้ในป่าที่ชายแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก” เฉียวเหลียงกำมือถือแน่น ถามว่า “คุณขาดการติดต่อกับเขาเมื่อไหร่” “เมื่อเช้านี้ฉันติดต่อเขาไม่ได้ ฉันก็เลยบินมาเม็กซิโก พยายามตามหาเขาด้วยระบบค้นหาตำแหน่ง แต่ฉันพบเพียงโทรศัพท์มือถือของเขา และมีรอยเลือดอยู่รอบๆ ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเลือดลู่หลีหรือเปล่า” น้ำเสียงเหวินนิ่งสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามระงับความหวาดกลัวในใจ เฉียวเหลียงบอกกับกัปตันทันที “ไปที่ฐานสิบสาม” กัปตันพยักหน้า แล้วนำเครื่องบินไปในทิศทางนั้น เฉียวเหลียงกล่าวกับเหวินนิ่งว่า “ไม่ต้องตื่นตระหนก และอย่าให้กองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายล่วงรู้ความสัมพันธ์ของคุณกับลู่หลี ตอนนี้กลับไปที่กองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายก่อน และสอดแนมข้อมูลให้ได้มากที่สุด” เหวินนิ่งกล่าวว่า “ตกลงค่ะ” เฉียวเหลียงพยายามปลอบเธอ “ไม่ต้องกังวลนะ ลู่หลีไม่เป็นอะไรหรอก” เหวินนิ่งลังเล ก่อนจะกล่าวว่า “ฉันไม่รู้เลยว่าลูกน้องฉันทำอะไรกับหลงเซี่ยว พวกเขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับกับฉัน ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ก่อน ฉันก็จะเตือนลู่หลีล่วงหน้า” เฉียวเหลียงชะงัก ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เหวินนิ่ง ถึงคุณจะรู้เรื่องนี้แล้วไม่ได้บอกเรา ก็ไม่ใช่ความผิดของคุณ เพราะนั่นคืองานของคุณ ไม่ต้องรู้สึกผิด” เหวินนิ่งกล่าวว่า “ขอบคุณนะคะ” เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “ขอบคุณเช่นกัน สำหรับความช่วยเหลือของคุณ” เฉียวเหลียงกำลังจะวางสายเมื่อจู่ๆ เหวินนิ่งก็บอกว่า “เดี๋ยวค่ะ” แล้วถามขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน “ลู่หลีจะไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหมคะ” เฉียวเหลียงเงียบไป เขาต้องตรวจสอบกับฐานสิบสามให้แน่ใจว่าลู่หลีเป็นอะไรหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม… เขากล่าวกับเธออย่างหนักแน่นว่า “เขาจะไม่เป็นอะไร เชื่อผมเถอะ” … เช้าวันรุ่งขึ้น ถังซีไปที่เรือนจำหลังอาหารเช้า ผู้บัญชาการเรือนจำเป็นคนรู้จักของเซียวเหยา เขาจึงต้อนรับถังซีอย่างอบอุ่น พาเธอไปที่ห้องเยี่ยมด้วยตัวเอง ไม่เพียงแต่ฉินหลัวเท่านั้น แต่ยังมีหลินเจียวและเซียวจิ้นหนิงอยู่ในห้องด้วย คนทั้งสามจ้องมองถังซีอย่างเคียดแค้น ราวกับว่าพวกเธอจะทะลุกระจกบานหนานั้น เข้ามาขย้ำถังซีทั้งเป็น ถังซีหัวเราะเย้ยหยันคนทั้งสาม ฉินหลัวถามเธออย่างเย็นชา “บอกฉันมาว่าที่นี่ที่ไหน” เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งผยองของนาง ถังซีก็หัวเราะ “แน่นอนว่าที่นี่คือคุก แกอยู่ในสถานที่แบบนี้มาตั้งนานแล้ว ยังไม่รู้ได้ยังไงว่าที่นี่คือคุก” เซียวจิ้นหนิงพรวดพราดลุกขึ้น กรีดร้องใส่ถังซีอย่างทุรนทุราย “เซียวโหรว! ปล่อยฉัน! นังหมาบ้า! ปล่อยฉัน!” “ฝันไปเถอะ! ฉันเดาว่าต้องมีแฟนคลับแกติดคุกอยู่หลายคนเหมือนกัน ใช่ไหม” ถังซีมองหน้าเธอด้วยท่าทางสบายใจ ยิ้มมุมปาก “คิดจะจัดแฟนมีทติ้งที่นี่บ้างไหมล่ะ” เซียวจิ้นหนิงอยากฉีกผู้หญิงคนนี้เป็นชิ้นๆ! เธอจ้องมองถังซีอย่างดุร้าย ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ เธอก็จะยังคงเป็นลูกสาวที่รักที่สุดของตระกูลเซียว เป็นคู่หมั้นหลิวเฉิงอวี่ และเป็นดาราใหญ่ที่มีแฟนคลับหลายสิบล้านคน! แต่หลังจากผู้หญิงคนนี้มาปรากฏ ตัวเธอก็กลายเป็นตัวปลอมผู้พ่ายแพ้ และเป็นอาชญากร! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเซียวโหรว หลินเจียวส่ายศีรษะให้เซียวจิ้นหนิงอย่างแรง ส่งสัญญาณบอกเธอว่าอย่าทำให้เซียวโหรวโกรธ ตอนนี้ชะตากรรมของพวกเธออยู่ในมือเซียวโหรว เซียวจิ้นหนิงจ้องมองหลินเจียวอย่างเหยียดหยาม “เธอคิดว่าเธอเป็นใคร! ฉันไม่ใช่ลูกสาวเธอ! เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาสั่งสอนฉัน!” “หุบปาก!” ฉินหลัวตะคอก “พวกเราอยู่ข้างเดียวกัน! ห้ามทะเลาะกัน!” ถังซีกวาดตามองพวกเธอทั้งสามและยิ้มอย่างพึงพอใจ “น่าทึ่งจริงๆ เหมือนกับที่มีคำกล่าวไว้ไม่มีผิด พระเจ้ามีตา ตอนนี้พวกแกกำลังได้รับผลกรรมที่ก่อไว้แล้ว!” “แกมันก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ” ฉินหลัวจ้องหน้าถังซีอย่างเยือกเย็น
“คนพวกนั้นกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!” ถังเจิ้นหวากระแทกไม้เท้าลงกับพื้นด้วยความโกรธ ทันใดนั้นท่านก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ท่านระงับความโกรธภายในใจ หันไปมองถังหย่าและกล่าวอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวหย่ากลับเมืองหลวงกัน พ่ออยากแนะนำเธอให้ทุกคนรู้จัก”
ถังหย่ามองหน้าท่าน ถามด้วยความกังวล “มีอะไรเกิดขึ้นหรือคะ”
เซียวเจี้ยนสยงก็หันไปมองถังเจิ้นหวาเช่นกัน พร้อมกับถามว่า “คุณถัง มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับบริษัทของคุณหรือเปล่า”
ถังเจิ้นหวาครุ่นคิดสักพัก แล้วบอกพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะนี้ เซียวเจี้ยนสยงขมวดคิ้ว “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ที่จะจัดการ” จากนั้นท่านก็หยุด ก่อนจะกล่าวต่อไป “เป็นเวลาอันสมควรแล้วหรือ…” ท่านหันไปมองถังหย่า “ที่จะประกาศตัวตนของเสี่ยวหย่าในตอนนี้”
ถังเจิ้นหวากล่าวว่า “ไม่มีปัญหา ผมยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเอ็มไพร์กรุป ผมเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในเอ็มไพร์กรุป และผมต้องการชดใช้ให้เสี่ยวหย่า”
“คุณพ่อคะ” ถังหย่ามองถังเจิ้นหวาแล้วถอนหายใจ “คุณพ่อไม่ได้เป็นหนี้อะไรหนูเลยนะคะ”
ถังเจิ้นหวาส่ายศีรษะ “เป็นความผิดของพ่อเอง ที่ไม่ได้ปกป้องลูกและแม่ของลูก”
เมื่อถังหย่าได้ยินท่านเอ่ยถึงมารดา ดวงตาเธอก็เริ่มแดงเรื่อ “คุณแม่เสียชีวิตเพราะพยายามปกป้องหนู…”
“เสี่ยวหย่า ลูกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของแม่เลย” ถังเจิ้นหวากล่าวอย่างจริงจัง “ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”
…
เมื่อถังซีมาถึงเมือง C ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เธอกับอาหกเข้าไปในเรือนจำไม่ได้ เธอขอให้อาหกจองห้องพักที่โรงแรมให้ เมื่อไปถึงโรงแรมเธอก็โทรหาเฉียวเหลียง เขาอยู่ที่สนามบิน กำลังจะบินไปอเมริกา ถังซีขมวดคิ้ว หลังจากเธอทำให้ร่างกายตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการบังคับใช้ทักษะอเนกประสงค์คราวที่แล้ว เวลานี้ 008 ได้ปิดใช้งานทักษะอเนกประสงค์ เธอจะเปิดใช้งานไม่ได้จนกว่าคะแนนกายภาพจะสูงขึ้นถึงเกณฑ์ที่กำหนด ตอนนี้เธอจึงทำได้เพียงแค่บอกให้เฉียวเหลียงดูแลตัวเองให้ดีเท่านั้น
เฉียวเหลียงอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว เมื่อได้ยินคำพูดอันแสนอบอุ่นของถังซี เขาก็ยิ้ม “ตกลงครับ คุณเองก็ต้องให้อาหกติดตามอย่างใกล้ชิดนะ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน เข้าใจไหม”
ถังซีกล่าวว่า “ฉันปลอดภัยอยู่ที่บ้าน คุณต่างหากเป็นคนที่ต้องระมัดระวังตัว คุณบอกไม่ใช่หรือว่าพวกนักเลงเม็กซิกันต้องการฆ่าคุณ…”
“ตกลง ผมจะระมัดระวัง” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมต้องวางสายแล้วล่ะ ลู่หลีโทรมา”
เฉียวเหลียงวางสาย และรับสายจากลู่หลี “ว่าไง ลู่หลี”
เสียงสั่นเครือของเหวินนิ่งดังขึ้น “ลู่หลีหายไป ฉันพบโทรศัพท์เครื่องนี้ในป่าที่ชายแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก”
เฉียวเหลียงกำมือถือแน่น ถามว่า “คุณขาดการติดต่อกับเขาเมื่อไหร่”
“เมื่อเช้านี้ฉันติดต่อเขาไม่ได้ ฉันก็เลยบินมาเม็กซิโก พยายามตามหาเขาด้วยระบบค้นหาตำแหน่ง แต่ฉันพบเพียงโทรศัพท์มือถือของเขา และมีรอยเลือดอยู่รอบๆ ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเลือดลู่หลีหรือเปล่า” น้ำเสียงเหวินนิ่งสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามระงับความหวาดกลัวในใจ
เฉียวเหลียงบอกกับกัปตันทันที “ไปที่ฐานสิบสาม”
กัปตันพยักหน้า แล้วนำเครื่องบินไปในทิศทางนั้น เฉียวเหลียงกล่าวกับเหวินนิ่งว่า “ไม่ต้องตื่นตระหนก และอย่าให้กองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายล่วงรู้ความสัมพันธ์ของคุณกับลู่หลี ตอนนี้กลับไปที่กองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายก่อน และสอดแนมข้อมูลให้ได้มากที่สุด”
เหวินนิ่งกล่าวว่า “ตกลงค่ะ” เฉียวเหลียงพยายามปลอบเธอ “ไม่ต้องกังวลนะ ลู่หลีไม่เป็นอะไรหรอก”
เหวินนิ่งลังเล ก่อนจะกล่าวว่า “ฉันไม่รู้เลยว่าลูกน้องฉันทำอะไรกับหลงเซี่ยว พวกเขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับกับฉัน ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ก่อน ฉันก็จะเตือนลู่หลีล่วงหน้า”
เฉียวเหลียงชะงัก ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เหวินนิ่ง ถึงคุณจะรู้เรื่องนี้แล้วไม่ได้บอกเรา ก็ไม่ใช่ความผิดของคุณ เพราะนั่นคืองานของคุณ ไม่ต้องรู้สึกผิด”
เหวินนิ่งกล่าวว่า “ขอบคุณนะคะ”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “ขอบคุณเช่นกัน สำหรับความช่วยเหลือของคุณ”
เฉียวเหลียงกำลังจะวางสายเมื่อจู่ๆ เหวินนิ่งก็บอกว่า “เดี๋ยวค่ะ” แล้วถามขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน “ลู่หลีจะไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหมคะ”
เฉียวเหลียงเงียบไป เขาต้องตรวจสอบกับฐานสิบสามให้แน่ใจว่าลู่หลีเป็นอะไรหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม… เขากล่าวกับเธออย่างหนักแน่นว่า “เขาจะไม่เป็นอะไร เชื่อผมเถอะ”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ถังซีไปที่เรือนจำหลังอาหารเช้า ผู้บัญชาการเรือนจำเป็นคนรู้จักของเซียวเหยา เขาจึงต้อนรับถังซีอย่างอบอุ่น พาเธอไปที่ห้องเยี่ยมด้วยตัวเอง ไม่เพียงแต่ฉินหลัวเท่านั้น แต่ยังมีหลินเจียวและเซียวจิ้นหนิงอยู่ในห้องด้วย
คนทั้งสามจ้องมองถังซีอย่างเคียดแค้น ราวกับว่าพวกเธอจะทะลุกระจกบานหนานั้น เข้ามาขย้ำถังซีทั้งเป็น
ถังซีหัวเราะเย้ยหยันคนทั้งสาม ฉินหลัวถามเธออย่างเย็นชา “บอกฉันมาว่าที่นี่ที่ไหน”
เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งผยองของนาง ถังซีก็หัวเราะ “แน่นอนว่าที่นี่คือคุก แกอยู่ในสถานที่แบบนี้มาตั้งนานแล้ว ยังไม่รู้ได้ยังไงว่าที่นี่คือคุก”
เซียวจิ้นหนิงพรวดพราดลุกขึ้น กรีดร้องใส่ถังซีอย่างทุรนทุราย “เซียวโหรว! ปล่อยฉัน! นังหมาบ้า! ปล่อยฉัน!”
“ฝันไปเถอะ! ฉันเดาว่าต้องมีแฟนคลับแกติดคุกอยู่หลายคนเหมือนกัน ใช่ไหม” ถังซีมองหน้าเธอด้วยท่าทางสบายใจ ยิ้มมุมปาก “คิดจะจัดแฟนมีทติ้งที่นี่บ้างไหมล่ะ”
เซียวจิ้นหนิงอยากฉีกผู้หญิงคนนี้เป็นชิ้นๆ! เธอจ้องมองถังซีอย่างดุร้าย ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ เธอก็จะยังคงเป็นลูกสาวที่รักที่สุดของตระกูลเซียว เป็นคู่หมั้นหลิวเฉิงอวี่ และเป็นดาราใหญ่ที่มีแฟนคลับหลายสิบล้านคน! แต่หลังจากผู้หญิงคนนี้มาปรากฏ ตัวเธอก็กลายเป็นตัวปลอมผู้พ่ายแพ้ และเป็นอาชญากร!
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเซียวโหรว
หลินเจียวส่ายศีรษะให้เซียวจิ้นหนิงอย่างแรง ส่งสัญญาณบอกเธอว่าอย่าทำให้เซียวโหรวโกรธ ตอนนี้ชะตากรรมของพวกเธออยู่ในมือเซียวโหรว เซียวจิ้นหนิงจ้องมองหลินเจียวอย่างเหยียดหยาม “เธอคิดว่าเธอเป็นใคร! ฉันไม่ใช่ลูกสาวเธอ! เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาสั่งสอนฉัน!”
“หุบปาก!” ฉินหลัวตะคอก “พวกเราอยู่ข้างเดียวกัน! ห้ามทะเลาะกัน!”
ถังซีกวาดตามองพวกเธอทั้งสามและยิ้มอย่างพึงพอใจ “น่าทึ่งจริงๆ เหมือนกับที่มีคำกล่าวไว้ไม่มีผิด พระเจ้ามีตา ตอนนี้พวกแกกำลังได้รับผลกรรมที่ก่อไว้แล้ว!”
“แกมันก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ” ฉินหลัวจ้องหน้าถังซีอย่างเยือกเย็น