ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 467 ฉันรักผู้ชายคนหนึ่งไปแล้ว
แล้วตอนนี้เธอเองก็ตกเป็นเหยื่อของผู้หญิงคนนี้ด้วยเหมือนกัน! เธออาจโดนไล่ออกจากโรงเรียน และโรงเรียนอื่นๆ ก็คงปฏิเสธไม่ยอมรับเธอเข้าเรียน และที่สำคัญที่สุด เธออาจได้รับโทษติดคุก!
พี่สาวเธอเคยบอกไว้ไม่ใช่หรือว่า เซียวจิ้นหนิงโดนจับไปขังเพราะผลักเซียวโหรว
แล้วนี่เธอควรทำอย่างไรดี
ผลุบ…
ทุกคนพากันมองเผิงอวี้อย่างประหลาดใจที่เห็นเธอทรุดลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้น ผูกั๋วชิ่งเข้ามาดึงตัวเผิงอวี้ให้ลุกขึ้น แต่เผิงอวี้กลับลงไปคุกเข่าอีกครั้ง เธอเงยขึ้นมองผูกั๋วชิ่งอย่างน่าสงสาร อ้อนวอนว่า “คุณครูผูคะ หนูรู้ค่ะว่าหนูทำผิด หนูไม่ควรทำแบบนั้น หนูผิดไปแล้ว! โปรดให้อภัยหนูด้วยนะคะ! ได้โปรดช่วยพูดให้หนูได้เรียนที่นี่ต่อไป และขอให้หนูได้มีโอกาสสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยด้วยเถอะค่ะ! หนูขอสาบานว่าจะไม่ก่อเรื่องให้คุณครูต้องเดือดร้อนอีก!”
“แต่เธอโกงข้อสอบ เธอจะอยู่ที่โรงเรียนนี้ไม่ได้อีกต่อไป!” ก่อนที่ผูกั๋วชิ่งจะทันได้พูดอะไร อาจารย์ใหญ่ก็ชิงพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นอกจากนี้ เธอยังทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชั้น ฉันจะไม่ยอมทนกับความประพฤติแบบนี้อย่างเด็ดขาด! โรงเรียนเป็นสถานที่สำหรับมาศึกษาหาความรู้ ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะมาทำผิดแล้วขอแก้ตัว ไปเก็บของ และออกไปจากโรงเรียนเดี๋ยวนี้ ฉันจะแจ้งให้ครอบครัวเธอมารับ!”
“ทำไมล่ะคะ! ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวโหรว หนูก็คงไม่ทำอะไรแบบนี้!” เผิงอวี้จ้องมองอาจารย์ใหญ่อย่างโกรธแค้น เธอร้องตะโกนว่า “ที่อาจารย์ลงโทษหนูรุนแรงอย่างนี้ ก็เพราะครอบครัวเซียวโหรวมีอิทธิพลมากใช่ไหมล่ะ! ถ้าเซียวโหรวไม่ได้มาจากตระกูลที่มีอิทธิพล อาจารย์จะคอยตื่นเต้นประสาทเสียทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเธอแบบนี้ไหม!”
“หุบปาก!” ผูกั๋วชิ่งขึ้นเสียง “รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไร!”
อาจารย์ใหญ่มองเผิงอวี้แล้วกล่าวเหน็บแนม “เธอเพิ่งพูดเมื่อกี้ว่าทำผิดไปแล้วไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้เธอกลับพูดในสิ่งที่คิดจริงๆ ออกมา เราสนับสนุนให้นักเรียนแข่งขันกันด้านการเรียน แต่ไม่ใช่ให้ต่อสู้ฟาดฟันกันอย่างนี้ เธออิจฉาเซียวโหรวเพราะเขาได้คะแนนสูงกว่า เธอเลยกลั่นแกล้งเขา คอยสร้างความเดือดร้อนให้เขา จนถึงกับทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ! แล้วยังคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมอีกงั้นเหรอ”
เผิงอวี้เถียงไม่ออก ริมฝีปากเธอขยับแต่ไม่มีคำพูดออกมา อาจารย์ใหญ่ไม่ต้องการให้โอกาสใดๆ กับเธออีก นักเรียนคนนี้เป็นเหมือนกับแอปเปิลเน่า การศึกษาไม่สามารถขัดเกลาเธอได้อีกต่อไป! แล้วเขาก็กล่าวขึ้นตรงๆ ว่า “ฉันจะส่งรายงานไปที่กระทรวงศึกษาธิการ ตอนนี้กรุณาออกไปจากโรงเรียนของเราได้แล้ว!”
“จะบังคับให้หนูไปตายใช่ไหม!” เผิงอวี้กรีดร้อง แล้ววิ่งไปที่หน้าต่าง “ได้ หนูจะฆ่าตัวตายให้ดู!”
หนิงเคอรีบเข้าไปจับตัวเธอไว้ แล้วลากกลับมาหาอาจารย์ใหญ่ เขากล่าวกับอาจารย์ใหญ่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “อาจารย์ใหญ่ครับ ผมคิดว่าเราควรให้ใครมาเฝ้าผู้หญิงบ้าคนนี้ไว้ ถ้าเธอกระโดดลงไปจากตรงนี้ เกรงว่าจะตกไปทับผู้บริสุทธิ์ที่เดินผ่านไปมาถึงตาย ท่านคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น จริงไหมครับ”
เผิงอวี้อึ้ง “…” โอ เธออยากจะฆ่าหนิงเคอทิ้งจริงๆ!
ผูกั๋วชิ่งมองหน้าหนิงเคอ แล้วหันไปมองอาจารย์ใหญ่ ในที่สุดเขาก็อดกล่าวขึ้นไม่ได้ “คือว่า…”
“คุณผู ในฐานะที่คุณเป็นครูประจำชั้น ควรมีความยุติธรรม อย่าให้ความเมตตาของคุณเสียเปล่าไปกับคนที่ไม่สมควรได้รับ ที่ผมทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชน์สำหรับตัวเธอเอง เมื่อเธอทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชั้น เธอก็ต้องได้รับการลงโทษ!” อาจารย์ใหญ่กล่าวจบก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรถึงผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง และขอให้เขาส่งเผิงอวี้กลับบ้าน
ระหว่างทางไปโรงพยาบาล ถังซีนั่งอยู่ข้างๆ หลิวเฉิงอวี่ ด้วยความรู้สึกอึดอัด พูดตามตรงเธอไม่รู้สึกคุ้นเคยกับหลิวเฉิงอวี่คนนี้เลย หลังจากที่หลิวเฉิงอวี่รู้เรื่องราวและตัวตนที่แท้จริงของเซียวจิ้นหนิงแล้ว เขาก็มาขอโทษเธอ และถามเธอว่าจะยอมคบหากับเขาฉันท์คนรักได้ไหม แต่เธอปฏิเสธไป หลังจากนั้นเธอก็ไม่ค่อยได้พบกับเขาอีก เธอจึงรู้สึกประหลาดใจที่มาพบกันอีกครั้งในสถานการณ์อันน่าอับอายเช่นนี้ และเขายังรับอาสาพาเธอไปโรงพยาบาลอีก…
“ทำไมคุณถึงมาที่โรงเรียน” ถังซีถามเพื่อหาเรื่องคุย เพราะเธอไม่อาจทนกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ได้อีกต่อไป นอกจากนี้หลิวเฉิงอวี่ยังเอาแต่จ้องมองเธอไม่วางตา… เธอไม่ควรยอมให้เขาพาเธอไปโรงพยาบาลเลย ให้เธอทนกับความเจ็บปวดยังดีกว่าต้องมาอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดใจแบบนี้…
นอกจากนี้ ถึงจะได้ทำแผลที่โรงพยาบาลแล้ว ความเจ็บปวดก็คงยังไม่หายไปในทันทีหรอก… เฮ้อ คราวนี้เธอรู้สึกจริงๆ ว่า ไม่น่าเลย!
เมื่อพิจารณาจากสีหน้าถังซี หลิวเฉิงอวี่พอเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาแอบเม้มปากด้วยความผิดหวัง แต่ก็ยังฝืนยิ้ม ตอบเธอว่า “ผมมีธุระบางอย่างต้องไปจัดการที่โรงเรียน” เขาย่อมไม่ยอมบอกถังซีอยู่แล้วว่า เขาตั้งใจไปที่โรงเรียนเพราะหวังว่าจะมีโอกาสได้พบกับเธอ หลังจากที่ได้รู้มาว่าเธอกลับมาจากปารีสแล้ว
เขาต้องยอมรับว่าได้ตกหลุมรักเธอแล้วอย่างหัวปักหัวปำ เมื่อความจริงปรากฏว่าเธอคือนางแบบโฆษณาน้ำหอมเมจิกบัตเตอร์ฟลายของบริษัท OLS และตอนนี้เธอยังเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของแบรนด์แฟชั่นแบรนด์ใหม่ เขาได้เห็นวิดีโอที่เธอแสดงในไมโครบล็อก เธอสวยอย่างน่าตื่นตะลึง ดูราวกับเป็นองค์ราชินีจริงๆ ถึงตอนนี้เขาจึงไม่อาจปล่อยเธอไปได้ เขาต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อเอาชนะใจเธอ และแต่งงานกับเธอให้ได้ คู่หมั้นตัวจริงของเขา
เมื่อได้ยินคำตอบ ถังซีก็มองหน้าเขา “ฉันทำให้คุณต้องเสียงานหรือเปล่า” แล้วจึงกล่าวต่อไปว่า “คุณปล่อยฉันไว้ที่โรงพยาบาลก็ได้ ฉันดูแลตัวเองได้ อย่าให้งานของคุณต้องล่าช้าเลยค่ะ”
“ธุระนั่นผมจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว” หลิวเฉิงอวี่รู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินคำพูดของถังซี แต่ก็ยังฝืนยิ้ม “ถึงจะยังจัดการไม่เรียบร้อย ผมก็คงทิ้งคุณไว้ที่โรงพยาบาลไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้น แม่ผมกับคุณป้าหลินต้องฆ่าผมแน่”
ถังซียิ้มอย่างสุภาพ “ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณต้องลำบาก”
แม้เธอจะไม่ชอบเขา แต่เขาก็เป็นลูกชายเพื่อนสนิทของมารดา และมารดาเขาก็เป็นคนน่ารักเหลือเกิน เธอไม่อยากทำให้ซีลั่วเสียนเสียใจ จึงต้องทำตัวสุภาพกับเขาต่อไป
เมื่อถังซีไม่ปฏิเสธเขาอีก หลิวเฉิงอวี่ก็ยิ้มอย่างมีความสุข “ไม่ลำบากเลย นั่นเป็นสิ่งที่ผมควรทำ”
ถังซีพูดไม่ออก แล้วหลิวเฉิงอวี่ก็กล่าวขึ้นว่า “ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำไปอาจเป็นการรบกวนคุณ แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม โหรวโหรว แม้เราจะไม่เป็นคนรักกันก็ตาม และถึงยังไงผมก็จะรอคุณเสมอ…”
“หลิวเฉิงอวี่” ถังซีมองตรงเข้าไปในดวงตาหลิวเฉิงอวี่ กล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเป็นคนดี แต่ฉันต้องบอกคุณตรงๆ ว่าเราไม่มีวันที่จะเป็นคนรักกันได้ ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของคุณกับเซียวจิ้นหนิง ฉันรู้ว่าคุณเองก็ตกเป็นเหยื่อ ไม่ได้มีความผิดอะไร แต่เราจะไม่มีวันได้คบกัน เพราะ… ฉันรักผู้ชายคนหนึ่งไปแล้ว”
หลิวเฉิงอวี่นิ่งขึงไปทันที แล้วมองตาถังซีนิ่ง ขณะนั้นเอง รถก็แล่นมาถึงโรงพยาบาลหลินอัน หลิวเฉิงอวี่ถอนสายตากลับมา กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะคุยกันเรื่องนี้ ให้คุณไปทำแผลก่อน”
หลิวเฉิงอวี่ก้าวลงจากรถ ไปเปิดประตูรถด้านถึงซี ขณะที่เขากำลังจะอุ้มถังซีลงจากรถ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา ดึงตัวเขาออกไป “ผมอุ้มเอง”
หลิวเฉิงอวี่ขมวดคิ้ว มองหน้าชายคนนั้น ซึ่งก็คือเซียวส่านั่นเอง เขารีบอุ้มถังซีออกมาจากรถ ในชั่ววินาทีที่ถังซีได้เห็นหน้าเซียวส่า เธอก็ยิ้มออกมาได้อย่างโล่งอก