ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 466 รับผลกรรมที่ทำไว้
“รูปถ่ายนี่ไม่ใช่ของจริง! เธอใช้โฟโต้ช็อปปลอมรูปพวกนี้!” เผิงอวี้จ้องหน้าถังซีอย่างเคียดแค้น และกรีดร้องลั่น “เธอใช้โฟโต้ช็อปปลอมรูปถ่ายเพื่อใส่ความฉัน!”
ถังซียิ้มมุมปาก มองหน้าเผิงอวี้ แล้วหัวเราะในลำคอ “ก็แล้วแต่นะ แต่เธอจะอธิบายเรื่องวิดีโอว่ายังไงดีล่ะ อย่าบอกนะว่าฉันปลอมตัวเป็นเธอ แล้วไปโกงข้อสอบ!”
เผิงอวี้พูดไม่ออก ถังซีเลิกคิ้วมองหน้าเธอ “ถึงตอนนี้เธอคงต้องรับผลกรรมที่ทำไว้แล้วล่ะ”
“เซียวโหรว เธอตั้งใจยั่วโมโหให้ฉันขอดูหลักฐาน เพื่อที่เธอจะได้เอาของพวกนี้ออกมาอวดใช่ไหม!” เผิงอวี้ถลึงตาจ้องถังซีด้วยดวงตาแดงก่ำ ราวกับจะกัดกินถังซีทั้งเป็น
ถังซีมองเธอแล้วส่ายศีรษะ “รู้ตัวไหมว่าตอนนี้เธอดูน่าเกลียดมาก ไปหากระจกส่องดูหน้าตัวเองสักหน่อยสิ”
“เซียวโหรว! ฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่!” เผิงอวี้พุ่งตัวเข้ามาทุบตีถังซี ฝ่ายหลังพยายามหลบ แต่ช้าเกินไป เธอล้มลงกับพื้น โดนมุมโต๊ะบาดแขนข้างหนึ่งเป็นแผลขนาดใหญ่ ถังซีรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบในทันที!
พระเจ้าช่วย เธอบาดเจ็บอีกแล้ว!
ยายบ้าเผิงอวี้ ดูสิว่าหล่อนทำอะไรลงไป! เฉียวเหลียงต้องไม่มีทางปล่อยให้เธอออกไปไหนมาไหนตามลำพังอีกแล้วอย่างแน่นอน!
“กรี๊ด!” มีเสียงใครคนหนึ่งกรีดร้องขึ้น
“นี่เธอทำอะไรลงไป!” หนิงเคอพุ่งเข้ามา ผลักเผิงอวี้ออกไป เลือดไหลออกมาจากบาดแผลไม่หยุดจนเปียกชุ่มเสื้อถังซีเป็นสีแดงฉาน หนิงเคอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาจึงโกรธมาก เขาจ้องเผิงอวี้เขม็ง ขณะเอื้อมมือไปช่วยพยุงถังซีให้ลุกจากพื้น ถังซีพยายามลุกขึ้น แต่พบว่าเธอขยับตัวไม่ได้เพราะเท้าเข้าไปติดอยู่กับเก้าอี้… เธอกัดฟันข่มความเจ็บปวดหันไปมองหนิงเคอ บอกเขาเสียงแผ่ว “ฉันลุกไม่ไหว ช่วยส่งโทรศัพท์ให้หน่อยได้ไหม”
เผิงอวี้นิ่งอึ้งยืนตัวแข็งอยู่กับที่ หนิงเคอรีบส่งโทรศัพท์มือถือให้เธอ เธอรับโทรศัพท์มาถือไว้ ฝืนยิ้มให้หนิงเคอ “เธอช่วยไปตามหมอประจำโรงเรียนมาห้ามเลือดให้ฉันหน่อยสิ”
เธอรู้สึกได้ว่าบาดแผลนั้นลึกมาก หากไม่ห้ามเลือดให้ทันเวลา เธออาจเลือดออกหมดตัว ตายเสียก่อนจะไปถึงโรงพยาบาล ดังนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องห้ามเลือดก่อน
หนิงเคอรีบพยักหน้า แต่เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของถังซี ถ้าหากทิ้งเธอไว้ตรงนี้ตามลำพัง เขาจึงเงยขึ้นกวาดตามองไปยังนักเรียนคนอื่นๆ ที่ต่างมัวตกตะลึงกันอยู่ ตะโกนบอกพวกเขาว่า “เร็วเข้า ใครก็ได้ช่วยไปตามหมอประจำโรงเรียนมาให้หน่อย!”
นักเรียนคนหนึ่งได้สติอย่างรวดเร็วรีบวิ่งออกไปทันที ขณะนั้นเองตัวแทนนักเรียนอีกคนก็วิ่งเข้ามา ร้องตะโกนว่า “คุณครูผูมาแล้ว! คุณครูผูมาแล้ว!”
นักเรียนคนอื่นๆ รีบถอยเพื่อเปิดทางให้ผูกั๋วชิ่ง เขารีบตรงเข้าไปดูถังซี แล้วก็ได้เห็นกองเลือดนองอยู่บนพื้น เขาเบิกตาโพลง รีบบอกให้นักเรียนที่อยู่รอบๆ ช่วยกันจับเท้าถังซีออกจากเก้าอี้ แล้วพิจารณาดูมุมโต๊ะตรงที่ถังซีนั่งอยู่ ซึ่งมีลักษณะเป็นมุมแหลม จึงแน่ใจว่าถังซีได้รับบาดแผลจากมุมโต๊ะนี้
ถังซีเงยหน้าขึ้นมองผูกั๋วชิ่ง แล้วเม้มริมฝีปาก “ขอบคุณค่ะ คุณครูผู”
ผูกั๋วชิ่งมองดูถังซี แล้วหันไปมองเผิงอวี้ด้วยความรู้สึกผิด หากรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาคงไม่ปล่อยให้เซียวโหรวนั่งโต๊ะเดียวกับเผิงอวี้ ถังซีรู้ว่าเขาคิดอย่างไร แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เธอรับกระดาษทิชชูที่หนิงเคอส่งให้ เอามากดไว้ที่ปากแผลห้ามเลือดที่ไหลไม่หยุด เพียงครู่เดียวกระดาษทิชชูนั้นก็ชุ่มไปด้วยเลือด ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบร้อนเข้ามาในห้องเรียน เมื่อเขาเห็นอาการของถังซีที่กำลังเจ็บปวดทรมาน เขาก็รีบทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเธอ ถามอย่างห่วงใยว่า “โหรวโหรว เป็นยังไงบ้าง” หลิวเฉิงอวี่นั่นเอง
ถังซีมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจ เธอส่ายศีรษะ “ฉันไม่เป็นไร”
“จะไม่เป็นไรได้ยังไง เลือดออกมากขนาดนี้! ให้ผมพาคุณไปโรงพยาบาลเถอะ” หลิวเฉิงอวี่กล่าวจบก็อุ้มถังซีขึ้นจากพื้น ถังซีมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ ขณะอุ้มถังซีขึ้นมาหลิวเฉิงอวี่รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน ทำไมเธอถึงผอมขนาดนี้… ตัวเบาราวกับขนนก…
ถังซีกล่าวขึ้นเสียงเบาว่า “ฉันเพิ่งโทรบอกพี่ส่า”
หลิวเฉิงอวี่มองถังซีด้วยความเสียใจ เธอกำลังบอกปฏิเสธเขา เขากล่าวว่า “คุณต้องไปโรงพยาบาลก่อน เพราะบาดแผลนี้สาหัสมาก จะรอให้เซียวส่ามาถึงก่อนไม่ได้หรอก” แล้วเขาก็มองไปทางผูกั๋วชิ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ผมต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหวังว่าคนที่ทำร้ายเซียวโหรวจะได้รับการลงโทษอย่างสาสมกับความผิด”
แล้วเขาก็เดินออกไปนอกห้องโดยอุ้มถังซีไว้ในอ้อมแขน หนิงเคอตามไปติดๆ พยายามห้ามเขา “เรากำลังไปตามหมอประจำโรงเรียนมา ให้หมอได้ห้ามเลือดให้เซียวโหรวก่อนเถอะครับ”
หลิวเฉิงอวี่เพียงต้องการเอาตัวถังซีออกไปโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อมองดูบาดแผลที่แขนถังซีแล้ว เขารู้ดีว่าแผลนั้นตัดเส้นเลือดที่แขนเธอ เขาไม่อาจเอาชีวิตเธอมาเสี่ยง จึงยอมให้หมอประจำโรงเรียนปฐมพยาบาลให้เธอก่อน แล้วค่อยพาเธอออกไปจากโรงเรียน
แขนถังซีไม่ได้เป็นเพียงอวัยวะส่วนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บ เท้าเธอก็เจ็บเช่นกัน เจ็บมากเสียจนเธอไม่ขัดขืนเมื่อหลิวเฉิงอวี่พาเธอไปโรงพยาบาล เธอเพียงต้องการให้ความเจ็บปวดนี้คลายลงโดยเร็ว
ผูกั๋วชิ่งมองดูกองเลือดที่นองบนพื้น แล้วถามขึ้นเสียงเย็นเฉียบ “จะมีใครเล่าให้ครูฟังได้ไหมว่าเมื่อกี้เกิดอะไรกันขึ้น!”
เผิงอวี้เม้มริมฝีปากแน่น ยืนนิ่งเงียบ เช่นเดียวกันกับนักเรียนคนอื่นๆ สีหน้าของผูกั๋วชิ่งคร่ำเครียดขณะขึ้นเสียงด้วยความโกรธ “นี่เป็นคดีทำร้ายร่างกายโดยเจตนา! ถ้าเซียวโหรวฟ้องร้อง พวกเธอจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย! พวกเธออายุสิบแปดกันแล้ว ทางกฎหมายถือเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ! จะต้องรับโทษในสิ่งที่ทำลงไปอย่างผู้ใหญ่คนหนึ่ง!”
เผิงอวี้ยังคงนิ่งเงียบ ตอนนั้นเองที่ตัวแทนนักเรียนคนหนึ่งกล่าวขึ้นเสียงต่ำ “คือ…” แล้วเขาก็เล่าให้ผูกั๋วชิ่งฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
ผูกั๋วชิ่งโกรธจัด สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการที่เด็กนักเรียนโกงข้อสอบ เผิงอวี้คนนี้โกงข้อสอบและทิ้งหลักฐานไว้ เมื่อถูกเซียวโหรวเปิดโปง ยังไปทำร้ายร่างกายเธออีก เขาจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร!
“เกิดอะไรกันขึ้น!” อาจารย์ใหญ่เดินเข้ามาในห้องเรียนด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขากำลังประชุมอยู่กับอาจารย์หัวหน้าสายวิชาอีกหลายคน แล้วก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณเซียว เกิดเรื่องเหลือเชื่อแบบนี้ขึ้นในโรงเรียนของเขาได้ยังไงกัน!
เผิงอวี้มองหน้าอาจารย์ใหญ่อย่างสิ้นหวัง น้ำตาไหลพราก เธอไม่ควรมีเรื่องกับผู้หญิงคนนี้เลย หล่อนเป็นคนเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ทันทีที่หล่อนมาปรากฏตัว เซียวจิ้นหนิงก็ถูกหล่อนผลักลงหลุมดำ และโดนจับไปขังคุกในที่สุด แม้แต่พี่สาวเธอเองก็ยังโดนไล่ออกจากงาน ทำไมเธอถึงได้โง่เง่าถึงขนาดไปหาเรื่องทะเลาะกับผู้หญิงคนนี้…