ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 465 เธอได้รับในสิ่งที่สมควร
แม้เธอจะเป็นคนดี แต่เธอไม่ใช่พรมเช็ดเท้าอย่างแน่นอน เธออดทนกับเผิงอวี้มานานแล้ว แต่เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมเลิกรา ตอนนี้เธอต้องสั่งสอนบทเรียนให้เผิงอวี้สักหน่อย!
หลินหรูยกเลิกสัญญากับเผิงเสวี่ยเพราะเซียวจิ้นหนิง แต่ก็ยังเป็นไปได้ที่บริษัทจะกลับมาทำสัญญากับเผิงเสวี่ยอีกครั้ง หลังจากที่ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้จางหายไปในที่สุด แต่ตอนนี้… เธอจะห้ามไม่ให้หลินหรูทำสัญญากับเผิงเสวี่ยอีก เพราะเธอไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ตัวเอง!
เผิงอวี้จ้องหน้าถังซี เม้มริมฝีปาก และกำลังจะพูดออกมาเมื่อถังซีกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว “ไม่มีใครรู้จักเธอดีไปกว่าตัวเธอเองหรอก อย่ามาเสแสร้งแสดงเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสาต่อหน้าฉัน และอย่าบังคับให้ฉันพูดถึงสิ่งที่เธอทำลงไป ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าจะไม่มีโรงเรียนไหนรับเธอเข้าเรียน ไม่ต้องพูดถึงโรงเรียนนี้!”
เผิงอวี้ไม่เพียงแต่ไร้ความสามารถในการเรียนเท่านั้น แต่ยังโกงการสอบหลายครั้ง รวมถึงการสอบเข้าโรงเรียนนี้ด้วย หากเธอเปิดเผยสิ่งที่เผิงอวี้ทำ เผิงอวี้จะอยู่ในโรงเรียนนี้ไม่ได้อีกต่อไป!
เผิงอวี้ยังไม่ตระหนักในคำพูดของถังซีดีพอ พี่สาวเธอเป็นเพื่อนสนิทของเซียวจิ้นหนิง เธอจึงรู้เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเซียวโหรว เท่าที่เธอรู้ เซียวหงลี่กับครอบครัวปฏิบัติต่อเซียวโหรวเป็นอย่างดี แต่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเซียวโหรวไม่ชอบเธอ! เธอจึงหัวเราะเยาะ “เธอก็ทำได้แค่ใส่ร้ายฉัน! เซียวโหรวเอาหลักฐานมาแสดงและพิสูจน์ในสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับฉันสิ! ไม่อย่างนั้นฉันสาบานว่าจะทำให้เธอเสียใจ!”
เธอไม่คิดว่าเซียวโหรวจะมีข้อพิสูจน์ใดๆ เซียวโหรวแค่พูดแบบนี้เพื่อข่มขู่เธอ!
ถังซีเลิกคิ้ว ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้เผิงอวี้ ซึ่งดูมั่นอกมั่นใจมาก เมื่อรู้สึกหงุดหงิดกับรอยยิ้มเหยียดหยามของถังซี เผิงอวี้ก็หรี่ตาลง กล่าวอย่างเย็นชา “เซียวโหรว ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง เอาหลักฐานมาแสดงหรือไม่ก็เปลี่ยนคำพูดของเธอเสียใหม่! อย่ามามองฉันแบบนี้ ฉันจะอ้วก!”
ถังซีมีหลักฐานแน่นอน เธอให้ 008 เก็บหลักฐานไว้ แต่เธอไม่เคยอยากนำหลักฐานนั้นออกมาแสดงให้นักเรียนทุกคนได้เห็น เธอแค่ต้องการให้เผิงอวี้เลิกยุ่งกับเธอ อย่างไรก็ตามเผิงอวี้ไม่เลิกกดดันเธอ เมื่อเป็นอย่างนี้… เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากแสดงหลักฐาน
ถังซีกอดอกมองเผิงอวี้อย่างสงบ จากนั้นก็กวาดตามองนักเรียนคนอื่นๆ ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เธอแน่ใจเหรอ จะไม่เสียใจแน่นะ ที่บังคับให้ฉันแสดงหลักฐาน เผิงอวี้ ลองคิดทบทวนดูให้ดีๆ อีกทีซิ เพราะที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าทำลงไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้นะ ถ้าเธอขอโทษฉันเสียตอนนี้ ฉันจะยอมลืมเรื่องนี้”
“ฮ่าๆ หยุดสร้างเรื่องโกหกได้แล้ว!” เผิงอวี้หัวเราะอย่างสะใจ จากนั้นก็จ้องมองถังซีอย่างดูหมิ่นเหยียดหยาม กล่าวด้วยท่าทางเย็นชาว่า “เธอไม่มีหลักฐานละสิ เพราะว่าเธอใส่ร้ายฉัน!” จากนั้นเธอก็ยืดตัวขึ้น กล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เท้าตรง ไม่กลัวรองเท้าคด มาสิ เอาหลักฐานมาแสดง!”
ถังซีเลิกคิ้ว นักเรียนบางคนที่เข้ากันได้ดีกับเผิงอวี้เริ่มพูดขึ้นบ้าง…
“ใช่ เซียวโหรวก็แค่เอาหลักฐานมาแสดงให้เราดู เธอจะมาพูดจาให้ร้ายเผิงอวี้ โดยไม่มีหลักฐานให้เราเห็นไม่ได้!”
“ใช่ เราอาจเข้าใจเผิงอวี้ในทางที่ผิด เพราะคำพูดของเธอ เธอควรเอาหลักฐานมาให้เราดู ไม่อย่างนั้นเราจะคิดว่าเธอใส่ร้ายเผิงอวี้”
ถังซีมองหน้าคนเหล่านั้น ยิ้ม และชำเลืองมองเผิงอวี้ที่ดูมั่นอกมั่นใจ จากนั้นเธอก็เห็นหนิงเคอมองเธอด้วยสายตากังวล ถังซียิ้มให้เขาเพื่อส่งสัญญาณว่าเธอไม่เป็นอะไร เมื่อเห็นรอยยิ้มนี้ หนิงเคอก็มีความกล้าพอที่จะลุกขึ้นยืน เขาเดินเข้ามาหาและปกป้องถังซีไว้ข้างหลัง กระซิบกับเธอว่า “ในเมื่อเขาต้องการดูหลักฐานก็แสดงให้พวกเขาดู เธอจะได้ไม่เป็นคนเสียหน้า”
เขากล่าวเช่นนี้เพราะเขาเชื่อว่า เซียวโหรวมีหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ถูกต้องที่เผิงอวี้เคยทำ เธอไม่ต้องการเอาหลักฐานมาแสดงให้ทุกคนดูเพียงเพราะเธอเป็นคนดี และไม่ต้องการให้เผิงอวี้ถูกไล่ออกจากโรงเรียน… แต่ดูเหมือนว่าเผิงอวี้จะไม่สำนึกในความเมตตาของเธอ ดังนั้นเธอก็ควรนำหลักฐานออกมาแสดง
ถังซีมองหน้าหนิงเคออย่างอ่อนใจ เด็กผู้ชายคนนี้ก็เหมือนกับพี่ชายเขา เชื่อใจเพื่อนโดยไร้เงื่อนไข
จากนั้น… เธอก็หยิบปึกภาพถ่ายและแผ่นดิสก์ออกมาจากลิ้นชัก โยนลงบนโต๊ะ…
“นี่ไง หลักฐานที่เธอต้องการ ดูเสียสิ ฉันคิดว่าอีกไม่นานคุณครูใหญ่และบรรดาคุณครูในโรงเรียนเรา ก็จะรู้ว่าเผิงอวี้ทำอะไรไว้ บางทีเธออาจจะอยู่ในโรงเรียนนี้ไม่ได้อีกต่อไป” ถังซียิ้มอย่างเย็นชาและนั่งลง
ด้วยไม่คาดคิดว่าถังซีจะเอาหลักฐานออกมาแสดง เผิงอวี้หน้าเครียด ขณะที่เธอกำลังคิดว่าควรจะดูสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ หนิงเคอก็หยิบภาพถ่ายขึ้นมาทั้งปึกและเริ่มพลิกดู หลังจากนั้นไม่นานเขาก็คำรามและโยนภาพถ่ายกลับไปบนโต๊ะ “เธอยังมีหน้ามารับหน้าที่เป็นตัวแทนนักเรียน คอยตรวจสอบพวกเราได้ยังไง! ทั้งๆ ที่เธอโกงข้อสอบทุกวิชา”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เผิงอวี้ก็หน้าซีด เธอระมัดระวังตัวมากเวลาโกงข้อสอบ แม้แต่พ่อแม่เธอก็ไม่รู้เรื่องนี้ เซียวโหรวเอารูปเหล่านี้มาจากไหน!
เป็นไปได้ยังไง!
เธอเปิดภาพถ่ายเหล่านั้นดูด้วยความตื่นตระหนก สีหน้าเธอซีดลงเรื่อยๆ เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเธอ นักเรียนต่างก็ส่งเสียงกันอื้ออึง “เธอโกงจริงๆ เหรอ ดูหน้าเธอสิ”
“เชอะ อยากจะอ้วก เธอชอบแกล้งทำเป็นจิตใจสูงส่ง แต่แท้ที่จริงแล้วเธอเป็นคนแบบนี้! สิบแปดมงกุฎชัดๆ!”
“ใช่ น่าขยะแขยง ถึงผลการเรียนของฉันจะไม่ค่อยดี แต่ฉันก็ไม่เคยโกง!” นักเรียนคนที่มักมาเข้าห้องสอบเป็นคนสุดท้ายกล่าวอย่างเหยียดหยาม แน่นอนว่า แม้แต่นักเรียนที่เรียนแย่ที่สุดในห้อง A ของชั้นเรียนนี้ ก็มีผลการเรียนดีกว่านักเรียนในห้องเรียนอื่นๆ อยู่แล้ว