ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 385 ขนมถั่วลิสง
ตอนที่ 385 ขนมถั่วลิสง
โต้วหมัวหมัวยังคงกินอย่างเอร็ดอร่อยภายใต้ความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากไคหยางอ๋อง
ไคหยางอ๋องได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ แต่เหนียงเหนียงของพวกนางก็ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิเช่นกัน เพื่อของกินแล้ว ท่านอ๋องคนหนึ่งจะทำอะไรหมัวหมัวชราเช่นนางได้เล่า
นานๆ ทีจะได้ออกจากวังและก็ได้กินแล้ว เช่นนั้นต้องตั้งใจกินดีๆ ถึงจะคุ้ม
เมื่อโต้วหมัวหมัวทานวุ้นเส้นเนื้อแพะอันแสนอร่อยเสร็จก็ขอเกลือและสิ่งอื่นๆ เพื่อล้างปากจากหงโต้ว ไก่ขอทานที่ห่ออยู่ในดินเหนียวก็ถูกใส่ในกล่องอาหารเรียบร้อยและยกมา
ยังมีขนมถั่วลิสงจานน้อยจานหนึ่งที่มาพร้อมกับไก่ขอทาน
จากขนมพุทราครั้งที่แล้ว รวมทั้งวุ้นเส้นเนื้อแพะเมื่อครู่นี้นางรู้สึกพึงพอใจมาก โต้วหมัวหมัวไม่ได้ถามอะไรมาก นางรับกล่องอาหารมาและกลับตำหนักอย่างมีความสุข
ในวังอวี้หวาบรรยากาศกำลังอบอุ่น เซียวกุ้ยเฟยกำลังนั่งเอนกายบนตั่งคนงามชมการร่ายรำอย่างเกียจคร้าน
“เหนียงเหนียง โต้วหมัวหมัวกลับมาแล้วเพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยพยักหน้าเบาๆ ส่งสัญญาณให้พานางเข้ามา
โต้วหมัวหมัวถือกล่องอาหารเดินบนพรมไหมสีทองอันงดงามเบาๆ เมื่อเดินมาถึงระยะที่ห่างจากเซียวกุ้ยเฟยระยะหนึ่งแล้วก็ย่อเข่า “เหนียงเหนียง บ่าวกลับมาแล้วเพคะ”
“นอกตำหนักคึกคักหรือไม่” เซียวกุ้ยเฟยไม่ได้รีบให้นางกำนัลรับกล่องอาหารจากมือของโต้วหมัวหมัวมา นางถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
ไก่ขอทานเดือนละครั้ง เมื่อกลายเป็นกิจวัตร ความคิดถึงก็จางลง
ทว่าเซียวกุ้ยเฟยรู้สึกว่าการได้ฟังโต้วหมัวหมัวพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกนั้นน่าสนใจดี
โต้วหมัวหมัวจึงเล่าเรื่องที่พบเห็นหลังจากออกจากวัง พูดถึงมีหอสุราและตั้งใจพูดถึงไคหยางอ๋อง
ขนตาที่ดกหนาของเซียวกุ้ยเฟยสั่นเล็กน้อย เผยให้เห็นแววสนใจ “ตอนที่เจ้าไป ไคหยางอ๋องก็อยู่ที่นั่นแล้วหรือ”
“เพคะ บ่าวเห็นไคหยางอ๋องสนิทกับคุณหนูลั่วมากเพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยหรี่ตาลงย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่ฐานล่าสัตว์เป่ยเหอก็ยกมุมปากเล็กน้อย
ทุกคนล้วนพูดกันว่าคุณหนูลั่วเอาแต่ใจและไร้สมอง เป็นคนสมองกลวง แต่สำหรับนางแล้วคุณหนูลั่วกลับเป็นคนเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ
เซียวกุ้ยเฟยพยักพเยิดคางให้นางกำนัลเล็กน้อย
นางกำนัลเดินไปรับกล่องอาหารมาจากมือของโต้วหมัวหมัว
ไก่ขอทานที่ต้องนำกลับมาทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกย่อมไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเซียวกุ้ยเฟย นางหยุดสายตาลงที่ขนมถั่วลิสงจานนั้น
“นี่คือขนมของมีหอสุราหรือ”
โต้วหมัวหมัวพยักหน้า “บังเอิญไปถึงตอนที่ขนมถั่วลิสงทำเสร็จพอดี คุณหนูลั่วเลยให้บ่าวนำกลับมาให้เหนียงเหนียงชิมเพคะ”
“คุณหนูลั่วช่างคิดจริงๆ” เซียวกุ้ยเฟยเอ่ยขึ้นอย่างสบายๆ ก่อนจะหยิบขนมถั่วลิสงขึ้นมา
นางกำนัลที่รับผิดชอบทดลองอาหารรีบห้าม “เหนียงเหนียง ให้บ่าวชิมก่อนเถอะเพคะ”
เซียวกุ้ยเฟยวางขนมถั่วลิสงลงแล้วพยักหน้า
สำหรับเรื่องความปลอดภัยแล้ว นางย่อมไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตราย
เมื่อนางกำนัลทดลองเสร็จแล้ว เซียวกุ้ยเฟยก็หยิบขนมถั่วลิสงขึ้นมาลอง ยิ้มพูดว่า “ทำได้อร่อยกว่าในวัง แม่ครัวของคุณหนูลั่วเป็นผู้มีฝีมือจริงๆ”
ทางฝั่งหอสุรา หงโต้วส่งโต้วหมัวหมัวออกไปตามคำสั่งของลั่วเซิง ผ่านไปสักพักจึงกลับมา ทันทีที่เข้าไปในห้องโถงก็ตะโกนอย่างดีอกดีใจ “คุณหนู เยื้องๆ มีร้านเครื่องประทินโฉมเปิดใหม่เจ้าค่ะ”
เว่ยหานจับจอกชาแน่น ใจกระตุก
ร้านเครื่องประทินโฉมเปิดใหม่ หงโต้วดีใจถึงเพียงนี้ หรือว่าคุณหนูลั่วชอบเครื่องประทินโฉมนะ
เขาอดมองปฏิกิริยาของลั่วเซิงไม่ได้
ลั่วเซิงไร้ซึ่งความรู้สึก
หงโต้วยังคงพูดต่อไปอย่างมีความสุข “บ่าวเดินเข้าไปดูแล้ว ข้างในมีของครบครัน โดยเฉพาะน้ำหอมที่มีมากกว่าสิบกลิ่น ยังมีน้ำหอมที่คุณหนูชอบใช้ด้วยเจ้าค่ะ แต่ว่าดูจากตราสินค้าแล้วคุณภาพไม่ดีเท่าของที่คุณหนูใช้ บ่าวจึงไม่ได้ซื้อ”
โค่วเอ๋อร์อดพูดไม่ได้ว่า “ในเมื่อคุณภาพธรรมดา เจ้าจะดีใจอะไร”
หงโต้วกลอกตา “น้ำหอมที่ดีที่สุดในร้านแย่กว่าน้ำหอมที่คุณหนูใช้เล็กน้อย คุณหนูไม่ใช้ แล้วเราซื้อมาใช้ไม่ได้หรือ อีกอย่างนะ สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ซื้ออะไร แต่อยู่ที่เวลาว่างๆ ไปเดินเล่นได้ต่างหาก”
โค่วเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็เห็นด้วย
เมื่อหอสุราเปิด มีร้านเครื่องประทินโฉมไว้เดินเล่นฆ่าเวลาก็ไม่เลว
ลั่วเซิงยิ้ม “เช่นนั้นพวกเจ้าสองคนไปเดินเล่นเถอะ”
สาวใช้สองคนขานตอบ ไปเดินดูร้านเครื่องประทินโฉมอย่างมีความสุข
สือเยี่ยนส่ายศีรษะ “เมื่อครู่นี้โค่วเอ๋อร์ยังไม่ชอบหงโต้วที่ไปเดินเสียเวลาอยู่เลย เหตุใดเพียงพริบตาก็ตามไปอย่างเริงร่าแล้วนะ”
ผู้ดูแลหญิงที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำบัญชีเงยหน้าขึ้น ยิ้มพูดว่า “สือซานหั่ว เจ้าไม่รู้ใจสตรีเลย เดินดูของที่ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายเครื่องเงิน ร้านขายเครื่องประทินโฉมที่แบบนี้เรียกว่าเสียเวลาได้อย่างไร ดูคนอื่นเดินดูของน่ะเรียกว่าเสียเวลา แต่ตนเองไปเดินเล่นเองเรียกว่าฆ่าเวลา”
สือเยี่ยนตะลึงงัน เขามองไปที่นายท่านของตน
ความคิดของสตรีซับซ้อนขนาดนี้เลยหรือ
เว่ยหานมององครักษ์น้อยหน้าตาสับสนก็รู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
เห็นทีสือเยี่ยนเองก็ไม่ได้รู้มากไปกว่าเขา
เมื่อจวนถึงเวลาเปิดหอสุรา หงโต้วและโค่วเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมกับสิ่งของมากมาย
พวกสือเยี่ยนย่อมถูกมองข้ามไปโดยปริยาย หงโต้วเรียก “ผู้ดูแล อาซิ่ว พวกเจ้ามานี่เร็วเข้า ข้าซื้อของขวัญมาให้พวกเจ้าด้วย”
ความดีใจบนใบหน้าของผู้ดูแลหญิงมิอาจปิดบังได้ “มีของข้าด้วยหรือ”
แม้ตั้งแต่ที่ทำงานกับเถ้าแก่แล้วจะได้เงินเดือนสูง แต่การได้รับของขวัญช่วงปีใหม่แบบนี้ทำให้รู้สึกต่างกัน
ซิ่วเย่ว์เดินเข้ามาห้องโถงจากข้างหลังอย่างเชื่องช้า
“อาซิ่ว รีบมาเลือกน้ำหอมสิ เราซื้อกลิ่นละขวด เจ้าลองดูว่าเจ้าชอบกลิ่นไหน” หงโต้วตะโกนพูดอย่างกระตือรือร้น
ซิ่วเย่ว์มองลั่วเซิง
“ไปเลือกดูเถอะ เป็นความตั้งใจของพวกหงโต้ว”
ซิ่วเย่ว์จึงเดินเข้าไป หยิบน้ำหอมกลิ่นดอกมะลิขึ้นมาขวดหนึ่ง
ไม่นานก็ถึงเวลาเปิดหอสุรา แขกหอสุราหลั่งไหลเข้ามาเต็มห้องโถงอย่างรวดเร็ว
เมื่อพี่น้องตระกูลเซิ่งพาซูเย่ามาก็พบว่าไม่มีที่แล้ว
ผู้ที่มาต้อนรับพวกเขาคือคุณชายสามเซิ่ง
“พี่ใหญ่ ข้าบอกพวกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่าหอสุรากิจการดี ต้องมาเร็วหน่อยน่ะ”
คุณชายใหญ่เซิ่งยิ้มๆ อย่างอารมณ์ดี
คุณชายรองเซิ่งขมวดคิ้ว “ก็มาตามเวลาที่เจ้าบอกนี่ ใครจะไปรู้ว่าจะเต็ม น้องสามเจ้ารีบหาที่ให้พวกข้าเลย น้องรองซูยังไม่เคยกินเลย”
พวกเขาสนิทสนมกับน้องรองซูเช่นนี้ ลองคิดดูแล้วช่วงนี้น้องรองซูไม่เคยกินเลยสักครั้งก็รู้สึกผิด
น้องรองซูผู้เป็นดั่งเทพเดินดินเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เมื่อเขาถูกห่านกัดที่จวนแม่ทัพใหญ่ลั่วแล้วจะไม่อยากไปอีก
คุณชายสามเซิ่งเผยสีหน้าลำบากใจ “ตอนนี้ที่นั่งเต็มหมดแล้ว ไม่มีวิธีหาที่ได้หรอก”
คุณชายรองเซิ่งเพิ่งเลิกคิ้ว คุณชายสามเซิ่งก็พูดว่า “เห็นผู้อาวุโสสองท่านที่นั่งโต๊ะฝั่งตะวันออกหรือไม่ นั่นคือเสนาบดีกรมยุติธรรม อีกคนคือเสนาบดีกรมโยธา โต๊ะข้างๆ คือผู้อาวุโสหลินและหลานชายของเขา ส่วนทางนี้คือเจ้ากรมศาลต้าหลี่… โอ้ ไคหยางอ๋องที่นั่งโต๊ะข้างหน้าต่างพวกท่านก็รู้จัก พี่รองพี่คิดว่าจะให้ใครสละที่ให้หรือ”
คุณชายรองเซิ่งลูบจมูกเบาๆ เงียบไม่พูดอะไรอีก
อย่าพูดเลยว่าให้ใครสละที่ให้ เขายืนตรงนี้ก็รู้สึกว่าต้องใช้ความกล้าหาญมากแล้ว
น้องลั่วเปิดหอสุราแบบไหนกันนะ
“น้องสาม ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่สามัญชนมากินอาหารกันหรือ”
คุณชายสามเซิ่งยิ้มแห้ง “สามัญชนก็มี แต่กินไปสองมื้อก็ล้มละลาย ตอนนี้ผ่าฟืนอยู่ในหอสุราน่ะ”
ทั้งสามคน “…”
คุณชายสามเซิ่งพูดเสียงเบาว่า “ข้าเห็นไคหยางอ๋องจะกินเสร็จแล้ว หรือไม่พวกท่านลองรอดูก่อนไหม”
ทั้งสองพยักหน้า
เว่ยหานหูไว เขาสั่งวุ้นเส้นเนื้อแพะมาอีกหนึ่งที่และกินจนหอสุราปิด