บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1474 เอาชนะราชันเซียน
บทที่ 1474 เอาชนะราชันเซียน
……………………………………………………………………..
บทที่ 1474 เอาชนะราชันเซียน
ไม่ว่าจะตกใจอย่างไร แต่เขาเป็นราชันเซียน การตอบสนองของอูถิงจึงรวดเร็ว
เคร้ง!
พริบตาต่อมา รัศมีสีครามอันเจิดจ้าสว่างไกลก็แผ่ออกจากร่างอูถิง ชุดคลุมเซียนสีครามปรากฏขึ้นบนร่าง พร้อมกันนั้นในมือก็ปรากฏหอกสีเขียวเข้มซึ่งส่องแสงน่าเกรงขามเรืองรอง
ตู้ม!
เพียงตวัดหอกสีเขียวเข้มเล็กน้อย ปราณกระบี่ที่เฉินซีซัดออกมาก็แตกกระจาย เป็นท่าหอกที่ดูแกร่งและดุดันยิ่ง
เห็นเลยว่าหอกสีเขียวเข้มเป็นสมบัติอมตะอันน่าเกรงขามที่มีพื้นเพไม่ธรรมดา!
“หึ! บีบให้ข้าต้องใช้หอกทลายวิญญาณเขียวทั้งที่เจ้ายังอยู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นได้ เจ้าตายตาหลับได้แล้ว!” อูถิงถือหอกไว้ในมือ จากกลิ่นอายขู่ขวัญกลายเป็นทรงอำนาจเหนือใคร ทั้งคำพูดทระนงยิ่งกว่า
เฉินซีหรี่ตาลง เขาหยิบกริชระดับวีรบุรุษเพื่อรับมือ
อูถิงเหวี่ยงหอก ปราณสีเขียวเข้มกวาดออกเข้าปะทะกับกริชจนแตกสลาย กลายเป็นแสงพุ่งออกรอบทิศ
“เท่านั้นเองหรือ?” อูถิงส่งเสียงเยาะเย้ย
สีหน้าเฉินซีไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มจ้องหอกสีเขียวเข้มในมืออีกฝ่าย “สมบัติชิ้นนี้ไม่เลวเลย ให้ข้าเป็นคนเก็บรักษาไม่ดีกว่าหรือ? ข้าใช้มันเป็นวัตถุดิบผสานเข้ากับสมบัติของข้าได้พอดี”
“ฮ่า ๆ! เป็นสหายน้อยที่อวดดียิ่งนัก! แม้ว่าสมบัติอมตะชิ้นนี้จะเป็นของดี แต่จะเอาไปได้เจ้าก็ต้องเอาชีวิตให้รอดเสียก่อน!” อูถิงระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น เขาถือหอกไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วชี้เฉินซี จิตสังหารเย็นยะเยือกกระบายออกมาทั่วฟ้าดิน จังหวะนั้นรอบกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายอาฆาต กระทั่งห้วงเวลายังชะงักค้างและกรีดร้องโหยหวนไม่หยุด
“ข้าโชคค่อนข้างดี ในเมื่อเจ้าตกลงแล้ว ข้าขอรับของชิ้นนี้ไปแล้วกัน!” แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายในนัยน์ตาเฉินซี ก่อนร่างสูงใหญ่จะแวบหายไปอย่างรวดเร็ว
“รนหาที่ตาย!” อูถิงโจมตี แทงหอกออกไปดั่งสายฟ้าฟาดสีเขียว ดั่งว่าท้องนภาสีเขียวที่เต็มไปด้วยจิตสังหารหนาแน่น
เฉินซีแวบร่างหลบการโจมตี สมบัติชิ้นนี้คมกริบยิ่งนัก ทำเอาห้วงเวลาตกอยู่ในความโกลาหล สร้างจิตสังหารขึ้นมาหลายกระแส เฉินซีจึงต้องยิ่งระวัง
เคร้ง!
อูถิงโจมตีอีกครั้ง แสงสีเขียวพุ่งขึ้นฟ้าพร้อมกับจิตสังหารหนาแน่น แค่กลิ่นอายของมันก็น่าเกรงขามมากแล้ว พอจะสังหารราชันเซียนครึ่งขั้นฝีมือธรรมดาได้เลย
นี่คืออำนาจของราชันเซียนที่มีสมบัติล้ำค่า พลังจึงรุดขึ้นสูงจนน่าตกใจ
แต่ทั้งหมดนี้ก็เหมือนไม่ส่งผลอะไรต่อเฉินซีเลย ร่างสูงใหญ่แวบไปมาไม่หยุดจากการเคลื่อนมิติ ทันใดนั้นเขาก็พุ่งไปข้างหน้า นิ้วประสานเข้าหากันและฟันออกไป
ฟึบ!
ปราณกระบี่พวยพุ่ง
ตู้ม!
ปราณกระบี่และหอกสีเขียวเข้มเข้าปะทะ ดีดเอาพลังปะทุออกรอบทิศ เปลี่ยนรอบข้างให้ตกอยู่ในความโกลาหล
อูถิงรู้สึกตกใจอยู่นาน เพราะเพียงปราณกระบี่กลับทำให้เขารู้สึกเจ็บแขนอยู่เล็กน้อยแล้ว นี่มันใช่พลังของราชันเซียนครึ่งขั้นแน่หรือ?
เขาจึงไม่กล้ายั้งมืออีก หอกสีเขียวเข้มสั่นสะท้าน กฎแห่งราชันเซียนจำนวนมากพุ่งออกมาจนมืดฟ้ามัวดิน หมายสังหารเฉินซีโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดใดขึ้น
ครืน!
หอกกรีดผ่านฟ้า คล้ายจะทะลวงผ่านโลกาได้ อีกทั้งมันยังเคล้าไปด้วยอำนาจสะท้านรอบทิศ
สีหน้าเฉินซีสีหน้าขรึมลง นิ้วขยับเคลื่อน ซัดปราณกระบี่จำนวนมากที่เคล้าพลังบัญชาออกไป มันผสานรวมเป็นยันต์มากมาย
มันเป็นวิชาที่เขาทำความเข้าใจได้หลังจากซึมซับพลังโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชามาได้ มันใช้อำนาจแห่งมรดกภายในแก่นยันต์เทวะ ผสานเข้ากับเต๋าแห่งปราชญ์ยันต์อักขระ เสริมด้วยความลึกล้ำแห่งกาลเวลาและห้วงมิติ สุดท้ายมันก็กลับคืนสู่ความเรียบง่าย ผสานรวมเป็นหนึ่ง ก่อนจะผสมเข้ากับเต๋าแห่งกระบี่อย่างสมบูรณ์
เช่นนี้ กระแสปราณกระบี่ที่ดูเรียบง่ายที่ซัดออกไป แท้จริงแล้วกลับเต็มไปด้วยพลังสุดยอดมากมายที่เขาคครอบครองมี อำนาจสูงส่งจนแทบไม่มีใครคาดถึง
เคร้ง! เคร้ง!
ประกายไฟดีดออกบริเวณโดยรอบ การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างหนักหน่วง อูถิงถือหอกทลายวิญญาณเขียวเข้าสู้เฉินซีทั้งบนฟ้าและบนดิน เปลี่ยนพื้นที่กว่าสิบล้านลี้ในทะเลทรายเนตรสวรรค์ให้กลายเป็นสนามรบ
เหตุการณ์ทวยเทพร้องโหยหวน เสียงฟ้าลั่น แสงอสนีบาต คลื่นพลังคลั่ง และโลหิตต่างสาดทั่วฟ้าสะท้านถึงดิน
หากมีใครได้เห็นเข้า ก็คงไม่คิดว่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างราชันเซียนครึ่งขั้นกับราชันเซียนที่ดูสู้กันอย่างสูสี เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อยิ่งนัก!
…
ท่ามกลางศึกหนัก สีหน้าอูถิงค่อย ๆ เคร่งขรึมลง ในใจเกิดเป็นความหวาดหวั่นขึ้นมา
จนถึงตอนนี้ เขาใช้สมบัติลับไปแล้ว ทั้งยังใช้วิชาขั้นสูงไปมากมาย หากเป็นราชันเซียนครึ่งขั้นธรรมดาก็คงตายคาที่ไปแล้ว
แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรไอ้บัดซบตรงหน้าเขาได้เลย!
แต่หากมันมีเท่านี้ อูถิงก็คงไม่ได้กลัวอะไรมาก แต่ที่สำคัญคือเฉินซียังคงสู้กับเขามือเปล่าโดยไม่ใช้สมบัติอมตะเลยสักชิ้น!
แล้วมันหมายความว่าอย่างไร?
แค่คิดก็ทำให้อูถิงชาศีรษะชาวาบแล้ว!
นับเป็นครั้งแรกที่อูถิงได้ประมือกับยอดฝีมือสะท้านฟ้าเช่นนี้นับตั้งแต่ขึ้นสู่ขอบเขตราชันเซียนมา ทำให้มุมมองที่เขามีต่อราชันเซียนครึ่งขั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ทั้งรากฐานเจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้ การรู้แจ้งถึงเต๋า พลังบ่มเพาะของเต๋าแห่งกระบี่ วิถีการต่อสู้… เด็กคนนี้อาจจะเหนือกว่าราชันเซียนไปทุกด้านแล้ว ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายจะสามารถสู้กับเขาได้อย่างทัดเทียมทั้งที่ใช้มือเปล่าอย่างนั้นหรือ?
บัดซบ! เจ้าบ้านี่มาจากไหน? ฝีมือไม่เก่งกาจไปหน่อยหรือ?
พูดกันตามหลักเหตุผล ด้วยความสามารถของอีกฝ่ายในตอนนี้ จะขึ้นสู่ราชันเซียนคงไม่ใช่เรื่องยาก แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงยังอยู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นเล่า?
หรือว่า… เขาคิดจะกลั่นแก่นเต๋าบรรพกาล?
พอเกิดความคิดนี้ขึ้นมาในหัว อูถิงก็ใจสั่นสะท้านขึ้นอีกครั้ง แก่นเต๋าบรรพกาล! มันเป็นสิ่งที่มีแต่ผู้ที่สามารถสร้างมหาเต๋าแห่งราชันเซียนได้อย่างสมบูรณ์เท่านั้นจึงจะสามารถกลั่นได้
ได้มันมาเมื่อไหร่ จักรวาลภายในร่างก็จะเต็มไปด้วยพลังแห่งความวิบัติเมื่อครั้งกำเนิดโลก เพื่อให้รองรับพลังห้วงมิติ พลังอำนาจของมันสูงส่งจนคาดไม่ถึง!
แต่ด้วยความที่เส้นทางนี้ไร้ความชัดเจนและยากเกินจะเข้าใจ หากไม่ใช่คนที่มีชะตากรรมเหนือฟ้า มีพรสวรรค์หาใครเทียม และมีรากฐานราชันเซียนที่สมบูรณ์ ก็แทบจะไม่สามารถทำความเข้าใจพลังนี้ได้เลย
เท่าที่อูถิงรู้ คงไม่มีราชันเซียนคนไหนที่สามารถกลั่นแก่นเต๋าบรรพกาลได้สำเร็จมาก่อน!
ถึงจะเป็นในนิกายอำนาจเทวะ ก็มีแค่สองคนในหมู่ศิษย์ชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าใจและใช้แก่นเต๋าบรรพกาลได้ ส่วนคนอื่น ๆ รวมถึงตัวอูถิงนั้นไม่อาจทำได้!
แต่ตอนนี้เฉินซีอยู่เพียงขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น แต่กลับมีความสามารถมากมายขนาดนี้ ถึงขั้นที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถเข้าใจและเข้าถึงแก่นเต๋าบรรพกาลได้ เท่านี้ก็ทำให้อูถิงรู้สึกถูกคุกคามมากแล้ว
เด็กคนนี้จะต้องตายอยู่ที่นี่! คิดถึงจุดนี้ ใบหน้าเขาก็มุ่งมั่นยิ่ง จิตสังหารพลันส่องออกจากแววตา
ตู้ม!
หอกสีเขียวเข้มสะท้านถึงฟ้า ดูเป็นหอกแห่งมายาคล้ายว่าไม่มีอยู่จริง มันปลดปล่อยพลังอันโหดเหี้ยมแห่งความวิบัติออกมา ดึงเอาฟ้าดินให้แปรเปลี่ยนเป็นแดนนรก รอบทิศเต็มไปด้วยความวิบัติ ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกทำลาย
นี่คือไม้ตายของอูถิง เรียกว่าเต๋าทลายวิบัติ อยู่อันดับที่ห้าในสิบมรดกตกทอดชั้นยอดแห่งนิกายอำนาจเทวะ เมื่อใช้มันแล้ว อำนาจของมันก็เพียงพอจะทำลายโลกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งได้ทีเดียว!
เฉินซีเผยรอยยิ้มเย็นยะเยือกที่มุมปากเมื่อเห็นดังนั้น ดูจะเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยไม่น้อย
อูถิงสังเกตเห็นรอยยิ้มนั้นก็รู้สึกโกรธและซัดการโจมตีเข้าหาเฉินซีทันที
แทบในชั่วพริบตานั้น รัศมีเซียนก็แผ่ออกจากร่างเฉินซี เกิดเป็นยันต์มากมาย โอบล้อมร่างสูงใหญ่เหมือนรัศมีศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะซัดลงใส่ศีรษะอูถิง
“ตายซะ!” พอเห็นเฉินซีเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน อูถิงร่างส่องแสงสว่างแล้วตะโกนออกมา เข้าปะทะกับการโจมตีของเฉินซีเต็มกำลัง
ตู้ม!
ทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างแรง เหมือนสุริยันปะทะกับจันทรา สะท้านไปทั่วทั้งโลกาพิภพ
เฉินซีร่างแวบหายไป หลบการโจมตีออกไปไกล มุมปากปรากฏรอยเลือดไหลซึม แต่ก็ยังสู้ไม่ถอย ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเหี้ยมโหดออกมาแทน
ในการปะทะครั้งนี้ อูถิงเองก็บาดเจ็บเช่นกัน เขารู้สึกเหมือนไหล่หักและเจ็บปวดยิ่ง ใบหน้าเกิดความโกรธขึ้นมาทันใด
นี่ข้า… บาดเจ็บหรือนี่!
“ตาย!” อูถิงคำราม ทั่วร่างพลุ่งพล่านด้วยพลังราชันเซียน เขาพุ่งออกไปอีกครั้งด้วยพลังทั้งหมด หมายจะสังหารอีกฝ่ายได้ในคราวเดียว
วิ้ง!
พลังแห่งความวิบัติและการทำลายล้างพุ่งไปทั่วฟ้าดิน อำนาจมันสูงส่งจนน่าตกใจ
จังหวะนั้น เฉินซีก็หัวเราะออกมา ดูเป็นท่าทางที่เย่อหยิ่งจองหองยิ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ต่อสู้กับราชันเซียน ก่อนหน้านี้ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเขาสามารถเอาชนะราชันเซียนได้!
ถึงขั้นที่รู้สึกว่าราชันเซียนก็ไม่ได้คณนามือเขาเท่าไหร่ด้วยซ้ำ!
ทั้งหมดนี้ได้มาจากความเข้าใจที่เขารวบรวมได้ในช่วงระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา หลังจากได้เห็นความวิบัติคล้ายวันสิ้นโลกมากับตา ได้เห็นศึกระหว่างทวยเทพ และได้นั่งสมาธิบ่มเพาะพลังเพื่อซึมซับโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาเข้าไป นั่นก็นับว่าเป็นการคว้าชะตากรรมสวรรค์มาไว้เอง!
ความเข้าใจทั้งหมดและรากฐานราชันเซียนที่แทบจะถึงขั้นสมบูรณ์ทำให้พลังของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงไปมาก เขาจะขึ้นราชันเซียนได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังมีทักษะมากพอในการต่อกรกับคู่ต่อสู้ข้ามขอบเขตพลังได้!
ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายแสดงให้เห็นได้จากการต่อสู้กับอูถิง!
หรือก็คือ ก่อนหน้านี้เฉินซีใช้อูถิงเป็นกระสอบทราย ใช้อีกฝ่ายเป็นตัวฝึกฝีมือและความเข้าใจในพลังของตนเอง!
อูถิงตกตะลึงยิ่ง เขารู้สึกว่าเฉินซีเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งยังมั่นใจมาก แล้วยังกลิ่นอายขู่ขวัญที่เฉินซีแผ่ออกมาจนแทบจะทำเอารอบข้างแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ สะท้านไปทั้งจักรวาลนั่นอีก!
มันจึงทำให้อูถิงไม่กล้าลังเล เขาเค้นกำลังทั้งหมดออกมา พลังแห่งความวิบัติและทำลายล้างทั้งหลายที่ปลดปล่อยออกมายิ่งน่ากลัวกว่าเดิม ใช้กระแสความวิบัติโอบล้อมไปทั่วฟ้าดิน
เคร้ง!
ในจังหวะนั้นเอง สมบัติอมตะชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือเฉินซี มันคือกระบี่เซียนสีแดงเลือดส่องประกาย
ฟึบ!
ท่ากระบี่ประหนึ่งตะวันร้อนระอุกลางฟ้า ส่องสว่างแสงอาทิตย์ไปทั่วทิศ
พริบตาต่อมา พลังแห่งความวิบัติทั้งหลายก็ถูกกรีดผ่าน แตกสลายกลายเป็นผุยผงโดยง่าย และหายไปอย่างไรร่องรอย ฟ้าดินกลับคืนสู่ความสว่างอีกครั้ง เหลือไว้เพียงปราณกระบี่ที่ลอยละล่อง!
ตู้ม!
อูถิงตกตะลึงยิ่ง หอกสีเขียวเข้มในมือหลุดร่วงออกไป ร่างเขาซวนเซถอยหลัง ก่อนกระอักเลือดคำใหญ่ออกมา ก่อนจะคำรามเสียงประหวั่นพรั่นพรึงเจือแววโกรธเกรี้ยว “กระบี่เต๋าวิบัติ! ไอ้บัดซบ! สมบัติชิ้นนี้กลับมาอยู่ในมือเจ้าได้!”
“เจ้าโง่! หรือว่าซุ่ยเหรินถิงไม่เคยบอกเจ้า? น่าสมเพชนัก!” เฉินซีถือกระบี่ไว้แล้วพุ่งเข้าไปอีกครั้ง ยามตวัดกระบี่โจมตีนั้นดูดั่งเทพอสูรแห่งกระบี่
อูถิงหลบไม่ทัน สุดท้ายเฉินซีก็ได้จังหวะ ฟันกระบี่ลงสะบั้นแขนขวาของอีกฝ่ายได้ อูถิงเลือดชุ่มโชก ส่วนชุดเซียนก็ขาดสะบั้นออกจากกัน
ตู้ม!
เฉินซีถีบอกอูถิงจนชุดเซียนสลายไป!
ราชันเซียนกลับพ่ายแพ้ให้กับราชันเซียนครึ่งขั้น!
หากใครรู้คงได้เกิดเรื่องวุ่นวายเป็นแน่