บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1471 กระบี่เปื้อนเลือดที่เสียหาย
บทที่ 1471 กระบี่เปื้อนเลือดที่เสียหาย
……………………………………………………………………..
บทที่ 1471 กระบี่เปื้อนเลือดที่เสียหาย
ครืน!
ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากผันผวนอย่างรุนแรงภายในห้วงจิตสำนึกของเขา ขณะเดียวกันก็แผ่กลิ่นอายอันเก่าแก่และคลุมเครือออกมาราวกับความโกลาหลเมื่อครั้งที่โลกก่อตัวขึ้น มันดังเหมือนทำนองของเต๋า และก้องกังวานไปทั่วทุกซอกทุกมุม
ทันใดนั้น เฉินซีก็รู้สึกอีกครั้งว่ากระแสน้ำวนกำลังหมุนวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ในส่วนลึกของดวงวิญญาณ มันลึกล้ำ ทั้งยังเต็มไปด้วยแสงเรืองรองอันงดงาม
แกนกลางของกระแสน้ำวนยังปล่อยพลังงานที่ลึกลับและอธิบายไม่ได้ ซึ่งปกคลุมดวงวิญญาณ จนเหมือนกับดวงวิญญาณถูกห่อหุ้มไปด้วยชั้นเกราะ
อักขระผนึกเต๋า!
ชื่ออันคุ้นเคยนี้ได้ปรากฏในใจของเฉินซีอีกครั้ง
วันนั้นเมื่อเขาหลอมรวมเข้ากับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่เจ็ด กระแสน้ำวนและอักขระผนึกเต๋า ที่ลึกลับและไม่อาจหยั่งถึงก็ถูกสร้างขึ้นภายในดวงวิญญาณเช่นนี้
พลังงานนี้คลุมเครือและลึกลับอย่างยิ่ง ทั้งไม่รู้ว่ามีคุณประโยชน์อย่างไร แต่เฉินซีก็ตระหนักดีว่า ในขณะที่ถูกห่อหุ้มด้วยอักขระผนึกเต๋า แม้พลังงานของเต๋าสวรรค์จะลงมา แต่ก็ไม่สามารถควบคุมวิญญาณของเขาได้!
นอกจากนี้ เมื่อเขาหลอมรวมกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่เจ็ดในวันนั้น แผนภาพลึกลับก็ถูกเปิดเผยบนพื้นผิว โดยเต็มไปด้วยถ้อยคำลึกลับมากมาย น่าเสียดายที่พวกมันพร่ามัวมาก ดังนั้นไม่ว่าเฉินซีจะพยายามจดจำพวกมันอย่างไร เขาก็ระบุได้เพียงอักษรโบราณของ ‘荒’ ‘墟’ ‘神’ และ ‘古’ ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่าเหตุการณ์นี้ปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่ แล้วก็เลือนหายไป ทำให้เฉินซีรู้สึกงุนงงอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งตอนนี้ เขายังคงไม่รู้ว่ามีความลับใดซ่อนอยู่เบื้องหลังมัน
ตัวอย่างเช่น กระแสวังวนนั่นคืออะไร? อักขระผนึกเต๋าคืออะไร?
เหตุใดแผนภาพลึกลับดังกล่าวจึงโผล่ออกมาจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก?
มีความลับอะไรบ้างที่ถูกบันทึกไว้ในตัวอักษรโบราณที่พร่ามัวเหล่านั้น?
เฉินซีไม่สามารถสรุปเบาะแสใด ๆ จากทั้งหมดนี้ได้ และแม้กระทั่งการปรากฏตัวของอักขระผนึกเต๋า เขาจึงสูญเสียพลังวิญญาณไปมากกว่าครึ่งภายในระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้หมดแรงไปมาก
ในขณะนี้ เมื่อเขาหลอมรวมกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่แปด เหตุการณ์เหล่านี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
กระแสวังวนในดวงวิญญาณหมุนวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อักขระผนึกเต๋าเปล่งประกาย และแผนภาพวารีหลากก็ส่องประกายระยิบระยับด้วยตัวมันเอง…
คราวนี้ เฉินซีได้เตรียมการมาก่อนแล้ว เขาจึงกลั้นหายใจอย่างมีสมาธิและจดจ่ออยู่กับจิตใจทั้งหมดทันที เพื่อสัมผัสถึงแผนภาพลึกลับอย่างระมัดระวัง
โครม!
กระแสพลังอันคลุมเครือและทรงพลังได้พุ่งเข้าสู่จิตใจของเฉินซี จากนั้นแถวของตัวอักษรและแผนภาพโบราณที่ลึกลับก็ปรากฏขึ้น พวกมันกะพริบวูบวาบ ทำให้เขาไม่สามารถจับอะไรได้เลย
เพราะทั้งหมดนี้กว้างใหญ่เกินไป มันมีอยู่มากมาย และไม่เป็นระเบียบ อีกทั้งยังเกิดขึ้นเร็วเกินไปเช่นกัน แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ ก็สามารถระบุได้เพียงอักษรโบราณห้าตัว และแผนภาพที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น
ตัวอักษรโบราณทั้งห้านั้นได้แก่ ‘帝’ ‘域’ ‘纪’ ‘主’ และ ‘极’
เมื่อรวมกับอักษรโบราณสี่ตัว ได้แก่ ‘荒’, ‘墟’, ‘神’ และ ‘古’ ที่เห็นได้จากครั้งก่อน แต่กลับไม่สามารถเชื่อมโยงหรือได้รับเบาะแสใด ๆ จากพวกมัน ไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะสรุปความหมายเลย
ในทางกลับกัน แผนภาพที่ไม่สมบูรณ์กลับถูกตีตราด้วยกระบี่เหล็กที่เสียหาย ครึ่งหนึ่งถูกย้อมเป็นสีแดงเข้มด้วยเลือด และอีกครึ่งหนึ่งถูกเผาไหม้เป็นสีดำราวกับได้รับความเสียหายอย่างหนัก
เห็นได้ชัดว่าแผนภาพนี้ไม่สมบูรณ์ นอกจากนี้ มันยังเรียบง่ายและถูกตีตราด้วยกระบี่เหล็กที่เสียหายเท่านั้น แต่เมื่อเฉินซีพยายามที่จะจดจำมัน เขากลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่มีเหตุผล!
มันเป็นความรู้สึกคล้ายกับความเคารพและความยำเกรง ราวกับกระบี่เหล็กที่เสียหายนี้จะมีพลังที่น่าเหลือเชื่อและน่าสะพรึงกลัว แม้นว่ามันจะเสียหายไปแล้ว แต่สามารถทำให้จักรวาลตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และทำลายล้างเต๋าทั้งหมดได้!
เฉินซีรู้สึกเหมือนมดเมื่ออยู่ต่อหน้ากลิ่นอายดังกล่าว และการบรรลุขอบเขตเซียนกระบี่ขั้นสมบูรณ์ที่เขาภาคภูมิใจ ดูเหมือนจะไร้พลังและอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง!
เพราะกลิ่นอายของกระบี่เปื้อนเลือดนั้นน่ากลัวเกินไป และมันไม่ใช่สิ่งที่จะมีอยู่ในสามภพโดยสิ้นเชิง
เฉินซีถึงกับสงสัยว่าการบ่มเพาะที่ขอบเขตเทวาจะสามารถครอบครองสมบัติอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้หรือไม่?
‘帝’ ‘域’ ‘纪’ ‘主’ ‘极’ ‘荒’ ‘墟’ ‘神’ และ ‘古’… พวกมันหมายถึงอะไร? ทำไมอักษรที่ลึกลับถึงมีอยู่ในชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก?
ยังมีแผนภาพที่ไม่สมบูรณ์นั่น และกระบี่ที่เปื้อนเลือดซึ่งตีตราอยู่บนนั้น มันเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ประเภทใด? กลิ่นอายของมันช่างน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เหตุใดมันถึงได้เสียหายรุนแรงขนาดนี้ได้?
คำถามแล้วคำถามเล่าได้แล่นเข้าสู่หัวใจของเฉินซี ซึ่งด้วยความรู้และประสบการณ์ในปัจจุบัน เขาไม่สามารถมองเห็นความลับของมันแม้แต่น้อย!
นี่หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าความลับที่ซ่อนอยู่ภายในชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากไม่ใช่สิ่งที่สามารถดำรงอยู่ในสามภพ!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกสิ่งภายในชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอาจเกี่ยวข้องกับแดนเทพโบราณในตำนาน!
ท้ายที่สุดแล้ว ในบรรดาอักษรเก้าตัวที่เฉินซีจำได้ มีตัวอักษร ‘古’ ‘神’ และ ‘域’ ปรากฏอยู่ ซึ่งเมื่อรวมพวกมันเข้าด้วยกัน จะกลายเป็นคำว่า ‘แดนเทพโบราณ’ สิ่งนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเชื่อมโยงคำเหล่านี้กับแดนเทพโบราณในตำนาน
โอม!
น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่มีโอกาสที่จะรับรู้มันได้อีกต่อไป เพราะความรู้สึกเหนื่อยล้าที่คุ้นเคยได้แล่นเข้าสู่จิตวิญญาณ ทำให้เขากลับมามีสติอีกครั้ง ในขณะที่ใบหน้าก็ซีดเผือด
แต่เมื่อมองเข้าไปในห้วงจิตสำนึกอีกครั้ง ก็พบว่ากระแสวังวน อักขระผนึกเต๋า และแม้แต่ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ล้วนตกอยู่ในความเงียบงัน และไม่มีวี่แววที่จะเคลื่อนไหวใด ๆ
แต่หลังจากที่หลอมรวมเข้ากับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่แปดแล้ว เฉินซีก็สามารถสัมผัสได้ว่าแผนภาพวารีหลากได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แสงเรืองรองบนพื้นผิวของมันยิ่งโปร่งแสง สว่างไสว และใสราวกับแก้ว ในขณะที่มันลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ มันก็เปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ตัวตนและเป็นดั่งภาพลวงตา
ตอนนี้เหลือเพียงชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นสุดท้ายเท่านั้น ก็จะสามารถซ่อมแซมแผนภาพวารีหลากได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลานั้น ข้าอาจจะเปิดเผยความลับทั้งหมดของมันได้!
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และทำได้เพียงระงับความสงสัยทั้งหมดไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
ถึงกระนั้น ชายหนุ่มสามารถระบุได้อย่างแผ่วเบาว่า ความลับของแผนภาพวารีอาจเกี่ยวข้องกับแดนเทพโบราณในตำนาน และนี่ถือได้ว่าเป็นกำไรเพียงหนึ่งเดียวของเขา
…
กระท่อมยังคงตั้งอยู่อยู่ที่นั่นเช่นเดิม ขณะที่ลานภายในถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบ มีเพียงชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่หายไปจากโต๊ะหิน และเป็นข้อพิสูจน์กลาย ๆ ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหน้านี้เป็นความจริง
แต่หลังจากนั้น ดวงตาของเฉินซีก็หรี่ลง และตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
ที่นี่คือคุกเนตรเซียน แล้วชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่แปดมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
หรือทั้งหมดนี้จะเกี่ยวข้องกับท่านแม่?
เมื่อคิดมาถึงจุดนี่ สายตาของเฉินซีก็จ้องลงไปที่โต๊ะหิน แล้วมองดูแผ่นหยกสีเขียวอ่อนที่วางอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ และสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปมา
ชายหนุ่มมีลางสังหรณ์ที่แข็งแกร่งว่าคำตอบที่ตนต้องการ จะต้องถูกซ่อนอยู่ภายในแผ่นหยกอย่างแน่นอน แต่เขาก็กลัวที่จะรู้ความจริง
นี่เป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันมาก ราวกับตราบใดที่เขามองดูเนื้อหาในแผ่นหยก ก็จะไม่สามารถพบกับมารดาได้อีก
ซึ่งเขาก็ไม่สามารถยอมรับความจริงข้อนี้ได้
ดังนั้นเมื่อศิษย์พี่สามเที่ยอวิ๋นไห่ได้กล่าวกับเขาอย่างคลุมเครือ ร่องรอยของลางสังหรณ์ที่ไม่ดีก็เกิดขึ้นในใจ แต่เขาไม่กล้าคิดเกี่ยวกับมัน จวบจนถึงตอนนี้ ก็ยังคงหลีกเลี่ยงมันโดยไม่รู้ตัว
ตั้งแต่วันที่ได้รับเคหาตั้งแต่ยังเด็ก และพบว่ามารดา จั่วชิวเสวี่ยยังมีชีวิตอยู่ ชายหนุ่มก็ปรารถนาที่จะพบกับมารดาอีกครั้งมาโดยตลอด และยังถือว่านี้คือเป้าหมายที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มา
บัดนี้ ในที่สุดเขาก็มาถึงภพเซียน หลังจากเผชิญกับความยากลำบากอันนับไม่ถ้วน และประสบความสำเร็จในการล้างแค้น ซึ่งในที่สุด ก็ถึงวันที่จะได้พบกับมารดา แล้วเขาจะยอมรับผลเช่นนี้ได้อย่างไร?
นอกจากตัวเฉินซีเองแล้ว อาจไม่มีใครที่สามารถเข้าใจสภาพจิตใจที่ขัดแย้งเช่นนี้ได้
ชายหนุ่มนิ่งเงียบอยู่ราวหนึ่งก้านธูป
สีหน้าของเฉินซีแปรเปลี่ยนไปมาอยู่เป็นเวลานาน ในท้ายที่สุด เขาหายใจเข้าลึก ๆ สีหน้ากลับคืนสู่ความมั่นคง และไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ยื่นมือไปหยิบแผ่นหยกสีเขียวอ่อนเอาไว้บนฝ่ามือ
โครม
กระแสของปราณเซียนพิสุทธิ์พลุ่งพล่านอยู่ภายในมัน และจากนั้นแผ่นหยกก็ระเบิดออกจากกัน แสงหนาทึบแผ่ขยายออกไปและก่อตัวเป็นร่างของชายหญิง
ใบหน้าของชายคนนั้นมีเค้าโครงคมคายอย่างบุรุษเพศ คิ้วเอียงคมดุจกระบี่ สีหน้าเย็นชาและไม่แยแส เขาเป็นเหมือนน้ำแข็งนิรันดร์ขณะที่ยืนอยู่ที่นั่นโดยเอามือไพล่หลัง ทั้งยังแผ่กลิ่นอายอันสูงส่งที่ไม่อาจสั่นคลอนได้โดยสิ้นเชิง
หากเฉินฮ่าว น้องชายของเฉินซีอยู่ที่นี่ด้วย จะสังเกตเห็นอย่างแน่นอนว่า รูปร่างหน้าตาของเขานั้นคล้ายคลึงกับชายคนนี้ถึงแปดส่วน และนอกจากจะมีท่าทางที่แตกต่างกันแล้ว พวกเขายังคล้ายกันอย่างน่าตกใจในทุกด้าน
ในทางกลับกัน สตรีในชุดขาวยืนอยู่ข้างชายคนนั้น นางมีรูปลักษณ์อันงดงาม ทั้งยังสง่า ประณีต และละเมียดละไม โดยที่ริมฝีปากก็ประทับไว้ด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนราวกับน้ำ
โครม
ทันทีที่เห็นชายหญิงคู่นี้ เฉินซีก็ดูคล้ายกับถูกฟ้าผ่า จิตใจพลันว่างเปล่า เพียงเหม่อมองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับว่าได้สูญเสียดวงวิญญาณไป
ชายหญิงคู่นี้ ย่อมคือเฉินหลิงจวินและจั่วชิวเสวี่ย!
บิดามารดาของเฉินซีและเฉินฮ่าว!
“ซีเอ๋อร์ ครั้งนี้เราถูกลิขิตให้มาพบกันแล้ว ข้ารู้ว่าในฐานะบิดา ข้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ ทั้งยังสมควรถูกเกลียดชังและรังเกียจด้วยซ้ำ ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฮ่าวเอ๋อร์และเจ้าคงสงสัยยิ่ง ว่าข้าเป็นบิดาที่ไร้ประโยชน์แบบใด เพราะข้านั่นไร้หัวใจจนไม่เคยมาเหลียวแลครอบครัวของตัวเองเลย…”
ในเหตุการณ์ที่ฉายอยู่ จู่ ๆ เฉินหลิงจวินก็เริ่มพูด และอารมณ์ที่ซับซ้อนผสมปนเปกัน ทั้งความรู้สึกผิด ความละอาย ความเจ็บปวด ความคับข้องใจ และอารมณ์อื่น ๆ มากมายก็สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่คม
“หุบปาก!” เมื่อได้ยินเสียงนี้และถ้อยคำที่กล่าวด้วยเสียงนี้ ความรู้สึกโกรธแค้นที่อธิบายไม่ได้ก็พุ่งเข้ามาในหัวใจของเฉินซี ทำให้สีหน้าดูดุร้ายขึ้นในทันใด เส้นเลือดปูดโปน และไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้ตวาดด้วยเสียงที่น่ากลัว ทั้งยังตกอยู่ในความโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ท่าทางเช่นนี้ก็ดูน่าสงสารเช่นกัน เขาเป็นเหมือนเด็กที่ถูกทำร้ายจิตใจอย่างสาหัส ดังนั้นจึงสูญเสียความสงบ ความสุขุม และบุคลิกที่มั่นคงชาญฉลาด…
ท้ายที่สุดแล้ว ลึกเข้าไปในหัวใจ เขายังคงมีความแค้นต่อเฉินหลิงจวิน และเต็มไปด้วยความโกรธ!
มีเหตุผลมากมายที่ทำให้เขาโกรธ!
มันฝังลึกอยู่ในหัวใจของเฉินซีตลอดหลายปีที่ผ่านมา และในเวลานี้ ในที่สุดมันก็ปะทุจนไม่สามารถควบคุมได้
ชายหนุ่มไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป และหากไม่ตระหนักชัดเจนว่านี่เป็นเพียงแผ่นหยกเงาที่เฉินหลิงจวินทิ้งไว้ เขาก็คงไม่ปรารถนาสิ่งใดมากไปกว่าฟาดฝ่ามือใส่บุรุษตรงหน้า!
ช้าก่อน!
แผ่นหยกเงา!?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี่ เฉินซีก็ดูเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็น และสงบลงอย่างสมบูรณ์ ชายหนุ่มกัดริมฝีปากอย่างแรง พลางจ้องเขม็งไปที่เฉินหลิงจวินด้วยสายตาแน่วแน่ราวกับกระบี่ รอยยิ้มเยาะเย้ยก็แผ่กระจายไปที่มุมปาก คล้ายตั้งใจจะฟังคำอธิบายของผู้เป็นบิดา
“ข้ารู้ว่าเจ้าและฮ่าวเอ๋อร์คงเกลียดข้าถึงขีดสุดอย่างแน่นอน เจ้าทั้งสองคงเกลียดข้าที่ไม่อาจช่วยคนในตระกูลเฉิน ไม่อาจช่วยเหลือท่านปู่เจ้า เกลียดชังข้าที่มีชีวิตอยู่แต่ไม่เคยจะมาพบกับพวกเจ้าทั้งสองเลย…” ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดบนใบหน้าของเฉินหลิงจวินยิ่งหนาแน่นมากขึ้น และเสียงของเขาก็ค่อย ๆ แผ่วลง
“หลิงจวิน ไม่จำเป็นต้องกล่าวอีกต่อไปแล้ว บอกความจริงต่อซีเอ๋อร์เถอะ เขาเติบใหญ่แล้ว และเขาจะเข้าใจอย่างแน่นอนว่าบางสิ่งไม่อาจฝืนชะตาได้…” จั่วชิวเสวี่ยถอนหายใจเบา ๆ และดูโศกเศร้าอย่างยิ่ง
แม้แต่ท่านแม่ก็ยังเข้าข้างคนใจดำผู้นี้ด้วย!
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ความโกรธเกรี้ยวก็ปะทุขึ้นในหัวใจเฉินซีอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ แต่ท้ายที่สุด เขาก็กัดฟันอย่างแข็งขันและระงับอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่
ในเหตุการณ์ที่ฉายอยู่ เฉินหลิงจวินหายใจเข้าลึก ๆ แล้วยิ้มให้จั่วชิวเสวี่ย เพื่อบอกนางว่าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับตน หลังจากนั้น สีหน้าพลันดูเคร่งขรึมเมื่อมองกลับไปที่เฉินซี แล้วจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ซีเอ๋อร์ เจ้าอยากจะรู้ความจริงทั้งหมดใช่หรือไม่? ฉะนั้นวันนี้ ข้าจะไม่ปิดบังเจ้าอีกต่อไป”
ขณะที่กล่าว เขาก็สะบัดแขนเสื้อ