บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1468 ฉวยชะตาแห่งสวรรค์
บทที่ 1468 ฉวยชะตาแห่งสวรรค์
……………………………………………………………………..
บทที่ 1468 ฉวยชะตาแห่งสวรรค์
โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาซัดลงมาดั่งห่าฝน แต่ละเส้นทั้งหนาทั้งใหญ่ มันขยับเคลื่อนไปมาอย่างบ้าคลั่งบนท้องฟ้า เต็มไปด้วยพลังบัญชาอันน่าเกรงขามที่ซัดลงมาสู่ผืนพิภพทั้งหลาย
ตอนนี้ ทุกคนที่อยู่ขอบเขตเทวาในสามภพก็เหมือนใบหญ้า ไร้อำนาจใดให้ดิ้นรน ไม่ว่าจะไปหลบซ่อนที่ใดก็จะถูกคุมตัวไว้และถูกโยนเข้าประตูบนฟ้า เข้าไปสู่แดนโลกาวินาศเบื้องหลัง!
ทว่าเมื่อนายท่านสามแห่งเขาเทพพยากรณ์ เที่ยอวิ๋นไห่ เหินร่างขึ้นมา เขาก็ทำลายทุกสิ่งอย่างตรงหน้าด้วยค้อนยักษ์ในมือ สะบั้นโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาเหมือนเป็นแค่ใบไม้แห้ง เผยอำนาจสูงส่งหาใครเทียม
ตู้ม!
โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้้นน้อย แปรเปลี่ยนเป็นฝนแสงปกคลุมนภา
เที่ยอวิ๋นไห่นำทุกคนขึ้นสู่ท้องฟ้า พากันรุดหน้าเข้าหาประตูบนนภาสูง
ครืน!
เต๋าสวรรค์เหมือนเห็นเหตุการณ์นั้นแล้วโมโหโกรธา มันจึงซัดโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาลงมาไม่หยุด เป็นดั่งกรงขังยาวตั้งแต่ฟ้าจรดดิน เกิดเป็นกรงขนาดใหญ่ที่คล้ายกับจะกักและทำลายพวกเที่ยอวิ๋นไห่ไว้ให้ได้
“หึ!” เที่ยอวิ๋นไห่แค่นเสียงเย็น รูปร่างกำยำดั่งเจดีย์เหล็กปลดปล่อยยันต์อักขระออกมา มันผสานขึ้นเป็นเทพจำแลงร่างสูงเสียดฟ้า ขนาดใหญ่โตมโหฬาร ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงอำนาจออกมา
เขาถือค้อนยักษ์ควงโจมตีออกไปไม่หยุด เปิดเส้นทางท่ามกลางโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจำนวนมาก และรุดหน้าขึ้นสูงเหนือนภา ท่าทีดุดันดั่งเทพทรงอำนาจแห่งใต้หล้า!
จากสถานการณ์ตอนนี้ กลุ่มพวกเขาคงไปถึงประตูบนท้องฟ้าได้ก่อนจะถูกกักขังตัวเอาไว้
ตอนนี้มีเพียงเฉินซี จั่วชิวเฟยหมิง และราชันเซียนครึ่งขั้นจากตระกูลจั่วชิวเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ และไม่ได้รับผลกระทบอะไร
ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์คำพูดของหลียางเมื่อครู่ ที่ว่าพวกที่โดนเป็นฝ่ายแรกคือพวกขอบเขตเทวา มีแต่เทพในสามภพทั้งหมดถูกทำลายหายสิ้น พวกที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเทวาถึงจะโดนผลกระทบไปด้วย
หลียางไม่จำเป็นต้องเตือนเฉินซีอีก ชายหนุ่มฉวยจังหวะนี้ใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ มันแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงคมกริบที่พุ่งขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
ฟึบ!
ตาข่ายโปร่งแสงกางออก เปล่งแสงดาราประกายดั่งฝันลวงที่คล้ายกับสามารถกักทุกสิ่งอย่างไว้ได้
เฉินซีเห็นได้เลยว่าโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาซึ่งฟาดลงมาจากฟากฟ้าคล้ายว่าไม่เห็นตาข่ายนี้ ปล่อยให้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ผ่านไปได้อย่างไร้ปัญหา
เฉินซีทั้งประหลาดใจและตกตะลึงยามได้เห็น ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์นี้สมกับที่เป็นสมบัติวิญญาณ สามารถก้าวข้ามทุกสิ่งกีดขวาง เคลื่อนไหวไปได้ตามต้องการ อาจกล่าวได้ว่ามันมีพลังลึกล้ำเกินหยั่ง
“รวมตัว!” ไม่นาน เศษซากโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาทั้งหลายก็ถูกกักไว้ในตาข่ายครอบคลุมสวรรค์จนหมดสิ้น
แต่ตอนนั้นเอง ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ก็พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง ชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่ถูกกักไว้ภายในเริ่มสั่นครืนสะเทือนลั่น มันบ้าคลั่งขึ้นมาเหมือนมีสตินึกคิด คล้ายอยากหลบหนีออกไป
อั่ก!
เฉินซีกระอักเลือดออกมาจากพลังตีกลับ
แล้วชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาเหล่านั้นก็ฉวยโอกาสนี้หนีออกไปอย่างรวดเร็ว
บัดซบ! อำนาจของชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชายังน่ากลัวเช่นนี้ ถึงจะใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์กักมันไว้ได้ แต่ก็ไม่อาจสยบมันได้…เฉินซีใบหน้าเครียดขึง รู้ซึ้งถึงพลังที่แท้จริงของโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาก็ตอนนี้
มันยิ่งทำให้เขารู้สึกชื่นชมศิษย์พี่สามเที่ยอวิ๋นไห่ เพราะตัวเขามีพลังน้อยจนไม่สามารถสยบชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาได้ แต่เที่ยอวิ๋นไห่กลับเหินสูงขึ้นไปเรื่อยทีละก้าว ท่ามกลางโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชามากมาย เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมากเพียงใด
แต่เฉินซีก็ยังไม่ยอมแพ้ เพราะนี่คือชะตากรรมที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ในเมื่อศิษย์พี่หญิงหลียางมอบตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ให้เขาแล้ว นางย่อมสัมผัสได้ว่าเขามีพลังพอจะทำสิ่งนี้สำเร็จ
เขาจึงทิ้งความคิดกวนใจทั้งหลายไว้ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์เป็นครั้งที่สอง
ฟึบ!
ตาข่ายสีใสเปล่งแสงพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า
ครั้งนี้เฉินซีระวังมากกว่าเดิมมาก ไม่ได้กางออกจนสุดเหมือนเมื่อครู่ และเลือกกักแค่ชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจำนวนหนึ่งเท่านั้น!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
กระนั้น พลังของเศษโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่พยายามฝืนหนีออกมาก็ยังไม่ธรรมดา สะท้านตาข่ายครอบคลุมสวรรค์จนสะเทือน เกือบจะขาดอยู่รอมร่อ
เฉินซีกัดฟันโคจรพลังบ่มเพาะ แสงแห่งเซียนจำนวนมากแผ่ออกมาจากทั่วร่าง เขาพยายามฝืนแรงต้านดึงเอาตาข่ายกลับคืนมา!
ทำสำเร็จแล้ว!
ทันทีที่ในใจเกิดความคิดเช่นนั้น เสียงตู้มก็ดังลั่นขึ้น กระแสพลังลุกโชนเชี่ยวกรากพุ่งเข้าสู่ร่าง มันเป็นพลังที่ทรงอำนาจ มีพลังเต๋าสวรรค์และเต็มไปด้วยกลิ่นอายเต๋าจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นตัวแทนความสง่างามแห่งสวรรค์ พลังกฎแห่งท้องนภา!
แต่ตอนนี้เฉินซีซึมซับพลังนั้นมาแล้ว พริบตาเดียวก็เกิดเป็นคลื่นพลังอบอุ่นพุ่งเข้าสู่ร่าง ทำให้ทั้งกระดูก เส้นเอ็น เนื้อหนัง เลือด เส้นพลัง อวัยวะภายใน และปราณเซียนพิสุทธิ์… ทุกสิ่งอย่างคล้ายกับจะดำดิ่งลงในห้วงมหาสมุทรกว้างใหญ่ แต่แท้จริงแล้วมหาสมุทรนั้นคือพลังบัญชาเต๋าสวรรค์
บัญชาเต๋าสวรรค์คือพลังที่คอยอยู่คู่และรักษาสภาพของสามภพไว้!
ในระหว่างความวิบัตินี้ โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่เที่ยอวิ๋นไห่ซัดจนแตกเป็นตัวแทนอำนาจสวรรค์ ดังนั้นพลังภายในโซ่จึงสูงส่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ก็อย่างที่หลียางว่าไว้ ในความวิบัติคือชะตากรรมและโชคลาภครั้งใหญ่ และเป็นโชคที่มีคุณประโยชน์มากมายต่อพลังบ่มเพาะในอนาคตหากสามารถคว้าชะตากรรมนี้ไว้ในมือได้
ตอนนี้เฉินซีโชคดี ได้ซึมซับชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาเข้ามา พลังนั้นเทียบได้กับการคว้าชะตากรรมแห่งสวรรค์และได้ผลของมันมาทีเดียว มีประโยชน์ต่อการสร้างรากฐานราชันเซียนอย่างยิ่ง
ครืน!
ท่วงทำนองแห่งเต๋าคล้ายเสียงมังกรคำรามดังออกจากร่างเฉินซีเป็นระยะ อีกทั้งจักรวาลภายในร่างยังเริ่มโคจรพลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง ปลดปล่อยกระแสแสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งไปทั่วอณูในร่างกาย
ตอนนี้กระแสพลังชะตากรรมกำลังโคจรอยู่ทั่วร่าง เคล้ากลิ่นอายเต๋าชำระล้างร่างกาย ทำให้ชายหนุ่มดูไร้ตัวตน เสมือนเป็นเทพองค์หนึ่งก็มิปาน
ทว่าภายในร่างกายตอนนี้ ปราณเซียนพิสุทธิ์สีทองเข้ม แก่นพลัง พลังงาน และจิตวิญญาณ… ทุกอย่างกำลังเดือดพล่านและโคจรไปมาด้วยความรวดเร็วไม่หยุด พร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายเต๋าที่ไม่อาจอธิบายได้ออกมา
เขากำลังสร้างรากฐานราชันเซียนด้วยมหาชะตากรรม!
ก็อย่างที่มีคนกล่าวไว้ หากไร้ชะตากรรมแล้วก็ไม่สามารถเป็นราชันเซียนได้!
แล้วนับแต่การก่อนมามีมหาชะตากรรมเกิดขึ้นมากี่รอบแล้วบ้าง? ก็ดูจากจำนวนราชันเซียนภายในสามภพได้ เห็นได้ว่าการขึ้นขอบเขตราชันเซียนนั้นยากเพียงใด
ในหมู่ราชันเซียนครึ่งขั้นหมื่นคนนั้น มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถก้าวขึ้นสู่ขอบเขตราชันเซียนได้
แต่ความยากลำบากทั้งหลายก็ไม่อาจขวางกั้นเฉินซีได้อีกต่อไป ชายหนุ่มเริ่มซึมซาบ ‘มหาชะตากรรม’ เข้าร่างมาแล้ว และใช้อำนาจของโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาสร้างรากฐานขึ้นสู่ขอบเขตราชันเซียน และหากสำเร็จเมื่อไหร่ พลังอำนาจก็จะพุ่งขึ้นสูงจนเหนือธรรมดา
เพราะอย่างไรนี่ก็นับว่าเป็นมหาชะตากรรมครั้งใหญ่ จะมีใครในสามภพที่สามารถใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์กักชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาไว้ได้อย่างเฉินซีบ้าง?
และถึงแม้ราชันเซียนครึ่งขั้นคนอื่นจะมีตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ในมือ แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะจะมีใครที่สามารถสะบั้นโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้อย่างนายท่านสามแห่งเขาเทพพยากรณ์บ้าง?
ส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาแบบสมบูรณ์นั้น กระทั่งขอบเขตเทวาส่วนมากยังสู้มันไม่ไหว จะจับมันคงยากเกินกำลัง
อาจกล่าวได้ว่ามหาชะตากรรมครั้งใหญ่ที่เฉินซีได้มาวันนี้นับว่าหาได้ยากนักในใต้หล้า หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากศิษย์พี่สามเที่ยอวิ๋นไห่และตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ของศิษย์พี่หญิงหลียาง เขาก็คงทำไม่ได้…
“เช่นนี้ไม่ได้แล้ว มันยังไม่พอ! โอกาสครั้งนี้ล้านปีจะมีสักครั้ง ข้าจะเสียมันไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้!” ทันใดนั้นเอง เฉินซีก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะระบายพลังพลุ่งพล่านอื่นที่โคจรอย่างบ้าคลั่งอยู่ในร่างออก แล้วใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์พุ่งขึ้นฟ้าไปอีกครั้ง
ตอนนี้เที่ยอวิ๋นไห่รุดหน้าขึ้นฟ้าสูงไปแล้ว กำลังจะพุ่งเข้าไปในประตูสู่แดนโลกาวินาศ
หากปล่อยให้เข้าไปได้สำเร็จ เช่นนั้นเฉินซีก็คงไม่สามารถกักชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาได้แล้ว เป็นเพราะหากเที่ยอวิ๋นไห่หายไป ก็จะไม่มีโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาเพิ่มอีก
ดังนั้นตอนนี้หากเขาอยากได้ชะตากรรมมาครองให้ได้มากที่สุด เช่นนั้นต้องอย่าเสียเวลาแม้เพียงนิด ไม่เช่นนั้นหากพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว ต่อไปคงไม่อาจได้เจออีก
ฟึบ! ฟึบ!
ใช้เวลาไม่นาน ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ก็พุ่งออกไปอีกครั้ง ก่อนจะถูกดึงกลับ และกักเอาชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชากลับมาด้วย ก่อนจะถูกเฉินซีซึมซับพลังเข้าไปทั้งหมด จนแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังสีใสวิ่งวนไปทั่วร่าง
ในระหว่างนั้น จักรวาลในร่างพลันส่งเสียงร้องครืนไม่หยุด และขยับขยาย กระแสพลังเชี่ยวกรากพลุ่งพล่านอยู่ภายใน ทั่วทุกมุมในกายคือกลิ่นอายเต๋าอันหนาแน่น
อีกทั้งหลังนี้ยังขยายตัวและพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ อีก….
ครืน!
จังหวะที่เฉินซีจะลงมืออีกครั้ง ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ว่าทั้งร่างกำลังสั่น รูขุมขนปลดปล่อยกลิ่นอายเต๋าบริสุทธิ์ เปล่งไปด้วยแสงลึกลับบางอย่าง แต่กลับไร้พลังใดล้นออกมา
จึงทำให้เฉินซีเข้าใจพลังของโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่ซึมซาบเข้ามาว่ามันถึงขีดสุดที่รากฐานจะรับไหวแล้ว หากยังซึมซับเข้ามาไม่เลิก ก็คงได้แต่เสียมหาชะตากรรมเหล่านี้ไปเปล่า ๆ
“ผู้อาวุโส โอกาสดีเช่นนี้จะพลาดไปไม่ได้ พวกท่านเตรียมรับชะตากรรมแห่งสวรรค์เถอะ ข้าจะช่วยคว้ามันเอาไว้เอง” ทันใดนั้น เฉินซีก็หันไปหาจั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ และเหวี่ยงตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ออกไปอีกครั้ง
จั่วชิวเฟยหมิงเป็นผู้อาวุโสของท่านแม่จั่วชิวเสวี่ย ส่วนผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของตระกูลจั่วชิวเองที่อยู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นก็คอยสนับสนุนท่านแม่มาโดยตลอด
ในจังหวะดีเช่นนี้ เฉินซีจึงไม่คิดอคติใด ในเมื่อตัวเองไม่สามารถใช้ชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาได้อีกแล้ว เขาก็คิดจะกักมันมาให้จั่วชิวเฟยหมิงกับพวกแทน คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนที่พวกเขาคอยปกป้องคุ้มครองและสนับสนุนท่านแม่มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็แล้วกัน
จั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ ได้ยินแล้วก็ตกใจ รู้สึกซาบซึ้งดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นมาทุกอย่าง ในใจรู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง อย่างไรนี่ก็เรียกได้ว่าเป็นมหาชะตากรรมที่หากได้ยากยิ่ง จะมีใครในสามภพสามารถมองเมินมันได้เล่า?
แล้วเมื่อครู่เฉินซีกลับคิดแบ่งชะตากรรมนี้ให้ พวกเขาย่อมรู้สึกดีใจและซาบซึ้งใจไม่ใช่น้อย
“เฉินซี…” จั่วชิวเฟยหมิงหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง
ฟึบ!
แต่เขาพูดยังไม่ทันจบ ชิ้นส่วนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาก็ร่วงลงมาแล้วพุ่งเข้าร่างเขาไป ทำให้ทั่วร่างชะงักค้างไปทันใด เจ้าตัวจึงไม่ลังเล รีบนั่งขัดสมาธิแล้วตั้งสติซึมซับพลังเข้าไป
“ผู้อาวุโส พวกท่านก็ต้องเตรียมตัวเช่นกัน” เฉินซียิ้มให้ก่อนลงมืออีกครั้ง