บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1450 เผยอำนาจสูงส่ง
บทที่ 1450 เผยอำนาจสูงส่ง
บทที่ 1450 เผยอำนาจสูงส่ง
พริบตาเดียว สถานการณ์ฝั่งเฉินซีก็ตกอยู่ในอันตราย กลายเป็นดั่งนักโทษถูกคุมขังที่ไม่อาจหลบหนีหรือหลบเลี่ยงได้เลย
“บัดซบ!” สีหน้าจั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ ถึงกับเปลี่ยนสี
“หึ!” แต่พวกเขายังไม่ทันลงมือ เฉินซีที่ถูกกดดันทุกทิศทางก็ส่งเสียงเย็นชาออกมาแล้วทำเพียงเหวี่ยงแขนออกไปเท่านั้น
ซู่! ซู่! ซู่! ซู่!
ปราณกระบี่กว่าพันสายพลันปรากฏ ทุกกระแสปราณกระบี่นั้นแตกต่างไม่เหมือนใคร หากไม่ใช้กระบี่เบญจธาตุ ก็เป็นหยินหยาง หรือพายุอัสนี มีทั้งกระบี่แห่งซากดารา กระบี่แห่งนิจกาล กระบี่แห่งไท่จี๋… มีทุกสรรพสิ่งดำเนินอยู่ รวมกันเป็นวิชาเต๋าอันน่าเกรงขาม
อีกทั้งทุกปราณกระบี่ยังอยู่ในจุดที่ต่างกัน ครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่หนาแน่น มันตัดผ่านกัน สร้างค่ายกลกระบี่ลึกล้ำขึ้นมา!
ที่สำคัญคือ ค่ายกลกระบี่นี้ยังเต็มไปด้วยความลึกล้ำเต๋าแห่งยันต์อักขระ มันซัดพลังเข้าใส่คนในชุดคลุมทั้งสี่ทันใด!
ทั้งปราณกระบี่และค่ายกลกระบี่ และพลังทำลายล้าง… หากอธิบายคงนาน แต่แท้จริงเฉินซีกลับทำมันได้ภายในชั่วพริบตา
เป็นภาพที่หาได้ยากยิ่ง แค่กระบี่เล่มเดียวในมือก็สามารถซัดวิชาลึกล้ำทั้งหลาย ผสานกันออกมาเป็นค่ายกลกระบี่ได้ ทั้งค่ายกลกระบี่ยังผสานกับเต๋าแห่งยันต์อักขระ ก่อนจะใช้พลังขอบเขตเซียนกระบี่คุม และซัดออกไปพร้อมกฎแห่งเวลา เงาแห่งกาลเวลา!
พลังต่อสู้ที่เขาเผยออกมาเรียกได้ว่าสะท้านโลกาเป็นอย่างยิ่ง!
แต่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพลังที่เขามีหลังจากขึ้นขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นเท่านั้น…
ครืน!
แรงปะทะรุนแรงดีดออก เสมือนดาวสองดวงเคลื่อนชนกัน ก่อนจะระเบิดออกมาเป็นฝนแสง แรงปะทะหลังจากนั้นกวาดออกไป บดขยี้ทุกสิ่งอย่างในรัศมีล้านลี้ให้กลายเป็นผุยผง เห็นเป็นหุบเหวไร้ก้นปรากฏขึ้น
หากมองลงมาจากบนฟ้า ก็เหมือนพื้นดินถูกอุกกาบาตก้อนใหญ่ร่วงลงมาจนเห็นหลุม!
กระบี่เซียนสีเหลืองสั่นสะท้านร่ำร้องไม่รู้จบ
ขวดแก้วสีขาววิจิตรเนื้อหยกหม่นแสงลง ที่ผิวเกิดรอยด่าง ใกล้จะแตกสลายเต็มทน
ธงเบญจทัศน์สีแดงเลือดถูกสะบั้นราวผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่ง เลือดสีแดงเข้มหลั่งไหลออกมา สั่นสะท้านไหวปลิวอ่อนเปลี้ยไปตามแรงลม
ตราขุนเขาสีเทาขนาดใหญ่เกิดรอยกระบี่นับพันรอย แสงศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาถูกทำลายสิ้น เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวไม่น้อย
ความเสียหายที่สี่สมบัติอมตะได้รับแตกต่างกันออกไป แต่สถานการณ์ของเจ้าของนั้นไม่ต่าง ร่างล้วนถูกค่ายกลกระบี่บดขยี้แหลกเหลว ฝนเลือดโปรยลงจากฟ้า ไม่อาจคืนชีพหรือเกิดใหม่ได้อีกตลอดกาล
ทว่าเสื้อผ้าบนกายเฉินซียังคงเรียบร้อยดี ท่าทางยังคงสูงส่ง เงาร่างยืนหยัดอย่างมั่นคง ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย!
พูดก็คือ เฉินซีรับมือกับการถูกล้อมได้ด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว สามารถสังหารขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นไปได้สี่คนในคราวเดียว!
ซู่!
จั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ อ้าปากค้าง ทั้งตื่นเต้นตกใจ พลังต่อสู้ของเฉินซีเกินสิ่งที่พวกเขาคาดคิดไว้มาก
เว่ยซิงและขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นเองก็ตะลึงจนอึ้งไป ใบหน้าเปลี่ยนผันไม่หยุด เด็กนี่ไม่ใช่เพียงรับมือยาก แต่เรียกได้ว่าน่ากลัวเกินไปแล้ว!
พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตน
เพราะเท่าที่รู้มา เฉินซีเพิ่งแตะถึงขอบเขตเซียนปราชญ์ได้เพียงเจ็ดสิบกว่าปีเท่านั้น ทว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่จะขึ้นมาขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นได้ กระทั่งพลังต่อสู้ยังถึงขั้นท้าทายสวรรค์ ใครจะคิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากมายเช่นนี้?
แต่ก่อนพวกเขาจะมองว่าเฉินซีเป็นคนที่มีอาวุโสน้อยกว่า ถึงจะเป็นหนึ่งในเจ็ดสุริยันอันเจิดจ้าแห่งภพเซียน จะขึ้นขอบเขตเซียนปราชญ์ได้ จะเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แต่สุดท้ายก็เทียบขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นไม่ได้อยู่ดี
แต่ใครจะคาดคิดว่า เด็กคนนี้สามารถเอื้อมถึงขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นโดยใช้เวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่สิบปี นับว่ามีความอาวุโสเทียบเท่าพวกเขาแล้ว ถึงขั้นที่มีพลังต่อสู้เหนือกว่าอีกด้วย!
ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ใครเห็นเป็นต้องตกตะลึง ทำให้ใจคนเกิดหวาดผวา ไม่อาจยับยั้งความรู้สึกหวาดหวั่นที่คืบคลานออกมาได้
พริบตาเดียว สีหน้าของเหล่าคนขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เหมือนกำลังต่อกรกับศัตรูตัวฉกาจ ไม่มีใครกล้าประมาทเฉินซีอีกต่อไป
การต่อสู้ยังไม่จบลงเท่านั้น
หลังจากเฉินซีสังหารคนในชุดคลุมทั้งสี่ไปแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่ยั้งมือแล้วพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เป็นเฉินซีที่ออกท่าโจมตีก่อน!
…
ฆ่ามัน!
ตอนนี้ทั้งแก่นพลัง จิตวิญญาณ และพลังทุกอย่างในร่างเฉินซีเปล่งพลังดังหินหลอมเหลว ทุกพื้นผิวเต็มไปด้วยรัศมีแห่งเต๋าอันลึกลับ ถึงขั้นที่ผมดำขลับเปล่งกระแสพลังแห่งธรรมชาติและแสงแห่งเต๋าออกมา
กลิ่นอายดุดันพุ่งขึ้นฟ้า สะท้านถึงดวงดาว ทุกย่างก้าวเจือแววเหนือใครสะท้านโลกา
ทว่าการโจมตีกลับโหดร้ายไร้ลังเล ตรงไปตรง ทั้งยังเด็ดขาดยิ่ง
ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย!
ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว!
ชายหนุ่มมีสีหน้าเรียบเรื่อยทว่าขู่ขวัญ และแสงเรืองที่แผ่ออกมาคมกริบคล้ายกับจะแยกโลกาออกจากกัน!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ร่างในชุดคลุมถูกทำลายหายไปทีละคน ฝนโลหิตโปรยปราย ซากศพกระจายรอบ เสียงร้องโหยหวนดังระงมฟ้าดิน ทำให้กลายเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวไม่น้อย
หากมองจากที่ไกล เฉินซีก็เหมือนกระบี่คมที่สามารถตัดผ่านทุกสิ่งอย่างได้ สังหารศัตรูได้ไม่ยาก ไม่มีใครรับมือการโจมตีนี้ได้!
จั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ เห็นแล้วอึ้งไป ทุกคนเห็นพลังของเฉินซีแล้ว แต่ตอนนี้ถึงเพิ่งรู้ว่าตนเองประมาทสหายน้อยมากเกินไป
ร่างในชุดคลุมทั้งหลายล้วนเป็นหมากตัวสำคัญที่นิกายอำนาจเทวะวางไว้ในกองกำลังใหญ่แห่งภพเซียน แต่ละคนมีพลังอยู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น หากเป็นในเจ็ดสำนักศึกษาใหญ่ พลังเท่านี้ก็มากพอจะขึ้นเป็นอาจารย์ที่ได้รับความเคารพนับถือแล้ว
ทว่าตอนนี้ พวก ‘ตาแก่’ ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นกลับไม่อาจรับมือการโจมตีของเฉินซีได้เลย!
ผ่านไปไม่นาน ร่างในชุดคลุมกว่ายี่สิบร่างก็ตายตกไปในน้ำมือเฉินซี!
ฟึบ!
ทันใดนั้น ตาข่ายไร้รูปไร้สีก็ขดรวมกันด้วยพลังแห่งกาลเวลา มันกางออกเหนือศีรษะเฉินซี พริบตาเดียวอักขระเต๋าและผังอักขระยันต์จำนวนมากก็ส่องสว่างขึ้นบนตาข่ายนั้น ปลดปล่อยพลังน่าเกรงขามออกมา
มันเป็นการโจมตีไร้เสียง ที่เผยเขี้ยวออกมาเมื่อมาถึงเหนือศีรษะเฉินซีแล้ว ทำให้มันโอบล้อมเขาได้ในคราวเดียว
“ฮ่า ๆ! ไอ้หนู! ถึงเจ้าจะมีพลังต่อสู้เหนือใคร แต่ก็หนีข่ายนภาไร้รูปของข้าไม่ได้หรอก!” ร่างในชุดคลุมเหินร่างขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะลั่นด้วยความพึงพอใจ
ตาข่ายนี้เป็นท่าไม้ตายของเขา มันเป็นสมบัติอมตะระดับว่างเปล่าที่มีพลัง ‘เพลิงห้วงมิติ’ หากใครถูกมันกักไว้ ทั้งเวลาและห้วงมิติก็จะสูญเสียพลังทั้งหมดไป อีกทั้งเพลิงห้วงมิติภายในยังสามารถเผาผลาญวิญญาณของศัตรูได้ เป็นสมบัติที่ชั่วร้ายไม่เบา
แต่ก่อนเขาใช้สมบัติชิ้นนี้สังหารศัตรูฝีมือฉมังมามาก ดังนั้นพอเห็นเฉินซีติดอยู่ในตาข่าย เขาก็หัวเราะพึงพอใจออกมาทันทีราวกับว่าตนเองชนะแล้ว
แต่เสียงหัวเราะก็ต้องหยุดลงฉับพลัน
เพราะเฉินซีที่ถูกข่ายนภาไร้รูปกักไว้กลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิด ไม่เพียงเท่านั้น เฉินซียังสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ยันต์จำนวนมากพุ่งออกมา กรีดตาข่ายขาดในพริบตาเดียว!
ไม่ต้องพูดถึงเจ้าของตาข่ายนภาไร้รูป กระทั่งราชันเซียนที่อยู่โดยรอบยังตกตะลึง ต้องแกร่งขนาดไหนถึงจะสามารถทำลายสมบัติอมตะระดับว่างเปล่าได้ด้วยมือเปล่าเช่นนี้!?
ตู้ม!
เฉินซีหลบหนีออกมาได้ ก่อนจะฟาดฝ่ามือมาจากระยะไกล กระดูกของคนในชุดคลุมแหลกเป็นเสี่ยง ๆ เลือดพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ฉับพลันร่างของคนผู้นั้นก็ระเบิดออก โลหิตพุ่งสาดไปรอบทิศ
ถึงตอนนี้ ทั้งพละกำลังและประสบการณ์การต่อสู้ของเฉินซีทำให้ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นคนอื่น ๆ ต้องขวัญผวา
แต่ไม่นาน ร่างในชุดคลุมอีกคนก็พุ่งเข้ามา เขามีหมอกหนาคุ้มกาย รอบกายคือหยาดพิรุณหลั่ง กลิ่นอายคำรามดั่งฟ้าลั่น!
เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง!
กลิ่นอายเช่นนี้ไม่เหมือนใครอื่น ดังนั้นเฉินซีจึงไม่กล้าประมาท ก่อนหน้านี้เขาใช้การโจมตีรุนแรงและรวดเร็ว จึงสามารถกำราบศัตรูได้ด้วยพลังระดับสูง แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน เพราะศัตรูดูท่าจะเตรียมการมาพร้อมแล้ว
แต่คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด
ครืน!
หยาดฝนจำนวนมากโปรยลงมาพร้อมกับสายฟ้าฟาดสนั่น พวกมันล้วนซัดลงใส่เฉินซี แต่ท่ามกลางเสียงดังกัมปนาท เฉินซีกลับไม่เป็นอะไรเลย ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไป เข้าห้ำหั่นกับร่างในชุดคลุมทันที
“โจมตีพร้อมกันเลย!” เมื่อเห็นจังหวะ พวกเขาก็พุ่งเข้ามาพร้อมกัน พากันใช้วิชาและสมบัติอมตะที่มี
แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้พวกเขาสั่นกลัว ชายหนุ่มผู้นี้มีพลังน่าเกรงขาม คล้ายกับขึ้นสู่จุดสูงสุดของขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นแล้ว ถึงจะถูกล้อมไว้ แต่ก็ยังสำแดงกำลังน่ากลัวออกมาได้เช่นนี้
ไม่เพียงเท่านั้น หลายคนที่ล้อมเขาไว้ยังถูกฆ่าเสียเองอีก!
เสมือนว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดพลังสะท้านสวรรค์ที่ฆ่าไม่ตาย สุดท้ายก็สังหารเงาร่างในชุดคลุมซึ่งปลดปล่อยกลิ่นอายสะท้านสะเทือนดั่งฟ้าลั่นออกมาได้ พวกมันสิ้นใจตายในทันที
แกร่งเกินไปแล้ว พลังเช่นนี้ทำให้คนรอบข้างหมดกำลังใจไปในพลัน!
เมื่อเว่ยซิงด้านหลังเห็นดังนี้ เขาทั้งโกรธทั้งตกใจ ไม่อยากเชื่อเลยว่าขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นทั้งหกสิบเก้าคนกลับไม่อาจทำอะไรเด็กคนหนึ่งได้เนี่ยนะ!?
ตอนนี้ฝั่งเขาเสียคนไปสามสิบเก้าคนแล้ว!
ซึ่งไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นตัวตนขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นถึงสามสิบเก้าคน ล้วนเป็นหมากตัวสำคัญที่นิกายอำนาจเทวะวางไว้ในภพเซียน!
เพียงไม่นานก็เสียคนไปเช่นนี้ ทำให้เว่ยซิงเบิกตากว้างแทบถลน ไม่รู้จะอธิบายกับทางนิกายอย่างไร
เคร้ง!
เฉินซีซัดทีเดียวสมบัติอมตะอีกชิ้นก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เหตุการณ์เช่นเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง ฝนแสงสีใสดั่งแก้วโปรยลงมาทั่วทุกทิศทาง
หลายคนรู้สึกหวาดกลัวและคิดหนี แต่ก็ถูกเสียงตะโกนของเว่ยซิงหยุดไว้ จึงได้แต่เรียกความกล้าออกมาสู้ต่อ
เฉินซีเห็นแล้วก็ไม่ได้ชะงักแม้แแต่น้อย ผ่านไปไม่นานเขาก็สังหารขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นอีกหกคนอย่างง่ายดาย!
ฝีมือเขาโดดเด่น พลังต่อสู้สูงส่งและน่าเกรงขามจนถึงขั้นที่คนในชุดคลุมได้เห็นคงขนหัวลุก ไม่กล้าลงมือรีบร้อนแต่อย่างไร
ทว่าจั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ เห็นแล้วกลับเลือดเดือดพล่านขึ้นมา พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ผู้อาวุโสบางคนน้ำตารื้นขอบขึ้นมา
หากนิกายอำนาจเทวะไม่เข้ามายุ่งเรื่องตระกูลจั่วชิว พวกเขาจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้หรือ? อีกทั้งคนมากมายยังต้องมาไปตกตายไปเช่นนี้ด้วย?
ตอนนี้เฉินซีมีพลังอำนาจสูงส่ง พลิกผันสถานการณ์มาได้ สังหารคนไปจนเสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้อง จั่วชิวเฟยหมิงและคนอื่น ๆ ย่อมตื่นเต้นยิ่ง