บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1428 ชนะอย่างมั่นคง
บทที่ 1428 ชนะอย่างมั่นคง
บทที่ 1428 ชนะอย่างมั่นคง
ถ้าเฉินซีไม่คุกเข่าและขอความเมตตาภายในสิบลมหายใจ เขาก็คงจะฆ่าเติ้งเฉินและเฟยหลิงอย่างแน่นอน!
เมื่อได้ยินเงื่อนไขที่คุกคามและหยิ่งผยองเช่นนี้ เวินหัวถิงและสมาชิกทุกคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองแทบจะกัดฟันจนแตกเสี่ยง ๆ จากความเกลียดชัง
ช่างน่ารังเกียจ! ปิงซื่อเทียนผู้นี้ช่างไร้ยางอายและน่ารังเกียจยิ่ง!
ท่าทางของเฉินซีนั้นเย็นชาและอาฆาตถึงขีดสุด จิตสังหารในดวงตาพลุ่งพล่านราวกับหินหลอมเหลว แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องระงับไว้ เพราะเติ้งเฉินและเฟยหลิงยังอยู่ในมือของปิงซื่อเทียน
เขาไม่อาจมองดูทั้งสองถูกฆ่าได้!
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”
ปิงซื่อเทียนหัวเราะลั่น ยิ่งเฉินซีมีทีท่าเช่นนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกยินดีในใจมากขึ้นเท่านั้น เป็นเสี้ยวของความสุขจากการได้แก้แค้น!
“ช่างน่าสมเพชจริง ๆ! พวกเราเหล่าผู้บ่มเพาะนั่นสังหารอย่างเด็ดขาด ทั้งยังโหดร้ายและไร้ความปรานี แต่เจ้ากลับมีจิตใจอ่อนโยนและไม่เด็ดเดี่ยวอย่างกับอิสตรี ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าคนขี้ขลาดอย่างเจ้าบ่มเพาะมาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร” ปิงซื่อเทียนหัวเราะอย่างเย็นชา ซึ่งคำพูดก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง
ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็คว้าคอของเติ้งเฉินและเฟยหลิง “เวลาสิบลมหายใจใกล้จะหมดลงแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่คุกเข่าขอความเมตตาจากข้า ก็อย่าตำหนิข้าที่ไร้น้ำใจ!”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดและเงียบงันถึงขีดสุด!
ในขณะนี้ เวินหัวถิงและสมาชิกทุกคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองต่างสับสนว่าจะทำอย่างไร พวกเขาโกรธแค้น ทั้งยังรู้สึกไร้พลัง และอับจนหนทางถึงขีดสุด
สีหน้าของพวกเขามืดมนอย่างยิ่ง ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความโกรธ และเกลียดชังปิงซื่อเทียนจนถึงแก่น
เฉินซีเกือบไม่อาจระงับจิตสังหารของตนได้ ดวงตาจับจ้องไปที่ปิงซื่อเทียนอย่างแน่วแน่ พลางมองดูท่าทางที่หยิ่งผยองของอีกฝ่าย รอยยิ้มอันเยือกเย็นและโหดเหี้ยมพลันปรากฏบนริมฝีปากของปิงซื่อเทียน ทำให้เฉินปรารถนาที่จะกินเนื้อและดื่มเลือดของมันเป็น ๆ!
แต่สุดท้ายแล้ว เฉินซีก็ยังคงนิ่งเฉย
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก และเม้มริมฝีปากแน่น ค่อย ๆ ยอบกายลงคล้ายตัดสินใจคุกเข่าขอความเมตตาจากปิงซื่อเทียน
“เฉินซี!” เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ สมาชิกทุกคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองก็อุทานพร้อมกัน
ในทางกลับกัน ความกระหายเลือดก็พลุ่งพล่านออกมาจากดวงตาของปิงซื่อเทียน จนต้องระเบิดเสียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “เฉินซี! โอ้! เฉินซี! แม้แต่เจ้าก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้? เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เจ้าพาศิษย์พี่ชิงไปจากข้า เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้? คุกเข่าลง! รีบคุกเข่าและขอความเมตตาจากข้าเร็ว ๆ ซะ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!!”
ในขณะนี้ หัวใจของปิงซื่อเทียนนั่นเต็มไปด้วยความสุข ความเกลียดชังและความคับแค้นที่อัดแน่นอยู่ในใจหลายปีก็ถูกระบายออกมาจนหมดดุจกระแสน้ำ เป็นความยินดีที่ยากจะอธิบาย!
“เฉินซี ฆ่ามัน!”
“ใช่แล้ว ฆ่ามันซะ!!!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ บรรพบุรุษเติ้งเฉินและเฟยหลิงที่ถูกบีบคออยู่ในกำมือของปิงซื่อเทียนพลันร้องโหยหวนออกมา และระเบิดตัวเองพร้อมกัน!
ตู้ม!
การระเบิดของผู้อาวุโสสองคนนี้ช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง มันสร้างคลื่นพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวไปถึงสวรรค์ทั้งเก้า และยังแพร่กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ ทุกที่ที่มันผ่าน ก้อนหินจะแตกเป็นผุยผง อวกาศจะระเบิดออกจากกัน ภายในระยะสองหมื่นห้าพันลี้ ก็ตกอยู่ในความโกลาหลที่น่าสะพรึงกลัว
ผ่านไปสักพัก ฝุ่นผงเบาบางลง ทุกสิ่งกลับคืนสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
ทุกคนตะลึงงันกับฉากตรงหน้า
“บรรพบุรุษเติ้งเฉิน!”
“บรรพบุรุษเฟยหลิง!”
สมาชิกทุกคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองต่างร่ำร้องด้วยความโศกเศร้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง
“บัดซบ! ไอ้สารเลว! พวกเจ้าทุกคนสมควรตาย!” ปิงซื่อเทียนอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก หากก่อนหน้านี้เขาหลบไม่ทัน ก็คงจะได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดจนอาจตายคาที่!
ถึงแม้จะคอยระวังไม่ให้เติ้งเฉินและเฟยหลิฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะระเบิดตัวเองโดยไม่กล่าววาจาใด ๆ ประกอบกับการกระทำที่เด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดเช่นนี้ จึงทำให้เขาไม่ทันระวังตัว!
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเขามืดมนทันที เพราะเกือบจะทำให้เฉินซีคุกเข่าและขอความเมตตาได้สำเร็จ ทำให้ความรู้สึกพึงพอใจ ถูกแทนที่ด้วยไฟโทสะทันที
โครม!
ทันใดนั้น กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวได้ฉีกผ่านท้องฟ้าเข้ามา ทำให้สีหน้าของปิงซื่อเทียนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม และรีบชักกระบี่อมตะออกมาเพื่อรับการโจมตีตรงหน้า
ผู้ที่โจมตีย่อมเป็นเฉินซี ชายหนุ่มฟันในแนวขวางด้วยกระบี่อมตะในมือ
ในขณะนี้ สีหน้าของเขากลับสงบลงมากและไม่แยแส ดวงตาเย็นชา ทั้งยังไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ แต่ถ้าเป็นที่ผู้คุ้นเคยกับเฉินซี ย่อมรู้ดีว่าเขาตั้งใจที่จะฆ่าปิงซื่อเทียนในกระบวนท่าเดียว!
โครม!
ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด ประหนึ่งการชนระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ซึ่งทำให้คลื่นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว จนบดขยี้ผืนดินภายในระยะสองหมื่นห้าพันลี้ให้เป็นผุยผง เหตุการณ์นี้จึงน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง
นี่คือความสามารถของตัวตนจากภพเซียน ซึ่งในภพมนุษย์ พลังทำลายล้างนี้ไม่ถูกควบคุมโดยเต๋าแห่งสวรรค์ ส่งผลให้มันน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ร่างของปิงซื่อเทียนสั่นสะท้าน และถูกบังคับให้ถอยหลังไปสามก้าว ทำให้สีหน้าของเขามืดมน พลางตะโกนลั่น “เฉินซี ไอ้สารเลว! วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!”
เฉินซียังคงเงียบและพุ่งตรงไปข้างหน้าพร้อมกระบี่ในมือ เจตจำนงกระบี่ฉีกความว่างเปล่าออกจากกัน และทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบ!
โครม!
ปิงซื่อเทียนถูกซัดกลับมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาซีดขาว ความโมโหทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ในภพเซียน เขาตระหนักดีว่าไม่มีทางที่จะแข่งขันกับเฉินซีได้ แต่ในภพมนุษย์ พลังของทั้งสองถูกยับยั้งให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ทว่าเขายังคงถูกเฉินซีโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้เลย
“ดูเหมือนว่าถ้าข้าไม่ใช้ความสามารถที่แท้จริง ข้าก็คงไม่อาจจัดการกับไอ้สารเลวอย่างเจ้าได้!”
ปิงซื่อเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายพลันพลุ่งพล่านด้วยมวลเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีดำที่มีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว นี่คือพลังแห่งความหายนะที่สืบทอดมาภายในนิกายอำนาจเทวะ และมันเป็นพลังแห่งการเข่นฆ่าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ ทั้งยังเต็มไปด้วยพลังแห่งภัยพิบัติ
แม้กระทั่งร่างที่สวมมงกุฎของจักรพรรดิก็มองเห็นได้ราง ๆ อยู่ด้านหลังปิงซื่อเทียน ร่างนี้ดูสง่างามและสูงส่งราวกับเทพที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ซึ่งดูแคลนทุกสรรพสิ่งในโลก
โครม!
ครานี้ ปิงซื่อเทียนเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี ร่างทะยานออกไปพร้อมกับเหวี่ยงกระบี่ในมือ เจตจำนงกระบี่กลายเป็นกระแสแห่งหายนะ มันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตและเต็มไปด้วยสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์สีดำที่พลุ่งพล่าน ปกคลุมฟ้าดินราวกับจุดจบของโลกกำลังมาถึง
กระบวนท่านี้ ถือได้ว่าสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าทวยเทพและมวลภูตผีได้ ทั้งยังเกือบทำให้ท้องฟ้าปั่นป่วนและพังทลาย!
พลังแห่งหายนะ!
หรือว่าคนผู้นี้จะเข้าร่วมนิกายอำนาจเทวะ?
ไม่แปลกใจที่มันมาที่นิกายกระบี่เก้าเรืองรองทันที หลังจากลงมาสู่ภพมนุษย์ ที่แท้มันได้รับคำสั่งจากนิกายอำนาจเทวะให้ทำเช่นนี้!
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ จิตสังหารอันเดือดดาลในหัวใจของเฉินซีก็พวยพุ่งออกมา และทวีความรุนแรงอีกครั้ง ณ เวลาต่อมา กระบี่อมตะในมือก็หายไปพร้อมกับเสียงดังเคร้ง พร้อมกับกระบี่โบราณที่มีสีแดงสดราวกับเลือด ยาวกว่าสี่ฉื่อ ซึ่งประดับด้วยลวดลายดอกบัวโบราณจำนวนมากก็ปรากฏในมือของเขา
ทันทีที่กระบี่เล่มนี้ปรากฏขึ้น เหตุการณ์อันกว้างใหญ่ที่นองเลือดก็ปรากฏขึ้นทันที เหล่าทวยเทพคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว เหล่าปราชญ์ต่างร่ำไห้อย่างโศกเศร้า ฝนโลหิตโปรยปรายลงมาจากผืนฟ้า และผืนดินก็ถูกปกคลุมด้วยศพของทวยเทพ!
กระบี่เต๋าวิบัติ!
เวินหัวถิงและเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองก็จดจำกระบี่นี้ได้ เพราะมันเป็นสมบัติล้ำค่าและลึกลับที่สุดของนิกาย ซึ่งสืบทอดมาจากบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล และมันครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้!
โครม!
เพียงกระบวนท่าเดียว เฉินซีก็ทำลายทุก ๆ การโจมตีของปิงซื่อเทียน ทำให้อีกฝ่ายตัวสั่นสะท้าน ก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก พลังแห่งภัยพิบัติที่ปกคลุมร่างกายของปิงซื่อเทียนก็ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเห็นเฉินซีเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างต่อเนื่อง เหล่าผู้คนจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ศิษย์หลายคนต่างตะโกนเสียงดังเพื่อให้เฉินซีสับปิงซื่อเทียนเป็นหมื่น ๆ ชิ้น
“กระบี่เต๋าวิบัติ! เป็นดั่งที่คาดไว้ อาจารย์ลุงซุ่ยเหรินกล่าวถูกแล้ว เจ้าครอบครองกระบี่เล่มนี้จริง ๆ!” ความขุ่นเคืองเสี้ยวหนึ่งแว่บขึ้นในดวงตาของปิงซื่อเทียน และยังมีท่าทางที่หนักใจอยู่ไม่น้อย
เพราะกระบี่เต๋าวิบัติเล่มนั่นเป็นดั่งศัตรูคู่ปรับของนิกายอำนาจเทวะ และในฐานะศิษย์บริวารเต๋าของนิกายอำนาจเทวะ ปิงซื่อเทียนจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
ฟิ่ว!
เฉินซีพุ่งผ่านท้องฟ้าอีกครั้ง ไม่ได้กล่าววาจาใด ๆ สักคำ ทั้งยังดูอาฆาตอย่างยิ่ง
เขาไม่มีอารมณ์ที่จะมาเสียเวลาหายใจกับปิงซื่อเทียน ทั้งยังปรารถนาที่จะทำลายล้างปิงซื่อเทียนอย่างสุดขั้วหัวใจ เพื่อแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณของเติ้งเฉินและเฟยหลิง!
ปิงซื่อเทียนต่อต้านเฉินซีด้วยพลังที่มีอย่างเต็มที่ แต่ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ เขาก็ถูกกระบวนท่าของเฉินซีฟาดฟัน ทำให้ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเลือด ใบหน้าซีดเซียวและดุร้าย ทั้งยกตกอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีอย่างยิ่ง
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
ทำไม!?
ความโกรธและความขุ่นเคืองอันไร้ขอบเขตได้พวยพุ่งอยู่ในหัวใจของปิงซื่อเทียน เขาเกือบจะกัดฟันจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ได้พบเฉินซีเป็นครั้งแรก เฉินซีเป็นเหมือนมดมีระดับการบ่มเพาะขอบเขตจุติ ในขณะที่เขาอยู่ในขอบเขตเซียนทองคำ!
ทว่าตอนนี้… ความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของเฉินซีไม่เพียงแต่บดขยี้ปิงซื่อเทียนในภพเซียน เมื่อเผชิญหน้ากันในภพมนุษย์ เฉินซีก็โจมตีเขากลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่องว่างมหาศาลนี้ เกือบจะทำให้ปิงซื่อเทียนเป็นบ้า!
เขาพลันส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ด้วยการโบกมือเบา ๆ ทันใดนั้นประกาศิตทองคำก็ลอยขึ้นมาปรากฏตรงหน้า มันเปล่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์ของเซียนสูงสุดออกมามากมาย
“เจ้าเห็นสิ่งนั้นหรือไม่? นั่นคือประกาศิตที่จักรพรรดิเซียนจื่อเหิงมอบให้ข้า ด้วยประกาศิตนี้ ข้าจึงเป็นตัวแทนของเต๋าแห่งสวรรค์แห่งภพเซียน เจ้าคิดหรือว่า การที่เจ้าลงมายังภพมนุษย์เช่นนี้ ข้าจะไม่สามารถจัดการกับเจ้าได้? จองหองเสียจริง! พลังแห่งเซียนเต๋า จงทำลายสิ่งแปลกปลอมนี้ซะ!” ปิงซื่อเทียนคำรามด้วยเสียงที่น่ากลัว และสีหน้าก็ดุร้ายอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นประกาศิตทองคำก็เปล่งประกาย กฎอันไร้ขอบเขตของภพเซียนก็สำแดงฤทธิ์เดชทันที ประหนึ่งเต๋าแห่งสวรรค์ได้จุติลงมา และตั้งใจที่จะล้างผลาญความชั่วร้ายทั้งปวง
“คุกเข่าซะ! มิฉะนั้น… ตาย!” ปิงซื่อเทียนกลับมาผยองอีกครั้ง ทั้งยังหัวเราะอย่างอวดดี เพราะประกาศิตนี้คือไพ่ตายของเขา!
เขาไม่เคยประเมินความสามารถของเฉินซีต่ำไป และไม่เคยคาดคิดว่าเฉินซีจะปรากฏตัวที่นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ทั้งยังไม่คาดไม่ถึงว่าแม้จะอยู่ในภพมนุษย์ แต่ความแข็งแกร่งของเฉินซีก็จะยังคงน่ากลัวมาก
ทว่าทั้งหมดนี้ก็ไม่สำคัญเมื่ออยู่หน้าประกาศิตของภพเซียน เพราะใครก็ตามที่แอบลงมาสู่ภพมนุษย์ จะต้องถูกลงโทษด้วยพลังของเต๋าแห่งสวรรค์!
นี่คือพลังของเต๋าแห่งสวรรค์แห่งสามภพ ซึ่งเป็นสิ่งที่คอยรักษาการดำรงอยู่ของสามภพไว้ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มันตกอยู่ในมือของปิงซื่อเทียน จึงทำให้เขามั่นใจอย่างที่สุด
แต่สีหน้าของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง และคว้าไปยังพื้นที่เบื้องหน้า
ฟึบ!
ก่อนที่ประกาศิตของภพเซียนจะเปิดฉากโจมตี มันก็ถูกเฉินซีบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กลายเป็นสายฝนแสงที่กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ
“ถ้ามันคือเนตรทัณฑ์สวรรค์ บางทีข้าอาจจะรู้สึกกลัว แต่ประกาศิตกระจ้อยร่อยเช่นนี้ จะสามารถยับยั้งข้าได้หรือ? เจ้ามันโง่บัดซบยิ่งนัก!” ในที่สุดเฉินซีก็ยอมเปิดปาก ซึ่งประกอบกับการบดขยี้ประกาศิตของภพเซียนเป็นชิ้น ๆ ทุกคำที่กล่าวจึงเป็นดั่งค้อนยักษ์ที่ทุบหัวใจของปิงซื่อเทียนอย่างดุเดือด ทำให้รูม่านตาของเขาขยายออก และยังไม่กล้าเชื่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า!