cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Prev
Next

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1012 เหมืองวิญญาณคราม

  1. Home
  2. All Mangas
  3. บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
  4. บทที่ 1012 เหมืองวิญญาณคราม
Prev
Next

บทที่ 1012 เหมืองวิญญาณคราม

บทที่ 1012 เหมืองวิญญาณคราม

เมิ่งซิงพูดจบ ก็เก็บเรือเหาะเซียนกลับไป

ทันใดนั้น เทือกเขาสูงชันตั้งตระหง่านสู่สายตาของผู้คนทั้งหลาย

ภูเขาสูงชันที่ถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสีฟ้าหนาทึบราวกับผืนสมุทร มองจากระยะไกล คล้ายทะเลกว้างใหญ่พริ้งพรายด้วยความงดงาม

“นี่คือเหมืองวิญญาณคราม ประเดี๋ยวจะมีคนมารับพวกเจ้าทุกคนไป” เมิ่งซิงชี้ไปยังเทือกเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“เหมืองหรือ?” ใครคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ “เราคงไม่ได้ถูกพามาที่นี่ เพื่อทำงานเหมืองหรอกใช่หรือไม่?”

คนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าย่ำแย่ไม่ต่างกัน เหมืองวิญญาณครามอย่างนั้นหรือ? แค่ชื่อก็เห็นเค้าลางไม่ดีแล้ว แต่การที่เมิ่งซิงเป็นผู้พาพวกเขามาที่นี่ด้วยตัวเอง ก็น่าจะชี้ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอันใด

เมิ่งซิงไม่ได้ตอบ เขาเพียงมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชาและพูดขึ้น “ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าหากไม่อยากตาย ก็จงให้ความร่วมมืออย่างเชื่อฟัง ไม่ฉะนั้นพวกเจ้าจะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้รู้สาเหตุการตายของตนเอง”

ผู้ฟังต่างแสดงความตกตะลึงผ่านสีหน้าที่ย่ำแย่ถึงขีดสุด

ก่อนพวกเขาจะขึ้นมา ทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่ได้รับความเคารพยกย่องในดินแดนของตน ไม่ว่าต้องการสิ่งใด ล้วนแต่มีคนเสาะแสวงหามาให้ทั้งสิ้น จะมีใครคาดคิดกันว่าหลังจากที่เข้ามายังภพเซียนแล้วจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับถูกฟ้าผ่าลงกลางหัวโดยไม่ทันได้ตั้งตัว จากที่เคยยืนอยู่บนยอดเขาตระหง่าน …บัดนี้ราวกับถูกผลักลงมาสู่ก้นหุบเหว บรรยากาศซึ่งผิดแผกจากความคุ้นเคยชวนให้วิตกกังวลอย่างอดไม่ได้

“ไม่คิดมาก่อนว่าท่านเมิ่งซิงจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง” ฉับพลันนั้น ลำแสงหนึ่งพุ่งตรงมาจากทางเทือกเขาผ่านม่านหมอกสีคราม ปรากฏร่างชายหนุ่มท่าทางเยือกเย็น ร่างผอมบางไม่ต่างไผ่ลู่ลม และดวงตาที่มีเพียงข้างเดียวของเขาแข็งกร้าวแฝงไปด้วยความเคร่งขรึม

นั่นคือเซียนสวรรค์? ดวงตาของเฉินซีหรี่จ้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบือนไปทางอื่น หากเป็นเมื่อครั้งที่อยู่ในภพมนุษย์ เขาคงจะยังหวาดกลัวเซียนสวรรค์อยู่ไม่น้อย ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์แล้ว อีกทั้งรากฐานก็กล้าแกร่งยิ่ง ด้วยเหตุนี้เขาจะนึกหวาดหวั่นต่อคนตรงหน้าไปทำไม?

“เหวยเจิ้ง ข้าขอมอบผู้ข้ามผ่านเหล่านี้ให้แก่เจ้า” เมิ่งซิงพยักหน้าให้อีกฝ่าย ดูเหมือนไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อสักเท่าไรนัก เขาจึงรีบกำชับชายตาเดียวและเร่งฝีเท้ากลับไปที่เรือเหาะเซียนโดยไม่หันกลับมามองอีก

“พวกเจ้าทุกคนตามข้ามา” ทันทีที่เมิ่งซิงจากไป สีหน้าของเหวยเจิ้งพลันเยือกเย็น ดวงตาหนึ่งข้างของเขาเปี่ยมไปด้วยความเฉยเมยและไร้ปรานี

บรรดาผู้ข้ามผ่านต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความจนใจ แต่ก็เดินตามหลังเหวยเจิ้งไปอย่างเชื่อฟัง และพุ่งตัวไปยังเหมืองวิญญาณคราม

…

“ได้โปรด ข้าขอร้องล่ะ ให้ข้าพักสักประเดี๋ยวเถิด ข้าทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้ ไม่ใช่ว่าข้าไร้ความพยายาม แต่ศิลากำเนิดวิญญาณครามย่อมมีปริมาณน้อยลงไปตามกาลเวลา”

“ถุ้ย! ไอ้เศษสวะเอ๊ย! ในเมื่อเจ้าไม่สามารถหาศิลากำเนิดวิญญาณครามได้ครบสิบชิ้นต่อวัน ก็อย่ามีชีวิตอยู่ต่อเลย ตายซะ!”

“มีใครทำงานไม่สำเร็จอีกไหม? เข้ามารับโทษเสียดี ๆ! หากให้ข้าเดินไปหาเอง ก็อย่าหวังเลยว่าจะมีชีวิตรอด!”

“ไอ้พวกสวะเหลือเดน! ศิลาอมตะในส่วนของพวกเจ้าวันนี้ก็อดไปเสียเถอะ!”

ภายใต้แสงแดงฉานของดวงตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า เสียงคำรามกักขฬะอันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดดังเกรียวออกมาจากภายในเหมืองวิญญาณคราม มันสอดประสานกับคลื่นเสียงวิงวอนโหยหวนชวนให้เวทนา นอกจากเสียงเหล่านี้แล้ว ยังปรากฏเสียงหวดของแส้สะท้านก้องอยู่บ่อยครั้ง พานพาให้คนฟังต้องหนาวสั่นไปทั่วสรรพางค์

เมื่อเฉินซีและคนอื่น ๆ มาถึงจุดหมาย พวกเขาก็เห็นว่าในตอนนี้ บริเวณที่ราบตรงเชิงเขากลุ่มคนมากมายกำลังยืนอยู่ตรงนั้น

คนเหล่านั้นส่วนใหญ่มีเส้นผมกระเซอะกระเซิงและใบหน้าแสนมอมแมม เสื้อผ้าของพวกเขาเปรอะเปื้อนเศษฝุ่นเศษดินจนยากจะมองเห็นสีเดิม ดูไปแล้วก็ไม่ต่างจากยาจกในโลกมนุษย์แต่อย่างใด

รอบ ๆ นั้นมีเวรยามกำลังยืนเรียงแถวประจำการอยู่ พวกเขาสวมชุดเกราะสีดำมิดชิด และถือแส้เหล็กพลางส่งเสียงหัวเราะเหี้ยมขณะทำหน้าที่อารักขาพื้นที่โดยรอบ

กลางลานกว้างมีโต๊ะเหล็กสีดำตั้งอยู่ตัวหนึ่ง ด้านหลังของโต๊ะคือชายวัยกลางคนรูปร่างอวบอ้วน บนดวงหน้าขาวผ่องของเขาเด่นชัดไปด้วยหนวดหน้าตาเหมือนเลขแปด (八) ดวงตาเล็กราวเมล็ดถั่วเบียดอัดกับชั้นไขมันที่แก้มบวมฉุราวกับจะระเบิดออกมา

ข้างกายของชายวัยกลางคนคือหญิงสาวหน้าตางดงาม สวมอาภรณ์เนื้อบาง ท่าทางสะดีดสะดิ้งสองนาง พวกนางเอาตัวแนบชิดกับชายอวบอ้วนพลางนวดไหล่ให้เขาพร้อมเสียงหัวเราะหวานหู

ในขณะเดียวกันกลุ่มคนซึ่งแต่งกายมอซอนั้นยืนเรียงแถวอยู่ด้านหน้าของโต๊ะ ในมือของพวกเขาคือตะกร้าเหล็กที่บรรจุศิลาวิญญาณครามสีฟ้าเข้มที่มีขนาดแตกต่างกันออกไป

เพียะ! เพียะ! เพียะ!

อีกด้านหนึ่งของลานกว้างคือองครักษ์สองคนที่เปลือยกายท่อนบนและถือแส้เหล็กไว้ในมือ พวกเขากำลังเฆี่ยนทาสกลุ่มหนึ่งจนผิวหนังปริแตก เลือดที่ไหลออกมาเปื้อนไปกับพื้นดินเป็นวงกว้าง ทาสผู้นั้นนอนเกลือกกลิ้งไปกับพื้นพลางส่งเสียงโหยหวนปนไห้สะอื้น

บางคนกลายเป็นซากศพไปเสียก่อนจะได้ส่งเสียงร้องใด ๆ ออกมาด้วยซ้ำ

ทุกครั้งที่ภาพอันโหดร้ายเกิดขึ้น ก็จะมีเสือโคร่งสีแดงเข้มตัวหนึ่งกระโจนออกมา และเขมือบกินศพเหล่านั้นไปจนไม่เหลือแม้แต่ซาก

ทาสมอซอ!

องครักษ์จอมโหด!!

และเสือโคร่งแสนดุร้าย!!!

…

เหตุการณ์นองเลือดเหล่านี้สร้างความตกตะลึงอย่างรุนแรงให้แก่หัวใจของผู้พบเห็น

เมื่อเฉินซีและคนอื่น ๆ มาถึงและได้เห็นฉากนี้ สีหน้าของพวกเขาพลันซีดเผือด รูม่านตาเบิกกว้างเผยชัดถึงอารามตื่นตระหนก

มีเพียงไม่กี่คนที่ยังสงบสติอารมณ์ไว้ได้ หนึ่งในนั้นก็คือเฉินซี

เซียนลึกลับหนึ่งคน เซียนอมตะหนึ่งคน ส่วนที่เหลืออีก 1,032 คนเป็นผู้คุ้มกัน ส่วนน้อยของคนเหล่านี้อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพี นอกเหนือจากนั้นอยู่ในขอบเขตสถิตกายา…

ที่นี่มีทาสมากกว่าหนึ่งหมื่นคน จำนวนมากกว่าร้อยคนเห็นได้ชัดว่ามีฐานพลังในขอบเขตเซียนสวรรค์เพียงแต่ยังไม่ได้ผสานกับกฎเท่านั้น อีกทั้งการบ่มเพาะยังอ่อนแอและถดถอย หากเดาไม่ผิด พวกเขาคงจะเพิ่งขึ้นมาก่อนที่ตนจะโดนจับมาไม่นาน…

แปลกนัก หากแค่ต้องการแรงงานทาส ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องจับผู้ข้ามผ่านจากทั่วทุกดินแดนเช่นนี้ บางทีเรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำอยู่เบื้องหลัง…

เฉินซีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดก็เริ่มผ่อนคลาย ตราบใดที่ยังไม่มีขอบเขตเซียนทองคำอยู่ ณ ที่แห่งนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวต่อสิ่งใด

“หน้าที่ของพวกเจ้าก็เหมือนกับพวกเขา ขุดหาศิลากำเนิดวิญญาณครามสิบชิ้น ทุกวันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน หากขาดไปแม้แต่ก้อนเดียวจะต้องถูกลงโทษ และหากได้มาน้อยกว่าห้าชิ้นพวกเจ้าจะต้องตาย” ทันใดนั้นเหวยเจิ้งก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “พวกเจ้าจะลองหลบหนีดูก็ย่อมได้ แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าไม่มีใครที่หนีออกไปได้มาก่อน แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ตามมานั้นแย่ยิ่งกว่าการตายในปากพยัคฆ์ลายโลหิตเป็นร้อยเท่า!”

สิ้นคำพูด กลุ่มคนที่กำลังจะพุ่งตัวขึ้นไปด้านบนก็หมดสิ้นความหวัง ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียวอย่างคนสิ้นไร้ไม้ตอก

“เช่นนั้น… เมื่อไรจึงจะถือว่างานสำเร็จลุล่วงเล่า?” ผู้ข้ามผ่านคนหนึ่งถามเสียงขื่น

“ข้าจะบอกเมื่อถึงเวลานั้น” เหวยเจิ้งกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาคมกริบประหนึ่งใบมีด “เอาล่ะ ส่งคลังสมบัติวิเศษของพวกเจ้ามา แล้วไปต่อแถวตรงนั้นเพื่อรับตะกร้าเหล็กจากผู้ดูแลโหลวเฟิงซะ เขาจะแบ่งพื้นที่ทำงานให้พวกเจ้าทันทีที่เข้าไปข้างใน”

เหวยเจิ้งพูดพร้อมกับชี้ไปยังเรือนที่ถูกสร้างขึ้นจากหินไกล ๆ ที่ตรงนั้นปรากฏร่างของชายชราสีหน้าเศร้าหมองกำลังเอนกายบนนวมนุ่ม

จู่ ๆ ชายชราก็ลืมตาขึ้นราวกับรู้ว่าเหวยเจิ้งกำลังพูดถึงเขา ประกายสีเขียวหยกในดวงตานั้นทั้งงดงามและน่าสะพรึงกลัว

การถูกจับจ้องด้วยสายตาเช่นนี้ให้ความรู้สึกราวกับกำลังจ้องตากับอสรพิษร้าย ชวนให้กระอักกระอ่วนและหวาดผวาอยู่ไม่น้อย

โหลวเฟิงและเหวยเจิ้งเป็นหนึ่งในสี่เซียนสวรรค์ที่เฉินซีสัมผัสได้

อีกคนหนึ่งคือชายวัยกลางคนรูปร่างอวบอ้วนกำลังนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะเหล็กและรวบรวมศิลากำเนิดวิญญาณคราม ส่วนคนสุดท้ายนั้นเฉินซีไม่กล้าด่วนสรุป สัมผัสได้ราง ๆ ว่าคนผู้นั้นอยู่ในทางเดินที่ลึกและเงียบสงบด้านในเหมือง แน่นอน แม้แต่รูปลักษณ์ของเขา เฉินซีก็ไม่อาจประมาณได้

สำหรับเซียนลึกลับ อีกฝ่ายอาศัยอยู่บนยอดเขาเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไปหมื่นลี้ รัศมีลึกลับและล้ำลึกปกคลุมไปทั่วทั้งเหมืองวิญญาณคราม

เมื่อเห็นว่าไม่เพียงแต่ต้องเป็นแรงงานทาสในเหมือง ซ้ำร้ายยังต้องส่งมอบบรรดาสมบัติวิเศษให้แก่คนเหล่านี้อีก ผู้ข้ามผ่านคนหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ทำไมเราต้องมอบสมบัติวิเศษให้เจ้าด้วย? พวกเราหาใช่ทาสของเจ้าไม่!”

ทันทีที่พูดจบ บรรยากาศโดยรอบก็พลันเงียบลงถนัดตา เหล่าทาสเนื้อตัวมอมแมมรวมถึงผู้คุ้มกันที่เฝ้าอยู่รอบ ๆ ต่างแสดงสีหน้าสมเพชเมื่อได้เห็นฉากนี้

“ฮ่า ๆ! สหายเจ้าช่างโง่เขลานัก”

“โอ้ เจ้าว่าสหายเต๋าผู้นั้นจะตายแบบไหนกัน? ท่านเหวยเจิ้งจะกระชากหัวของเขาออกมาเลย หรือเอาไปทำน้ำมันตะเกียงและแขวนไว้ตามทางเดินในเหมืองดีเล่า?”

สาวงามสองนางข้างกายชายร่างอ้วนพูดคุยกันอย่างออกรส สีหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผิดกับผู้ฟังรอบ ๆ ที่หัวใจเริ่มสะท้านชา

“ให้ข้าเดา รูปร่างหน้าตาก็ไม่เลว ไม่แน่อาจจะถูกใจตาเฒ่าเจ้าเล่ห์โหลวเฟิงเอาตัวไป ขืนเป็นแบบนั้นบั้นท้ายของเขาคงได้พังยับเยินแน่คืนนี้ ฮ่า ๆ ๆ!” ชายวัยกลางคนระเบิดเสียงหัวเราะจนชั้นไขมันสั่นกระพือ พูดพลางเค้นคลึงบั้นทางกลมกลึงของหญิงสาวข้างกายอย่างรุนแรง ส่งผลให้พวกนางส่งเสียงร้องเล็กแหลมที่ดูเหมือนจะเจ็บปวดและมีความสุขในเวลาเดียวกัน เขาหยุดมือลงหลังจากได้ยินเสียงร้องเหล่านั้นก่อนจะถอนหายใจด้วยความสุขสม

ร่างกายของชายผู้นั้นสั่นสะท้านด้วยแรงโทสะ ทว่าไม่นานเปลวไฟแห่งความโกรธก็ถูกแทนที่ด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

ไม่ทันที่เหวยเจิ้งจะได้ตอบโต้ใด ๆ คนผู้นั้นก็หยิบเอาคลังสมบัติของตนออกมาด้วยความนบนอบ และพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “นายท่าน โปรดอภัยให้ข้าด้วย ให้ข้าได้ชดใช้ต่อความผิดนี้…”

ดวงตาข้างเดียวของเหวยเจิ้งมองไปยังอีกฝ่ายอย่างเย็นชาก่อนจะเก็บสมบัติวิเศษเหล่านั้นเอาไว้ แล้วตะโกนขึ้น “ส่งสมบัติวิเศษที่พวกเจ้ามีทั้งหมดมาให้ข้าภายในสิบอึดใจ จำไว้ ข้าเตือนพวกเจ้าไปหมดแล้ว! หากชักช้าละก็เตรียมใจรับผลที่ตามมาได้เลย”

คนทั้งหลายไม่ลังเลที่จะส่งมอบสมบัติวิเศษของตน แม้แต่เสี่ยวอวิ๋นจากภพอนันตราก็ยังถูกทุบตีไม่ยั้งเสียจนสูญสิ้นความทระนงในใจ ในที่สุดเขายอมมอบสมบัติล้ำค่าของตนให้อีกฝ่ายอย่างเชื่อฟัง

เฉินซีเองก็ส่งมอบคลังสมบัติวิเศษของตนเช่นกัน ในนั้นมีเพียงศิลาอมตะจำนวนสิบก้อนเท่านั้น สำหรับเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ มันถูกหล่อเลี้ยงอยู่ภายในแดนฮุ้นตุ้นมานานแล้ว จะไม่มีผู้ใดที่สามารถรับรู้ถึงเรื่องนี้ได้ตราบใดที่เขาไม่ตายเสียก่อนไอรีนโนเวล

เพียงไม่นาน เวลาสิบอึดใจผ่านพ้นไป

ตอนนั้นเอง สายตาของผู้คนทั้งหลายก็จับจ้องไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เฉินซี เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจระคนสงสาร บ้างก็ผสมด้วยความสุขเมื่อได้เห็นความอับโชคของนาง

เนื่องจากหญิงสาวนางนั้นได้แสดงตัวว่าตนไม่ได้พกสมบัติวิเศษใด ๆ มาแม้แต่ชิ้นเดียว ให้ตายเถิด ใครจะเชื่อคำพูดเหล่านี้ได้ลง?

“ค้นตัวนาง!” เหวยเจิ้งคล้ายจะไม่แปลกใจต่อสถานการณ์เช่นนี้ เห็นทีคงจะพบพานเรื่องราวทำนองนี้มาไม่มากก็น้อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำเพียงแต่โบกมือสั่งด้วยสีหน้าเฉยเมย

เพียงครู่ องครักษ์ท่าทางดุดันนับสิบคนก็พุ่งเข้าใส่นางพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาชั่วร้าย

Prev
Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 1012 เหมืองวิญญาณคราม"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved