บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 852 พู่กันพิพากษา
ตอนที่ 852: พู่กันพิพากษา
ตอนที่ 852: พู่กันพิพากษา
กลางดึกคืนนั้น ตระกูลชุยเปี่ยมด้วยความปีติยินดี
สมาชิกตระกูลชุยซึ่งหลบซ่อนในพิมานเครือทองก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวชัยชนะและกลับสู่ตระกูลแล้ว
สีหน้าของทุกผู้เต็มไปด้วยความรื่นเริงตื่นเต้น
เมื่อชายชราตาบอดกลับสู่ศาลาพักอาศัย เขาก็เห็นซูอี้ทอดร่างร่ำสุราอยู่บนเก้าอี้หวาย ดูสุขุมทว่าเอ้อละเหย
“คุณชายซู กล่าวกันว่าเมื่อคืน ตระกูลชุยใช้วิถีเต๋าซึ่งปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินทิ้งไว้เพื่อกวาดล้างศัตรูผู้บุกรุกในคราเดียวขอรับ!”
ชายชราตาบอดไม่อาจซุกซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้
ซูอี้ส่งเสียงรับในลำคอ
“คุณชายซู ท่านคิดเช่นไรกับเรื่องราวคืนนี้หรือขอรับ?”
ชายชราตาบอดอดถามไม่ได้
เหมือนเช่นชุยจิ๋งเหยี่ยน เขาเองก็สงสัยยิ่งเช่นกันว่าซูอี้จะเป็นทายาทของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน
การได้เห็นท่าทางนิ่งสงบไม่แยแสของซูอี้นั้นแปลก
“ก็แค่เรื่องเล็กน้อย มีอันใดให้ต้องทำเป็นเรื่องใหญ่โตหรือ?”
ซูอี้กล่าวอย่างสบาย ๆ
เขากำลังคิดถึงหนึ่งสิ่ง คือวางแผนไปยังซากโบราณกองตัดสินหลังพบชุยฉางอัน
หนึ่งคือเพื่อกักขังเหล่ามารเฒ่าพวกนี้อีกครั้ง
สองคือไปหาว่าอีกาเก้ามืดมิดและทูตรับใช้กาฬราตรีวางแผนไปหาสิ่งใดที่ซากโบราณกองตัดสินเมื่อกาลก่อน
“เรื่องเล็กน้อย…”
อวิ๋นจือจิ่วอึ้งไปสักพัก จากนั้นก็กล่าวอย่างเชื่อหมดใจ “คุณชายซูพูดถูก บุคคลในตำนานเยี่ยงปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน แม้จะเป็นพลังมหาวิถีที่หลงเหลือเพียงเสี้ยวก็เพียงพอจะหยุดหายนะคืนนี้ได้อย่างแสนง่าย!”
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม
ซูอี้ “…”
เขาอดรู้สึกขำขันไม่ได้ ครั้งหนึ่ง เขาเคยบอกเฒ่าตาบอดผู้นี้แล้วว่าเขานี่แหละปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน
ทว่าชายตาบอดไม่เพียงไม่เชื่อวาจาของเขา แต่ยังเตือนไม่ให้พูดทำนองสวมรอยเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน กระทั่งคิดว่าเขาลบหลู่ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินไปเสียอีก
หลังจากพูดคุยสักพัก อวิ๋นจือจิ่วก็เห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาจึงไม่พูดอันใดอีก และหันกลับเข้าห้องตนไป
ไม่นานจากนั้น ชุยจิ๋งเหยี่ยนก็มาเยือน
หญิงสาวเดินมาพร้อมกับความลิงโลดที่ปรากฏบนใบหน้าดุจนางเซียน
เห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็กล่าวดัก “หากเจ้ามาที่นี่เพื่อคุยกับข้าเรื่องปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน จงหยุดอยู่ตรงนั้น”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนตกใจ มองพินิจซูอี้และกล่าวว่า “พี่ซู เจ้าไม่ได้ภูมิใจกับศึกเมื่อคืนเลยหรือ?”
ซูอี้อดนวดหว่างคิ้วไม่ได้
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกล่าวทั้งรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้านะ เจ้าคิดไว้แล้วว่ามันจะเป็นเช่นนี้ จึงไม่อยากพูดถึงมันหรือ? หากเป็นข้าก็คงไม่ต่างกัน เพราะถึงอย่างไร หากมีปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินอยู่ การชนะก็เป็นของตาย หากแพ้สิคงแปลก”
ซูอี้ “…”
ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นในศาลาแห่งนี้
ผู้มาใหม่คือผู้นำตระกูลชุย ชุยฉางอัน
ชุยฉางอันหันไปกล่าวกับชุยจิ๋งเหยี่ยนว่า “แม่หนู เจ้าออกไปก่อน ข้ามีบางเรื่องต้องคุยกับคุณชายซู”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนลังเลเหมือนจะพูดอันใด ทว่าสุดท้ายก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง และจากไปอย่างไม่เต็มใจ
ผู้เป็นพ่ออดกังวลน้อย ๆ ไม่ได้ว่า ในภายหน้า แม่หนูจิ๋งเหยี่ยนต้องไม่ติดต่อกับท่านลุงซูบ่อย ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้วเกิด… นั่นขึ้นมา ลำดับอาวุโสจะป่วนเละเทะ!
ซูอี้ไม่อาจรู้ได้ว่าขณะนี้ ในใจชุยฉางอันเต็มไปด้วยความคิดมากมาย
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายมากล่าวว่า “ไป ตามข้าไปซากโบราณกองตัดสิน หากมีสิ่งใดอยากบอก ก็บอกข้าระหว่างทาง”
ชุยฉางอันย่อมไร้ข้อโต้แย้ง
…
ระหว่างทางไปยังซากโบราณกองตัดสิน
“ท่านลุงซูขอรับ จู่ ๆ ชายชราผู้หนึ่งก็เอาหัวคนสามหัวกับม้วนหยกมาฝากข้าส่งให้ท่านขอรับ”
ชุยฉางอันกล่าว “ข้าตรวจสอบแล้ว หัวทั้งสามมาจากชวีอวิ๋นจง หงเทียนเหอ และตั้นไถเจ๋อขอรับ”
กล่าวจบ เขาก็นำม้วนหยกปิดผนึกมาส่งให้ซูอี้ด้วยสองมือ “นี่คือม้วนหยกที่คนผู้นั้นทิ้งไว้ขอรับ”
ซูอี้รับมันมาอ่านชั่วขณะ และเข้าใจทันที
เมื่อกาลก่อน ในร้านรับจำนำ เขาเคยส่งม้วนหยกมรดกของ ‘สิบตำหนักยมบาล’ ให้คู่ศิษย์อาจารย์ และขอให้ชายชราในชุดนักพรตเต๋ารับปากช่วยเหลือตระกูลชุยจัดการกับศัตรูภายนอกในคืนนี้
ชายชราผู้นั้นไม่ได้ผิดสัญญา
ทว่า ในยามที่เขากำลังจะลงมือนั้นเอง ซูอี้ก็ชิงใช้อำนาจจากดาบเงากระจ่างมาตอบโต้เสียก่อน จึงไร้โอกาสให้ชายชราในเข้าแทรกแซง
โชคดีที่ในที่สุด ชายชราในชุดนักพรตเต๋าก็พบพวกชวีอวิ๋นจงทั้งสาม และเด็ดหัวพวกเขาส่งมาให้
และสุดท้าย ม้วนหยกก็ระบุว่าคู่ศิษย์อาจารย์ได้ออกเดินทางในคืนนี้ เพื่อออกค้นหา ‘ซากสิบตำหนักยมบาล’ ในห้วงลึกแห่งทะเลทุกข์
เหตุผลก็เพื่อหวังถิงจะได้เดินบน ‘วิถีแห่งยม’ อันหาได้ยากยามก้าวสู่ความเป็นจักรพรรดิ!
“ท่านลุงซู ชายชราในชุดนักพรตเต๋าคือผู้ใดหรือขอรับ?”
ชุยฉางอันอดถามไม่ได้
ซูอี้ว่า “เจ้ายังจำบงกชดำแรกกำเนิดที่ปรากฏกลางขุมนรกเมื่อนานมาแล้วได้หรือไม่?”
“เทพมารฝังอบาย!?”
ชุยฉางอันโพล่งด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “มิน่าเล่า บรรยากาศของเขาจึงให้ความรู้สึกลึกล้ำยากประมาณ ที่แท้ก็เป็นจักรพรรดิปีศาจโดยกำเนิด!”
ซูอี้พยักหน้า และไม่กล่าวอื่นใดอีก
ไม่นานนัก ทั้งสองก็มาถึงซากโบราณกองตัดสิน
“ทูตรับใช้กาฬราตรีและอีกาเก้ามืดมิดพยายามบุกเข้ามาที่นี่ในคืนเทศกาลหมื่นโคม เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาวางแผนอันใดไว้?”
ซูอี้ถาม
เห็นได้ชัดว่าชุยฉางอันเองก็คิดถึงปัญหานี้อยู่ และเมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็ดูอ่านยาก “หากข้าเดาถูก พวกเขาก็น่าจะมาเพื่อ ‘พู่กันพิพากษา’ ขอรับ!”
“อย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้เผยสีหน้าแปลกใจ
พู่กันพิพากษาคือสมบัติที่ถูกนับว่าเป็นสมบัติสูงสุดของกองตัดสินนับแต่โบราณ และอยู่ภายใต้ปกครองของตระกูลชุยมาโดยตลอด
สิ่งนี้เต็มไปด้วยอำนาจดั้งเดิมของ ‘มหาวิถีพิพากษา’ และเป็นเครื่องมือหลักสำหรับกองตัดสินในการตัดสินกรรมประหารคนบาปทั่วโลกา
จากคำร่ำลือ ในสมัยโบราณ พู่กันพิพากษาคือกุญแจปลดผนึก ‘เมืองมรณะ’ ซึ่งสามารถย้อนกลับหรือแก้ไขกฎดั้งเดิมซึ่งปกคลุม ‘เมืองมรณะ’ อยู่!
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาเกือบสังหารอีกาเก้ามืดมิดได้ ซูอี้ก็คาดไว้ว่ามีตัวตนอันแข็งแกร่งกว่าหนุนหลังมันอยู่
และทูตรับใช้กาฬราตรีซึ่งลงมือกับอีกาเก้ามืดมิด แต่เดิมก็คือข้ารับใช้ของ ‘ยมบาล’
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้อนุมานคร่าว ๆ ได้ว่าตัวตนเบื้องหลังอีกาเก้ามืดมิดคงจะเป็น ‘ยมบาล’ นี่เอง!
‘ยมบาล’ ผู้ลึกลับนี้ คาดว่าคงถูกผนึกอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามภายในเมืองมรณะ
จุดประสงค์ของอีกาเก้ามืดมิดและทูตรับใช้กาฬราตรีในการโจมตีซากโบราณกองตัดสินคืนนี้นั่นก็เพื่อ ‘พู่กันพิพากษา’ และใช้มันเพื่อเปลี่ยนกฎเกณฑ์ดั้งเดิมในเมืองมรณะและช่วยเหลือ ‘ยมบาล’!
“พวกเขานำพู่กันพิพากษาออกไปไม่ได้หรอกขอรับ”
ชุยฉางอันกล่าวหนักแน่น “สมบัติชิ้นนี้ซึ่งอารักขากองตัดสินมาแต่โบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังดั้งเดิมแห่งกองตัดสินตรงหน้าท่านไปแล้ว”
“โลกเร้นลับแห่งเรือนจำทั้งสามชั้น เก้าสิบเก้าเสาผนึกมารฮุ่นเทียน และภูเขาเตาสวรรค์ต่างมีส่วนหนึ่งของอำนาจดั้งเดิมจากพู่กันพิพากษาทั้งสิ้น”
“กระทั่งค่ายกลปักษาทองปราบเภทภัยบนกำแพงเมืองตาข่ายม่วงและรูปสลักเซี่ยจื้อกับปี้อั้นที่ประตูบูรพายังได้รับค้ำจุนจากพลังดั้งเดิมของพู่กันพิพากษามาหลายต่อหลายปี”
“จากวาจาบิดาข้า หากไม่มีผู้ใดสามารถหล่อหลอมกองตัดสินทั้งหมดได้ ก็จะไม่มีผู้ใดนำพู่กันพิพากษาไปได้ขอรับ”
ได้ยินเช่นนี้ ซูอี้ก็พยักหน้า
เขาเองก็เคยได้ยินชุยหลงเซี่ยงพูดเรื่องนี้ และรู้ดีว่าในสมัยโบราณ ภูมิมืดมิดมีมหาสมบัติสูงสุดอยู่สามชิ้น
นั่นคือพู่กันพิพากษา บันทึกยมภูมิ และกระดานหกวิถี
กองตัดสินดูแลพู่กันพิพากษา สิบตำหนักยมบาลดูแลบันทึกยมภูมิ และกรมหกวิถีดูแลกระดานหกวิถี
นอกจากสามมหาสมบัติสูงสุดเหล่านี้แล้ว ยังมีมหาสมบัติอื่น ๆ อยู่ในภูมิมืดมิด ณ ขณะนั้นอยู่บ้าง
เช่น ‘สะพานไน่เหอ’ ของโถงหลงลืม ‘ธารยมโลก’ ของวังธารเหลือง และ ‘เส้นทางข้ามแดน’ ของตำหนักเทพอัคคีกระจ่างเป็นต้น
ทว่าในอดีตกาล ด้วยการล่มสลายของขุมกำลังยักษ์อันสร้างจากกลุ่มเต๋าระดับสูงสุดมากมายเยี่ยงดินแดนปรภพ ทุกสิ่งที่ว่ามานี้จึงกลายเป็นเพียงเรื่องในอดีต
ระหว่างการสนทนา ซูอี้กับชุยฉางอันก็เข้าไปในกองตัดสินเป็นที่เรียบร้อย
เรือนจำใต้ดินชั้นสาม
ภูเขาเตาสวรรค์
ชายหนุ่มใช้ค่ายกลพิภพผนึกมารผนึกเหล่ามารเฒ่าเช่นจ้าวมังกรนทีปรภพและจักรพรรดิปีศาจเทียนจีไว้ใต้ภูเขาเตาสวรรค์
จากนั้น เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็ยังกังวล จึงหยิบดาบเงากระจ่างออกมาเสียบคืนสู่แท่นเต๋าเหนือภูเขาเตาสวรรค์
ความเป็นความตายของชุยหลงเซี่ยง ณ ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ทว่าขอเพียงดาบเงากระจ่างยังอยู่ประสานกับพลังของค่ายกลพิภพผนึกมาร เว้นแต่ตระกูลชุยจะประสบหายนะอันไม่อาจหวนกระแส มารเฒ่าเหล่านี้ก็จะไม่อาจหนีจากภูเขาเตาสวรรค์มาก่อเรื่องได้!
“เมื่อพ่อของเจ้ากลับมา ให้เขาเอาดาบเงากระจ่างมาคืนข้าด้วยนะ”
ซูอี้กล่าวลอย ๆ
ชุยฉางอันอึ้งไปครู่หนึ่ง และถามเสียงต่ำ “ท่านลุงซู พ่อข้า… เขาจะไม่เป็นไรจริง ๆ หรือขอรับ?”
นี่คือสิ่งที่เขากังวลใจที่สุด
ซูอี้ตอบโดยไร้ลังเล “ไม่เป็นไรหรอก!”
เขาไม่ได้อธิบายสิ่งใด และยังรู้ด้วยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการในยามนี้ไม่ใช่คำอธิบาย
จริงดังคาด เห็นได้ชัดว่าชุยฉางอันผ่อนคลายลงมาก และกล่าวว่า “ข้าก็เชื่อมั่นว่าบิดาข้าจะปลอดภัยดีเหมือนท่านลุงซูเลย!”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “กลับกันเถิด”
…
ตระกูลชุย
โลกเร้นลับพิมานเครือทอง
ซูอี้มายังพฤกษาหมื่นวิถีเพียงลำพัง จากนั้นก็หยิบเก้าอี้หวายออกมาทอดกายนอนอย่างสบายใจ
สายหมอกโปรยลงจากพฤกษาหมื่นวิถี แปรเปลี่ยนเป็นร่างสะโอดสะองดุจภาพนิมิต
นางคือผอซัว
“สหายเต๋า เหตุการณ์คืนนี้ราบรื่นดีหรือไม่?”
นางถามด้วยรอยยิ้มมุมปาก น้ำเสียงงดงามดุจสำเนียงธรรมชาติ เส้นผมสีขาวพลิ้วเยี่ยงหิมะโปรย แต้มชาดที่หว่างคิ้วสร้างเสน่ห์ประหลาด
แม้ว่าหมอกจาง ๆ ที่ปกคลุมร่างกายของนางจะทำให้ใบหน้าไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่อาจซุกซ่อนความงามชวนตกตะลึงทึ่งนั้น
“มันผ่านไปได้ดี แต่เกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ทำให้เจ้ากาน้อยหนีไปได้”
ซูอี้ตอบสบาย ๆ
“หนีไปได้? การหนีจากเงื้อมมือสหายเต๋านี่ไม่ง่ายเลยนะ”
สาวงามกล่าวพลางวาดมือ โต๊ะตัวหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกายซูอี้ พร้อมเหล้าชาและกับแกล้มวางอยู่บนนั้น
นางย่อเข่าลงนั่งข้างโต๊ะ หยิบไหสุรารินลงจอก และส่งให้กับซูอี้
ชายหนุ่มรับจอกสุรามาดื่ม
จากนั้น เขาก็พลิกฝ่ามือนำเศษขนนกสีดำออกมา “นี่คือขนนกแท้ของเจ้ากาน้อย ช่วยข้าดูทีว่าเราสามารถหล่อหลอมพลังดั้งเดิมที่สั่งสมในนี้ได้หรือไม่”