บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 844 สัตว์เลื้อยคลานเฒ่า
ตอนที่ 844: สัตว์เลื้อยคลานเฒ่า
ตอนที่ 844: สัตว์เลื้อยคลานเฒ่า
นอกเมือง ปักษาทองถูกฆ่าด้วยง้าว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นร่างแปลงจากพลังต้องห้าม
เพียงครู่เดียว ร่างก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยพลังต้องห้าม และพุ่งไปเข่นฆ่าโครงกระดูกวิญญาณร้ายอีกครั้ง
ทว่าโครงกระดูกวิญญาณร้ายนั้นน่ากลัวสุด ๆ มันสะบัดข้อมือ ง้าวกระดูกก็พุ่งออกไปฆ่าปักษาทองอีกครั้ง คลื่นเพลิงสีทองกระเซ็นสูงนับหมื่นจั้ง
มีโครงกระดูกวิญญาณร้ายคอยนำทัพ กองทัพวิญญาณร้ายยิ่งใหญ่เกรียงไกรทลายแนวป้องกันรัศมีพันจั้งรอบนอกเมืองมาได้แล้ว พร้อมพุ่งเข้ามาทางประตูเมือง!
ตู้ม!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน กลิ่นอายชั่วร้ายโถมทับ
โครงกระดูกวิญญาณร้ายหลุดพ้นจากพันธนาการของปักษาทองแล้ว มันสะบัดง้าวกระดูกในมือ พุ่งเข้ามาจากท้องฟ้า
โครงกระดูกวิญญาณร้ายนี้สยดสยองยิ่ง เบ้าตาคู่นั้นมีเปลวเพลิงสีเขียวลุกโชน แสงสีดำชั่วร้ายเปล่งประกายอยู่รอบตัว ดุดันถึงขีดสุด ไม่ด้อยไปกว่าตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำเลยสักนิด
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงใสกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น
“มารตัวแค่นี้บังอาจอวดดี ไม่รู้จักประมาณตนเสียจริง!”
ตู้ม!
ตอนที่เสียงนี้ดังขึ้น เตาเผาสีแดงดุจโลหิตปรากฏขึ้นกลางอากาศ ขยายขนาดฉับพลัน จนคล้ายเตาเผาที่พร้อมหลอมฟ้าดิน สุญญะรอบด้านถูกกดดันจนโกลาหลไปหมด ปฐพีสะเทือน
เมื่อมองดูดี ๆ รอบด้านเตาเผาปรากฏภาพคล้ายอาณาจักรมารโบราณ ภาพเงาเทพมารโบราณผู้ยิ่งใหญ่มากมายล่องลอยอยู่ในนั้น
คล้อยตามการปรากฏของเตาเผา กองทัพวิญญาณร้ายที่อยู่ห่างจากนอกเมืองไปสามพันจั้งพลันระเบิดกระจัดกระจาย กลายเป็นควันโขมง
ส่วนโครงกระดูกวิญญาณร้ายราวกับรู้สึกถึงภยันตราย แทงง้าวกระดูกออกไปกลางอากาศ
เคร้ง!!!
เสียงกระแทกดังสนั่นหวั่นไหว
ร่างของโครงกระดูกวิญญาณร้ายดิ่งลงอย่างแรง ทว่าหยุดเตาโลหิตโตวเทียนที่ถาโถมเข้ามาได้
และในตอนนั้นเอง ชายในชุดผ้าหรูขาดรุ่งริ่งปรากฏตัวข้างกายโครงกระดูกวิญญาณร้ายฉับพลัน
“ตั๊กแตนที่พยายามขวางรถม้าโดยแท้!”
ชายในชุดผ้าหรูฟาดท้ายทอยโครงกระดูกวิญญาณร้าย
ตึง!
โครงกระดูกวิญญาณร้ายโซซัดโซเซ ทั้งเขาและง้าวกระดูกถูกเตาโลหิตโตวเทียนที่จุติลงจากฟ้าดูดกลืนเข้าไป
ชายในชุดผ้าหรูดึงเตาโลหิตโตวเทียนกลับมา และเตรียมตัวจะลาลับ
โซ่สีเงินเส้นหนึ่งพลันปรากฏกลางอากาศ ฟาดเข้ามาอย่างแรง กระแทกใส่ชายในชุดผ้าหรูจนเซออกไป ที่ไหล่เป็นรอยแผลโชกเลือด
ชายในชุดผ้าหรูสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
และเห็นว่าห่างออกไปไม่ไกล หญิงสาวในชุดคลุมเลือดขาดรุ่งริ่งที่ปรากฏตัวเมื่อใดไม่ทราบ มือกำโซ่กระดูกสีเงินยวงเส้นหนึ่ง
โซ่กระดูกขาวเส้นนั้น ร้อยเรียงด้วยหัวกะโหลกขนาดเท่ากำปั้นมากมาย ยาวกว่าสิบจั้ง ลอยละล่องอยู่กลางอากาศ สาดแสงหนาวเหน็บชั่วร้าย
ที่น่าพิศวงกว่านั้นคือ ใบหน้าของสตรีผู้นั้นซีดเผือด เบ้าตาว่างเปล่านั้นราวกับตรงดิ่งสู่ประตูนรก มีภาพอเวจีคล้ายทะเลเลือดปรากฏ
“ธิดามารอเวจี!”
บนกำแพงเมือง สีหน้าของชุยฉางอันเคร่งขรึมลง
คืนเทศกาลหมื่นโคมไฟเมื่อสี่หมื่นห้าพันปีก่อน ท่ามกลางศึกตั้งรับระหว่างตระกูลชุยและกองทัพวิญญาณร้ายเคยมีธิดามารอเวจีปรากฏกาย และปลิดชีพตัวตนขอบเขตจักรพรรดิขั้นหยั่งเห็นลึกล้ำตระกูลชุยของพวกเขาถึงสามคนในคราเดียว!
และบัดนี้ วิญญาณร้ายสุดสยองอย่างธิดามารอเวจีผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นอีกครา!
ซูอี้สังเกตเห็นธิดามารอเวจีเหมือนกัน เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ในตัวธิดามารอเวจีผู้นี้ มีพลังวิญญาณโบราณพยาบาทหลอมรวมอยู่นับไม่ถ้วน หนาแน่นยิ่งใหญ่ กระทั่งพลังพยาบาทจากตัวตนขอบเขตจักรพรรดิก็ผสมอยู่ในนั้นด้วย
‘เจ้าผีตนนี้ ใช้พลังขจัดภัยร้ายธรรมดาคงล้มล้างมันไม่ได้’
ซูอี้คิดในใจ
ตู้ม!
ไม่รอให้ได้คิดไปมากกว่านี้ บุรุษผู้นั้นกับธิดามารอเวจีก็เข้าห้ำหั่นกัน
คนหนึ่งใช้พลังจากเตาโลหิตโตวเทียน อีกคนสะบัดโซ่กระดูกขาว เข่นฆ่ากันจนฟ้าดินสะเทือนกู่ร้อง ส่องแสงสว่างจ้า รุนแรงไร้ใดเปรียบ
เพียงครู่เดียว ธิดามารอเวจีก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ชุยฉางอันพยักหน้ากับตัวเอง
เขารู้ภูมิหลังของชายในชุดผ้าหรู ชายผู้นี้มีนามว่ามู่อวิ๋นฉี่ นับแต่สี่หมื่นปีก่อน ก็เป็นถึงจักรพรรดิอสูรชื่อก้องในสายมาร
เขามีพลังวิถีในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ เช่นเดียวกับจักรพรรดิปีศาจเทียนจี เฟ่ยคงถง ในยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุด!
ทว่า ผู้นำตระกูลชุยไม่ทันได้หายใจ สถานการณ์ในสมรภูมิเปลี่ยนไปอีกครั้ง…
ผีนักพรตในจีวรสีเลือด ไอดำอบอวลอยู่รอบตัวกระโจนออกมา เท้าเหยียบฐานบัวสีเลือดที่ก่อเกิดจากพลังบาปกรรม ในมือเขามีลูกประคำที่ขัดเกลาจากหัวกะโหลกพวงหนึ่ง
อีกด้าน ปักษายักษ์ดุร้ายที่สองปีกเน่าเฟะไปแล้วโผบินขึ้นฟ้า บนหลังของมันมีเด็กคนหนึ่ง ดวงหน้าของเด็กคนนั้นไร้เดียงสา ทว่าผิวพรรณเป็นสีเงินหม่น นัยน์ตาแดงก่ำมุ่งร้าย
นักพรตมารชั่วร้าย!
บุตรมารวิบากกรรม!
สีหน้าชุยฉางอันเปลี่ยนไปทันที
เมื่อเทศกาลหมื่นโคมไฟมาถึง ในบรรดาวิญญาณร้ายพิศวงที่กระจายตัวอยู่ใต้หล้าภูมิมืดมิด หากให้วัดระดับความอันตราย ธิดามารอเวจี นักพรตมารชั่วร้าย บุตรมารวิบากกรรมติดสิบอันดับแรกแน่!
เทียบกันแล้ว โครงกระดูกวิญญาณร้ายก่อนหน้านี้หม่นหมองลงไปเยอะ
ตู้ม!
กลางอากาศ นักพรตมารชั่วร้ายเท้าเหยียบฐานบัวบาปกรรม สองมือประนม ลูกประคำพวยพุ่งสาดส่องแสงสีเลือดแห่งวิบากกรรม พุ่งเข้ามาทำร้ายมู่อวิ๋นฉี่
“ไป!”
บนหลังของโครงกระดูกปักษาปีกหัก บุตรมารวิบากกรรมส่งเสียงตะโกนสะท้านฟ้า
ขุนเขากระดูกขาวลูกหนึ่งจุติลงจากฟ้า ทับถมอากาศลงมา กลายเป็นแสงสีเลือดแห่งวิบากกรรมสะเทือนปฐพี
มู่อวิ๋นฉี่ซึ่งกำลังต่อสู้อยู่กับธิดามารอเวจีเห็นดังนั้นแล้วอดตกใจไม่ได้ จากนั้นเขาก็ใช้พลังจากเตาโลหิตโตวเทียนเพื่อหลบหลีกการโจมตี
วิญญาณร้ายทั้งสามตนจากฝ่ายตรงข้ามล้วนเป็นตัวร้ายบันลือโลก หากอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ ชายในชุดผ้าหรูยังหาญกล้าเข้าต่อสู้ด้วย
ทว่าเขาผู้โดนภูเขาเตาสวรรค์สะกดมาหลายหมื่นปี พลังวิถีสึกกร่อนลงไปมาก มีหรือจะกล้าเข้าห้ำหั่นซึ่งหน้า
บนกำแพงเมือง ซูอี้นอนเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้หวาย มือถือโคมไฟดอกบัวอาญา ส่งเสียงแผ่วเบา “ตาพวกเจ้าสองคนแล้ว”
ทันใดนั้น ท่ามกลางประกายแสงเจิดจ้า จักรพรรดิปีศาจเทียนจีและเฟ่ยคงถงปรากฏตัว
“น้อมรับคำสั่ง!”
ทั้งคู่คำนับซูอี้อย่างนอบน้อม ก่อนจะเริ่มลงมือ
ฟึ่บ!
อาภรณ์สีม่วงของจักรพรรดิปีศาจเทียนจีพลิ้วไสวประดุจอสนีบาต พุ่งตรงเข้าไปหาธิดามารอเวจี “ตาเฒ่าอับจน เด็กสาวผู้เปี่ยมไปด้วยพลังชั่วร้ายคนนี้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น นางยกแขนเรียว ดอกหลูเหว่ยสีดำน่าผวาโปรยปรายลงมาเป็นพันเป็นหมื่น ปกคลุมไปที่ธิดามารอเวจี
“ขึ้น!”
เฟ่ยคงถงคำรามลั่น พลันกลายร่างเป็นมารโห่วสูงพันจั้ง ประหนึ่งเทพเทวาสูงเสียดฟ้า กลิ่นอายพยาบาทเดือดดาลแผ่ซ่านอยู่รอบตัว
เขาสะบัดแขนดุจขุนเขาไน่ ฟาดไปที่บุตรมารวิบากกรรมซึ่งนั่งอยู่บนหลังปักษาชั่วร้ายอย่างแรง
มู่อวิ๋นฉี่เห็นดังนั้น จึงเลิกหลบหลีก เขาเร่งพลังเตาโลหิตโตวเทียน พุ่งเข้าไปเข่นฆ่านักพรตมารชั่วร้าย
ครืน!
ฟ้าดินนอกเมืองตกอยู่ในความโกลาหลอย่างสิ้นเชิง
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ถูกสะกดใต้เขาเตาสวรรค์มาไม่รู้นานเท่าใด กับวิญญาณร้ายเร้นลับสามตนที่เรียกได้ว่าสยดสยองขั้นสุดเข้าห้ำหั่นกัน คลื่นพลังที่ซัดสาดออกมาทำให้ฟ้าดินพลิกผัน ปฐพีแหลกลาญ
กองทัพวิญญาณร้ายสุดเกรียงไกรต่างชะงักฝีเท้า ยืนห่างออกไปไกลโพ้น มิกล้าเข้าใกล้อีก
ทิศอื่น ๆ ของเมืองตาข่ายม่วง มีกองทัพวิญญาณร้ายล้อมเมืองอยู่เช่นกัน
ทว่าแทบจะเป็นระดับลิ่วล้อทั้งหมด ไม่ทันได้เข้าใกล้กำแพงเมืองถึงพันจั้ง ก็โดนพลังจากค่ายกลปักษาทองปราบเภทภัยปลิดชีพ
ทำให้ซูอี้รับรู้ถึงอีกาเก้ามืดมิดที่ดักซุ่มในความมืด และเข้าใจแล้วว่าหากคิดตีเมือง ก็จำต้องทลายประตูเมืองทิศตะวันออกก่อน
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นธิดามารอเวจี นักพรตมารชั่วร้าย หรือบุตรมารวิบากกรรม ต่างมาปรากฏตัวนอกประตูเมืองทิศตะวันออก
เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อย ๆ
สถานการณ์ของศึกนอกเมืองดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ
ทว่าซูอี้กลับทำเป็นไม่เห็น และดื่มสุราต่อโดยไม่สนสิ่งอื่นใด
เหลืออีกไม่ถึงสองชั่วยามก็จะถึงรุ่งสาง หลังจากบุกอยู่นานยังพิชิตไม่ได้ อีกาเก้ามืดมิดย่อมทนเฉยอยู่ไม่ไหวแน่
เป็นดั่งที่ซูอี้คาด เพียงครู่ต่อมา…
ตู้ม! ตู้ม!
ท่ามกลางความมืดที่ห่างออกไปไกลโพ้น พสุธาสะเทือน เงาดำสูงใหญ่ดั่งขุนเขาก้าวเข้ามา
ทุกฝีก้าวที่ได้ย่ำลงไป พื้นดินบุบสลาย มิติแปรปรวน เสียงทุ้มต่ำประหนึ่งสายฟ้าฟาดดังก้องอยู่ในฟ้าดินผืนนี้
“ราชาโฉดแห่งนรกทมิฬ!!”
ชุยฉางอันสูดปาก
ท่ามกลางความมืดมิดอันไกลโพ้น เงาดำสูงพันจั้งร่างหนึ่งมีเกราะมหึมาที่ก่อร่างด้วยโครงกระดูกปกคลุมทั้งตัว ศีรษะของเขาขนาดเท่าบ้านเรือน นัยน์ตามโหฬารเป็นสีเทาซีด มือถือง้าวยาวกระดูกขาวโชกเลือด
คล้อยตามการก้าวเดินของเขา วิญญาณร้ายสัมภเวสีมากมายเผยขึ้นจากร่าง ทว่าไม่อาจดิ้นให้หลุดพ้นจากเขาได้
เมื่อมองจากที่ไกล ๆ ร่างนั้นเปรียบเสมือนขุมนรกเดินได้ที่เคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน!
นี่แหละ ราชาโฉดแห่งนรกทมิฬ!!
วิญญาณร้ายสุดสยองที่เทียบเท่าขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ เมื่อเทียบกับนักพรตมารชั่วร้าย ธิดามารอเวจี บุตรมารวิบากกรรมแล้วยังแข็งแกร่งขึ้นไปอีก!
และเมื่อได้เห็นราชาโฉดแห่งนรกทมิฬผู้มีลมปราณน่ากลัว ซูอี้ก็กระตือรือร้นขึ้นมา “เจ้าหมอนี่มีพลังแหล่งกำเนิดที่เกี่ยวข้องกับนรกภูมิ!”
เขามองปราดเดียวก็ดูออกว่าในตัววิญญาณร้ายอย่างราชาโฉดแห่งนรกทมิฬมีพลังแหล่งกำเนิดที่คล้ายกับนรกภูมิ และด้วยพลังนี้ ถึงหลอมรวมวิญญาณร้ายสัมภเวสีได้มากมาย จนกลายเป็นพลังวิถีของราชาโฉดแห่งนรกทมิฬ!
“สัตว์เลื้อยคลานเฒ่า เจ้าไปสะกดหมอนั่น”
ซูอี้ออกคำสั่งทันที
“ขอรับ!”
ร่างผอมแห้งร่างหนึ่งก้าวออกจากโคมไฟดอกบัวอาญา
รูปลักษณ์ของเขาหาได้น่าสะพรึงกลัวไม่ ซ้ำตามตัวยังมีร่องรอยบาดแผลเก่า แต่เมื่อเขาปรากฏตัว พลังดุดันที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดก็พุ่งทะยานขึ้นนภา
จักรพรรดิปีศาจเทียนจี มู่อวิ๋นฉี่ และเฟ่ยคงถงที่อยู่ระหว่างการต่อสู้ได้เห็นดังนั้นต่างโล่งอกขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ก่อนหน้านี้ที่ราชาโฉดแห่งนรกทมิฬปรากฏตัว พวกเขาเองก็กดดันและรู้สึกถึงอันตรายอย่างใหญ่หลวงได้
แต่ตอนนี้ คล้อยตามการปรากฏตัวของชายชรา ทั้งสามคนสบายใจขึ้นอย่างมาก
ในคุกใต้ดินชั้นสามแห่งซากโบราณกองตัดสิน ผู้ที่ทำให้ปีศาจเฒ่าพวกนี้รู้สึกหวาดกลัวมีเพียงผู้เดียว
นั่นก็คือจ้าวมังกรนทีปรภพ!
ตาเฒ่าผู้นี้ถูกสะกดถึงเก้าหมื่นปี ปีศาจเฒ่ารุ่นราวคราวเดียวกับเขาแทบจะตายลงระหว่างการถูกสะกดหมด
แต่เขายังรักษาพลังวิถีสุดสะพรึงที่ไม่อาจคาดเดาไว้ได้!
“ลมปราณตาเฒ่านี่ดุดันยิ่งนัก”
ชุยฉางอันอดสะท้านใจมิได้ เปลือกผิวรู้สึกถึงความหนาวเหน็บ
ในฐานะผู้นำตระกูลชุย เขาย่อมรู้ดีว่าภายในซากโบราณกองตัดสิน หากให้เลือก ‘นักโทษ’ ที่แข็งแกร่งที่สุด ต้องเป็นตาเฒ่าผู้นี้แน่นอน!
“พวกเจ้าสามคนถอยไปเสีย”
จ้าวมังกรนทีปรภพปรากฏตัวที่นอกเมือง และก้าวออกไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างไกล
สีหน้าเขาเรียบนิ่ง นัยน์ตาสีทองซีดไม่สื่ออารมณ์ ราวกับวิญญาณร้ายที่อยู่ท่วมท้นฟ้าดินนี้ไม่อยู่ในสายตา
ขณะที่พูด เขาคว้ามือออกไป
ตู้ม!
ลำคอของธิดารมารอเวจีที่กำลังต่อสู้ดุเดือดกับจักรพรรดิปีศาจเทียนจีถูกกรงเล็บมังกรซึ่งปกคลุมด้วยเกล็ดสีเลือดกำไว้ ลากมาอยู่ตรงหน้าเฒ่าผอมแห้ง
ธิดามารอเวจีเป็นวิญญาณร้ายที่สยดสยองขนาดไหน? ทว่าเวลานี้กลับมีสภาพไม่ต่างจากลูกไก่ อยู่ในกำมือของเฒ่าผอมแห้ง ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้
หลังจากนั้น ตาเฒ่าก็อ้าปากสูดเข้า
ปึง!!
ร่างของธิดามารอเวจีระเบิดแหลกลาญ กลายเป็นเศษวิญญาณร้ายมากมายนับไม่ถ้วน และโดนจ้าวมังกรดูดเข้าทางปากจนสิ้น มลายหายไป
ชายเฒ่าเลียปากจ๊อบแจ๊บ คล้ายว่ากำลังลิ้มรส