บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ! - ตอนที่ 47 ในที่สุด เควสสุดท้าย ก็ทำสำเร็จแล้ว!!
- Home
- All Mangas
- บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ!
- ตอนที่ 47 ในที่สุด เควสสุดท้าย ก็ทำสำเร็จแล้ว!!
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี ยูสเซอร์เลเวลอัพ ปัจจุบัน เลเวล 46!”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี ยูสเซอร์เลเวลอัพ ปัจจุบัน เลเวล 47!”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี ยูสเซอร์เลเวลอัพ ปัจจุบัน เลเวล 48!”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี ยูสเซอร์เลเวลอัพ ปัจจุบัน เลเวล 49!”
วู่หยานอ้าปากค้างมอง มิโคโตะ ที่ยังยืนอยู่ในท่ายิงเรลกัน
นี่มันท่าในตำนาน!
เวลาไหนที่มิโคโตะจะเปล่งประกายที่สุด?
ถ้าถามคน10คน สองในสิบคงบอกว่าตอนที่เธอทำซึนเดเระกับตอนเธอเล่นเกโคตะ แต่อีกแปดคนต้องตอบเป็นเสียงเดียวอย่างแน่นอนว่า คือตอนเธอใช้เรลกันไงล่ะ!
นี่เป็นตอนที่คนดูได้เห็นด้านที่กล้าหาญของเธอ วู่หยานเคยแต่มองในหน้าจอ แต่ตอนนี้เขาได้เห็นของจริงแล้ว!
วู่หยานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น ช่างดูทรงพลัง กล้าหาญ และโครตเท่อะไรขนาดนี้!!
เทียบกับความรู้สึกนี้ ไอ้ความสุขที่เลเวลอัพดูน้อยลงไปเลยถนัดตาเลย มันก็ไม่แปลกที่เขาจะเลเวลอัพถึง4เลเวล เพราะอีกฝ่ายเลเวล60 แต่เขาเลเวล45 ต่างกัน15เลเวล เขาย่อมได้EXPเยอะอยู่แล้ว
แต่มิโคโตะกลับไม่เลเวลอัพแม้แต่เลเวลเดียว เขาที่ไม่สามารถเลื่อนไปแรงค์6ได้ กับมิโคโตะที่ไม่สามารถเลื่อนไปแรงค์8 ดูเหมือนการเลื่อนแรงค์ต้องใช้ค่าEXPเยอะพอดูเลย…
“เท่จัง!!” แม้แต่ฮินางิคุก็ยังอดที่จะเอ่ยปากชมไม่ได้ ตัวเธอเองก็เป็นสาวเท่เหมือนกัน การที่สาวเท่อย่างเธอมาเรียกคนอื่นว่าเท่น่ะ….เอ่อ…..สรุป มิโคโตะ โครตเท่เลย!
“เอานี่ หยาน” มิโคโตะเดินมาข้างวู่หยานและฮินางิคุ ก่อนจะยื่นตราหยกให้ ตอนนี้อสรพิษฟ้าตายไปแล้ว แน่นอนว่าเธอต้องไปเก็บหยกจักรพรรดิ
“ในที่สุด ฉันก็ได้มันมา!” เอื้อมมือไปรับหยก แล้วถอนหายใจเล็กน้อย หนึ่งวันหนึ่งคืนที่พวกเขาฝ่าฟันอุปสรรคมามากมายก็เพื่อสิ่งนี้ จาก ‘กำแพง’ ไปเจอหมาป่าปีศาจ ตามด้วยกองทัพปีศาจ ต้นไม้ปีศาจ และสุดท้ายจอมปีศาจอสรพิษฟ้า ถึงแม้ดูเหมือนจะใช้เวลาน้อย แต่มันก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ…..
ฮินางิคุกับมิโคโตะก็เหม่อลอย เทียบกับวู่หยานแล้ว พวกเธอดูจะเปลื่ยนไปมากที่สุด จากการฆ่า ความกลัว ทำให้จิตใจพวกเธอแทบพังทลาย อย่างน้อยตอนนี้มิโคโตะก็สามารถฆ่าพวกปีศาจได้โดยไม่รู้สึกแย่เหมือนตอนแรกแล้ว แต่ถ้าจะให้เธอฆ่าคน….เขาว่าคงยาก
แต่ทว่าพวกเขาก็เก็บเกี่ยวได้เยอะมากเหมือนกัน จากตอนแรกวู่หยานเลเวล30แรงค์4 มาอยู่ที่นี่แค่หนึ่งวันหนึ่งคืน ไม่เพียงแค่เลเวลอัพถึงเวล49 แต่ยังได้แต้มมหาศาล8,300,000 ไม่สิ ตอนนี้ควรเป็น8,200,000แต้มไอเท็ม!
แม้แต่มิโคโตะก็เลเวลอัพหนึ่งเลเวล ตราหยกก็ได้แล้ว เขาสามารถเอาไปแลกเศษคริสตัลลึกลับได้ คราวนี้เควสเขาก็เสร็จสิ้น!
วู่หยานเดินมาบริเวณศีรษะอสรพิษฟ้า เขาถอนหายใจ เรลกันของมิโคโตะทะลุมันตั้งแต่หัวยันหาง บางที่มันคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวมันตายตอนไหน
“ติ๊ง! ได้รับ 50,000แต้มไอเท็ม!”
ร่างมันถูกเปลี่ยนเป็นแต็มให้ระบบ ในที่สุดทริปในม่านกักกันนี่ก็จบลง ในเวลาเดียวก็หมายถึงทริปในโลกฮายาเตะเขาก็ใกล้จะจบแล้ว…..
“หยาน ฉันคืนนี่ให้” มิโคโตะหยิบ ขวดยา จากกระเป๋ากางเกงยื่นให้ด้วยรอยยิ้มเคอะเขิน เป็นยา ลมหายใจแห่งชีวิต ที่วู่หยานให้เธอ
“เธอจะคืนให้ฉันทำไม? เก็บไว้ซะ ช่วงคับขันมันจะช่วยเธอได้” วู่หยานแค่เหลือบมองแต่ไม่ได้ยื่นมือไปรับ เขามีแต้มเกือบสิบล้าน จะไปแคร์ทำไมกับอีกแค่ยาราคาแสนเดียว
“นายเก็บไว้ไม่เป็นประโยชน์มากกว่าเหรอ?” เธอเถียงกลับ
วู่หยานได้ยินก็อดมองบนไม่ได้ “ตอนนี้ฉันมีแต้มเยอะแล้ว ยังจะขาดอะไรอีก? เธอเก็บไว้เถอะอย่าดื้อเพราะคิดว่าถ้าตัวเองก็ยังฟื้นคืนชีพได้ ต้องรู้นะว่าชุบชีวิตเธอฉันต้องเสียแต้มอัญเชิญ ฉันไม่ได้มีแต้มมากขนาดนั้น!”
แต้มอัญเชิญเขามีแค่11,000 ตอนอัญเชิญมิโคโตะเขาใช้ไป70,000แต้ม ถ้าจะชุบชีวิตต้องใช้ครึ่งหนึ่ง หรือก็คือเขาต้องใช้35,000แต้มอัญเชิญ ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีมากขนาดนั้น!
“ถ้านายตาย ไม่ใช้ว่าฉันต้องตายด้วยงั้นเหรอ? ที่ฉันทำนี่ก็เพื่อตัวเองต่างหาก!” มิโคโตะพูดด้วยน้ำเสียงผิดปกติเล็กน้อย เธอคิดจะใช้ประโยชน์จากการที่สามารถคืนชีพได้ทำอะไรบ้าๆจริงๆนั้นแหละ แต่เธอก็ไม่ได้คิดไปตายแบบโง่ๆหรอกนะ
ดังนั้น จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าพี่สาวเรลกันเรา ‘หลงไหล’ เรื่องตื่นเต้นขนาดไหน…..
“ในเมื่อเจ้าโง่นี่ไม่ต้องการ งั้นฮินางิคุ ฉันให้เธอ!” มิโคโตะหันหน้าไปหาฮินางิคุด้วยท่าทางไม่พอใจ ราวกับว่าปฏิเสธความหวังดีของเธอเป็นเรื่องที่โง่มาก นี่ทำให้วู่หยานพูดไม่ออก
“ฉัน!? ฉันก็ไม่เอา” ฮินางิคุโบกมือ แล้วรีบพูดว่า “เมื่อเควสนี่เสร็จ และหยานไปอีกโลกนึง เขาก็จะอัญเชิญฉัน เมื่อถึงตอนนั้นฉันก็เหมือนเธอสามารถคืนชีพได้ ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องใช้”
“ฮินางิคุ เธอเอาจริงงั้นเหรอ?…..” ได้ยินเธอพูด วู่หยานก็อดเอ่ยไม่ได้ “ถ้าไปกับพวกเรา แล้วพ่อแม่เธอล่ะ?พี่สาวเธออีก? เธอทิ้งได้ลงเหรอ?”
ฮินางิคุได้ยินก็คิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดยิ้มๆว่า “ฉันอยากจะเลือกเพื่อตัวเองดูสักครั้งหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น ไม่ใช้นายพูดเหรอ?ว่าเมื่อนายจากไป เวลาโลกนี้ก็จะถูกหยุดไว้”
“เลือกเพื่อตัวเอง?” วู่หยานเงียบไป ทำหน้าครุ่นคิด
“ทำไมนายถึงได้พูดมากจังห๊ะ! หรือนายมีอะไรจะแย้ง?” มิโคโตะกอดอก พูดด้วยความไม่พอใจ “เธอก็พูดแล้วไง ว่าอยากเลือกเพื่อตัวเอง ทำไมนายถึงทำตัวใจแคบแบบนี้!”
“ฉันไม่ได้ใจแคบ…” วู่หยานอยากจะพูดไปมากๆว่า ‘นี่ฉันก็ทำเพื่อเธอนะ’ “ฉันแค่ถามความเห็นของเธอ ไม่ได้ใจแคบสักหน่อย…..”
“ยังจะกล้าจะปฏิเสธอีก….” หน้าผากมิโคโตะเกิดกระแสไฟฟ้าแล่นไปมา “ทีตอนฉันโดนนายอัญเชิญมา ก็ไม่เห็นว่านายจะถามความเห็นของฉันเลย หรือคิดว่าฉันไม่มีพ่อแม่?”
มุมปากวู่หยานบิดเบี้ยว ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ “โอเค ฉันผิดเอง….”
กับความคิดของฮินางิคุ วู่หยานแคร์มาก ต้องรู้ว่า ถ้าท่านประธานไม่ต้องการไปโลกซิลวาเรียกับเขา เขาก็จะไม่บังคับ ถึงแม้วู่หยานจะอยากให้เธอมาอยู่ด้วยมากก็เถอะ
ดังนั้นเมื่อได้ยินฮินางิคุ เขาจึงมีความสุขมาก รู้สึกพอใจมาก
ผู้หญิงคนหนึ่งที่เต็มใจตามคุณไปยันสุดขอบฟ้า ช่างเป็นอะไรที่ ‘โรแมนติก’ มาก….
มองใบหน้ายิ้มแย้มของวู่หยาน ฮินางิคุทำเสียงขึ้นมูกอย่างเย็นชา พูดว่า “แน่นอนว่านี่ไม่ใช้เพื่อนาย ฉันก็แค่จะปกป้องมิโคโตะ!”
“ปกป้องมิโคโตะ?” ใบหน้าวู่หยานแข็งทื่อ ปกป้องมิโคโตะ นี่มันเหตุผลบ้าอะไรวะ อีกฝ่ายเขาเลเวลมากกว่าเธอสองเท่าเลยนะ ยัยบ้า…..
“ปกป้องฉัน?” มิโคโตะก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะตบหน้าอกกระดานของตัวเอง แล้วพูดด้วยสีหน้ามั่นใจสุดๆ “สบายใจได้ ฮินางิคุ ฉันแข็งแกร่งมาก สามารถปกป้องตัวเองได้!”
“ฉันหมายถึงเรื่องนั้น!” ฮินางิคุเดินมากอดแขนมิโคโตะ แล้วพูดว่า “ที่ฉันหมายถึงก็คือ ปกป้องไม่ให้เธอโดนเจ้าโรคจิตนี่ทำมิดีมิร้ายไงล่ะ ถ้าฉันไม่ไปด้วยใครจะรู้ละว่าชายหญิงอยู่กันสองต่อสอง แล้วไอ้โรคจิตตัวพ่อนี่จะทำอะไรกับเธอบ้าง!”
“จะ….จะปะ…เป็นไปได้ยังไง….” มิโคโตะคิ้วกระตุก ก่อนจะหน้าขึ้นสีอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าใจคำพูดฮินางิคุ
วู่หยานเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง มองฮินางิคุแล้วโวยวาย “กล่าวหา กล่าวหาผู้คนแล้ว! ฉันไปเป็นโรคจิตตอนไหนกัน! ฮินางิคุหยุดป้ายสีฉัน….”
“นายยังจะกล้าพูดว่าตัวเองไม่ได้ทำอีกงั้นเหรอ!!” ฮินางิคุกัดฟันขาวเนียนแน่น ด้วยใบหน้าแดงก่ำมองวู่หยาน แล้วพูดอย่างขมขื่นว่า “นะ..นายถอดเสื้อผ้าพวกเราจนหมด มะ..แม้แต่อาบน้ำให้นายยังทำมาแล้วเลย! แล้วยังจะมีอะไรที่นายไม่กล้าทำอีก!”
‘เหตุการในอดีต’ ถูกนำมาพูดอีกครั้ง มิโคโตะหน้าแดงไปทั่วทั้งหน้าทันที มิโคโตะมองค้อนวู่หยาน แล้วพูดว่ “ใช้แล้ว! ฮินางิคุเธอต้องปกป้องฉันนะ! ห้ามปล่อยให้ฉันอยู่สองต่อสองกับอีตานี่เด็ดขาด!”
วู่หยานน้ำตานองหน้า ณ จุดๆนี้ เขาอยากเถียงใจแทบขาดแต่ก็เถียงไม่ออก ใครใช้ให้เขามีประวัติอาชญากรรมล่ะ……
.
.
.
.
.
พวกเขาสามคนใช้เวลาครึ่งวันในการเดินออกมาจากถ้ำ สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นก็คือ แม่อิสึมิที่นั่งอยู่ด้านหน้าเฮลิคอปเตอร์ ด้วยใบหน้าไม่อยากเชื่อ เธอมองพวกวู่หยานทั้งสามคนราวกับว่ากำลังมองผียังไงยังงั้น ปาก็พูดพึมพำว่า “แหม่ตายจริง ทำไมตัวฉันถึงได้ฝันกลางวันแสกๆแบบนี้นะ? แปลกจริง พวกเขาไม่ใช้อิสึมิที่น่ารักของฉันสักหน่อย แล้วทำไมฉันถึงได้ฝันแปลกๆ…..”
ใบหน้าวู่หยาน ฮินางิคุ และมิโคโตะ มีเส้นเลือดปูดขึ้นมา
ขบริมฝีปากอย่างเหนื่อยใจ วู่หยานดึงเอาหยกจักรพรรดิมาตรงหน้าแม่อิสึมิ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณนายซากิโนะมิยะ โชคดีจริงๆที่พวกเราทำสำเร็จ เราเอาหยกจักรพรรดิมาได้แล้ว!”
แต่แม่อิสึมิเมินวู่หยานสนิท ทำราวกับว่าเขาเป็นภาพหลอน ยังพูดพึมพำ ระดับการมองเมินทะลุฟากฟ้า
“คุณนายซากิโนะมิยะ! โชคดีจริงๆที่พวกเราทำสำเร็จ! เราเอาหยกจักรพรรดิกลับมาได้แล้ว!” น้ำเสียงวู่หยานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เสียงเขาเจือปนไปด้วยความไม่พอใจ ทำให้สองสาวสะดุ้ง แต่ก็สามารถปลุกแม่อิสึมิได้
ว่าวู่หยานได้เหรอ? เวลาคุยกับแม่อิสึมิตัวเขาจำเป็นต้องใส่ ‘พลัง’ ลงไปด้วย
แม่อิสึมิมองตราหยกในมือวู่หยาน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “พวกเธอกลับมาได้จริงๆ? ไม่เป็นอะไรกันใช้มั้ย?”
“อืม พวกเราปลอดภัยดี แถมยังช่วยคุณจัดการปีศาจในม่านกักกันจนหมดด้วย ภายหลัยตระกูลคุณจะได้ไม่ต้องมากังวลเรื่องบาเรียนี้อีก” ส่งตราหยกให้แม่อิสึมิ วู่หยานพูดยิ้มๆ
ลูบตราหยกในมือ แม่อิสึมิไม่ได้พูดอะไร แต่ทว่าบนใบหน้าเธอมีแย้มยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุดที่เขาเคยเห็นตั้งแต่ได้รู้จักเธอมา แม่อิสึมิเอาตราหยกมาถูแก้มตัวเอง เธอหลับตาลง ราวกับว่าได้พบสมบัติล้ำค่า
เมื่อเห็นภาพนี้ วู่หยาน ฮินางิคุ และมิโคโตะ ก็ยิ้มออกมา พวกเขารู้ว่าที่เธอมีท่าทางแบบนั้น ไม่ใช้เพราะตระกูล หรือเพราะว่าเป็นมันสมบัติประจำตระกูล แต่เป็นเพราะลูกสาวเธอคนเดียวเท่านั้น เพื่อช่วยเรื่องพลังวิญญาณอิสึมิ
อิสึมิ มีแม่ที่ดีมาก…….
ได้สติกลับมา แม่อิสึมิโค้งคำนับพวกวู่หยานจากใจจริง “ขอบคุณพวกเธอมาก ขอบคุณจริงๆ”
“เอ่อ ไม่ต้องเป็นพิธีมากก็ได้ครับ ผมทำก็เพื่อตัวเอง” วู่หยานเอามือลูบจมูกอย่างลำบากใจ เขาไม่ถนัดรับมือกับอะไรแบบนี้จริงๆ ดังนั้นเขาเลยออกจะทำลวกๆไปหน่อย
แม่อิสึมิพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะหยิบ ‘เศษชิ้นส่วนคริสตัลลึกลับ’ ออกมาจากหน้าอก แล้วค่อยๆส่งให้วู่หยาน “สิ่งนี้ที่วู่หยานคุงต้องการ เชิญรับไปได้เลย ฉันเชื่อว่าวู่หยานคุงสามารถจัดการมันได้แน่!”
รับคริสตัลมา วู่หยานก็จับมันชู่ขึ้นสูง ปิดตาข้างหนึ่งแล้วมองคริสตัล
ภายใต้แสงแดด คริลตัลเปล่งแสงอบอุ่นขึ้นมา ราวกับว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่…….