บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ! - ตอนที่ 13 บทสนทนากับท่านประธาน
สติของเขากำลังดำดิ่งลงไปในระบบ ไม่นานนักวู่หยานก็หาเจอสิ่งที่อยากได้ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเขาก็เข้าว่าทำไมรางวัลของเควส1ถึงได้น้อย เควสมันไม่ได้ยากเลยนี่เอง…..
เขายิ้ม แล้วพูดกับฮินะงิคุ “อืม ฉันจะเข้าโรงเรียนนี้ ถึงแม้ข้อสอบเข้ามันจะยากมาก แต่ฉันคิดว่าฉันทำได้”
เธอขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“อย่าดูถูกข้อสอบเข้าของฮัคคุโอเชียวนะ ถ้านายเข้าก็ได้คะแนนอย่างน้อย65 มีแค่วิธีนี้วิธีเดียวถึงจะเข้าโรงเยนนี้ได้ นายแน่ใจนะ?”
“อืม!ฉันแน่ใจ!” แน่นอนแบบโครตมั่นใจ ถ้าแค่ตัวเขาเฉยๆ แม้แต่10แต้มก็ยังยากเลย แต่เขายังมีระบบ……..
มองดูท่าทางไม่สนใจของวู่หยาน ในใจเธอก็เริ่มสงสัย หรือนายนี่จะเป็นอัฉริยะจริงๆ? ดูไม่เหมือนคนมีความรู้เลยสักนิด แล้วยังพกดาบ โดยรวมยังกับพวกชอบแหกกฎหมายมากว่า
“ในเมื่อนายมั่นใจ ฉันจะพาไปหาอาจารย์เอง แล้วให้เธอจัดการเรื่องการของนายเอง ดีไหม?” ถึงแม้เธอจะดูเข้มงวดมาก แต่ข้างในท่าประธานก็ยังเป็นเด็กสาวอ่อนหวานอยู่ดี เธอเป็นคนที่จะช่วยเหลือคนอื่น แม้ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกก็ตาม…..
“รอเดียวก่อน…” เขาหยุดเธอ
“ฉันคิดว่าฉันต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย ก่อนจะไปทำข้อสอบ”
“หื้อ?” เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อนายมีเรื่องต้องทำ แล้วทำไมไม่จัดการให้เสร็จ ถึงค่อยมาสอบ?
“ไม่เป็นไร ในเมื่อนายมีเรื่องเร่งด่วนก็ไปทำก่อนได้เลย ข้อสอบสามารถมาทำได้ตลอดเวลา เพราะว่ามันไม่ค่อยมีคนมาสอบบ่อยนัก มันไม่แปลกเลยถ้าจะไม่มีคนมาสอบเข้าทั้งปี ดังนั่นเวลานายมีใช้พอแน่นอน”
“เอ่อ มันใช้เวลาไม่นานหรอก ประมาณชั่วโมงนึงก็พอแล้วละ แล้วก็ฉันมีเรื่องที่อยากให้เธอช่วยอยู่นะ”
เขายกมือมาลูบจมูกไปมา เขาเดาได้เลยว่าถ้าเขาบอกเรื่องที่จะให้เธอช่วยออกไป เธอต้องมองเขาแปลกๆแน่
ฮินะงิคุ ยิ้ม แล้วพูดว่า“มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยงั้นเหรอ? ไม่ต้องเกรงใจนะ เห็นอย่างนี้ แต่ฉันก็ถึงเป็นประธานนักเรียนโรงเรียนฮาคุโอแห่งนี้นะ”
เหอะ เหอะ ฉันรู้อยู่แล้ว่าเธอเป็นKaichou sama รู้ตั้งแต่ตอนเธอ ‘เกิด’ เลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นฉันไม่จำเป็นต้องให้เธอมาเตือนหรอก…..
ในใจเขาตบมุข วู่หยานพูดอย่างลำบากใจ “เธอ…เธอช่วยยืมหนังสือมาให้ฉันสักหน่อยได้ไหม?”
ฮินะงิคุได้ยินก็จ้องหน้าวู่หยาน ใบหน้าของเธอไม่แสดงว่าแปลกใจหรือสงสัยเลย กลับกันเธอยิ้มให้เขา แล้วพูดว่า
“จริงๆถ้านายไม่มั่นใจ นายก็สามารถกลับบ้านไปทบทวนสักสามสี่วันก็ได้ ไม่เห็นต้องทำท่าทางกระวนกระวายเลย”
เชีย เธอดันคิดว่าเขากำลังขอทวนหนังสือเอานาทีสุดท้าย……..
“ไม่จำเป็น แค่เอาหนังสือมาให้ฉันยืมสักชั่วโมงก็พอ ยิ่งไปกว่านั่น ต่อให้ฉันกลับบ้านไปฉันก็ไม่มีหนังสือให้อ่านอยู่ดี”
“ไม่มีหนังสือ!!” เธอมองเขายังกับกำลังมองดูไดโนเสาร์อยู่ เขาไม่แปลกใจกับท่าทางโอเวอร์ของเธอเพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามันออกเป็นแบบนี้
เธอเริ่มสงสัย เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
“ไม่มีหนังสือ หรือก็คือนายไม่ได้อ่านหนังสือมา? ไม่ได้อ่านแล้วนายจะทำข้อสอบยังไง!”
“ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เพราะงั้น……”
“นี้นายกำลังดูถูกข้อสอบเข้าโรงเรียนฮัคคุโอ?” ตอนนี้ฮินะงิคุโกรธแล้ว ที่นี่คือโรงเรียนอันทรงเกียรติ มาตรฐานการรับเข้าก็สูง แค่ดูจากความต้องการ65คะแนนก็เห็นความโหดของมันแล้ว
และตอนนี้ มีใครบางคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อนเลย พูดจาที่ทั้ง ‘หยิ่งและอวดดี’ ว่าสามารถสอบผ่านด้วยการอ่านหนังสือหนึ่งชั่วโมง ถ้านี่ไม่ใช้มุขตลก งั้นก็กำลังดูถูกฮัคคุโออยู่แน่นอน
ในฐานะที่เป็นประธานนักเรียนโรงเรียนฮัคคุโอ การที่มีคนมาดูถูกโรงเรียนของเธอต่อหน้า แต่เธอแค่โกรธนิดหน่อย ก็เก่งมากแล้ว
เห็นฮินะงิคุที่ดูท่าจะโกรธจริงๆ ในใจวู่หยานก็เริ่มกลัวหน่อยๆ ความโกรธของคัตสึระ ฮินะกิคุ ไม่ใช้อะไรที่คนธรรมาจะต้านทานได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เขาไม่มีหนังสืออ่าน ก็ไม่ต้องพูดถึงการไปสอบให้ขายหน้าเลย
“อึก…ธะ…เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้ดูถูกโรงเรียนนี้นะ ไม่งั้นฉันจะมาสมัคเรียนที่นี่ทำไมละ? ฉันก็แค่มีความมั่นใจกับที่พูดไป” วู่หยานทำได้แค่อธิบายแบบนี้
“มั่นใจ? หรือก็คือนายจะบอกว่าสามารถสอบผ่านได้ด้วยการอ่านหนังสือหนึ่งชั่วโมง ทั้งๆทีก่อนหน้านี้ไม่ได้อ่านมาเลย?” ฮินะงิคุ อยากหัวเราะออกมาดังๆ แต่มันจะดูไม่ดี เธอจึงเม้มปากแล้วหรี่ตามองวู่หยาน
นี่กำลังดูถูกกันอยู่ใช้ไหม เธอกำลังดูถูกฉันแน่ๆ!
แม้ว่าเขาจะอยากตบมุขมาก แต่คนที่จะโดนตอกกลับมาก็คงเป็นเขา ดังนั่นเขาจึงทำแค่พยักอย่างอ่อนแรง
“หึ!” ฮินะงิคุทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดว่า “นายกำลังล้อฉันเล่น?”
ในใจวู่หยานถอนหายใจ ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าการที่จะเข้าโรงเรียนได้นี่มันไม่ง่ายเลย ตอนแรกก็ยังต้องฝ่าคนเฝ้าประตูมา นี่ระบบมันจะไม่เพิ่มรางวัลสักหน่อยเลยเหรอ?
เขาคิดในใจแปปนึง วู่หยานก็กรอกตาไปมา แล้วพูดยิ้มๆใส่เธอว่า “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เชื่อว่าฉันจะสามารถสอบเข้าได้”
“ใช้!” เห็น ฮินะงิคุ ที่ตอบกลับทันทีอย่างไม่ลังเลสักนิด ใบหน้าวู่หยานกระตุก
เขากระแอมใอสองครั้ง แล้วชูนิ้วขึ้นมา
“ถ้างั้น ทำไมเราไม่มาพนันกัน?”
“พนัน?” เธอมองเขาอย่างงง
“เราจะพนันกันเรื่องอะไร?”
“พนันว่า ฉันจะสามารถสอบได้ไหมหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ฟังดูเป็นไง?”
เธอยกคิ้วขึ้นมองไปที่หน้าซึ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอเริ่มลังเล
หรือว่าจะเป็นอย่างนั่นจริงๆ? เขาเป็นอัจฉริยะที่แค่อ่านหนึ่งชั่วโมงก็สามารถสอบผ่านได้?
“นายไม่ได้อ่านหนังสือก่อนมาสอบแน่นะ?” เธอถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“จริงแท้แน่นอน!!” วู่หยานไม่เคยอ่านมาก่อน แม้แต่ตอนสอบของโลกก่อน ดังนั่นนับประสาอะไรการอ่านหนังสือญี่ปุ่น ถ้าไม่มีระบบ เขาก็คงไม่เข้าแม้หน้าปกของหนังสือ แต่ก็ไม่ใช้ว่าเขาจะไม่รู้เลย อย่างน้อยๆเขาก็รู้บ้างบางคำเช่น ยาเมเตะคุดะไซ…….
มองดูฮินะงิคที่กำลังใช้ความคิด วู่หยานก็กระตุ้นเข้าไปว่า “มีอะไร?หรือว่าจะกลัว?”
“..คะ…..ใครกลัวกัน!! ได้! พนันก็พนัน!” กับตัวเธอในโหมดแข่งขันนี้ไม่มีใครสามารถทำให้เธอยอมถอนคำพูดได้ แม้ว่าเอาวัวมาฉุดก็ตาม วู่หยานซึ่งคุ้นเคยกันนิสัยของสาว2D ทำไมเขาจะไม่เข้าใจละ?…..
“พูดมา จะเดิมพันกันด้วยอะไร!”
มองดูเธอที่ทำสีหน้าแน่วแน่ เขาก็หัวเราะคิกคักในใจ ส่วนสีหน้าเขาก็….เอ่อ…ก็ยิ้มเหมือนกัน
“ฉันก็ไม่รู้ งั้นเอางี้ป่ะละ ถ้าใครแพ้ก็ให้ทำตามคำสั่งของผู้ชนะ ฟังดูเป็นไง?”
ในที่สุดเขาก็เผยความคิดชั่วๆในหัวออกมา แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะคิดว่าเขาเป็นคนดีดุจพระ….
“ได้!เอาตามนี้แหละ!!”
แล้วตอนนี้ ท่านประธาน ก็ได้กระโดดลงหลุมที่ซึ่งลึกจนเธอไม่สามารถปีนออกมาได้อีกตลอดทั้งชีวิต……..
……………………………..
ข้างในห้องสภานักเรียน ตรงที่นั่งประจำของฮินะงิคุ ได้มีแขกที่ไม่ได้เชิญนั่งอยู่ราวกับเป็นที่ของตัวเอง ถึงแม้ฮินะงิคุจะไม่พอใจ แต่เธอจะทำอะไร? ในเมื่อเธอเป็นคนพาเขามาที่นี่ และยังพูดกับเขาว่า ‘อยากนั่งตรงไหนก็เชิญเลย’
“อ่ะนี่ เอาไป นี่เป็นหนังสือทั้งหมด” เธอวางหนังสือเล่มสุดท้ายตรงหน้าวู่หยาน แล้วเธอก็ยืนเท้าสะเอว เธอตัดสินใจที่จะเฝ้ามองดูชายคนนี่ตลอด1ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเล่นสกปรก
มองไปที่กองหนังสือซึ่งแต่ละเล่มแทบจะหนาพอๆกับพจนานุกรม วู่หยานก็ยกคิ้วขึ้น
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในเนื้อเรื่องเดิม ฮายาเตะถึงจะเป็นจะตายตอนอ่านหนังสือ ข้อสอบพวกนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกทำขึ้นมาเพื่อคนทั่วไป มันแม้กระทั้งอยากกว่าของประเทศจีน ถ้าเขาไม่มีอาวุธลับอย่างระบบช่วย เขาก็คงไม่สามารถออกจากโลกนี้ได้อีกตลอดชีวิต……..
คัตสึระ ฮินะงิคุ (LV18)
มองไปที่ข้อมูลของเธอ เขาช่วยไม่ได้ที่จะแอบกลืนน้ำลาย พวกเธอทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันจริงๆ ทั้งคู่ต่างก็เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่คนนึงกลับLV15และอีกคนก็LV18 แรงค์2ทั้งคู่ ถ้าทั้งสองคนถูกพาไปซิลวาเรีย คงถูกผู้คนให้ฉายาว่าสาวน้อยที่มีพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดเลยละมั้ง?
แต่ยังไงวู่หยานก็รู้ถึงพลังของเธอดี เพราะในเนื้อเรื่องหลัก ฮินะงิคุใช้แค่ดาบกฌสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ได้ เพราะงั้น แม้จะเห็นเลเวลเธอ เขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจ
เปิดรายการของระบบ ที่เขากล้าทำต่อหน้าเธอ เพราะไม่มีใครนอกจากเขาที่สามารถเห็นได้ และเขาเองก็ไม่ได้ใช้มือจิ้มแต่ใช้ใจควบคุมเอา มันไม่ใช้เรื่องใหญ่อะไร สามารถพูดได้ว่าเขาเป็นผุ้เชี่ยวชาญด้านการโกงต่อหน้าตอตาโดยไม่ต้องแอบทำเหมือนคนอื่น
เข้าไปที่รายการ ความสามารถ(abilities) เลือกหมวดสกิล หลังจากค้นหาไปแปปนึง ดวงตาก็เขาก็จ้องไปที่หนึ่งในสกิลเหล่านี้
ความทรงจำสมบูรณ์ : จดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นได้ในพริบตา ; 10,000Ap
กดเลือกไป แล้วเขาก็รู้สึกว่าหัวโล่งสบายกว่าเดิม ก่อนหน้านี้อะไรที่จำได้แค่ลางๆหรือลืมไปแล้วก็กลายเป็นเคลียร์หมดราวกับว่าเขากำลังนั่งดูอัลบั้ม มองดูภาพพวกนี้เปลี่ยนไปมา แล้วก็สลักลึกลงไปในสมองเขา
ความทรงจำเขากลายเป็นดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ วู่หยานนึกทุกอย่างในหัว จากนั่นเขาก็ทำสีหน้าแปลกๆออกมา
หลังจากความทรงจำหลายๆอย่างในตอนเด็กถูกเรียกคืน วู่หยานก็พบว่าตัวเขาเมื่อก่อน ได้ทำอะไรโง่ๆและน่าอายเต็มไปหมด
“ทำไมนายถึงไม่อ่านสักที หรือยอมแพ้ละ?”
เธอพูดเหน็บใส่ เมื่อเห็นเขายังไม่จับหนังสือแต่กับทำสีหน้าแปลกๆ
“เปล่าๆ จะเริ่มเดียวนี้แหละ”
ด้วย ความทรงจำสมบูรณ์ ก็เหมือนเขาสอบผ่านไปแล้ว เขาเปิดหนังสือแล้วมองมันทีละหน้าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามองได้ถูกบันทึกในสมองเขา มันใช้เวลาไม่นานเขาก็อ่านหนังสือหมดเล่ม
“เฮ้ นายเรียกนี้ว่าอ่าน? นายสามารถจำเนื้อหาได้ด้วยการทำแบบนี้จริงๆ?”
มันใช้แค่5นาทีและเขาก็อ่านหนังสือเล่มหนาๆหมด ถ้ามีใครมาบอกเธอว่าเขาจำทั้งหมดได้ เธอก็ไม่มีทางเชื่อแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม
น่าเสียดาย สาวน้อย คู่พนันของเธอไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกับเธอ ที่พูดได้ก็แค่ สาวน้อยเธอช่างซวยจริงๆ………….
“รอไป” วู่หยานยิ้มให้ฮินะงิคุแล้วก้มหน้าอ่านต่อไป
ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงไม่รู้ตัวนะ ว่าการเรียนมันง่ายขนาดนี้?
นี้คือความคิดไร้ยางอายหลังจากที่เชาได้โกงไปโดยใช้แต้มและได้สกิล…….
ได้ยินวู่หยานพูด ฮินะงิคุก็เปล่งเสียงขึ้นจมูกดัง ‘ฮึ’ แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง…
ในห้องสภานักเรียน มีแต่เสียงที่เปิดหนังสือไปมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั่นสักพัก เธอก็ทำลายความเงียบนี่
“ใช้แล้ว ฉันยังไม่รู้ชื่อนายเลย”
มือที่กำลังเปิดหนังสือแข็งค้าง ในใจเขารู้สึกอยากร้องไห้ เพราะตัวเขาเองก็ลืมบอกไปเหมือนกัน….
“ฉันชื่อวู่หยาน”
“วู่หยาน? เป็นชื่อที่แปลกจังนะ นั่นเป็นชื่อต้นนายหรือเป็นนามสกุล?” เธอเอียงคอแล้วเอามือจับแก้มอย่างสงสัย (Fปกติติชื่อคนจีนจะมีแค่เสียงเดียวนะครับ ต่างจากของญี่ปุ่น ลองสังเกตุกันดู)
“เอ่อ มันชื่อเต็มๆ ถ้านามสกุลฉันเดาว่าน่าจะเป็น วู่” วู่หนานเอามือลูบหัวตัวเองอย่างเงอะงะ
“นามสกุลนายคือ ว่ เหรอ? เป็นชื่อที่แปลกดีนะ มันแค่อักขระเดียวเอง”
“คนจีนก็เป็นแบบนี้แหละ ที่นามสกุลมีแค่หนึ่งอักขระ มันหายากมากที่จะเห็นชื่อใครมีสองอักขระ”
“นี้นายเป็นคนจีน?” ฮินะงิคุ จ้องวู่หยานอย่างสงสัย ไม่คิดเลยว่าเรากำลังคุยกับคนต่างชาติอยู่
“ฉันเป็นคนจีน!”
.