[นิยายแปล] I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 8
8. โจรสลัดอวกาศ
อีกไม่นานชั้นก็จะอายุ 50ปีแล้ว ซึ่งก็ใกล้จะเป็นผู้ใหญ่ในโลกนี้แล้วละนะ
ชั้นที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในคฤหาสน์มาเกือบทั้งชีวิตก็ ฉุกคิดขึ้นมาได้
“กลับมาเกิดใหม่ในโลกที่เหมือนหนัง SF ดันเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์ ไม่คิดว่ามันจะไม่เฮลตี้กับร่างกายไปหน่อยเรอะ”
ณ ห้องทำงาน
อามากิที่ช่วยชั้นจัดเอกสารต่างๆเหมือนปรกติก็ตอบกลับมาแบบเฉยเมยเรื่องที่ชั้นเพิ่งจะบอกว่าเป็นผู้กลับชาติมาเกิดไป … ช่างเป็นเมดที่น่าสะพรึงอะไรเช่นนี้
“ชั้นไม่คิดเช่นนั้นค่ะ การออกกำลังในคฤหาสน์ก็ทำได้ค่ะ ยิ่งสามารถรับรองความปลอดภัยของนายท่านได้อีกด้วย กลับกันออกไปโดยไม่บอกอะไรเลยมันจะลำบากคนอื่นเอานะคะ”
นี้ยังโกรธเรื่องที่ชั้นแอบออกไปหลีสาวคราวก่อนอีกเหรอ
กะออกไปจีบสาว แล้วจะเอาคนคุ้มกันไปเพื่อ
นี้จะต้องไปจีบทั้งๆที่มีทหารยืนคุ้มหัวเรอะ
ไอ้วายร้ายที่ชั้นมุ่งอยากเป็นนะมันต้องแบบพวกที่เมาหัวราน้ำ แล้วก็ฟันสาวไปทั่ว…แล้วต้องทำอะไรอีกหว่า
อีเรื่องกินเหล้าเนี้ยร่างเป็นเด็กอยู่แบบนี้กินก็รู้สึกผิดอีก ไม่พอมันก็ไม่ได้รสดีอะไรเลยสักกะนิด
เรื่องผู้หญิงถึงไม่ต้องไปหา ก็มีสาวในอุดมคติอย่างอามากิอยู่แล้วอีก
เดี๋ยวนะ แล้วจะทำไปเพื่อ
“ไม่สิ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ชั้นตั้งใจไว้แล้วว่าจะเริ่มจากการเป็นเคานต์ผู้ชั่วช้า จะมาหยุดด้วยเรื่องแค่นี้ได้ยังไง”
“เช่นนั้นเหรอค่ะ แต่นายท่านพูดว่าอยากเป็นเคานต์ผู้ชั่วร้ายก็ค่อนข้างลำบากใจอยู่นะคะ ถ้างั้นก่อนอื่นนายท่านอยากจะทำอะไรอย่างงั้นเหรอคะ”
“…ทำให้คนในดาวทุกข์ทรมาณ จากการขึ้นภาษีละมั้ง”
“ในระยะสั้นเราจะมีรายได้มากขึ้นก็จริงค่ะ แต่ในระยาวนั้นจะส่งผลลบให้กับเราดังนั้นไม่ขอแนะนำอย่างยิ่งค่ะ ขอให้ลองคิดคำนึงถึงสถานการณ์ภายในดาวให้ดีก่อนแล้วค่อยขึ้นจะดีกว่าค่ะ”
ถ้าเราคำนึงสถานการณ์ดีๆแล้วลดภาษีลงก็จะเพิ่มกำลังซื้อให้คนในดาวได้แล้วมันจะทำให้ในหลายๆกรณีทางเราก็จะเก็บภาษีเยอะขึ้นละนะ
…เดี๋ยวดิไม่ได้หมายถึงทางเศรษฐกิจสักหน่อย
ชั้นอยากเหยีบย่ำพวกที่ต่ำกว่า
ไม่ใช่ฝ่ายที่โดนช่วงชิง แต่เป็นฝ่ายผู้ชนะที่ช่วงชิงทุกอย่าง
“ไม่ใช่เรื่องแบบนั้นสิ ชั้นอยากแบ่งอำนาจแล้วช่วงชิงจากพวกชาวเมืองต่างหาก”
ใช่แล้ว
ชั้นคือฝ่ายช่วงชิง ส่วนพวกคนในดาวคือฝ่ายถูกช่วงชิง
ภาษีอะไรนั่นช่างหัวมันสิ
“งั้นก็มาเริ่มจากหาสาวงามในเมืองแล้วก็พาตัวมาเลยดีกว่า พักเรื่องแฟชั่นไว้ก่อนเอาแค่หน้าโดนใจชั้นก็พอ”
ได้ยินแผนของชั้นเสร็จอามากิก็ตอบกลับมาทันที
“ทุกคนที่ทำงานในคฤหาสน์นอกจากฝ่ายช่างเทคนิคแล้วต่างเลือกตามรสนิยมของนายท่านทั้งหมดนะคะ รวมไปถึงเป็นคนในพื้นที่ทั้งหมดด้วยค่ะ”
จะว่าไปก็ใช่
ก็เคยคิดว่าคนงานในคฤหาสน์นี้มันมีแต่หนุ่มหล่อ สาวสวยกันหมด
หรือนี่อามากิมองความคิดชั้นออกงั้นเรอะ
“จะให้เลือกคนใช้ที่เหมาะสมมามาเป็นคู่ของนายท่านไหมละคะ”
“ไม่ละ อยู่ๆก็รู้สึกไม่มีอารมณ์ละ…เดี๋ยวนะนี้ชั้นยุ่งกับคนใช้ตัวเองได้เรอะ”
“ที่เลือกคนตรงกับรสนิยมนายท่านก็เพื่อการนี้อยู่แล้วค่ะ หรือถ้านายท่านชอบผู้ชายก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน”
“–ขอผ่าน”
นี้คุณเธอคิดว่าชั้นชอบผู้ชายได้ไงเนี้ย
แล้วอีกอย่างจะให้ลงมือกับคนที่พร้อมพลีกายให้มันก็ไม่ใช่ไหม
มันต้องมีการขัดขืนสิถึงจะสนุก
“ถ้างั้นเปลี่ยนไปพาพวกนักแสดง คนดังในดาวมาเล่นคลายเครียด บังคับพวกที่ไม่อยากมาให้มานี่แหละเลวแน่นอน”
“นายท่านค่ะด้านการบันเทิงของดาวเรายังอยู่ในช่วงบุกเบิกค่ะ ชั้นคิดว่ามีคนที่มีฝีมือโดดเด่นยังไม่น่าจะมี อีกอย่างถ้านายท่านเรียกชั้นคิดว่าทุกคนจะเต็มใจมากันหมดนะคะหรือท่านต้องการเรียกนักแสดงจากดาวอื่นไหมคะ”
ดาวอื่นที่ว่านี่เขตปกครองอื่นอะนะ
“ไม่เอา ชั้นอยากโดนปฏิบัติเยี่ยงราชาจากคนในดาวตัวเอง คนนอกมันจะมาเคารพอะไรชั้น”
อำนาจชั้นมันมีแค่ในเขตตัวเองดังนั้นความคิดนี้ไม่ผ่านอย่างแรง
ไว้มีอำนาจกว่านี้แล้วจะคิดอีกที
“ได้โปรดวางใจเถอะค่ะ นายท่านเป็นถึงผู้นำตระกูลบลันฟิลด์ ที่ครอบครองทั้งกาแล็กซี่…ไม่สิขออภัยค่ะ เป็นผู้ที่ครอบครองดาวทั้งดวงเลยนะคะ”
ไม่เอา ไม่เอาอ่ะ ถึงจะจริงก็เถอะ
แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี้เธอเปลี่ยนคำพูดใช่…ก็ใช่นะสิ ไอ้ชั้นนะมันไม่ได้ครองกาแล็กซี่นี้หว่า มีปัญญาครองได้อยู่แค่ดาวเล็กๆดาวเดียวเอง
มันไม่ใช่ความผิดชั้นด้วย พวกพ่อกับปู่ต่างหาก
บ้าเอ้ย ไม่นึกเลยหนทางการเป็นจอมวายร้ายมันจะยากลำบากถึงเพียงนี้
แล้วอามากิก็ชี้ปัญหาหนักสุดให้ชั้นฟังอีกครั้ง
“อย่าลืมว่าทางเรายังติดปัญหาหนี้ก้อนโตอีกนะคะ”
นั่นสิน้า ไอ้ปัญหาหนี้เรื้อรัง
ดาวจะพัฒนาขนาดไหนได้เงินเพิ่มแค่ไหน ถ้ายังติดหนี้อยู่ก็ทำอะไรตามใจไม่ได้อีก
ถ้าทำเป็นเมินมันยิ่งจะแย่ขึ้นไปหนักกว่าเก่าอีกต่างหาก
เพราะถ้าคืนหนี้ช้าเดี๋ยวก็ได้มีพวกถวงหนี้มาเคาะประตูถึงหน้าดาว
—ชั้นยังนึกถึงความหลังฝั่งใจชาติก่อนได้ดีเลย
“บ้าชิบ มันจะไม่มีทางง่ายๆแก้ไอ้ปัญหาหนี้เรื้อรังบ้าๆนี้ได้เลยรึไง”
“เรื่องแบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ มาทำให้การเงินของเรามั่นคงเพื่อใช้หนี้เรื่อยๆ เพื่อถ้าทางนั้นเห็นความจริงใจของเราแล้ว—”
ทันใดนั้นก็มีสายฉุกเฉินดังขึ้นมา
จาก พ่อบ้านไบรอัน
“หายากนะ ไม่ใช่ว่าปรกติเวลามีเรื่องอะไรเขาก็จะมาที่ห้องทำงานโดยตรงเลยไม่ใช่รึไงกัน”
พอชั้นกดรับสายภาพของพ่อบ้านไบรอันก็ฉายขึ้นมา
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับท่านเลียม พะ พะ พวกโจรสลัด พวกมันส่งสารประกาศสงครามกับตระกูลบลันฟิลด์ของเรามาครับ”
…เป็นโจรสลัดแท้ๆดันมีมารยาทซะด้วย
***
ตึกที่ใช้สำหรับงานราชการของเขตชั้นนะค่อนข้างจะเป็นตึกระฟ้าที่สูงน่าดู
คนที่ทำงานบริหารเขตนี้หลายๆคนก็ประจำการกันอยู่ที่นี่ด้วย ส่วนชั้นนั้นไม่ค่อยจะได้มานักหรอก
ไอ้ชั้นมันเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดยังไงล่ะจะมาเองทำไม โดยปรกติถ้ามันมีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆก็ส่งคนมาแทนเอา
แต่ปัญหาครั้งนี้นะใช่ว่าแค่คุยกันก็จบซะด้วย
พวกคนสำคัญในเขตก็มารวมกันหมดในห้องประชุม โดยกำลังถกเรื่องที่พวกสลัดอวกาศมันประกาศสงครามแล้วก็ข้อเรียกร้องของพวกมันกันอย่างเร่าร้อน
คนใส่สูทเอาตากวาดเนื้อหาที่พวกนั้นส่งมาแล้วลุกขึ้นอ่าน
“พวกโจรสลัดเรียกร้องให้เราส่งทรัพยากรแล้วก็ตัวประกันโดยจำกัดว่าต้องเป็นสาวสวยอย่างเดียวเท่านั้นครับ”
ชั้นมองดูที่รายชื่อแร่ที่พวกมันเรียกร้อง ซึ่งอยู่ในปริมาณที่เว่อร์เกินจะหามาได้มาก
ส่วนตัวประกันก็เอาแต่สาวสวยเรอะ…
–แม่งโคตรหงุดหงิด
ทำไมต้องส่งสิ่งที่เป็นของชั้นไปให้พวกมันด้วย
คนที่อยู่ที่นี่นั้นยังรวมไปถึงพวกทหารด้วย
“ท่านเคานต์ ทางเราควรจะเตรียมการเจรจากับพวกโจรสลัดหรือว่าจะเตรียมพร้อมรบดีครับ”
ทหารที่ถามชั้นดูเหมือนจะเริ่มรำคาญกับพวกฝ่ายบริหารที่ดูจะเถียงกันจนเรื่องไม่เดิน
“แต่อีกฝ่ายเป็นโจรสลัดที่มีค่าหัวอย่างโกอาซเลยนะ”
เป็นจอมโจรสลัดที่มีค่าหัวเป็นเงินที่มหาศาลด้วย
หรือก็คือถ้าเราสามารถโค่นกองเรือของมันได้ เราก็จะได้เงินกลับมาอย่างมหาศาล
ที่นี้ชั้นจะเลือกทางไหนดีละ
“มันมีหนทางชนะด้วยรึไง ถึงเราจะระดมกำลังพลทั้งหมดของตระกูลบลันฟิลด์ยังนับเรือรบได้แค่ 8พันลำ เทียบกับโกอาซแล้วฝั่งนั้นมันมีถึง 3หมื่นลำเลยนะ”
“จำนวนไม่ใช่ทั้งหมดซักหน่อย ยังมีเรื่องคุณภาพของยุทโธปกรณ์อยู่นะแล้วจะให้เรายอมแพ้โดยไม่ทำอะไรเลยงั้นเรอะ ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประชากรของเราละ”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ไม่ใช่ว่าเราแค่หาทางหนีกันไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไอ้คนนั้น แกพูดบ้าอะไรของแกออกมา”
ชั้นกำลังดูค่าหัวของโกอาซระหว่างที่ฝ่ายบริหารกับฝ่ายทหารตีกันอยู่
สำหรับจ้าวครองดาวอย่างชั้นมันก็ไม่นับว่าเป็นจำวนที่เยอะนัก
ก็นับว่าเป็นจำนวนที่ยากจะเมินหน้าหนี แต่ก็ใช่ว่ามันจะทำให้ชั้นรวยในทันทีถ้าได้มา
อยู่ในระดับค่อนค้างเยอะแหละ
–และในตอนนั้นเอง
ทุกๆอย่างรอบตัวชั้นก็เงียบลงทันทีแล้วพอชั้นเงิยหน้าขึ้นมามองสภาพรอบตัวชั้นมันก็เกิดภาพประหลาดๆขึ้น
เมื่อกี้ยังเถียงกันจะเป็นจะตายแต่ตอนนี้กลับไม่แม้แต่ขยับกันสักกะนิด
ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่กับที
“…เกิดอะไรขึ้น”
มันดูเหมือนเวลาถูกหยุดยังงั้นแหละ
แล้วตอนนั้นเองชั้นก็ได้ยินเสียงที่ไม่ได้ยินมานาน
“เอาละครับทีนี้เราก็น่าจะพอมีเวลานิดหน่อยมาคุยกันแล้วนะครับ ถึงจะกินแรงมากไปหน่อยแต่ ไม่ได้พบกันนาน มากแล้วยะครับในโลกนี้คุณชื่อว่า เลียม สินะครับ”
ชั้นหันหลังกลับไปก็พบกับผู้นำทางยืนอยู่ตรงหน้าชั้น
“ก็นานจริงนั่นแหละแต่ช่างมันก่อนนี้มันหมายความว่าไง ทำไมพวกโจรสลัดถึงมาบุกที่นี่กัน”
ไม่ใช่สัญญาว่าจะให้ชั้นมีชีวิตที่เป็นสุขรึไง
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพอเดาได้ว่าชั้นสื่ออะไรแล้วก็ตอบกลับมา
“แหมคุณเลียมครับดูเหมือนคุณจะเข้าใจสถานการณ์ผิดไปหน่อยนะครับ นี่นะเป็นของขวัญให้คุณต่างหากครับ”
“ของขวัญเหรอ”
“ใช่แล้วละครับ กระผมได้ข่าวว่าคุณกำลังจะเป็นผู้ใหญ่ในโลกนี้ในอีกไม่นานใช่ไหมละครับ ก่อนที่จะเป็นเช่นนั้นกระผมก็อยากจะมอบของขวัญชิ้นสุดท้ายก่อนคุณจะเปิดตัวในโลกของขุนนางอย่างเต็มตัวยังไงละครับ เพราะดูเหมือนคุณจะมีหนี้ก้อนโตติดตัวอยู่ใช่ไหมละครับ”
ชั้นได้แต่ตอบกลับไปแบบเซ็งๆ
“ก็ใช่ ยังต้องจ่ายมันยันทุกวันนี้เนี้ย”
“นั่นไงละครับ กระผมเลยทำการชักนำให้โจรสลัดที่มีค่าหัวราวขุมสมบัติมาเยือนดาวคุณยังไงละครับ คุณเลียม ถ้าคุณจัดการพวกเขาได้ละก็ทุกๆอย่างก็จะตกเป็นของคุณยังไงละครับ”
“เพื่อชั้นงั้นเรอะ”
ผู้นำทางเดินใกล้เข้ามาพลางกุมมือชั้นไว้
“ใช่แล้วครับเพียงแค่คุณจัดการพวกเขาได้ คุณก็จะได้ทั้งชื่อเสียงเงินทอง เพราะผู้นำโจรสลัดนี้มีค่าหัวมหาศาลยังไงละครับ เป็นไงละของขวัญสุดพิเศษของกระผม”
“-แบบนั้นเองสินะ”
พอชั้นเริ่มยิ้ม ผู้นำทางก็ยิ้มตอบ
“ขอบคุณที่เข้าใจกันนะครับคุณเลียม เพียงเท่านี้บริการหลังการขายของกระผมก็สิ้นสุดแล้ว ถึงเวลาจากลากันจริงๆแล้วละครับ”
พอเขาถอดหมวกพร้อมโค้งคำนับให้อยู่ๆประตูก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา
ถึงเขาจะถอดหมวกออกแต่ชั้นก็ยังไม่เห็นอะไรบนหน้าเขานอกจากปากอยู่ดี
ชั้นก็โค้งตอบเขา
“ขอบคุณมากๆเลยสำหรับทุกอย่าง”
พร้อมคำขอบคุณ
ชั้นรู้สึกว่ารอยยิ้มเขาจะหายไปสักแว๊ปนึงก็เถอะแต่ก็กลับมายิ้มในทันที
“ไม่เป็นไรครับมันถือเป็นงานของกระผมนะครับ”
-พอผู้นำทางหายเข้าไปในประตูนั้น ตัวประตูก็หายไป
แล้วพอประตูหายไป เสียงโหวกเหวกก็ดังกลับมาทันที
แล้วชั้นก็ยืนให้ทุกคนเห็นได้เด่นชัด
สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่ชั้น
“โอกาศมาอยู่ตรงหน้าแบบนี้แล้วถ้าเราเริ่มจู่โจมก่อนจะได้เปรียบ ดังนั้นเริ่มเตรียมการรบได้”
ฝ่ายทหารพูดไม่ออก
ฝ่ายบริหารก็เช่นกัน
“ท่านเคานต์นั่นค่อนข้างจะบ้าบิ่นไปนะครับ คู่ต่อสู้เป็นโจรสลัดที่เรื่องชื่อมากเลยนะครับ อัศวินหลากหลายนายโดนเขาสังหาารมานักต่อนักแล้วนะครับ แล้วตระกูลบลันฟิลด์ของเรายังไม่มีอัศวินอยู่เลยนะครับ”
ชั้นไม่มีบริวารจากรุ่นก่อนๆหน้ารับใช้อยู่เลย
แล้วถึงจะมีก็ใช่ว่าจะการันตีว่าผลลัพธ์จะเปรียบไปแบบเห็นได้ชัด
แต่นั่นนะไม่ใช่ปัญหา
ถ้าผู้นำทางได้วางทุกอย่างไว้ให้ชั้นแล้วละก็ไม่มีทางแพ้แน่นอน
“ใครจะไปสนเรื่องพันธ์นั้นกันละ ชั้นตัดสินใจแล้วว่าจะสู้ดังนั้นเลิกบ่นแล้วไปเตรียมการรบได้แล้ว”
ฝ่ายบริหารดูมีอะไรอยากพูดกันอยู่แต่เลือกที่จะเงียบไว้เพราะดูเหมือนจะยังจำเรื่องที่ชั้นล้างบางพวกคนในฝ่ายนี้กันได้อยู่ละนะ
ใช่แล้วหุบปากแล้วทำตามที่ชั้นสั่งไปก็พอ
พวกที่ทำตามชั้น ชั้นก็ดีตอบ
ส่วนพวกที่ไม่ ชั้นก็ร้ายตอบ
“ศึกนี้เราจะใช้กำลังทุกอย่างที่เรามี ดังนั้นให้คนไปเริ่มขนย้ายอาร์วิดไว้ด้วย”
ผู้นำทัพของชั้น-คนที่โดนไล่มาจากทัพหลวงนั่นแหละ ดูจะไม่เห็นด้วยซักเท่าไหร่
“ท่านเคานต์จะออกไปสู้แนวหน้าด้วยงั้นเหรอครับ”
“ใช่ตัดสินใจว่าจะออกไปกับยานลำแรก ไม่ต้องกังวลไปชั้นเชื่อมั่นในตัวทหารของชั้นทุกคนเพราะแบบนั้นมาเริ่มการล่าสลัดอวกาศอันแสนรื่นเริงนี้กันดีกว่า”
มันไม่มีอะไรสนุกไปกว่าเกมที่รู้อยู่แล้วว่าจะชนะแน่ๆละนะ
เพราะพวกสลัดอวกาศพวกนี้มันมาเพื่อเอาสมบัติมากองให้ชั้นยังไงล่ะ
ดังนั้นมันจะเสียมารยาทเกินไปถ้าไม่ต้อนรับให้ดีสักหน่อย
“-เตรียมการรบได้”
***
ทุกวินาทีของไบรอันที่รอยู่ที่คฤหาสน์นั้นเรียกได้ว่าอยู่ไม่สุขเป็นอย่างมาก
อามากิก็เริ่มรายงาน
“ทำการลำเลียงอาร์วิดเรียบร้อยในอีกไม่นานก็จะไปถึงยานที่นายท่านอยู่ค่ะ”
ไบรอันอยู่ในอาการสิ้นหวัง
“อะไรมันจะดวงซวยปานนี้กัน ทั้งๆที่ดาวของเราเริ่มจะกลับมามีชีวิตแล้วแท้ๆแต่พวกโจรสลัดอวกาศดันมาบุกซะอีก”
ถึงสีหน้าอามากิจะไม่เปลี่ยน
แต่ก็พอจะมองออกได้ว่าเธอค่อนข้างเป็นกังวล
“ทางเรายังไม่แพ้ค่ะและการตัดสินใจของนายท่านก็ไม่นับว่าผิดนักเพราะจากข้อมูลที่ได้ทำการรวบรวมมานั้นถึงทางเราจะยอมแพ้ก็เรียกได้ว่าไม่มีผลกับอีกฝั่งอยู่ดีค่ะ”
ไบรอันสั่นหัว
“จบสิ้นแล้ว พวกเราจะทำอะไรได้ละถ้าพวกโจรสลัดนั่นมันบุกเข้ามาด้วยจำนวนมหาศาลพวกนั้น”
ได้มีการติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังเมืองหลวงแล้ว และได้มีการส่งกองกำลังเพื่อตอบโต้โจรสลัดที่บุกรุกมาจากเขตของกองทัพหลวงแล้ว
การตอบกลับเร็วก็จริงแต่กองกำลังที่มาไม่น่าเร็วเท่า
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดดาวดวงนี้ถูกทำลายส่วนกองกำลังที่มาถึงก็จะพบแต่ซากดาวเคราะห์ส่วนพวกโจรสลัดก็เผ่นหนีไปเรียบร้อยแล้ว
ไบรอันได้แต่โอดคราวญ
“ทั้งๆที่ตระกูลบลันฟิลด์นั้นในที่สุด ในที่สุดก็จะเรียกชื่อเสียงเมื่อครั้งก่อนกลับมาได้แล้วแท้ ถ้าแค่ท่านเลียมเกิดมาเร็วกว่านี้สักหนึ่งศตวรรษละก็ดีแท้ๆ”
ไบรอันได้แต่ฝากความหวังไว้ที่เลียมแล้วก็เคียดแค้นพวกโจรสลัด
***
ณ สถานีอวกาศ
มีชายที่กำลังจ้องมองกองยานของตระกูลบลันฟิลด์ทำการเคลื่อนขบวนอยู่
ผู้นำทางนั่นเอง
แม้จะอยู่กลางอวกาศเขาก็ยังสวมชุดเดิมของเขาอยู่
เขายืนหัวเราะอยู่บนยอดของสถานีอวกาศ เมื่อเห็นร่างของเลียมไปพบกับกัปตันของเรื่อง
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะโง่เชื่อขนาดนี้เพราะบอกว่าเป็นของขวัญไปแบบนี้ แหมเอาเถอะครับเพราะแบบนั้นก็เลยยิ่งทำให้มันน่าสนุกขึ้นไปอีก ผมละหวังจริงๆให้เขาโดนจับไปเป็นของเล่นให้ไอ้เจ้านักกล้ามนั่น”
ผู้นำทางนั้นไม่ได้บอกสิ่งสำคัญที่สุดให้เลียมฟัง
นั่นก็คือกองเรือของโกอาซนั้นแข็งแกร่งกว่ากองเรือโจรสลัดทั่วไปหลายขุม
โดยความลับความแข็งแกร่งของโกอาซนั้นอยู่กับตัวเขาตลอดเวลา
นั่นก็คือทรัพยากรที่ไม่มีวันหมดที่คอยเกื้อหนุนกองเรือของเขา
เมื่อทรัพยากรไม่มีวันหมดก็เรียกได้ว่าโกอาซนั้นเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
อุปกรณ์ทุกชิ้นของเขาเรียกได้เลยว่าไม่แพ้พวกรุ่นใหม่ล่าสุดที่ออกมา
ทำให้ในศึกนี้ฝ่ายโจรสลัดที่มีจำนวนเยอะกว่านั้นได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด
“ยิ่งคิดยิ่งขำเลยนะครับให้กับเขาที่เชื่อผมสุดใจขนาดนั้น…แทบรอให้มันเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่สิ้นหวังไม่ไหวเลยละครับ คำขอบคุณที่เปลี่ยนเป็นคำก่นด่าพร้อมกับทุกสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขกลับต้องโดนเผาต่อหน้าต่อตาจนจมดิ่งไปสู่ความเศร้าและสิ้นหวัง แน่นอนผมก็จะสุขสมเป็นอย่างยิ่งเลยละครับ”
ผู้นำทางกำลังเฝ้ารอให้ชีวิตของเลียมนั้นดับสิ้น
และในมุมที่เขามองไม่เห็นนั่นเองแสงสว่างเล็กๆก็มุ่งหน้าไปยังอาร์วิดที่กำลังถูกลำเลียงขึ้นสู่ยานรบ
แสงนั่นพุ่งเข้าไปในอาร์วิดเร็วกว่าที่ผู้นำทางจะทันสังเกตุ
ผู้นำทางที่ไม่รู้สึกถึงแสงนั่นก็เริ่มผายมือออกกว้าง
“คุณจะแสดงโชว์แบบไหนให้ผมได้เห็นละครับคุณเลียม แต่รู้ไว้เลยนะครับว่าใกล้ถึงเวลาที่คุณจะได้รู้ความจริงหลังการเกิดใหม่ของคุณแล้วละครับ”
ทำไมเขาถึงพาเลียมมาที่จักรวาลนี้กัน
ทำไมชีวิตก่อนเขาถึงเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาณกัน
เวลาที่ผู้นำทางรอคอย ช่วงเวลาที่เขาจะได้ส่งมอบความจริงทุกอย่างให้เลียมฟังนั้นใกล้มาถึงแล้ว