[นิยายแปล] I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 7
เจ้านี้ก็ร้ายไม่เบานะอิจิโกยะ
น่าจะเป็นประโยคที่คนหลายคนเคยได้ยินกันมาบ้างละนะ
เพราะถ้าพูดถึงพวกพ่อค้าจอมวายร้ายในยุคก่อนภาพแรกที่เข้ามาเลยก็คือฉากที่มีการพูดประโยคนี้แหละ
อิมเมจแรงจนอาจจะไปสร้างความลำบากให้คนชื่ออิจิโกยะเลยก็ว่าได้
แต่เรื่องนี้ก็เอาไว้เท่านี้ก่อน
ก่อนที่จะเป็นเจ้าเมืองผู้ชั่วร้ายอย่างเต็มตัว ก็ต้องขอแนะนำให้รู้จักอิจิโกยะ…ไม่สิ
ต้องแนะนำพ่อค้าที่ขึ้นตรงกับชั้นกันซะหน่อย
คนร่างท้วม ไว้หนวด ที่มีรูปลักษณ์ราวกับผู้ค้าผู้ชั่วร้ายก็มิปาน ที่นั่งอยู่ตรงหน้าชั้นชื่อ โทมัส เฮนเฟรย์
ก็พอปรับปรุงอาณาเขตที่ใกล้ลงเหวจนเริ่มมีการพัฒนามันขึ้นเขาก็เข้ามาติดต่อขอทำธุรกิจด้วย
เขาเป็นพ่อค้าที่ทำการค้าระหว่างดวงดาว
ถึงตอนแรกจะคิดว่ายุคนี้แล้วยังจะมีพ่อค้าที่ทำธุรกิจระหว่างดาวไปทำไมอีกแต่ก็ต้องขอบอกว่าคิดผิดถนัด
พวกเขานั้นทำการค้าทั้งในและนอกกลุ่มดาวที่ถูกปกครองโดยจักรวรรดิ
หรือก็คือเขาจะเอาของที่หาได้แต่จากดาวนั้นๆมาขายในอาณาเขตของชั้น
รวมถึงในทางตรงข้ามกันก็ด้วย แต่ไม่ใช่แค่นั้นชายตรงหน้านั้นพิเศษกว่าพ่อค้ารายอื่น
เขาเป็นพ่อค้าส่วนตัวของตระกูลชั้นนั่นเอง
หรือพูดได้ว่าเขาเป็นส่วนสำคัญของอาณาเขตของชั้นและตระกูลบลันฟิลด์เลยทีเดียว
แล้วขณะที่เรานั่งประจันหน้ากันโดยมีโต๊ะทรงเตี้ยขวางระหว่างเราชั้นก็เริ่มเปิดการสนธนาที่ทำกันเป็นปรกติ
“ได้เอาเจ้าขนมสีเหลืองทองที่ชั้นชอบมาด้วยใช่ไหม”
โทมัสที่ซับเหงื่อเสร็จก็ยื่นกล่องที่เต็มไปด้วยแท่งทองมาให้ชั้น
“แน่นอนอยู่แล้วครับท่านเคานต์ เชิญเชยชมได้เลยครับ”
พอชั้นหยิบกล่องนั้นขึ้นน้ำหนักที่ส่งผ่านมามันก็ทำให้หน้าชั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เจ้านี้ก็ร้ายไม่บเบานะเอจิโกยะ”
“ท่านเคานต์ผมบอกหลายรอบแล้วพวกเราไม่ได้ชื่ออิจิโกยะนะครับแต่เป็นกลุ่มการค้าเฮนเฟรย์ครับ”
พอการทักทายที่ทำกันประจำเสร็จ ก็ทำให้ชั้นรู้สึกได้เลยว่าเขานี้ช่างเป็นค้าผู้ชั่วร้ายที่เหมาะกับชั้นจริงๆ
พ่อค้าแบบโทมัสนี่แหละที่ชั้นต้องการไว้ข้างกาย
พ่อรับสินบนจากเขาเสร็จก็ได้เวลาฟังคำขอของเขาแล้ว
“แล้วต้องการอะไรล่ะ”
“พวกผมมีแผนที่จะเดินเรือผ่านน่านอวกาศที่มันค่อนข้างอันตรายนะครับเลยอยากจะขอให้กองเรือจากท่านเคานต์ไปช่วยคุ้มกันนะครับ”
เขาอยากจะขอกองเรือของชั้นไปคุ้มกันงั้นเรอะ
อยากจะรู้จริงเลยว่ากำลังเตรียมแผนร้ายอะไรไว้ที่ต้องใช้กองเรือไปช่วยคุ้มกัน
แต่ถ้ามันเป็นประโยชน์ให้ชั้นยังไงก็โอเคนั้นแหละ
“จะไปทำการค้าในที่ที่มันอันตรายงั้นเรอะ”
“ปลายทางนะไม่ครับแต่ระหว่างทางนั้นมีพวกโจรสลัดอวกาศอยู่เยอะนะครับ ไม่พอยังมีรายงานมาเป็นรายวันเลยละครับที่ยานขนส่งของพวกพ่อค้าโดนดักปล้น”
พวกสลัดอวกาศนะคือศูนย์รวมของความน่ารำคาญ
นอกจากจะเป็นพวกน็อตหลุดแล้ว
บ้างก็เป็นพวกทีปล้นอาวุธมากมายเอามาใช้ บ้างก็เป็นพวกทหารหนีทัพ ไม่พอบางคนก็มาเป็นหลังจากโขมยอุปกรณ์ทางทหารมาอีก
ทั้งยังเห็นรับงานของพวกทหารรับจ้างได้อีก เพราะมีประสบการณ์โชกโชน
ขอพูดชัดๆอีกรอบคือเป็นพวกที่โคตรน่ารำคาญ
พอหันสายตาไปหาอามากิที่อยู่ด้านหลังของชั้น ดูเหมือนเธอจะรู้อยู่แล้วว่าชั้นจะต้องการอะไรโดยที่ไม่ต้องพูดเลย
“ถ้าในระยะเวลาประมาณสามเดือน ทางเราสามารถจัดเตรียมยานคุ้มกันได้ 100ลำในทันที แต่ถ้าต้องการมากกว่านั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีระยะเวลาในการเตรียมความพร้อมเสียก่อนค่ะ”
ชั้นเผยยิ้มออกแล้วหันกลับไปทางโทมัส
“ชั้นจะให้ยืมก็ได้แต่ว่า รู้ใช่ไหมว่าต้องมีอะไรกลับคืนนะ หืมโทมัส”
โทมัสนั้นดูโล่งอกแต่ก็แลดูสับสนกับร้อยยิ้มที่แฝงความนัยของชั้นอยู่นิดหน่อย
“อะ อ้อ เข้าใจแล้วครับ เจ้า…ไม่สิครั้งหน้าผมก็จะเตรียมขนมสีเหลืองทองนั้นให้ไม่ขาดแน่นอนครับ”
“เรื่องนั้นก็สำคัญแต่ไม่ใช่ ที่สำคัญกว่านะคือ มันจะทำกำไรให้ชั้นได้ไหม”
ถ้าเขาลังเลแม่แต่นิดเดียวชั้นก็ไม่คิดจะให้ยืมหรอกเพราะมันคงได้ไม่คุ้มเสียกับทางชั้นนะ
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วครับท่านเคานต์”
“ยอดมาก อามากิเริ่มการเตรียมการเดี๋ยวนี้เลย”
“รับทราบค่ะ”
พยายามสร้างเงินให้ชั้นให้เต็มที่ล่ะพ่อเอจิโกยะของชั้น ไม่สิ กลุ่มการค้าเฮนเฟรย์
***
เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ของโทมัสนั้นจอดเทียบท่าอยู่ที่สถานีขนส่งอวกาศที่ถูกสร้างใหม่
หลังจากฝ่าชั้นบรรยากาศมาด้วยลิฟอวกาศ โทมัสก็ผ่านสถาวะไร้แรงโน้มถ่วงเพื่อมุ่งหน้าไปขึ้นยานของตน
ตัวเขานั้นรายล้อมไปด้วยคนงานและผู้คุ้มกันขณะที่เขาเดินขนสัมภาระของตัวเอง
แล้วคนงานคนหนึ่งของเขาก็พูดขึ้นพลางมองไปที่ดาวด้านหลังของพวกเขา
“ดาวของตระกูลบลันฟิลด์นี่พัฒนาขึ้นมากเลยนะครับช่วงนี้ นายน้อย ไม่สิท่านเคานต์คนนั้นทั้งๆที่อายุยังน้อยยังสามารถฟื้นชีพดาวใกล้ตายขึ้นมาได้แบบนี้”
ตอนที่โทมัสนั้นทำการค้าอยู่ก็มีอยู่หลายครั้งที่เขาต้องมาหยุดพักที่ดาวของตระกูลบลันฟิลด์
ถึงจะยังไม่เจริญมากนักแต่ก็พูดได้เลยว่าเป็นดาวที่เห็นการพัฒนาได้อย่างชัดเจนมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
“ใช่เลยล่ะ ถึงเขาจะแปลกไปจากพวกขุนนางที่ชั้นเคยเจอไปหน่อยแต่เขาก็เป็นผู้ปกตรองที่ดีคนหนึ่งเลย”
โทมัสนั้นคิดว่าเด็กชายที่ชอบขอขนมสีเหลืองทองเป็นประจำนั้นเป็นผู้ปกครองที่ดี
และรอบข้างเขาก็ไม่แย้งอีกด้วย
มีก็แต่ความไม่เข้าใจที่ผุดขึ้นเท่านั้นเอง
“แต่ขอทั้งที่ทำไมต้องเป็นทองด้วยละ ก็ไม่ใช่ของหายากในดาวเขาซะด้วยสิ”
ตัวโทมัสเองก็ยังไม่เข้าใจตรงส่วนนี้เหมือนกัน
“อันนั้นชั้นเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นทอง เพราะตอนแรกๆชั้นเคยให้พวกแร่มิทริลหรือพวกหินเวทย์ไปแต่ท่านเคานต์ก็ดูจะไม่ค่อยพอใจ แลท่านจะชอบทองเป็นพิเศษน่ะ”
“ท่านเคานต์แค่ไม่รู้รึเปล่า”
สาเหตุที่เลียมเรียกร้องแต่ทองนั้นก็เพราะเขาคิดว่าทองนั้นเป็นทรัพยากรที่มีค่าและมีราคา
ทำไมเขาถึงคิดแบบนี้นะเหรอนั่นก็เพราะเขายังคิดว่าทองมันหายากเหมือนโลกเก่าของเขานั่นเอง
แต่ในโลกที่เขามาเกิดใหม่นี้นั้นถึงทองจะยังมีราคาอยู่แต่มันมีดาวที่เต็มไปด้วยทองก็ยังมีเลยไม่ใช่ของที่มีค่าและหายากเท่าในโลกก่อนของเขา ดังนั้นแร่ที่มีค่าและหายากกว่าทองนั้นจึงมีอยู่มากมายในโลกที่นี้
ยกตัวอย่างก็เช่นแร่มิทริลนั้นเอง
เป็นแร่เงินชนิดหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธื์ จึงนับได้ว่าเป็นแร่ที่มีค่ามากมายมหาศาลกว่าทองเยอะ
“ไม่หรอกชั้นว่าท่านเคานต์ก็แค่เป็นคนถ่อมตัวต่างหาก”
ถ่อมตัวถึงขนาดที่เรียกร้องเงินตอบแทนราคาเล็กน้อยกับความสะดวกสะบายมากมายที่เขาได้รับจากการที่เขาเข้ามาเป็นพ่อค้าส่วนตัวของตระกูลบลันฟิลด์
แค่คิดถึงเรื่องพวกนี้ก็ทำให้โทมัสรู้สึกซาบซึ้งมาก
“ท่านเคานต์นะพยายามที่จะพัฒนาดาวนี้มากเลยล่ะ”
พอเขาเดินจนถึงยานของตนเขาก็หยุดและหันกลับไปมองที่สถานีอวกาศนี้อีกครั้ง
โดยเป็นสถานที่ๆเต็มไปด้วยอุปกรณ์ดำเนินความสะดวกใหม่มากมายติดตั้งไว้จึงนับได้ว่าเป็นสถานที่ที่ทำให้พวกพ่อค้าที่มาเยือนสะดวกสะบายมากขึ้นไปด้วย
“ชั้นได้ยินมาอีกด้วยนะว่าเขาเอาภาษีส่วนใหญ่ที่ได้มาไปลงทุนจนประสบความสำเร็จอีกด้วย นี่ไม่อยากคิดเลยว่าดาวของตระกูลบลันฟิลด์จะเจริญมากมายขนาดไหนถ้าไม่ติดหนี้มโหฬารแบบนั้น”
พอเขาพึมพำเขาเหล่านั้นเสร็จก็หันกลับไปมองคนงานของเขาอีกครั้ง
“งานนี้นะเป็นงานที่อันตรายกว่าที่เรารับทำปรกติแต่มันจำเป็นอย่างมากต่อตระกูลบลันฟิลด์ มาพยายามทำเงินให้ได้มากๆแสดงให้ท่านเคานต์เห็นถึงความสามารถพ่อค้าของเรากันเถอะทุกคน”
ถึงงานนี้จะจำเป็นต่อตระกูลบลันฟิลด์แต่โทมัสไม่ได้ทำเพื่อตระกูล
เขาพยายามที่จะทำเพียงเพื่ออยากจะช่วยเลียมเพียงเท่านั้นเอง
–เอาจริงๆแล้วเขาไม่ใช่พ่อค้าผู้ชั่วช้าอะไรที่เลียมคิดนั่นหรอก
***
ไอ้เรื่องที่วาดฝันไว้ในอนาคตนะส่วนใหญ่มันไม่ค่อยจะตรงนักหรอก
วัยเด็กของชั้นในโลกก่อนนะเคยคิดไว้ว่าถ้าโตมาแล้วเทคโนโลยีก้าวหน้าละก็มันจะมีรถที่บินได้
แต่พอโตมาจริงๆก็รู้ว่าไอ้นั่นมันก็แค่เรื่องฝันกลางวันในวัยเด็กนั่นแหละ
และก็เหมือนกันในโลกนี้ที่แม้จะมีเมืองที่พัฒนาจนมีตึกระฟ้าเหมือนพวกโรงแรมหรูอยู่เต็มไปหมดขนาดไหนก็ยังไม่ต่างกัน
เอาเข้าจริงมันก็พัฒนาไปไกลกว่าพวกเมืองที่ชั้นเคยรู้จักในโลกก่อนหลายก้าวอีกซะด้วย
และถึงแม้จะมีตึกสูงขนาดไหนก็ไม่ได้รู้สึกแออัดอีกด้วย
ทั้งยังมีพื้นที่สีเขียวอีกมากมายใต้ชื่อของเขตที่ยังไม่ได้พัฒนา
“ดาวชั้นเนี้ยมันไม่ค่อยพัฒนาเลยน่ะ”
พอชั้นเริ่มบ่น อามากิที่อยู่ข้างๆก็พูดแก้ขึ้นมาทันที
“นายท่านค่ะ เทียบกับตอนก่อนหน้าที่นายท่านรับช่วงต่อมา ทางด้านข้อมูลแล้วเรียกได้ว่าเติบโตจนอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยก็ว่าได้นะคะ”
“ก็แค่ด้านข้อมูลไม่ใช่เรอะ อีกอย่างภาพที่ชั้นวาดฝันไว้นะมันคนละแบบกันไง อย่างไอ้เรื่องแฟชั่นนะมันต้องมีอะไรแปลกๆแหงเลยคนในดาวชั้นเนี้ย ไม่มีใครแต่งตัวเข้าตาสักคน”
บางทีไอ้ชั้นมันก็มีอารมณ์อยากเดินเกี้ยวสาวในเมืองบ้างอยู่หรอก แต่พอเห็นพวกคนในเมืองมันแต่งตัวกันแล้วเนี้ย — หมดอารมณ์เลย
ช่วงนี้ก็พอรู้ว่าผู้หญิงในเมืองเริ่มมีเงินพอใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้แล้ว
ก็มีวาดฝันภาพที่พวกเธอมาเดินกรีดกรายกันอย่างสนุกสนานอยู่หรอก
ถ้าให้พูดก็ดูอย่างแฟชั่นในยุคโชวะนี้สิมันมีตั้งหลายแบบที่แค่เห็นก็เกิดอารมณ์กันได้แล้ว
แล้วชั้นก็ชอบผู้หญิงแบบเซย์โซะเนี้ยแต่คนในเมืองมันไม่แกลก็โกธิคกันทั้งนั้นเลย — เอาง่ายๆก็คือมันไม่โดนใจชั้นเลยไง
“มันต้องมีทางแก้สักทางสิ”
“จะให้กำหนดแฟชั่นแนะนำไหมละคะ ว่าแฟชั่นแบบนี้ถึงเป็นที่พึงพอใจของนายท่านนะคะ”
ในโลกนี้เรื่องแฟชั่นในดาวต่อดาวนั้นแตกต่างกัน
ถึงโดนส่วนใหญ่จะได้อิทธิพลจากเมืองหลวงอยู่แต่ก็จะมีจุดที่แตกต่างกันอยู่
แล้วในนั้นชั้นก็หวังว่าจะมีสักดาวที่แฟชั่นตรงใจชั้นอยู่บ้างถึงที่ชั้นเห็นๆมาจะมีแต่ห่อเหียวใจก็เถอะ
“ดีเลย ก่อนอื่นก็ต้องพาพวกแฟชั่นดีไซน์เนอร์พวกนั้นมาก่อนสินะ แล้วก็ลงทุนกับไอ้พวกแนวๆซาลอนพวกนั้นด้วย ถ้าไม่เริ่มกันแต่ตรงนั้นพวกแฟชั่นมันก็ไม่เปลี่ยนสักที”
ยิ่งพอไปที่ชายหาดจำลองนะไอ้ที่พวกผู้หญิงในดาวชั้นมันใส่ดันเป็นชุดว่ายน้ำเฉิ่มๆแบบใส่ทั้งตัวอีก
อย่ามาล้อเล่นกันนะว้อย อีของแบบนั้นชั้นไม่เรียกว่าชุดว่ายน้ำหรอก
“ใช่แล้วพาพวกโมลเดลสาวสวยมาด้วย มันก็ต้องมีอิทธิพลต่อคนในดาวชั้นบ้างละ พาพวกคนดังๆมาด้วยยิ่งดีเลย”
พอเริ่มพูดแนวทางที่ชั้นคิดได้ขึ้นมาเรื่อยๆ
อามากิก็ได้แต่แสดงสีหน้ายากลำบากกลับมาให้ชั้นแทน
“ถ้าจะทำแบบนั้นก่อนอื่นก็ต้องแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินของเราก่อนค่ะ ถึงเราจะเริ่มพัฒนาแล้วมีรายรับที่มากขึ้นแต่หนี้ที่เราต้องจ่ายมันก็เพิ่มตามนะคะ”
อา เกือบลืมไปเลยไอ้หนี้ก้อนโตของตระกูลบลันฟิลด์
เพราะมีมันเนี้ยละชั้นเลยหายใจทั่วท้องไม่ได้สักที
พอหันกลับไปที่หน้าต่างก็เห็นยานอวกาศบินผ่านไปจนเป็นเรื่องธรรมชาติ
ไอ้ภาพที่ชั้นฝันไว้ในโลกก่อนมันก็คงเป็นแบบนี้แหละมั้ง
พูดก็พูดมาโลกใหม่นี้ตอนร่างนี้อายุ 5ขวบ อยู่มานานแล้วก็จริงแต่ก็ยังได้แต่คิดว่าภาพตรงหน้ามันก็ไม่ได้เว่อร์วังอะไรขนาดนั้นเลยดันรู้สึกว่างเปล่าแทนเสียด้วยซ้ำ
***
ประตูจากต่างมิติถูกเปิดออก
เมื่อผู้นำทางกลับมาที่โลกนี้พร้อมกับตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันก็ก็ ทำให้เขาอยากจะบุกไปตบหน้าเลียมทันที
“…ให้ตายเถอะครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้เขาไม่มีทางจะทำอะไรแน่ๆเลยละครับเนี้ย”
ผู้นำทางเคยคิดว่าถ้าเขากลับมาอีกครั้งป่านนี้เลียมคงใช้ชีวิตแบบพวกเดนมนุษย์เรียบร้อย แต่สภาพตรงหน้านั้นคือความจริงที่ว่าแม้แต่ผู้หญิงเลียมก็ไม่เฉียดเหล้าสักหยดก็ไม่แตะ
แล้วสาเหตุที่ไม่ดื่มดันมาจากที่ว่าร่างกายเขายังเหมือนเด็กอยู่
ส่วนไม่กล้าแตะผู้หญิงเพราะแผลใจจากโลกก่อนรวมไปถึงไม่ถูกสเปคเขา
ถึงเลียมจะไม่รู้แต่ผู้นำทางกล้าพูดได้เลยว่าเขานั้นทำหน้าที่เป็นเจ้าผู้ครองดาวดีๆคนหนึ่งไปซะแล้ว
“น่าผิดหวังเกินบรรยายไปแล้วนะครับเนี้ย ถึงจะคิดไว้แล้วที่เห็นเมื่อครั้งก่อนก็เถอะแต่ก็ยังรู้สึกเหมือนโดนหักหลังเลยนะครับ ทั้งๆที่ปากบอกจะเป็นผู้ปกครองเมืองผู้ชั่วช้าแล้วทำไมถึงมาทางตรงข้ามได้ละครับคุณเลียม”
ใช้ชีวิตไม่ต่างกับสามัญชนเมื่อเทียบกับพวกขุนนางในโลกนี้สะอีก
ที่แย่ยิ่งกว่าคือเลียมดันพอใจกับชีวิตตอนนี้อีกด้วย
ไม่พอยังจะส่งคำขอบคุณมาให้ผู้นำทางอยู่เรื่อยๆด้วยอีก
แต่ที่แย่เหนือสิ่งอื่นใดคือความนิยมในหมู่ชาวเมืองของเลียมนั้นไปช่วยเสริมให้คำขอบคุณของเลียมมันแรงกล้ายิ่งขึ้นไปอีก
มันทำให้ผู้นำทางรู้สึกแย่ถึงที่สุด
ทั้งท้องไส้ปั่นป่วน ทั้งวิงเวียน ปวดหัว ผู้นำทางต้องทนความรู้สึกพวกนี้ตลอดตั้งแต่ที่เหยียบโลกนี้
แต่เขายังทนได้เมื่อคิดถึงอนาคตข้างหน้า
เมื่อคิดว่าความรู้สึกพวกนี้จะถูกกับตาลปัตในอีกไม่นาน เมื่อคนจะโยนเลียมเข้าสู่นรกแห่งความสิ้นหวัง
และเมื่อตั้งมั่นแล้วเขาจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้
เพราะถ้ามัวแต่คิดว่าเลียมจะระเบิดตัวเองวันนั้นเขาคงได้นอนตายจมคำขอบคุณของเลียมไปก่อน ส่วนเลียมก็กคงกลายเป็นเจ้าปกครองผู้ยิ่งใหญ่ไปอีกด้วย
“น่าผิดหวังสุดๆเลยละครับ ถ้าอีที่เขาทำมันแค่ฉากบังหน้าก็ว่าไปอย่างอยู่หรอก”
ภาพที่ผู้นำทางอยากเห็นเป็นที่สุดนั้นคือ
ผู้คนที่ทรมาณและโกรธแค้นต่อการกดขี่ของทรราชอย่างเลียม
ภาพที่ทหารต่างลุกขึ้นมาต่อต้าน
ภาพที่สาวงามข้างกายเลียมพยายามจะปลิดชีวิตเขา
แต่กลับกันภาพในตอนนี้ดันเป็น ภาพที่ผู้คนยกย่องเลียมที่ปกครองดาวได้อย่างดีเยี่ยมทั้งยังใช้ชีวิตอย่างไม่หรูหราฟุ่มเฟื่อยเรียกได้ว่าเป็นผู้ปกครองแบบอย่างเลยก็ว่าได้
ไม่พอทหารก็ยังจงรักภักดีถึงขั้นที่สั่งอะไรมาพวกเขาก็พยักหน้าทำอย่างเต็มใจ
แล้วท้ายสุดมนุษย์ผู้หญิงข้างกายเขาก็ไม่มีสักคนให้มากระตุกแผลใจเก่าของเขาอีก
นี้เขาตั้งใจจะเป็นจอมวายร้ายจริงๆใช่ไหมเนี้ย
มันมาถึงขั้นที่ผู้นำทางหมดความอดทนซะแล้ว ถึงเวลาที่ต้องจบเรื่องราวอันน่าผิดหวังนี่ของเลียมแล้ว
“อย่างน้อยที่สุดดาวที่เขาสร้างมากับมือก็ต้องโดนเผาไม่เหลือซากละนะครับ ไหนดูสิ โอ๊ะโอ๋นั่นไง มีเครื่องมือแสนสะดวกสบายที่ชื่อว่าโจรสลัดอวกาศอยูู่ไม่ใช่หรือครับ”
ผู้นำทางที่เริ่มเดือดกับภาพตรงหน้าก็ค่อยๆแพร่กระจายควันสีดำรอบตัวของเขา
แล้วเขาก็หันไปพูดกับเลียมอย่างเคียดแค้น
“ขอให้สนุกกับทิวทัศน์ที่คุณสร้างมานะครับเลียมในตอนนี้ และท้ายที่สุดอย่าลืมนำพาความหรรษามาให้ผมให้ได้ละครับ”
***
ณ ดวงดาวอันห่างไกลจากอาณาเขตของตระกูลบลันฟิลด์
จรวดหลายลูกถูกระดมยิ่งใส่ดาวเคราะห์จนเกิดเสียงระเบิดอย่างต่อเนื่อง
พื้นผิวดาวถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
ต่อภาพตรงหน้านั้นคือชายโจรสลัดอวกาศที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งต่อดาวที่กำลังลุกเป็นไฟ
ผู้ปกครองกองเรือโจรสลัดที่มียานรบอันแข็งแกร่งมากกว่า 30,000 ลำ ผู้มีนามว่า โกอาซ
เป็นชายที่มีแผลเป็นอยู่บนสกินเฮดของเขาพร้อมกับหนวดสีดำเฟิ้ม และมีใบหน้าที่ดูป่าเถื่อนอีก
ทั้งยังมีร่างกายกำยำใหญ่โตเต็มไปด้วยมัดกล้าม
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เขายกขวดเหล้าในมือซ้ายขึ้นดื่มอย่างรื่มรมณ์พลางมองภาพที่ชีวิตบนดาวตรงหน้าเขากำลังค่อยๆล้มตายไป
“มันต้องช่วงเวลาแบบนี้แหละที่เหล้ามันถึงจะได้รสชาติที่สุด ใช่ไหมว่ะพวกเอง”
เหล่าลูกเรือที่เกรงกลัวเขาได้แต่หัวเราะเป็นเชิงเห็นด้วยกับเขา
ถึงจะมีคนใจกล้าแย้งเขาอยู่คนหนึ่งก็ตาม
“ลูกพี่ไม่ใช่ว่าเราทำเกินไปหน่อยเหรอ”
แทนคำตอบโกอาซก็เอามืออันใหญ่โตของเขาไปจับหัวคนที่ถาม
ลูกเรือหลายคนหันหน้าหนี บ้างก็จ้อมองด้วยสีหน้าที่ว่า ‘ไอ้นี้มันรนหาที่ตายชัดๆ’
“ใครใช้ให้เองมาออกความเห็น อย่ามาขวางความสนุกของข้าสิวะ”
“ดะ เดี๋ยว ก่อน ลูกพี่ ได้โป–”
แล้วหัวเขาก็โดนบีบเละคามือโกอาซ
แล้วมือเขาก็โดนลูกเรือคนอื่นมาเช็ดให้ในทันที
ขณะที่ลูกเรือช่วยกันจัดการศพโกอาซก็ยังคงมองภาพดาวที่กำลังโดนถล่มตรงหน้าต่อ
ที่มือขวาเขานั้นถือกล่องสีทองกล่องหนึ่งอย่างถนุถนอม
เขาเก็บกล่องที่มีลายลักษณืแปลตาใบนี้ไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา
โดยทั่วไปเขาจะเก็บไว้ที่กระเป๋าหนังที่ออกแบบไว้สำหรับเจ้ากล่องนี้โดยเฉพาะ
เขาลูบไล้เจ้ากล่องนี้อย่างถนุถนอม
“คราวนี้ก็งานง่ายอีกแล้วละนะ”
หลายต่อหลายครั้งแล้วที่เขาได้ถล่มดาวแบบตรงหน้านี้และคร่าชีวิตไปมากมาย
ไม่ต้องสืบเลยว่านี้คือจอมวายร้ายอย่างแท้จริง
โดยตัวโกอาซเองนั้นเก็มีชื่อเสียอันโด่งดังอย่างกว้างขวาง จนมีค่าหัวที่เลขศูนย์ติดอยู่หลายตัว
ค่าหัวเขาเยอะขนาดที่หากใครล่าเขาได้ต่อให้ใช้ชีวิตเสเพลทั้งชีวิตเงินก็ไม่มีทางหมด
ทั้งเขายังเรียกได้ว่าเป็นศุนย์รวมของคำว่าอันตรายทั้งปวง
แล้วหนึ่งในรองหัวหน้ากลุ่มของโกอาซก็เรียกหาเขา
“เราก็ล่าได้เยอะเลยนะลูกพี่คราวนี้ แล้วลูกพี่จะเอายังไงกับยัยผู้หญิงนั่นกันละเจอของเล่นใหม่มาแทนรึยึงเพราะเหมือนนางก็ใกล้จะพังแล้วด้วย”
โกอาซยิ้มกว้างให้กับคำถามนั่น
เป็นฟันที่ทั้งเหลืองและสกปรก
“ก็จริงของเองที่ว่าข้าเล่นกับมันมานานแล้วก็อยากหาของเล่นใหม่อยู่เหมือนกัน”
รองคนนั้นก็ยิ้มตอบ
“แหมสำหรับคนที่เป็นของเล่นให้กับลูกพี่ได้นี่ถือว่าทนมากเลยนะที่ยังคงสติได้นานขนาดนี้ แล้วจะให้ชั้นเริ่มหาดาวมาล่าต่อไปเลยไหมละ”
ทันทีที่โกอาซกำลังหยุดคิดกับคำถามนี้ตัวเขาก็โดนกลุ่มควันสีดำพุ่งเข้าใส่
นับเป็นช่วงเวลาเพียงพริบตาที่แค่กระพริบตาก็มองไม่เห็นแล้ว
“ไม่ต้อง”
“มีอะไรคาใจเหรอลูกพี่”
“ข้าพอจะมีที่หมายตาอยู่ มันเป็นดาวที่ได้ยินว่าเพิ่งจะเติบโตได้ไม่นานนี้ใช่ไหมที่ปกครองโดยไอ้เด็กที่ชื่อบลันฟิลด์นั่นนะ ได้ข่าวว่าเป็นผู้ปกครองที่มุ่งมั่นเอาการซะด้วยทั้งๆที่เป็นดาวบ้านนอกแท้ๆ”
แล้วรองหัวหน้าก็เริ่มนึกไปถึงข่าวลือต่างๆที่ได้ยินมา
“อา เคยได้ยินมาหนาหูเหมือนกันนะช่วงนี้ ถ้างั้นเหยื่อยรายต่อไปของเราก็คือดาวของไอ้หนูบลันฟิลด์นั่นใช่ไหมลูกพี่”
โกอาซนั้นไม่เคยเกรงกลัวต่อพวกขุนนาง
นั่นก็เพราะเขานั้นมีทรัพยากรที่ไม่มีวันหมด
“ไอ้ที่ทำให้การล่ามันสนุกนะคือการล่าพวกที่มันคู่ควรกับการทำให้พังยังไงละ แล้วช่วงนี้การล่ามันก็ดูจืดๆสะด้วยนานๆที่ล่าพวกจริงจังบ้างก็ไม่เลว”
คำเขาก็ถูกย้ำอีกครั้ง
“งั้นก็ชัดเจนแล้วสินะลูกพี่ว่าเป้าหมายต่อไปของเราคือไอ้หนูบลันฟิลด์”
โกอาซยิ้มอย่างบ้าคลั่ง
“เออ ข้าจะทำให้ไอ้หนูนั่นมันแหลกไม่เหลือชิ้นดีเลยละ”