[นิยายแปล] I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 6
ผู้นำทางนั้นกำลังคิดหนัก
พลางรู้สึกคลื่นไส้ให้กับความรู้สึกขอบคุณของเลียมที่ส่งมาถึงเขา ทั้งได้แต่สงสัยว่าความรู้โกรธ เคียดแค้นของเลียมในชาติก่อนมันหายไปไหนแล้ว
เพราะ ตอนนี้ความรู้สึกขอบคุณของเลียมต่อเขานั้นมันหนักหนาเกินที่เขาจะคาดการณ์ได้ซะอีก
แย่ถึงขั้นที่มันยังตามหลอกหลอนเขาอยู่ถึงตอนนี้
“แล้วกระผมจะทำยังไงให้เขาสิ้นหวังดีละครับเนี้ย ถ้าเขามีผู้หญิงจริงๆใกล้ตัวสักหน่อยก็พอจะทำให้เขาลำลึกความเจ็บปวดแบบชาติที่แล้วซ้ำได้อีกแท้ๆ กลับกันเขาดันเอาแค่พ่อบ้านแก่ๆกับหุ่นแอนดรอย์ไว้ข้างตัวเท่านั้นซะได้ เป็นแบบนี้แล้วจะหาทางทำร้ายจิตใจจนสิ้นหวังก็ยากเกินไปนะครับแบบนี้”
ความคิดแรกของผู้นำทางคือจะไปแทรกแซงพวกผู้ใต้บังคับบัญชาของเลียมแต่ก็ต้องตัดไปเพราะเลียมดันฆ่าพวกเจ้าหน้าที่เลวๆ หรือพวกมีแนวโน้มจะหลอกใช้ประโยชน์จากเขาไปหมดซะแล้ว
และถ้าเขาเข้าไปยุ่งมากเกินไปมันก็ทำให้เขาหมดสนุก
ตามชื่อที่เขาเรียกตัวเอง “ผู้นำทาง” ที่เขาทำตลอดมาคือการชี้ช่องทาง มอบโอกาศ ให้เป้าหมายของเขามุ่งหน้าไปสู่ความสิ้นหวังด้วยตัวเอง ส่วนตัวเขาก็แค่รอดูผลผลิตจากการชี้นำเพียงอย่างเดียว
มันไม่ใช่สไตล์ของเขาที่ต้องไปเปื้อนมือทำทุกอย่างเอง
เพราะแบบนั้นสภาพของเลียมตอนนี้เลยเป็นปัญหาสำหรับผู้นำทางมาก
“เขาดันจริงจังเกินไปซะได้ ทั้งๆที่ผมคิดว่าวันๆเขาจะเอาแต่จมดิ่งสู่ความสุข รายล้อมไปด้วยผู้หญิงซะอีกนะครับ”
ทั้งๆที่บอกว่าจะเป็น จอมวายร้าย แต่สิ่งที่ผู้นำทางเห็นเขาทำมันก็แค่การเป็นผู้ปกครองดาวธรรมดาๆเท่านั้นเอง
-เขาลืมว่าอยากเป็นจอมวายร้ายไปแล้วงั้นเหรอครับเนี้ย
ผู้นำทางได้แต่คิดเช่นนั้นพลางสังเกตุการณ์การกระทำของเลียม
ทันใดนั้น เลียมที่อยู่ในห้องทำงานเพียงคนเดียวนั้นก็แสดงท่าทีลุกลี้ลุกลน
“โอ๊ะโอ๋”
พอมองเขาไปที่ความคิดของเลียม ผู้นำทางก็รู้ว่าเขายังคิดอยากจะเป็นจอมวายร้ายอยู่
(อาณาเขตของชั้นมันก็เริ่มพัฒนาแล้ว ผู้คนก็เริ่มพอจะหายใจได้ทั่วท้องด้วย ใกล้จะได้เวลารีดไถ่พวกมันล้วสินะ ก็นะเวลาจะรีดน้ำจากผ้าก็ต้องตอนที่มันชุ่มๆเนี้ยแหละ)
แล้วเลียมก็คิดอีกหลายๆอย่างพลางฉีกยิ้ม
(หรือจะเริ่มที่รวบรวมสาวงามมาอยู่ข้างกายก่อนดีละ ถ้าดูจากคนแค่ในเมืองชั้นมันก็น่าจะมีคนถูกใจชั้นสักคนสองคนนั้นแหละ)
ผู้นำทางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
“นี่แหละครับ ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีทางไหนในการหาสาวงามข้างกาย แต่ถ้าผมเตรียมชายชู้มารอเสียบหลังจากที่พวกเขาสารภาพรักกันละครับ แหมพอถึงตอนนั้นละก็ผมมั่นใจเลยว่าเลียมของกระผมจะต้องแสดงอารมณ์ที่สุดยอดออกมาแน่ๆ”
ขณะที่ผู้นำทางกำลังวาดฝันภาพข้างหน้า อามากิก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน
ความสนใจของเลียมก็หันไปหาสิ่งที่อามากิรายงานในทันที
ผู้นำทางก็เลยแอบฟังการสนทนาของทั้งคู่
“..จะมีส่งทหารมาให้งั้นเรอะ”
“ใช่ค่ะ ดูเหมือนว่าทางกองทัพจะทำการส่งนายทหารที่ใกล้จะปลดประจำการมาให้เป็นกองสำรองค่ะ ถ้านายท่านต้องการทางชั้นก็จะเริ่มคำนวณงบปรมาณที่จะใช้ให้ในทันทีเลยค่ะ”
ผู้นาทางฟังไปลูบคางไป
“ฮืม ในมุมมองของก็ทัพก็นับเป็นการกำจัดทรัพยากรที่ใช้การไม่ได้สินะครับ”
ดูเหมือนว่าทางจักรวรรดิตั้งการกระจายกำลังทหารไปยังพื้นที่บุกเบิกต่างเพิ่ม
พอเห็นดังนั้นทางกองทัพก็รีบตอบรับทันทีด้วยการโยนพวกตัวปัญหาไปให้ยังพื้นที่เหล่านี้
เลียมที่รู้ทันความคิดของทางกองทัพก็เริ่มมีสีหน้าหงุดหงิดทันที
“หรือก็คือ โยนขยะมาให้พวกเราสินะ”
“แต่พวกเขานั้นก็ยังเป็นทหารจากทัพหลักของจักรวรรดิค่ะ ดังนั้นหลายคนที่มาก็ต้องจบจากโรงเรียนทหารกันหมดเช่นนั้นก็นับว่าเป็นบุคลากรที่มีทั้งการศึกษา ได้รับการฝึกมาอย่างดี ทั้งยังอาจมีประสบการณ์รบจริง ดังนั้นก็จะเป็นเรื่องดีถ้าให้พวกนั้นมาฝึกทหารของเราค่ะ”
ด้วยคำกล่าวของอามากิก็ทำให้เลียมต้องตอบรับแบบเลี่ยงไม่ค่อยได้
พอได้ยินดังนั้นปากของผู้นำทางก็บิดเบี้ยวเป็นรอยยิ้มทันที
“งั้นเรามาวางรากฐานเพื่ออนาคตอันสดใสกันเลยไหมละครับ มันน่าจะรื่นรมณ์ไม่น้อยทีเดียวถ้ารวบรวมทหารที่ความยุติธรรมสูงผู้ไม่ยอมทนต่อการกดขี่ของจอมวายร้ายนะครับ”
ถึงพวกเขาจะไม่ปฏิวัติก็ไม่เป็นไร ขอแค่สร้างปัญหาให้เลียมได้ผู้นำทางก็สุขใจ
แค่คิดก็สนุกแล้วว่าต้องมาคอยรับใช้ผู้นำที่จะค่อยๆกดขี่ข่มเหงชาวบ้านชาวเมืองไปเรื่อยๆนะ
แน่นอนทหารที่ความยุติธรรมสูงพวกนี้ไม่มีทางอยู่เฉยเป็นแน่
และเมื่อพวกเขาลุกขึ้นสู้แล้วร่วมกันจัดการ ทรราชเลียม ให้สิ้นซาก
“เช่นนั้นแล้วมาทำให้ทหารผู้สูงส่งต้องมารวมกันที่นี่เยอะๆเลยดีกว่าครับ”
พอเขาดีดนิ้วเสร็จ ควันสีดำรอบตัวเขาก็ค่อยๆแพร่กระจายออกมา
เสร็จสิ้นเขาก็ถอดหมวกออกพลางคำนับให้เลียมก่อนจะหายเข้าไปในประตูมิติ
“แหมถึงผมจะวางแผนมากมายให้คุณทรมาณแต่ดูสิคุณผู้ไม่รู้อะไรเลยยังส่งความรู้สึกชวนอ้วกพวกนี้มาให้ตลอด แต่ไม่เป็นอะไรครับ กระผมจะขอลาไปก่อน ณ ตอนนี้นะครับเลียมช่วยสร้างภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจไว้รอการมาเยือนครั้งหน้าของกระผมด้วยละครับ”
เขานั้นกลับไปเร็วกว่าที่วางแผนไว้ นั่นก็เพราะเขาทนต่อความรู้สึกขอบคุณของเลียมที่มันชวนคลื่นไส้ไม่ไหว
แล้วผู้นำทางก็หายเขาประตูมิติไป
***
ตอนนี้ชั้นใกล้จะอายุ 40 กว่าๆแล้ว
ถ้าเป็นปรกติคงเรียกว่าใกล้ช่วงวิกฤติชีวิตวัยกลางคน
แต่โลกนี้นั้นคนอายุประมาณนี้ยังไม่เรียกว่าผู้ใหญ่เลยด้วยซ้ำ
ส่วนชั้นก็ใช้ชีวิตไปอย่างสงบสุขเรื่อยมา
ใช้ชีวิตแบบปรกติ ทำงานแบบปรกติ รวมไปทั้ง เรียน แล้วก็ฝึกเหมือนปรกติ
ถามว่าทำไมนะเหรอ
ก็เพราะชั้นกำลังเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ไม่คาดฝันไงละ
หรือก็คือมันแปลกเกินไปที่ชั้นใช้ชีวิตได้โดยไม่เจอปัญหาอะไรเลย
แล้วตอนที่กำลังจะทำงานประจำวันเสร็จนั้นเองอามากิก็พูดขึ้นมา
“นายท่านค่ะ เจ้าหน้าที่เทคนิคประจำโรงงานที่7 ร้อยโท นิอัส คาร์ลิน ขอเข้าพบค่ะ ดูเหมือนเธอต้องการจะมาขอตรวจเช็คสภาพ เอวิด ค่ะ”
“นิอัสเหรอ”
แม่สาวสวยสุดฉลาดหุ่นดีนั่นสินะ
“ทำไมถึงมาเร็วนักละ”
“การขอตรวจเช็คสภาพเอวิดดูจะเป็นเรื่องบังหน้าค่ะ เป้าหมายหลักน่าจะเป็นการขายอาวุธของโรงงานเธอนะคะ”
การแข่งขันในจักรวรรดิก็แลจะอยู่ยากเหมือนกันนะเนี้ย
ถึงจะเป็นโรงงานสังกัดจากจักรวรรดิ แต่ก็ดูเหมือนว่าเหล่าขุนนางจะได้รับอนุญาติให้ซื้อไปใช้ส่่วนตัวได้
ถึงโดยทั่วไปจะมีการสั่งจำกัดการซื้อ ขาย ไว้
แต่มันก็หละหลวมมาก
เพราะแบบนั้นโดยส่วนใหญ่มันก็เลยมีเหมือนไม่มี
“นี่เรามีเงินเหลือไปซื้อของอย่างพวกยานรบเพิ่มด้วยงั้นเหรอ ชั้นสังหรณ์ว่าต้องเป็นพวกรุ่นใหม่ล่าสุดอีกต่างหาก”
จะมาขายรถป้ายแดงให้กับเราที่มีปัญญาใช้แต่ของมือสองเนี้ยนะ
ในตอนนี้ยานที่ใช้โดยตระกูลบลันฟิลด์นั้นเป็นของตกยุคทั้งหมด เป็นของสแปคที่ต่ำที่สุดเพื่อลดค่าใช้จ่ายละนะ
สำหรับชั้นแค่นั้นก็พอแล้วนั้นแหละ
“ถ้าจะให้พวกตรงๆอยากจะขายของให้ฝั่งนั้นแทนมากกว่าจะไปซื้ออีกละนะ”
“ทางโรงงานที่ 7 นั้นเป็นสถานที่ที่เทคโนโลยีล้ำหน้ามากที่สุดติดแค่เรื่องดีไซน์ค่ะ ดังนั้นราคาจึงถือว่าแพงตามสแปคที่สูงของสินค้าตามไปด้วยเลยทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ ผิดกับ โรงงานที่ 3 ที่มีสมดุลทั้งด้านประสิทธิภาพและดีไซน์เลยจะเป็ฯที่ถูกใจของขุนนางมากมายค่ะ”
เอาเถอะก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับชั้นมากละมั้ง ไม่ค่อยสนใจสะด้วยสิ
ยังไงก็ลองพบดูก่อนก็ไม่เสียหายก็เลยตอบรับให้เข้ามาพบได้
***
พอชั้นมาถึงห้องรับแขกนิอัสก็นั่งรออยู่แล้ว
วันนี้เธอไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบปรกติ เพราะชุดที่เธอใส่วันนี้กระโปรงแลจะสั้นเป็นพิเศษ
เพราะเห็นว่าชั้นมองตรงไหนอยู่แหละมั้ง อามากิก็บ่นพึมพำทำนองว่า “กระโปรงนั่นมันสั้นเกินกว่าที่กำหนดไว้ในระเบียบการแต่งกายของกองทัพ”
สั้นขนาดที่พอชั้นนั่งโซฟาตรงข้ามเธอก็รู้แจ้งเลย
ถึงขนาดเห็นชั้นในของเธอจากตรงชั้นนั่งเลยน่ะ
พอกล่าวทักทายกันเสร็จ นิอัสก็เริ่มชักแม่น้ำทั้งห้า
“ท่านเคานต์ไม่ได้พบกันนายโตขึ้นจนเกือบจำไม่ได้เลยนะคะ”
“ขอบคุณสำหรับคำชมแต่รีบเข้าเรื่องได้ละ”
นี่วิธีหาคำชมของเธอเหรอเนี้ย
ไอ้ชั้นก็รู้ตัวเองอยู่ว่ามันไม่ได้สูงหรืออะไรมากกว่าที่เจอกันครั้งก่อนเลยนะ
“เหมือนที่ได้บอกไปคือชั้นมาเช็คสภาพของ เอวิด ค่ะเพราะมีช่างหลายคนเลยรู้สึกสนใจในตัวเด็กคนนั้นนะคะ”
ระหว่างที่เธอพูดตาชั้นก็เหลือบเห็นช่องระหว่างกระโปรงเธอกับต้นขา
“ใช่แน่เรอะ ไม่ใช่ว่าจะมาขายอะไรให้ชั้นรึไง”
พื้นที่ของชั้นมันเริ่มพัฒนาแล้วนั่นแหละ รายได้จากภาษีก็เริ่มมีแล้ว
พวกพ่อค้าหลายคนที่รู้ข่าวก็มีมาติดต่อซื้อขายกับชั้นหลายคนแล้วนั่นแหละ
นิอัสก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ทันใดนั้นนิอัสก็เริ่มทำสีหน้าจริงจังทันทีแล้วก็เริ่มเปิดใช้อุปกรณืที่รูปร่างคล้ายแท็บเล็ต แล้วภาพสามมิติก็เริ่มฉายอยู่่รอบตัวชั้น
“ตามที่ที่เคานต์ว่า ชั้นมาขอให้ท่านช่วยซื้อยานรบรวมไปถึงอาวุธที่ทางโรงงานที่เจ็ดของทางเราผลิตค่ะ”
ภาพสามมิตของยานรบต่างลอยอยู่รอบตัวชั้น โชว์ให้เห็นสแปคว่าถึงขนาดจะเล็กกว่ารุ่นเก่าแต่ความสามารถนั้นต่างกันลิบลับ
รวมไปถึงราคาที่เว่อร์วังมากเช่นกัน
กะแล้วไอ้รถป้ายแดง ไม่ใส่ยานป้ายแดงนี่แพงไม่ใช่เล่นเลย
“มันไม่แพงเกินไปหน่อยเรอะ”
“แน่นอนค่ะ มันไม่ใช่แค่ยานแบบพวกผลิตจำนวนมากพวกนั้นที่สแปคถูกจำกัด ศักยภาพจึงต่างกันมากรวมไปถึงราคาจึงสูงกว่าเป็นธรรมดาค่ะ”
แค่ไอ้ยานลำนี้ลำเดียวชั้นเอาไปซื้อพวกยานมือสองได้ 3ถึง5ลำเลยด้วยซ้ำนะ
แล้วก็ไม่ได้มีความรู้สึกจำเป็นจะต้องมีมันซะด้วย
ระหว่างที่อามากิเช็คข้อมูลยานตรงหน้าก็พูดขึ้น
“เวลาซื้ออุปกรณ์จากจักรวรรดินั้นต้องจ่ายภาษีด้วย แต่ราคาของยานตรงหน้านี้ยังไม่ได้รวมภาษีไม่ใช่เหรอค่ะ”
แล้วชั้นก็จ้องหน้านิอัสทันที ส่วนเธอก็หันหน้าหนีแล้วได้แต่หัวเราะแห้งๆ
“ตะ แต่ชั้นสามารถรับประกันเรื่องคุณภาพได้เลยนะคะ เพราะเจ้าตัวโมเดลใหม่ล่าสุดนี้นะมีการพัฒเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนเยอะยกตัวอย่างก็ เจ้าเรือลาดตระเวนนี่นะสามารถบรรจุไนท์ได้มากกว่าที่เคยรวมไปถึงมีความสามารถเท่าเรือประจัญบาน-”
หรือก็คือผลิตเรือลาดตระเวนรุ่นใหม่ได้ก็เลยเอามาเสนอขายให้ชั้นสินะ
สแปคก็ดีอยู่หรอกติดก็แค่ว่า…
“แล้วทำไมไม่ไปขายให้กองทัพล่ะ”
“…คือยานเราไม่เข้าตาเขาสักที่ก็เลยไม่มีคนซื้อนะคะ”
การข่งขันที่จักรวรรดินั้นสูงมาก พวกหัวหน้ากองเลยมีสิทธิ์ที่จะเลือกซื้ออุปกรณ์จากโรงงานที่ตัวเองชอบได้
แล้วดูเหมือนของโรงงานที่เจ็ดจะไม่มีกองเรือที่ไหนอยากได้เลยสักที่ละนะ
แล้วอามากิก็เชือดนิ่ม
“นั่นก็เพราะว่ามันมีปัญหาอย่างอื่นนอกจากสแปคไม่ใช่เหรอคะ”
สิ้นคำนิอัสก็เกือบจะบ่อน้ำตาแตก
“มันทั้งผลิตง่ายขึ้นดูแลง่ายขึ้น ลำก็เล็กลงกว่าเดิมแต่ไม่มีใครเขาอยากซื้อเพราะโดนบอกว่าดีไซน์มันแย่กันหมดเลยอะคะ”
ปรกติหนิพวกขุนนางก็ต้องอยากได้ของที่รูปร่างดูดีไว้ก่อนอยู่แล้ว
ถึงพวกตำแหน่งสูงๆจะมีคนธรรมดาอยู่บ้างแต่ก็เถียงไม่ได้เลยว่าพวกขุนนางนั้นเยอะกว่า
ถ้าศักยภาพมันไม่ต่างกันจนเห็นได้ชัดก็แน่นอนว่าพวกขุนนางก็ต้องเลือกของที่มันดีไซน์หรูไว้ก่อนอยู่แล้ว
ก็ถ้าให้ชั้นเลือกชั้นก็เลือกของที่ถูกกว่าแต่เท่ห์ไว้ก่อนอยู่ดี
ก็เพราะศักยภาพมันก็ไม่ได้สูงจนเด่นชัดขนาดนั้น
ถ้ามันสูงลิบลิ่วก็คงจะมีคนสนใจอยู่หรอก แต่นี่แค่ดีกว่ามานิดนึงเอง
“วะ ว่าไงละคะท่านเตานต์ 200ลำ ไม่สิแค่ 100ลำก็ยังดีช่วยซื้อให้หน่อยได้ไหมคะ”
ดูท่าโรงงานที่เจ็ดจะอยู่ในสภาพสิ้นหวังมากเลยสินะเพราะไม่มีใครที่ไหนมาซื้อเลย
“อามากิ ช่วยเอายานรบของโรงงานอื่นให้ชั้นดูหน่อยได้ไหม”
“ได้ตามที่นายท่านต้องการค่ะ”
แล้วรอบๆตัวอามากิก็มีภาพยานรบแบบสามมิติของโรงงานอื่นลอยออกมาก
พอเทียบกับของที่อื่นแล้วชัดเจนเลยว่าของโรงงานที่เจ็ดนั้นให้ความรู้สึกแบบเรือรบทางทหารที่สุด ง่ายๆคือดีไซน์เรียบมาก
เรียบจนชอบไม่ลง
เทียบกันแล้วเรือจากโรงงานอื่นที่เป็นโมเดลเดียวกันยังดีไซน์ให้ความรู้สึกสง่างามกว่ามาก
ความคิดแรกของชั้นเลยนะ
แพ้ก็ไม่แปลกหรอก
ก็จริงที่ศักยภาพมันสูงแต่พยายามเรื่องดีไซน์กันหน่อยสิ
นี่เทียบกับของโรงงานที่สามไม่ติดฝุ่นเลยนะ
“อามากิ ซื้อเจ้าลำนี้มาไม่ดีกว่าเรอะ”
“นายท่านค่ะ ลำนั้นเป็นยานรบระดับเรือธงค่ะเราต้องได้รับการรับรองจากจักรวรรดิก่อนนะคะ แล้วตระกูลบลันฟิลด์ของเราไม่มีสิทธิ์นั้นหรอกค่ะ”
ดูเหมือนชั้นจะเอาเจ้าเรือธงยาว 2000เมตร นี่ไม่ได้แหะ
งั้นก็ต้องเอาไอ้อันที่ยาว 1000เมตร แทนละกัน
“งั้นเหรอ..”
แต่ที่เหมือนว่าจะซื้อไม่ได้ก็เพราะค้างภาษีกับจักรวรรดิมานานไปละนะ
ถึงจะมีทางจ่ายให้แล้วแต่ทางนู้นก็เย็นชาเสียเหลือเกิน
ถ้าพยายามขออณุญาติซื้อมีหวังได้โดนไล่กลับให้ไปจ่ายภาษีก่อนหน้าให้หมดก่อนแหงๆ
“งั้นลำนี้เป็นไงดูเท่ห์กว่าไอ้ที่มีอยู่ตอนนี้เยอะเลย”
ชั้นชี้ไปที่รุ่นที่ยาว 800เมตร ถึงจะเล็กไปหน่อยแต่ก็คิดว่าคุ้มค่าจะจ่ายละนะ
“ชั้นจะรีบติดต่อให้ทันทีค่ะ”
ระหว่างที่พูดคุยแบบนั้นต่อหน้านิอัสในที่สุดเธอก็พูดแทรกจนได้
“ช้าก่อนค่ะ ได้โปรดเถอะค่ะ ทางเราเข้าขั้นวิกฤติแล้วนะคะ”
ชั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ
“แล้วทำไมไม่ทำให้ดีไซน์มันดีกว่านี้ละ”
“ก็เพราะศักยภาพมันสำคัญกว่านี่ค่ะ”
“ก็ถ้าไอ้ศักยภาพที่ว่ามันไม่ได้เห็นชัดขนาดนั้นยังไงชั้นก็ซื้ออันที่มีดีไซน์ดีกว่าอยู่แล้ว นี่อะไรทั้งดีไซน์ การตกแต่ง ให้ความรู้สึกแบบแย่มากเลยเนี้ย”
พูดตรงๆเลยนะมันเฉิ่มสุดเลยน่ะ
“แต่ถ้าแต่งให้มันสวยมากเกินไปมันก็ซ่อมแซมยากตามนะคะ”
เหมือนจะจนปัญญาแล้วนิอัสเลยเริ่มถอดเสื้อนอกออก
ใต้เสื้อเชิ้ตขาวนั่นเห็นชุดชั้นในที่ให้ความรู้สึกแบบจัดเต็มอยู่วับๆแว่มๆ
แถมเข้าคู่กับข้างล่างอีก
นิอัสก็ดูจะดันหน้าอกด้วยแขนตัวเองเข้าไปอีก
พอเห็นไอ้พวกนั้นเข้าก็ยิ่งทำให้ชั้นคิดถึงเมียเก่าชั้นในชาติที่แล้ว ที่อยู่ๆก็เริ่มมีชุดชั้นในใจกล้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเก็บในตู้เสื้อผ้าเธอ
เล่นเอาหมดอารมณ์เลย พอเห็นชั้นแบบนั้นนิอัสก็ยิ่งเหมือนจะร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ไหงงั้นละคะ ไม่ใช่ว่าครั้งก่อนยังจ้องจะขย่ำหน้าอกชั้นอยู่เลยอ่ะ”
“ก็ใช่แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
เมียเก่าชั้นทั้งๆที่ไม่คิดจะทำให้กิจยามค่ำคืนมันมีสีสันขึ้นแต่ดันมีชุดชั้นในใจกล้าเพิ่มขึ้น
-พอมาคิดดูไอ้พวกนั้นนะมันเป็สัญญาณที่บอกว่าเธอเริ่มนอกใจชั้น
นิอัสก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งเพิ่มเข้าไปเพื่อเอาใจชั้น
โดยเจ้าตัวก็ดูจะอายสุดขีดด้วยเพราะหน้าแดงก่ำเลย
“ยอมใจเลยนิอัส นี่เธออยากขายให้ได้เลยจริงๆสินะ”
แล้วเธอก็ยิ้มแหยงๆออกมาแล้วพยายามจะโพสท่าอื่นๆ
พอเห็นคนที่ดูฉลาดๆสวยๆต้องมาทำอะไรที่เธอไม่ถนัดสุดๆแบบนี้แล้วนั้น
-ทำให้ชั้นโคตรจะรู้สึกเสียของจนเห็นใจเลย
“เข้าใจละจะซื้อให้ก็ได้ เท่าไหร่นะ 200ลำใช่ไหม”
“ถ้าเป็นไปได้ 300ลำจะดีกว่าค่ะ”
ยังจะเพิ่มขึ้นไปอีก
ได้คืบจะเอาศอกเกินไหมเจ๊
สวยเสียของหนักยิ่งกว่าเดิมอีกเจ๊
“ไหวไหม อามากิ”
อามากิเริ่มคำนวณในทันทีแล้วให้คำตอบ
“สามารถซื้อได้ค่ะ ถ้าเราทำการลดจำนวนยานที่จะต้องทำการซื้อในอนาคตแล้วในระยะยาวก็ไม่ใช่เรื่องแย่ที่เราจะลงทุนกับยานพวกนี้ค่ะ”
พอหันกลับไปหานิอัสเธอก็ตบมือดีใจสุดๆเลย
“เข้าใจแล้วซื้อให้ก็ได้แต่ช่วยทำอะไรสักอย่างกับดีไซน์ที่เหอะ ถึงจะเสียเงินเพิ่มก็ไม่ว่าแหละแต่ทั้งข้างนอกข้างในนะช่วยทำอะไรให้มันดีกว่านี้หน่อยได้ไหม”
พอนางเริ่มได้สติก็เริ่มจัดท่าทางแล้วดันแว่นตัวเองใหม่ทันที
“แต่เรื่องดีไซน์มันไม่จำเป็นนะคะ”
“แล้วมันขายได้ไหมล่ะ ถ้าไม่ทำมันสักหน่อยนะ”
พอโดนจี้เข้านิอัสก็ไหล่ตกแล้วนั่งกอดเข่าบนโต๊ะที่เธอขึ้นมานั่งทันที
ไหว้แหละเจ๊ชั้นเห็นชั้นในหมดแล้ว แล้วก็ลุกจากโต๊ะไปสักทีเหอะ
อามากิก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาละ
“ดูเหมือนเธอจะเป็นพวกที่สิ้นหวังทุกอย่างนอกจากงานช่างสินะคะ”
อืม พวกสวยเสียของ แน่ๆแล้วละแบบนี้
พอเสร็จเลยตกลงซื้อขายเรื่องที่เหลือชั้นก็ให้อามากิจัดการไป…เหนือใจสุดๆไปเลยวุ้ย
***
พ่อบ้านไบรอันนั้นกำลังเดินตรวจราคฤหาสน์อยู่
แล้วเขาก็ได้ยินเสียงคนซุบซิบกันขึ้น
(นั่นนิอัสที่มาพบท่านเลียมไม่ใช่รึครับ)
ถึงเขาจะคิดว่าการแอบฟังไม่ใช่เรื่องดีแต่การที่มาแอบคุยลับๆล่อแบบนี้มันทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้
พอเขาเริ่มตั้งใจฟัง
“เป็นไงละคะ ชั้นทำให้เขาซื้อได้ตั้ง 300ลำ”
ดูเหมือนจะคุยกับคนที่ทำงานในโรงงานที่เจ็ด
“แต่ก็ด้วยเงื่อนไขที่ต้องปรับรูปร่างไม่ใช่รึไง พวกเบื้องบ่นได้บ่นกันหูชาแน่”
“ก็มันไม่มีทางเลือกแล้วนะคะ ถ้าไม่งั้นเขาก็ไม่ยอมซื้อหรอก”
แล้วฝ่ายที่สนธนาด้วยก็มีทีท่าตกใจไม่น้อยเหมือนกัน
“ไอ้ชั้นก็คิดว่าเหลือเชื่อเหมือนกันกับคนที่หัวทีแต่ทำงานไปล่อลวงให้ซื้อได้ด้วยวิธีไหนละ หรือไปแบล็คเมล์อะไรท่านเคานต์ไว้รึเปล่า”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกท่านเคานต์นะหล่งเสน่ห์ชั้นหัวปักหัวปำต่างห่างละ ชั้นทำให้เขาใจอ่อนด้วยวิชาโปรดเสน่ห์เลยนะวันนี้”
“..โม้แล้ว”
“บะ บางทีละนะ อืมไม่สิ แน่นอนเลยละชั้นเห็นกับตาเลย”
“ถ้างั้นไม่ทำให้ซื้อมากกว่านี้เล่า”
“ชะ ชั้นก็ไม่คิดจะทำขนาดนั้นสักหน่อย ละ แล้วนี่ชั้นก็ทำให้เขาซื้อได้ด้วยเสน่ห์ของชั้นเลยนะนี่ไม่พูดให้มันดีกว่านี้หน่อยล่ะ”
“เธอขายไปแค่ 300ไม่ใช่รึไง ทางเราต้องการมากกว่านั้นสองเท่าเลยนะ”
“นะ นี้ก็เต็มที่แล้วนะ”
ถึงบรรยากาศจะแปลกๆแต่ไบรอันได้แต่ตกตะลึง
(ทะ ท่านเลียมโดน ฮันนี่แทรป เข้าให้ซะแล้ว)
ลุงพ่อบ้านได้แต่ห่วงเลียมที่โดนล่อลวงให้ซื้อยานรบเป็นจำนวนมากไปแล้วนั่นเอง