[นิยายแปล] I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 5
บทที่ 5 เอวิด
พอชั้นอายุได้ 30 กว่าๆ
ไนท์ของปู่ทวดชั้นที่ส่งไปซ่อมก็เสร็จและส่งคืนเรียบร้อย
สภาพหลังซ่อมเสร็จนั้นเป็นหุ่นร่างมนุษย์สวมเกราะอัศวินและที่ไหล่ทั้ง 2 ข้างก็ติดเกราะขนาดใหญ่ที่เหมือนโล่เอาไว้*
ถึงจะคิดว่าของจำพวกหุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์มันจะบังคับยากก็เถอะ แต่สำหรับคนบนโลกนี้แล้วดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น
โลกแฟนตาซีจงเจริญ
ตอนนี้ เอวิด นั้นยืนแสดงความน่าเกรงขามของมันอยู่ที่สวนในคฤหาสน์
“สุดยอดไปเลยนะเจ้านี่”
ที่ยืนทำหน้าภูมิใจอยู่ข้างชั้นก็คือช่างเทคนิคจากโรงงานผลิตอาวุธที่ 7 ของจักรวรรดิอัลแกรนด์
มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นทหารแน่นอนเพราะมียศร้อยโทติดอยู่บนชุดเครื่องแบบของเธอด้วย
ตัวร้อยนั้นสวมแว่นและตัดผมบ็อบสีดำยาวถึงไหล่
เธอให้บรรยากาศเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและมีความภูมิใจในงานตัวเองสูงมาก
ส่วนชื่อนั้นชั้นยังไม่รู้
“ถ้าถูกใจก็ดีแล้วละคะ ถึงทางพวกชั้นเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีโอกาศได้ซ่อมไนท์รุ่นนี้อีกแล้วก็เถอะ”
“รู้จักเจ้านี่ด้วยเหรอ”
“ค่ะ เพราะมันเป็นรุ่นที่ผลิตที่อู่ของพวกเรา ที่ห้องคลังข้อมูลเลยยังมีแบบแปลนตัวอย่างของไนท์รุ่นนี้เก็บไว้อยู่เลยช่วยได้เยอะเลยละคะ”
ไนท์ขนาดใหญ่นั้นในยุคนี้ไม่มีใครใช้กันแล้ว
แต่ดูเหมือนเรื่องค่าบำรุงรักษาหรือการซ่อมแซมมันจะไม่ต่างไปกับพวกไนท์ทั่วๆไปในปัจจุบัน
แล้วดูเหมือนร้อยจะดูเป็นกังวลนิดหน่อย
“จะไม่เป็นอะไรเหรอคะ เพราะตัวระบบช่วยขับถูกนำออกไปแล้วกับบังคับในตอนนี้มันยากมากเลยนะคะ”
แบบใช้เกียร์ออโต้กับเกียร์กระปุกรึเปล่าละนั่น
แล้วอาจาร์ยที่ยืนกอดอกอยู่ใกล้ๆชั้นก็กัวเราะออกมา
“ของแบบนั้น ถ้าเป็นท่านเลียมละก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากนั่นละขอรับ ว่าก็ว่าข้าน้อยขอทราบชื่อจะได้ไหมละขอรับ และถ้าจะไม่ว่าอะไรข้าก็อยากทราบเรื่องของหุ่นนี่ให้มากขึ้นไม่ลองไปคุยกันที่ห้องรับแขกกันสองต่—”
“ไม่เป็นไรค่ะชั้นเตรียมคู่มือทั้งหมดไว้ให้แล้ว แล้วชั้นคิดว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าอธิบายให้กับท่านเคานต์ที่เป็นคนบังคับเองจะดีกว่า”
ดูเหมือนอาจารย์จะปิ๊งร้อยเข้าละมั้ง
แต่คุณเธอก็ปัดทิ้งหน้ายิ้มเลยทีเดียว
อาจารย์นี่ไหล่ตกเลยทีเดียว
ในฐานะจอมวายร้ายแล้วหรือชั้นจะบังคับผู้หมวดให้มาเป็นคู่ของอาจาร์ยดีล่ะ
แต่ไม่สิ…อีกฝ่ายเป็นถึงทหารของจักรวรรดิ
ไอ้ชั้นก็ไม่คิดว่าจะทำอะไรได้ซะด้วย
“เอาล่ะ เราขึ้นไปที่ค็อกพิทกันเลยไหมคะ ท่านเคานต์”
“โอ๊ะ โอเค”
โดยมีคุณร้อยโทก็นำชั้นก็เข้าไปในค็อกพิทของเอวิด
***
ตัวค็อกพิทนั้นไม่มีคำว่าแคบอยู่เลย
“นี่มันกว้างมากเลยนะ ไม่สิมันกว้างไปไหมเนี้ย”
“ตัวค็อกพิทนั้นถูกทำให้กว้างด้วยเวย์มนต์บิดเบือนมิติค่ะ แล้วทางเราได้เตรียมที่นั่งสุดหรูไว้ให้ท่านเคานต์นั่งได้อย่างสบายอีกด้วย ถึงจะไม่มีระบบช่วยขับแล้วอย่างอื่นของไนท์เครื่องนี้นั้นเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดหมดเลยนะคะ”
พอชั้นนั่งลงก็รู้สึกเลยจริงๆว่านั่งสบายมาก
ราวกับมีเบาะนุ่มๆหนุนไว้ทั่วตัวเลยทีเดียว
แล้วทันใดนั้นคันบังคับก็ปรับตำแหน่งให้เข้ากับมือชั้นเองอัตโนมัติ
“ชักติดใจซะแล้วสิ ตัวเครื่องก็สีดำอีก เท่ไม่หยอกเลยนะ”
“ดูจะเป็นสีที่โปรดปราดของเหล่าท่านชายนะคะ เลยทำให้มีไนท์สีดำอยู่เยอะมากเลย”
ดูเหมือนพวกขุนนางหลายคนจะมี ไนท์ ครอบครองกันอยู่ละนะ
เพราะดูเหมือนมันจะเป็นของที่เอาไว้บ่งบอกถึงฐานะของตัวเองได้อีกทางหนึ่ง
หรือเอาง่ายๆก็ ได้ว่ามันแค่ของเล่นหรูๆที่ป็อปในหมู่ขุนนางนั้นแหละ
เพราะขอแค่มันดูดี ดูสวย พวกขุนนางมันก็ซื้อกันหมดเอาไว้ประดับบารมีแล้ว
ขุนนางหลายคนก็ดูจะชอบเอา ไนท์ ไปเน้นแต่งสวยแต่งหล่อกันซะด้วยสิ
“แต่เอาเข้าใจริงๆนะคะ มีไม่กี่คนหรอกนะคะที่จะทุ่มเงินไปกับ ไนท์เครื่องเดียวแบบท่านเคานต์นะคะ”
“งั้นหรอกเหรอ ชั้นนึกว่าใครๆเขาก็ใส่สุดกันหมดซะอีก”
เพราะอาจาร์ยบอกมาแบบนั้น
ชั้นก็เลยจ่ายไปไม่อั้นเลย
“โดนทั่วไปเงินจำนวนขนาดนั้นเขาเอาไปลงกับการสร้างรุ่นผลิตจำนวนมากแทนนะคะ ทางพวกชั้นเลยดีใจเหมือนกันที่ได้งบไม่อั้นมาแสดงฝีมือกันเต็มที่อยู่เหมือนกัน ยังไงก็ลองเดินเครื่องเลยสิคะ”
พอชั้นกดปุ่นเดินเครื่อง ระบบก็ดูเหมือนจะเริ่มทำการสแกนชั้นไปทั้งตัว
เป็นระบบจดจำผู้ใช้ เอาไว้กันคนที่ไม่ใช่เจ้าของมาขับสินะ
“การลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์แล้วค่ะ ท่านเคานต์ ทีนี้ก็มีแค่ท่านเพียงคนเดียวที่สามารถขับเจ้าหนูนี่ได้แล้ว เป็นเครื่องส่วนตัวโดยเฉพาะของท่านค่ะ”
“พอได้ยินว่าเครื่องเฉพาะตัวนี่ก็ใจเต้นอยู่เหมือนกันนะ”
พอชั้นเริ่มจับคันบังคับเท่านั้น ภาพในค็อกพิทก็ปรากฏเป็นสวนในคฤหาสน์ที่เอวิดยืนอยู่ทันที
ทันใดนั้นตัวค็อกพิทก็สั่นเล็กน้อย
“หะ หืม”
ก่อนจะรู้ตัว เอวิด ก็ล้มลงไปแล้ว
พอหันไปก็เห็นคุณร้อยโทก็ทำหน้าแบบ ‘กะแล้ว’อยู่
“เจ้าหนูนี่เอาระบบช่วยขับออกทั้งหมดนะคะรวมไปถึงระบบการปรับบาลานซ์ของตัวเครื่องด้วยเช่นกัน การบังคับมันก็เลยจะยุ่งยากนิดหน่อยนะคะ แต่ถ้าสามารถขับจนชำนาญแล้วมันจะขับเคลื่อนได้อิสระเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเองเลยละคะ”
กว่าจะฝึกขับจนคล่องได้น่าจะยากน่าดู
ในที่สุดก็พอจะเข้าใจว่าอาจารย์จะสื่ออะไรแล้วละ
“ก็หมายความว่าถ้าชั้นสามารถขับเจ้านี่ได้จนชำนาญ ชั้นก็ถือว่าเป็นคนขับระดับแนวหน้าได้สินะ”
“ไม่ค่ะ ถ้าท่านเคานต์ขับได้ชำนาญตั้งแต่เด็กก็เรียกได้ว่าเป็นระดับท็อปของท็อปเลยละคะ”
แล้วร้อยก็เอามือของเธอมาวางไว้บนมือของชั้นที่จับคันบังคับอยู่
ชั้นก็เลยรู้สึกถึงกลิ่นหอมแล้วก็ความอบอุ่นของตัวผู้หญิงได้เลย
–ถึงจะนิดหน่อยแต่อาการเกลียดผู้หญิงของชั้นมันก็ดีขึ้นละนะ
ถึงจะยังรู้สึกแย่อยู่หน่อยๆก็เถอะ
“จุดสำคัญของการขับเจ้าหนูนี่ก็คือการจินตนาการค่ะ แล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะใช้พลังเวทย์ช่วยด้วยนะคะ เอ–า ละคะ ค่อยๆลองขยับดูนะคะ”
ทีละเล็กทีละน้อย เอวิด ก็ค่อยๆลุกขึ้นมา
ใครมันจะไปคิดละเนี้ยว่าแค่ให้มันยืนก็ลำบากขนาดนี้แล้ว
พลาดแค่นิดเดียวก็คือล้มทันที
ไอ้ชั้นก็ต้องพยายามฟังสิ่งที่ร้อยอธิบายให้อย่างสุดกำลัง
“เด็กคนนี้นะนอกจากจะทนทานแล้ว ก็ยังมีพาวเวอร์ที่สูงด้วยดังนั้นต้องคิดเสมอว่าไม่ใช่ของเล่นแล้วบังคับอย่างระมัดระวังด้วยนะคะ”
คุณร้อยโทก็ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“แล้วก็ตรงนี้–”
เพราะเป็นทหารด้วยรึเปล่านะ ร่างกายถึงได้ฟิตแบบนี้โดยเฉพาะตรงต้นขาเนี้ย แต่ตรงที่มีเนื้อมีหนังก็มีอยู่
มาคิดดูหุ่นร้อยก็ไม่เลวเลยนะรูปร่างใช้ได้ทั้งหน้าอกหน้าใจแล้วก็สะโพกก็ด้วย
มันจะอดคิดก็ไม่ได้หรอกในเมื่อหน้าอกนั่นมันมาดันหลังอยู่แบบนั้นตอนอธิบายเรื่องต่างๆนะ
แแล้วตอนนั้นเองที่ เอวิด ที่จับสัมพัสความคิด แล้วก็ พลังเวทย์ของชั้นอยู่ ก็เริ่มยกแขนสองข้างแล้วทำท่าทีแปลกๆเข้า ไม่สิมันคงขยับตามที่หัวชั้นเผลอคิดเข้าแน่ๆ
แล้วพอร้อยสังเกตุเห็นว่าเอวิดทำท่าทีแปลกๆเข้าก็ถอยก่างแล้วเอาแขนมาปิดหน้าอกตัวเอง
“ขะ เข้าใจผิดแล้ว”
“…ยังไงก็พักกันก่อนไหมละคะ หืมดูเหมือนระบบสื่อสารจะขัดข้องนะคะ ตั้งค่าผิดไว้งั้นเหรอ”
***
พ่อบ้านไบรอันนั้นปลื้มปิติกับการฟื้นคืนของ เอวิด ไนท์ของปู่ทวดของเลียมที่เขาเคารพเป็นอย่างมาก
ถึงรูปร่างจะโดนปรับเปลี่ยนไปบ้างแต่ยังคงเหลือเค้าเดิมอยู่
เพียงแต่พ่อบ้านนั้นได้แต่เพียงลำบากใจกับการที่มรดกของอลิแสตร์ต้องมาขยับไม้ขยับมือแปลกๆแบบนั้น
“…ให้ตายเถอะ ท่านเลียม ท่านกำลังคิดอะไรอยู่กันครับเนี้ย”
เขารู้
ตัวพ่อบ้านนั้นรู้อยู่เต็มอก
ตั้งแต่ตอนที่ร้อยโทแสนสวยคนนั้นอยู่สองต่อสองกับเลียมในค็อกพิทแล้ว
เขากังวลเป็นอย่างมากว่าเลียมนั้นจะทำหมือนกับตอนที่เจอกับอามากิครั้งแรก
แต่นี่ก็เป็นเลียมคนที่หลีกเลี่ยงผู้หญิงจริงๆมาตลอดด้วย
เขากังวลเป็นอย่างมากว่าเลียมนั้นจะสนเพียงแต่หุ่นแอนดรอยซะแล้ว
ถ้าเลียมสามารถสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของผู้หญิงแท้ได้บ้างละก็ เขาก็คงหมดกังวลเรื่องทายาทได้เป็นแน่
แต่ยังไงก็ตามไม่มีเสียงออกมาจาก ไนท์ ตรงหน้าเขาที่กำลังทำมือเหมือนขยำอะไรสักอย่างอยู่
ลุงพ่อบ้านนั้นได้แต่น้ำตาตกให้กับมรดกตกถอดอันล้ำค่าต้องมาทำท่าทางแบบนั้น
เอวิด นั้นสามารถขยับมือได้ราวกับว่าตรงนั้นมันมีหน้าอกอยู่จริงๆเลยก็มิปาน
อย่างน้อยก็ดับเครื่องก่อนสิครับ ถึงเขาจะได้แต่คิดแล้วห้ามไม่ได้ก็ตาม
เพราะดูเหมือนระบสื่อสารจะขัดข้องละนะ
แล้วก็สักพักได้แล้วละนะที่ ยาสุชิ นั้นมีสีหน้าไม่พอใจกับสถานการณ์ตอนนี้
“ไอ้เด็กนี่ แกกำลังขย่ำหน้าอกคุณร้อยโทอยู่สินะ มันนุ่มรึเปล่านะ มันนุ่มมากไหม”
ยาสุชิที่หงุดหงิดกับสภาพตรงหน้า นั้นพยายามตะโกนใส่เครื่องมือสื่อสารตรงหน้าเขา
“เลียมออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ มันจะน่าอิจฉาเกินไปแล้วนะเฟ้ย ออกมาเดี๋ยวนี้เลยได้ยินไหม เลียม เลียมว้อย”
ถึงเขาจะทำตัวสงบ ต่อหน้าเลียมแต่นอกจากนั้นธาตุแท้เขาก็จะโผล่ออกมาทันที
พ่อบ้านไบรอันนั้นก็ไม่เชื่อใจเขาเช่นเดียวกันกับอามากิ
(ทำไมไอ้คนแบบนี้ที่ทำให้ท่านเลียมเติบโตได้ถึงเพียงนั้นกัน)
พวกเขาเอาชายคนนี้ออกไปไม่ได้เพราะเขายังสร้างผลงานได้ แล้วถึงแม้จะบอกเรื่องไม่ดีของเขาไปเลียมก็คงเมินเฉยด้วยความเคารพต่อตัวอาจารย์ของเขาอีก
แล้วเขาก็ยังไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากมาย ไบรอันเลยเก็บเรื่องพวกนี้ไว้ในใจ
ถึงไบรอันจะดีใจตอนที่รู้ว่ายาสุชิบอกให้อามากิซ่อมมรดกของอลิแสตร์
แต่ก็นับว่าแปลกมากเพราะตามปรกติแล้วอามากิที่มองแต่ความคุ้มค่าเป็นหลักจะไม่มีทางยอมส่ง เอวิด ไปซ่อมแน่ๆ
และดูเหมือนตอนนี้ยาสุชินั้นจะเปลี่ยนมาโวยวายแทนซะแล้ว
“ชั้นบอกให้ออกมาไงเล่า ไอ้เด็กเปรตนี่”
พูดจบยาสุชิก็โดน อามากิก็หันไปส่งสายตาอาฆาตในทันที
พอรู้สึกตัวเขาก็เริ่มขอโทดขอโพยทันที
“ขะ ขออภัยดูท่าข้าน้อยจะตื่นเต้นไปนิดนึง”
ยาสุชินั้นได้แต่ทำท่าทีน่าเวทนาออกมาเพียงแค่โดนอามากิจ้องใส่
-ไอ้คนแบบนี้เนี้ยนะเป็นปรมาจารย์ดาบ
ไบรอันนั้นไม่มีทางจะเชื่อได้เลยเด็ดขาด
***
(ไอ้เด็กเปรต ความแค้นนี้ข้าจะไม่มีวันลืมแน่นอน)
ยาสุชินั้นแค้นลูกศิษย์ตัวเองที่ได้อยู่ในสถานการณ์อันแสนน่าอิจฉากับสาวงามเป็นอย่างมาก
แต่เขาก็กลัวเลียมจะบั่นหัวเขาเหมือนกันถ้าเขาโวยวายไป ก็เลยเอาความคับแค้นมาใส่กับการฝึกแทน
ถ้าจะให้พูดก็คือ เขาเป็นพวกปลาซิวปลาสร้อยที่เจ้าคิดเจ้าแค้นนั่นแหละ
“ท่านเลียม ข้าน้อยยังเห็นว่าสั่นอยู่เลยนะขอรับ”
“จะ – จะระวังครับ”
เลียมตอนนี้นั้นปิดตายืนโซเซอยู่บนท่อนซุง แล้วยังไม่พอแค่นั้นเขายังต้องเหวี่ยงดาบคาตานะที่ออกแบบมาเป็นพิเศษจนหนักกว่าปรกติหลายเท่า
แล้วยังมีต้องเดินบนเชือกแล้วก็ฝึกไปด้วยก็มี
ทั้งหมดก็แค่เลียมไปโดนหน้าอกของสาวที่เขาหมายตา
“อย่าเหวี่ยงดาบตอนที่ท่านยังยืนได้ไม่มั่นคงสิ เริ่มใหม่ตั้งแต่แรกขอรับ”
เลียมนั้นมีท่าทางที่เหนื่อยหอบและเหงื่อไหลอย่างมาก
ที่ยาสุชิตั้งมั่นจะทำคือจะทรมาณเลียมโดยให้เขาใช้ร่างกายให้ถึงขีดสุดนั่นเอง
“เราจะฝึกการเคลื่อนไหวต่อจากนี้แล้วไม่มีเวลาให้พักหรอกนะขอรับ”
“รับทราบครับ”
เลียมตอบกลับอย่างขันแข็ง แต่ถึงเขายังไม่พอใจ
พอเจอกับเลียมที่ทำสิ่งที่เขาเอามาแกล้งเลียมต่างๆนาๆได้ก็เริ่มท้อใจแทน
(ถึงข้าจะให้มันทำแต่เรื่องบ้าๆบอๆ แต่มันดันกลับทำได้ทั้งหมดขนาดข้ายังทำไม่ได้เลยเนี้ย โคตรอายเลยอ่ะ ยอมๆบ้างเห้อไอ้หนู)
ผู้หมวดนั้นอยู่ที่คฤหาสน์นี้ประมาณเดือนนึงได้กลับไปแล้ว โดยระหว่างที่เธออยู่ก็ได้มีอธิบายถึงวิธีซ่อมแซมและสอนการขับขี่ไนท์ให้นั่นเอง
เธอบอกว่าจะกลับมาตรวจเช็คซ้ำอีกรอบ โดยในคราวนั้นยาสุชิได้ตั้งมั่นว่าจะต้องรู้ชื่อและขอที่ติดต่อให้ได้
“ขายังสั่นอยู่นะดูท่าจะยังฝึกไม่พอนะขอรับ”
“อึก ผมจะฝึกให้หนักขึ้นไปอีกครับ”
“งั้นเหรอขอรับ ถ้างั้นต่อจากนี้เราจะฝึกกันหนักยิ่งกว่านี้เอง”
การฝึกนั้นหนักขึ้นเรื่อยๆเพียงเพราะแค่ความอิจฉาของยาสุชินั่นเอง
***
ผู้นำทางก้าวเดินออกมาจากประตูข้ามมิติ
เขายืนอยู่บนหลังคาของคฤหาสน์
เขาที่ยืนมองด้วยความคาดหวังอย่างสูงเฉียดฟ้าไปกับสิ่งที่เขาจะพบเจอ
“เอาละครับ อยู่สบายดีมีสุขไหมละครับเนี้ยคุณเลียม”
ถึงเลียมจะมีสภาพเป็นอยู่ที่ดีกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก
แต่นั่นก็ยิ่งเป็นข้อดีที่ทำให้เขาปลาบปลื้มเวลาได้ทำลายมันลงนั่นเอง
ในอีกไม่ช้านี่แหละ
“แหม ดาวดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลย แต่ เดี๋ยวนะ ไอ้มิจฉาชีพนั่นยังมีชีวิตอยู่อีกเรอะเนี้ย”
ถึงเลียมจะรู้ความจริงแล้วฆ่านักต้มตุ๋นนั่นทิ้งก็ไม่ได้มีผลอะไรมากกับเขา
ผู้นำทางในตอนนี้นั้นอยากสนุกกับสถานการณ์ตรงหน้ามากกว่า
ขณะที่เขาหาเลียมอยู่ก็พบกับเลียมที่ยืนอยู่ในสวนของคฤหาสน์
รอบตัวของเลียมนั้นมีท่อนไม้วางอยู่ห่างจากระยะดาบเป็นอย่างมาก
“กำลังฝึกอยู่สินะครับ ขอผมเชยชมหน่อยสิว่าฝีมือคุณมีขนาดไหนแล้ว”
แน่นอนว่าคนที่ผู้นำทางเลือกมานั้นเขาไม่ได้ไร้ความสามารถเพราะอย่างน้อยเขาก็มั่นจะว่ายังสามารถสอนพื้นฐานวิชาดาบให้ได้
แต่ก็ยังไม่อาจเทียบชั้นกับอัศวินจริงๆได้
ถ้าเลียมดันคิดไปเองว่าบรรลุวิชาดาบด้วยระดับแค่นั้นแล้วละก็มันจะยิ่งเป็นเชื้อเพลิงให้ผู้นำทางใช้กับความสนุกในอนาคตได้
ในโลกนี้ความห่างชั้นของพละกำลังแต่ละคนนั้นมันชัดเจนมาก
สำหรับคนที่เข้าแคปซูลเรียนรู้เป็นประจำตั้งแต่เด็กกับคนที่เข้าแค่ครั้งสองครั้งนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
พูดก็คือคนในโลกนี้สามารถเกิดมาเหนือมนุษย์ได้ทั้งหมด
ขุนนางกับอัศวินที่ถูกสอนมาอย่างดีตั้งแต่เด็กนั้นจึงแข็งแกร่งเป็นเรื่องปรกตินั่นเอง
ยิ่งอัศวินนั้นยังเรียกว่าเหนือไปได้อีกขั้น เพราะพวกเขาสามารถรับมือกับปืนได้ด้วยดาบนั่นเอง
ขณะนั้นเองเลียมก็ดันซึบะดาบด้วยนิ้วโป้งข้างซ้าย ออกมาเล็กน้อยพอสิ้นเสียงที่ดาบกลับเข้าฝักนั้น…
ผู้นำทางได้แต่อ้าปากค้าง
“…หีม”
แทบจะทันที ท่อนไม้รอบตัวเขาก็โดนผ่าครึ่งในทันที
ทุกท่อนนั้นโดนฟันขาดออกอย่างสวยงามทั้งหมด
“หะ หืมมมม”
ผู้นำทางตัวค้างในทันที
ในช่วง 30ปี ที่เขาปล่อยเลียมนั้นกลับมาอีกทีเขาก็แข่งแกร่งขึ้นมาอย่างบ้าบอสุดๆไปซะแล้ว
ทั้งแอนดรอยและพ่อบ้านต่างปรบมือให้กับเลียม
“ยอดเยี่ยมมากค่ะ นายท่าน”
“ไบรอันคนนี้ตื้นตันกับวิชาดาบของท่านเลียมมากๆเลยครับ”
เป็นภาพที่เหลือเชื่อมาก
ทั้งพลังกายและการใช้พลังเวทย์ของเขานั้นเรียกว่าพุ่งทะลุเพดานไปซะแล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเองในโลกที่จะมาถึงจุดๆนี้ได้
แต่ที่น่าตะลึงไปกว่านั้นคือเลียมดูท่าจะยังไม่พอใจอีกด้วย ระหว่างที่เช็ดเหงื่อด้วยผ้าที่อามากิส่งมาให้
“แค่นี้ยังเทียบชั้นกับดาบของอาจาร์ยไม่ได้หรอก ทั้งๆที่อยากให้เขาสอนมากกว่านี้อีกแต่อยู่ๆเขาก็มอบใบรับรองนักดาบให้แล้วก็จากไปซะแล้ว”
ผู้นำทางเริ่มลนลาน
(ไอ้นักต้มตุ๋นนั่นมันทำอะไรกันเนี้ย มันสอนอะไรให้เขากันครับเนี้ย)
เรียกหน้าต่างภาพมากมายออกมาแล้วเขาก็ดึงภาพที่มียาสุชิซึ่งกำลังเมาเหล้าได้ที่ขึ้นมา
ยาสุชิกำลังนั่งคุยอยู่กับผู้หญิงที่นั่งข้างๆเขาในบาร์แห่งหนึ่ง
[…ไอ้เด็กนั่นมันเป็นตัวอะไรกัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย]
[พูดถึงลูกศิษย์ของเธออีกแล้วเหรอจ้ะ ยาสุชิ]
ยาสุชิเริ่มบ่น
[ไอ้ชั้นนะมันก็แค่นักดาบด้อยชั้นเองนะ เป็นแค่สวะชั้นสาม ชั้นสี่เอง แต่ตอนไปถึงก็เตรียมใจไปสอนพื้นฐานให้เท่าที่จะได้นั้นแหละแต่พอรู้สึกตัวอีกทีแค่ 10ปี มันก็เก่งกว่าชั้นไปแล้วไม่พอผ่านไปอีก 10ปี มันก็อยู่เกือบถึงจุดสุดของวิชาดาบไปแล้ว]
ผู้หญิงข้างๆก็เริ่มหัวเราะแล้วคิดว่ายาสุชิกำลังเล่าเรื่องตลกอยู่
[แล้วใน 10ปี สุดท้ายเขาก็เป็นปรมาจารย์ดาบใช่ไหมล่ะ แหม เป็นมุขที่ตลกมากๆเลยนะ]
ฝ่ายหญิงนั้นไม่เชื่อเขา
แต่ยาสุชิก็ตอบกลับเสียงแข็ง
[นี่เรื่องจริงเลยนะ ไอ้เด็กนั่นตอนก่อนชั้นจะหนีมามันถึงกับบอกให้ชั้นเปิดโรงฝึกที่ดาวมันอีกเนี้ย ไม่ไหวหรอกไอ้แบบนั้นนะ ชั้นกลัว โคตรกลัว ก็เลยรีบหนีมามันไม่ตลกเลยนะที่ต้องอยู่ใกล้ๆไอ้คนที่ฆ่าคนอื่นได้โดยที่แทบไม่เห็นว่ามันชักดาบนั่นนะ]
มุขหากินข้างถนนเขานั้นโดนเอาไปสร้างเป็นวิชาลับไปเรียบร้อย
เลียมนั้นเก่งจนบ้าบอถึงขนาดนั้นเลยละ
ผู้นำทางปิดภาพตรงหน้าพลางกุมขมับ
-เขารู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
สาเหตุก็เพราะตัวเลียมนั่นเอง
ความรูสึกขอบคุณ ความรู้สึกในแง่ดีของเลียมนั้นส่งผ่านมาสู่ตัวเขา
เขานั้นได้ยินแม้แต่เสียงขอบคุณในใจของเลียมอีกต่างหาก
(ชั้นนี้โชคดีจริงๆที่ได้เรียนวิธีแห่งดาบกับปรมาจารย์ดาบที่น่านับถือขนาดนั้น แล้วดาวของขั้นที่จากแห้งแล้งก็เริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ตอนแรกก็นึกว่าโดนหลอกซะแล้วแต่ที่ไหนได้ผู้นำทางนั่นพูดความจริงสินะ ต้องขอบคุณเขามากๆเลยจริงๆ)
-ขอละ ไม่เอาได้ไหม
ความรู้สึกพวกนี้เป็นสิ่งที่ผู้นำทางเกลียดเป็นอย่างมาก
ถึงเขาจะชอบความรู้สึกด้านลบแต่ของอย่างพวกคำขอบคุณหรือความรู้สึกเป็นบุญคุณนั้นมันแทบจะทำให้เขาอยากอาเจียนเลยทีเดียว
แล้วยิ่งความรู้สึกของเลียมนั้นมากมายมหาศาลอีกด้วย
“ผมจะทำยังไงดีละทีนี้”
ในเมื่อเขามาถึงจุดนี้แล้ว ผู้นำทางที่รู้สึกจะอาเขียนก็คิดว่าถึงเวลาที่จะต้องปิดฉากเลียมได้แล้ว