[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว - ตอนที่ 021:งานกำจัดโจร⑤ (สี่จตุรอาชาแห่งทัพจอมมารเบเลียล)
- Home
- All Mangas
- [นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
- ตอนที่ 021:งานกำจัดโจร⑤ (สี่จตุรอาชาแห่งทัพจอมมารเบเลียล)
021:งานกำจัดโจร⑤ (สี่จตุรอาชาแห่งทัพจอมมารเบเลียล)
ลูน่าฉีกยิ้มออกมา
กำปั้นขนาดใหญ่กำลังเข้ามาในสายตาของฉัน
หากเป็นกำปั้นที่ปล่อยจากร่างขนาดใหญ่แม้แต่อัศวินชุดเกราะเต็มยศก็คงตายในหมัดเดียว
แต่ว่าสิ่งที่กระแทกเข้ากับกำปั้นนั่นก็คือภาพติดตาของลูน่า
พื้นหินแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยเสียงคำราม
ลมหายใจไหลออกมาจากปากจระเข้
――อา นี่สิการต่อสู้ที่ควรจะเป็น
เธอหุบยิ้มไม่ได้
หากพลาดเพียงนิดเดียว ตายทันที
――อา นี่แหละการต่อสู้ที่แท้จริงฆ่ากันให้ตายไปข้าง
หัวใจดวงนี้กำลังพองโต
สิ่งที่ผุดมาจากจิตใจคือจิตวิญญาณของนักสู้ที่อยากจะสังหารฝ่ายตรงข้าม
ความรู้สึกของความสำเร็จที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ด้วยการเอาชนะตัวตนที่แกร่งกว่าตนเอง
เธอจำความรู้สึกเหล่านั้นได้ตอนที่เอาชนะการต่อสู้กับจอมมารแบบตัวต่อตัว
「กว่าจะมีวันดีๆขนาดนี้ ข้าต้องลำบากยากเข็ญมามากขนาดไหน」
ด้วยผมสีเงินแวววาวของเธอ ลูน่ากระโดดไปด้านข้างพร้อมกับลงจอด
ในไม่กี่สิบวินาทีกำปั้นขนาดใหญ่ก็ต่อยลงบนพื้นที่ว่างเปล่า
เมื่อเธอได้สู้กับจอมมารในชาติก่อน เวทีคือปราสาทจอมมารและเพื่อนของเธอที่ตายกันตั้งแต่โดนการโจมตีชุดแรก
นั่นเป็นเหตุผลที่ตัวเธอก้าวข้ามจอมมารด้วยทักษะที่เรียนรู้มาตลอดชีวิต
ช่วงเวลานั้นช่างแสนคิดถึง
หัวใจที่เต้นรัวนำมาซึ่งความสุขยิ่งกว่ากับการได้กอดกับคนที่รัก
ช่วงเวลาที่เซลล์ทั้งหมดต้องทำงานเพื่อชีวิต
ภาพตรงหน้าที่ต้องอัพเดททุกวินาที
โลกที่เห็นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ทิวทัศน์เปล่งประกายด้วยสีสันราวกับลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก
ลูน่าเต้นรำเหมือนกับนักบัลเล่ห์หลบการโจมตีของปีศาจ
「ยัยเด็กเวร หลบเก่งจริงๆ!!」
「เฮ้ เบเลียล ข้าขอถามคำถามโง่ๆหน่อยได้ไหม……………..ตอนนี้ เจ้าน่ะกำลังสนุกอยู่รึเปล่า?」
เธอถามสัตว์ประหลาดตรงหน้าที่กำลังโกรธจัด
กำปั้นทะลวงภาพติดตาของลูน่าอีกครั้ง
「หนอยแน่!!!」
「สนุกหรือไม่สนุกไหนบอกข้าทีสิ? ถ้าเจ้าไม่สนุกงานเลี้ยงมันก็กร่อยกันพอดี」
――วิชาสำนักมังกรซากุระ สิงห์คำราม(獅子吼)!!
เธอเหวี่ยงหมัดอีกครั้งกระแทกกำปั้นลง และดันมือลงไปในแขนของเขาขณะที่พื้นถูกบดขยี้
กร๊อบ แขนของเขาบิดไปในทิศทางที่ไม่ควรจะเป็น
เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของเบเลีบล
ร่างกายโค้งงอด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่มีเวลาพักหายใจ
ลูน่าวิ่งขึ้นมาโดยจับแขนเขาบิดไปในทิศตรงข้าม
ลูน่ากระโดดขึ้นมาบนไหล่เขาและลงจอดที่ศีรษะของเขา
――วิชาสำนักมังกรซากุระ พยัคฆ์จู่โจม!!
กร๊อบ!!
แรงกระแทกหลายร้อยตันทำให้ศีรษะผิดรูป และร่างกายของเขาก็พลิกคว่ำ
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก เสียงคำรามดังก้องไปในอากาศ
ในทางกลับกันลูน่ากระโดดถอยหลังราวกับจะปลดปล่อยแรงกระแทกในกำปั้นของเธอแล้วซัดต่ออีกครั้ง เธอเตะเข้าที่หัวของเบเลียลที่กำลังล้มลง
「อ่อนหัดนัก!!」
「อะไรฟะ!?」
เบเลียลอ้าปากที่เหมือนจระเข้ออกมา
แสงจางๆปรากฏขึ้นมาในลำคอ
「ตายซะเถอะ!!」
ตู้มมมมมมมมมมมมม!!
ลมหายใจแห่งแสง
สำแสงทำลายล้างทำลายเพดานทะลุขึ้นไปยังโบสถ์ด้านบน
เมื่อลมหายใจสงบลง ก็มีรูขนาดใหญ่บนเพดาน
「ฮะฮะฮ่าฮ่าฮ่า! เป็นยังไงล่ะไอ้เด็กเวร !! โทษฐานที่เยาะเย้ยกระผมจะต้องตายเป็นพันครั้ง!!」
เสียงหัวเราะแปลกๆดังก้องกังวาล
แต่เสียงหัวเราะของเขาก็ต้องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝั่ง
「วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!สุดยอด สุดยอดมาก!! ลมหายใจของเจ้า ! ดูสิ รูใหญ่เบ้อเร้อเลย!!」
「หนอยยยยยยยยยยยยยยยย!!!」
เธอหัวเราะออกมาดังๆด้วยผมสีเงินอันยุ่งเหยิงราวกับกำลังจะกลิ้งไปบนพื้น เบเลียลจ้องมอง
ดวงตาที่จ้องมองเพดานมองมาที่เบเลียล
「ฮะฮ่าฮ่าฮ่าขำกลิ้งเลย สนุกมากเลยที่ได้เห็นพวกเราได้ฆ่ากันเองแบบนี้ สนุกใช่ไหม?」
「แก…….เป็นใคร……」
「โฮร่า โฮร่า ข้าก็แค่เด็กอายุ 7 ขวบที่ผ่านทางมา」
เบเลียลคร่ำครวญ
ในขณะที่เขามอง มันเป็น “บางสิ่ง” ที่อยู่ในร่างของมนุษย์เท่านั้น
อารมณ์ที่ไม่รู้จักความกลัวแล่นเข้าร่างกายของเขาราวกับบอกให้หนีสุดชีวิต
แต่ว่าด้วยศักดิ์ศรีของจตุรอาชา เบเลียลจึงเพิกเฉยต่อความรู้สึก
「แล้วมีไพ่ตายอะไรเด็ดให้ข้าดูอีกมั้ย?」
「หนอยแน่!!!」
ราวกับว่าถูกล้อเลียนเขาลุกขึ้นพร้อมสยายปีกค้างคาวบนหลัง
เธอกระโดดลงพื้นด้วยความตื่นเต้น
「ไอ้เด็กเวร!! แกมันไม่ใช่มนุษย์ จะขุดหลุมฝังแกลงนรกเดี๋ยวนี้ล่ะ!!」
ใบหน้าของเบเลียลขยับและทันทีที่ลุกขึ้นก็ใช้ปีกลอยขึ้นไปบนอากาศ
「โอ้ววววว?」
เพดานเริ่มพังทลาย
ปีศาจตนนี้บินหนีออกจากใต้ดิน
เขาพยายามบินฝ่าขึ้นไปโดยคิดว่านี่คือทางรอดเดียว
「ใครจะยอมฟ้าาาาาาาา มาเล่นกันต่อเร็ว」
――วิชาสำนักมังกรซากุระ อาภรณ์สายฟ้า!
บะคู้มมมมมมมมมมม!
จากนั้นภายใต้รูที่เบเลียลพยายามจะหนีก็มีสายฟ้าสีม่วงทะลวงมาจากด้านบน จนเขาต้องบิดตัวหันหลังกลับ
「อะเฮือก?!」
ของเหลวในร่างกายไหลออกมาจากปากจระเข้
ดาบแห่งแสงฟันเข้าที่สีข้างของเขาทะลุผ่านช่องว่างของไหล่
「อุว๊ากกกกกกกกกกกกกก……」
เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทัวเบเลียลล้มกระแทกกับพื้น
อัศวินยังคงต่อสู้กับร่างสีดำต่อไป แต่ก็หยุดในทันที ตกใจกับร่างขนาดใหญ่ที่ร่วงลงจากท้องนภา
「โอ๊ะ ขอโทษที แกนี่อ่อนชะมัดเลยน้า ไม่ทนมือทนบาทาเอาซะเลยจนเผลอทะลวงเข้าไป แฮะ แฮะ」
ลูน่าลงจอดออกห่างไปไม่กี่เมตรโดยที่สะแยะยิ้มออกมา
เชือกที่มัดผมเอาไว้คลายออก
「ถึงเวลาเผด็จศึกสักทีนะ พอจะเข้าใจความสามารถของแกคร่าวๆแล้ว และการกลั่นแกล้งคนอ่อนแอมันไม่ใช่งานอดิเรกของฉัน」
เด็ก 7 ขวบ อ้ามือเล็กๆของเธอ
อย่างไรก็ตามเบเลียลลุกขึ้นพร้อมกับคำรามออกมา ซึ่งของเหลวยังคงไหลไม่หยุด
「เฮ้อยังจะฝืนจนวินาทีสุดท้าย ถ้างั้นก็หลับฝันดีจากชาตินี้ยันชาติหน้าวะค่ะ」
เธอพูดเช่นนั้นและกำมือไว้ที่อกจากนั้นย่อตัวลง
――วิชาสำนักมังกรซากุระ
แสงสว่างขึ้นบนฝ่ามือของลูน่า
แสงสีน้ำเงินขาวเปล่งประกายดึงดูดอนุภาคโดยรวมและเปล่งประกายใหญ่ขึ้น
「ใครจะยอม……」
ฟู่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
แสงประกายจางๆก่อตัวขึ้น
「โอร่าาาาาาาาาาาาาาาาาามากกว่านี้อีก มากกว่านี้…………」
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมม――。
แสงพองใหญ่โตจนไร้ขีดสิ้นสุด
แสงจางๆเปล่งประกายสีทองในที่สุด
――พลังปราณที่ถูกปลดปล่อยออกมาจำนวนมากจากร่างกายของมนุษย์。
พลังงานที่ทะลุขีดจำกัด เมื่อมันทะลุเพดาน มันจะปรากฏสู่สายตาให้ผู้คนธรรมดาได้เห็น และยิ่งมันขยายตัวออก มันจะกลายเป็นพลังงานที่มีความหนาแน่นสูงคล้ายปฏิกริยานิวเคลียร์ฟิชชั่น
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากปลดปล่อยพลังงานที่เหมือนกับระเบิดนิวเคลียร์
คำตอบนั้นชัดเจน มันจะสร้างรังสีความร้อนขนาดใหญ่พร้อมกับพลังทำลายร้ายที่จะถูกปลดปล่อยสู่เป้าหมาย
มันเป็นพลังแห่งการทำลายล้างที่แม้แต่พระเจ้าและจอมมารไม่สามารถต่อกรได้และไร้ผู้ใดต่อกร
พลังที่แท้จริงซึ่งครั้งหนึ่งทำลายได้แม้กระทั่งปราสาทจอมมารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวกำลังพุ่งเข้าหา เบเลียล ที่กำลังปล่อยลำแสงออกจากปาก
「――โอร่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!」
เสียงทั้งหมดถูกกลบด้วยเสียงคำราม
เสาแสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือของลูน่า
มันลบพลังของเบเลียลจนหมดสิ้นและแม้แต่ร่างกายที่ใหญ่โตกว่ามนุษย์หลายเท่าก็มลายหายเป็นฝุ่น
จตุรอาชาของทัพจอมมาร
นี่คือช่วงเวลาที่ปีศาจหนึ่งในจตุรอาชาถูกลบหายออกจากโลกใบนี้ และไม่มีทางกลับมาได้อีก
――และลูน่าที่ปลดปล่อยพลังออกไปก็มองเข้าไปในความว่างเปล่าพร้อมกับแสงเปล่งประกายระยิบระยับ