[นิยายแปล] เจ้าหญิงแวม Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru - ตอนที่ 9 บทที่ 1 ตอนที่ 9 เหล่ามอนสเตอร์ที่เริ่มเคลื่อนไหว
- Home
- All Mangas
- [นิยายแปล] เจ้าหญิงแวม Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru
- ตอนที่ 9 บทที่ 1 ตอนที่ 9 เหล่ามอนสเตอร์ที่เริ่มเคลื่อนไหว
“เวรเอ้ย ไอ้หมาบ้า หยุดวิ่งไปวิ่งมาได้แล้ว!”
โจอี้ฟาดดาบไปสุดแรง แต่หมาป่ามองวิถีดาบของเขาออก มันจึงหลบและหลุดออกจากระยะได้อย่างง่ายดาย
“―รีบกระโดดไปทางขวาเร็ว!”
โจอี้ได้ยินคำสั่งจึงกระโดดออกขวาทันที ในจุดที่เขาเคยยืนอยู่นั้น หมาป่าอีกตัวหนึ่งแอบเข้ามาจากด้านหลังก็งับอากาศอย่างแรงจนเกิดเสียงฟันขบกันดังปั๊ก
“รักษาระยะห่าง แล้วก็ทำให้ทั้งสองตัวอยู่ในสายตาตลอดด้วย!”
เมื่อได้รับคำสั่ง โจอี้จึงตั้งดาบของเขาขึ้นและสร้างระยะห่างระหว่างพวกมัน
“―บ้าเอ๊ย อีกนิดเดียวแท้ๆ!”
ฮิยูกิซึ่งนั่งอยู่บนหินที่ห่างออกมานิดหน่อย มองดูสถานการ์ณพร้อมร่มกันแดดของเธอ ขมวดคิ้วลงเมื่อได้ยินคำพูดหัวเสียของโจอี้
“…มันใช่ ‘อีกนิดเดียว’ ซะที่ไหน นั่นเรียกพลาดเต็มๆเลยต่างหาก การเคลื่อนไหวของนายมันซื่อตรงเกินไป แล้วก็เหวี่ยงดาบซะกว้างมันก็เลยหลบง่ายๆ แถมหลังจากเหวี่ยงดาบนายยังเสียสมดุลอีก ก็เลยเปิดช่องโหว่งเต็มไปหมด ตอนนี้นายดูเหมือนกำลังเหวี่ยงจอบอยู่ในทุ่งนามากกว่าอีก”
เมื่อโดนคำพูดจี้จุดแบบนั้น ใบหน้าของโจอี้ก็แดงขึ้นมา
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่ ที่จริงข้าทำงานในฟาร์มตั้งแต่เริ่มจำความได้แล้ว ..แล้วข้าก็มาที่เมืองก็เพื่อลดภาระปากท้องให้ที่บ้าน จากนั้นก็เข้าฝึกฝนกับกองกำลังรักษาความสงบ พวกเขาบอกว่าข้าทำได้ดีแล้ว!”
“นั่นเป็นเพราะแรงช้างของคนวัยหนุ่มต่างหาก ถ้าจะเหวี่ยงดาบด้วยแรงช้างสารแบบนี้ ก็คงเอาไปอวดว่าแกร่งที่สุดในหมู่บ้านได้แหละ แต่เทียบกับการตอบสนองของมอนสเตอร์มีชีวิต แค่การโจมตีแบบนั้นไม่มีทางโดนหรอก”
ขณะที่ยืนจ้องตากับหมาป่าสองตัวที่ขู่คำรามอยู่เบื้องหน้า โจอี้ก็ทำปากยื่น
“งั้นข้าต้องทำยังไงเล่า?”
“จับตาดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามซะ อย่าแกว่งดาบไปเรื่อยยกเว้นเพื่อหลอกล่อ เจ้ามอนสเตอร์นั่นคือหมาป่าใช่ไหมละ? วิธีโจมตีของมันมีแค่การกัดเท่านั้น ซึ่งนั่นสิ่งเดียวที่นายต้องระวัง จากนั้นก็สังเกตุรูปแบบการโจมตีของมัน มันเลือกที่จะเล็งแต่ขาของนายเพื่อสกัดการเคลื่อนไหว แล้วค่อยเล็งที่คอที่เป็นจุดตาย แต่การเคลื่อนไหวหมาพวกนี้ก็ยังเรียบง่าย เพราะงั้นนายน่าจะรับมือกับมันได้แม้ว่าหมาจะกระโดดไปมาก็เถอะ –อะ ที่เท้า!”
หมาป่าที่เล็งเห็นว่าโจอี้หันความสนใจไปยังคำพูดของฮิยูกิ มีตัวนึงค่อบๆคืบคลานมาตามพื้น โจอี้ที่ได้รับการเตือนก็แกว่งดาบไปที่แถวเท้า แล้วก็ฟันโดนหมาป่าโดยบังเอิญ
“–เอ๋ง!!”
“เย้–” “อีกตัวมาแล้ว! หลบไม่ได้ แทงซะ!”
ไม่ทันได้ซาบซึ้ง คำสั่งของฮิยุกิก็มาอีกครั้งทันที โจอี้ที่เงยหน้าขึ้นก็พบกับปากกว้างสีแดงสดของหมาป่าที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลอยู่ตรงหน้า เขาแทงดาบออกไปโดยสัญชาติณาน และรับรู้ได้ถึงความรู้สึกผ่านแขน หมาป่าตะเกียกตะกายอย่างสิ้นหวังทิ้งรอยเล็บไว้บนมือของโจอี้ ไม่นานมันก็หยุดเคลื่อนไหวไป
โจอี้ที่ปิดตาไปกว่าครึ่ง ได้ยินเสียงปรบมือเบาๆ
“ยินดีด้วยที่ทำภารกิจปราบปรามสำเร็จ”
เขาลืมตาขึ้นมาด้วยความขลาดกลัว ใบหน้ายิ้มแย้มของเธอก็ปรากฏในสายตา เมื่อมองลงไปก็มีศพหมาป่านอนตายอยู่ตรงเท้า และอีกตัวที่ตายคาใบดาบของเขาอยู่
ในที่สุดโจอี้ก็เข้าใจความหมายของคำพูดของเธอ
หมาป่าและดาบร่วงออกจากมือที่สั่นไหวเสียงดัง ตุ๊บ โจอี้ที่ความรู้สึกค่อยๆเอ่อล้นขึ้นมา กำมือแน่นแล้วชูขึ้นไปบนฟ้า
“เฮฮฮฮ―!!”
◆◇◆◇
“ว้าว นายทำได้จริงด้วย ยินดีด้วยนะ โจอี้คุง”
มีอาเอ่ยปากชื่นชมเมื่อเห็นฟันเขี้ยวของหมาป่าสองซี่วางอยู่บนเค้าเตอร์ ซึ่งเป็นหลักฐานของการเสร็จสิ้นการปราบปราม
“แหะแหะ ส.บ.ม.ย.ห!”
ต่อหน้าโจอี้ที่ยิ้มแย้มราวกับเด็กนิสัยเสียที่การเล่นแผลงๆได้ผล มีอายิ้มอย่างเหนื่อยใจก่อนจะเบนหน้ามาทางผม
“แล้ว การต่อสู้ของโจอี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ยังมือใหม่ซะส่วนมากนั่นแหละ ครั้งนี้เขาค่อนข้างโชคดีเลยนะ ได้ดูเขาก็น่าสนุกดี”
ผมพูดไปขณะยักไหล่ โจอี้ที่ได้ยินก็ทำหน้าบึ้ง ส่วนมีอานั้น “อย่างที่คิดเลย” พลางกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้
“ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นประสบการ์ณที่ดีสำหรับนายนะ นายต้องรู้จักความกลัวเอาไว้ นักผจญภัยไม่ใช่ทหาร แม้ว่าจะต้องกำจัดศัตรูเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นเป็นอันดับแรกก่อนความปลอดภัยของตัวเองนะ”
อันที่จริง ผมได้ยินมาว่าที่โลกใบนี้นะไม่มีเวทมนตร์ชุบชีวิต หรือยาชุบชีวิตอยู่เลย เมื่อใครซักคนตาย นั่นก็คือจุดจบ
เมื่อต้องรับความเสี่ยงแบบนั้น การเป็นนักผจญภัยก็เป็นเกมเสี่ยงดวงดีๆนี่แหละ ว่ากันตามตรงผมไม่เข้าใจพวกเขาเลย แต่ว่ามันก็คงเหมือนกับมื้อเย็นเมื่อวานนี้ คงเป็นแค่ความทะเยอทะยานของใครซักคน
เพราะงั้นผมถึงบอกให้พวกเขาเลิกไม่ได้ไงละ
มีอาพยักหน้าให้กับคำพูดของผม
“ใช่เลย สำหรับด้านนั้นโจอี้คุงยังคงต้องฝึกอีกเยอะเลย”
“เฮ้ ทั้งคู่หมายความว่าไงนะ! ไม่ดีใจด้วยกันหน่อยหรอ?”
เมื่อเห็นท่าทางราวกับเด็กๆงอน ผมและมีอาก็มองหน้ากันและก่อน ก่อนจะยิ้มอย่างมีเล่ศนัย
“ไม่อยู่แล้ว~ นี่เป็นการสำเร็จภารกิจปราบปรามครั้งแรกของโจอี้คุงเลยนะ ถ้าอยากได้ละก็ ให้พี่สาวคนนี้หอมแก้มไหมละ?”
มีอากระพริบตาใส่พร้อมยิ้มอย่างซุกซน และผมก็เข้าร่วมเล่นกับเธอด้วย
“เป็นความคิดที่ดีเลยนะ งั้นให้เราจุ๊บอีกฝั่งไหมละ จะได้เท่าๆกัน”
“พะ-พะ-พูดอะไรของพวกเธอเนี่ย หยุดเลยนะ!”
หน้าของโจอี้แดงเป็นปลากหมึกต้มไปแล้วแฮะ ผมเล่นเยอะไปรึเปล่านะ?
“..แต่ก็นะ เราเองก็สบายใจเหมือนกัน เพราะเราขอให้เขาพาเที่ยวรอบๆ ถ้าเขาทำภารกิจไม่สำเร็จเพราะเรื่องนั้น เราคงไม่สบายใจ”
เมื่อได้ยินคำของผม มีอาก็หุบรอยยิ้มลงและทำหน้าเคร่งครึม อื้ม เป็นเด็กสาวที่หัวจริงๆนะ
“ไม่สบายใจหรอ…หรือว่า ท่านกำลังจะไปแล้วงั้นหรอคะ?”
“อื้ม คิดว่านะ เราจัดการธุระและเรื่องที่อยากรู้ในเมืองอาระเสร็จแล้ว ก็เลยตั้งใจจะไปเมืองหลวงนะ”
“–ดะ เดี๋ยวก่อนฮิยูกิ! เธอขอให้ข้าพาเที่ยว 2-3 วันไม่ใช่หรอ..แต่วันนี้ก็ไปทำคำร้องปราบปรามกับข้า ข้ายังไม่ทันได้ทำหน้าที่ไกด์นำเที่ยวเลยนะ?!”
“แผนก็คือแผนนั่นแหละ เราไม่ได้ตัดสินใจระยะเวลาตั้งแต่แรกนี่นา? มันก็เลยเลื่อนเร็วขึ้นมานิดหน่อย อา เราไม่จ่ายค่าคำร้องถูกลงหรอกน่า”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นซักหน่อย..”
ผมเลื่อนสายตาจากใบหน้าจ๋อยๆของโจอี้ ไปยังมีอา
“– เอาละ เรื่องของเราก็ตามนี้ ช่วยยุติคำรองของเรากับโจอี้ด้วย”
“เอ๋ อืม เข้าใจแล้วคะ –แต่ว่าจะไม่เป็นไรหรอคะ?”
มีอาส่งสายตาไปทางโจอี้
“อื้ม เราตัดสินใจแล้ว”
เมื่อได้ยินคำนั้นเธอก็ทำสีหน้าซับซ้อนอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าให้ผม ผมเลยพยักหน้าเบาๆกลับไป
เธอรู้ว่าผมอยากจะพูดอะไร ช่างเป็นหญิงสาวมากความสามารถจริงๆ
ผมหันหน้าไปหาโจอี้อีกครั้ง
“โจอี้ แม้จะเพียงเวลาสั้นๆ แต่เราก็ขอบใจสำหรับหลายๆเรื่องนะ นายทำให้เราสนุกกับการได้มาที่นี่มาก แล้วก็นะ นี่ไม่ใช่การบอกลาครั้งสุดท้ายเสียหน่อย เราไว้ใจฝากเงินของเราอยู่ที่นี่จนกว่านายจะเป็นนักผจญภัยเต็มตัว เพราะงั้น จงเป็นมืออาชีพเร็วๆเสีย เมื่อนั้นแล้วเรายินดีจะมาที่นี่อีกครั้ง..”
…แม้ว่ามนุษย์นั้นจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ก็ตาม
ผมที่หวนนึกถึงชีวิตที่แล้ว ก็กลืนคำนั้นลงไปอย่างเงียบๆ
“ฮิยูกิ…ข้า…”
อื้ม ผมรู้ว่านายอยากจะพูดอะไรนะ แต่ว่านะ เพื่อความสุขของนาย ผมไม่อยู่ที่นี่จะดีกว่า
และ สิ่งที่มาทำลายบรรยากาศนี้ คือฝีเท้าหนักๆของชายกล้ามล่ำหน้าโฉด รองหัวหน้ากิลด์ กัลด์ ที่รีบวิ่งลงบันไดมา
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ รองหัวหน้า?”
กัลด์ รองหัวหน้าเมินคำถามของมีอาและตรงเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อยู่พอดีเลยคุณหนู ขออภัยด้วย แต่หัวหน้ากิลด์มีเรื่องอยากจะคุยด้วยนิดหน่อย ช่วยขึ้นไปด้วยกันได้ไหม?”
◆◇◆◇
กลิ่นไหม้ฟุ้งไปทั่ว
มองไปรอบรังของมนุษย์ ก็ไม่มีสิ่งใดเหลือชีวิตอยู่นอกจากลูกน้องของมัน ออร์คคิง จอมปีศาจที่มีเขา 5 เขาบนหัว และขนาดใหญ่เป็นสามเท่าของออรค์ธรรมดา – คำรามออกมาด้วยความไม่พอใจ
ยังไม่พอ อาหารน้อยนิดแบบนี้ไม่มีทางพอ
พวกเราต้องการอาหาร!
ไกลออกไปจากภายในมหาพงไพร ดวงตาของมันจับจ้องไปยังรังของมนุษย์ที่รวมตัวกันเป็นฝูง
ชื่อของรังนั้นคือ อาระ
แม้จะต้องฝ่าฝันเดินทางผ่านป่าและทุ่งหญ้า แต่ก็มีรังเล็กๆของมนุษย์กระจัดกระจาย ถ้าหิวก็กินตรงนั้น
ระหว่างทางคงมีมนุษย์มาขวาง แต่ไม่ใช่ปัญหา
ยังไงซะ ออร์คที่มีอยู่คงซัก 1500 ตัว แล้วปีศาจที่เชื่อฟังอีกซัก 5000 ตัว
ไร้ปัญหาอยู่แล้ว
ราชาปีศาจ ออร์คคิงได้ข้อสรุปในทันที และมอบหมายคำสั่งให้แก่ลูกน้องของมันทุกตัว
ทุ่มทุกอย่างเพื่อบุกอาระ บุกรังของมนุษย์ซะ!
*———-
ข้อความจากผู้แต่ง
ให้โจอี้คุงกับฮิยูกิจังอยู่ด้วยกันซะสิ
ก็มีความเห็นแบบนั้นมาบ้างแหละ แต่ว่าฮิยูกิคิดว่าโจอี้แข็งแกร่งไม่พอนะ ทั้งทางกายภาพและจิตใจ
เชื่อว่าจะมีหลายคนไม่เห็นด้วยแน่นอน(`-д-;)ゞ
ใกล้จะเข้าสู่ช่วงที่ฮิยูกิจังเกิดอาการจูนิเบียวแล้วววว อีกนิดนึงงงงง
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจหรือจะเป็นค่าชานมไข่มุกให้คนแปลก็ได้ทั้งนั้นคะ (แต่ส่วนใหญ่น่าจะไปลงชานมหมด)
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ