[นิยายแปล] เจ้าหญิงแวม Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru - ตอนที่ 3 บทที่ 1 ตอนที่ 3 ชายและหญิง
- Home
- All Mangas
- [นิยายแปล] เจ้าหญิงแวม Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru
- ตอนที่ 3 บทที่ 1 ตอนที่ 3 ชายและหญิง
ข้อความจากผู้แต่ง
ตอนนี้เป็นมุมมองคนอื่นจนกว่าจะถึงเมือง
แค่สงสัยว่าฮิยูกิจังจะดูเป็นยังไงในสายตาคนอื่นนะ
หลังนั้นเดี๋ยวก็ปรับกลับเป็นมุมมองของฮิยูกิแล้วละ
———
“บ้าเอ้ย ไอ้หมาเวร!”
ดาบที่ถูกเหวี่ยงเต็มแรงทำได้แค่ถากๆร่างของหมาป่า แต่ก็ไม่สามารถผ่านขนหนาๆของมันไปได้ ทั้งเจ้าหมาก็รู้จักหลบก่อนจะโดนเข้าจังๆ ก็เลยไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย แถมกลายเป็นการสร้างระยะห่างขึ้นมาอีก
“กรร!!”
แต่ทว่า หมาอีกตัวที่อยู่ข้างหลังก็ใช้จังหวะที่เขาเสียสมดุล และกัดเข้าที่ข้อเท้าของเด็กหนุ่ม
“หวา—?!”
โชคยังดี รองเท้าบูทหนาๆช่วยกันเขี้ยวที่ฝังเข้ามา เขาเลยไม่บาดเจ็บ แต่เจ้าสัตว์ป่าก็พยายามกัดกระชากต่อ หวังจะงับผ่านรองเท้าไป
เขาเตะขาไปมาแต่มันก็ไม่ยอมปล่อย.. ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เด็กหนุ่มรีบคว้าดาบของตัวเอง แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะแทบดาบเข้าไปยังหลังของหมาป่า เจ้าหมาอีกตัวก็พึ่งเข้าใส่ คราวนี้มันมุ่งเป้ามายังคอที่ไร้การป้องกันใดๆ
“หวาาา–?!?”
เขารีบชักดาบกลับมากันโดยสัญชาติญาน แต่สภาพยืนไม่มั่นคงของเขาโดนแรงผลักของหมาป่าทำให้ล้มลง
“อึกก!”
หมาป่าทั้งสองแยกเขี้ยวให้เห็นปากสีแดงสดของมัน เตรียมพร้อมจะรุมฉีกกระชากเขาให้ตาย –แต่จู่ๆ มันกระเด้งตัวออกจากเด็กหนุ่มพร้อมๆกับมองไปรอบๆด้วยความหวาดกลัว จากนั้นพวกมันก็เงยหน้ามองฟ้า
“หงิงง?!”
เหล่าหมาป่าม้วนหางวิ่งหนีหายไปด้วยความเร็วเท่าที่มันจะทำได้ พร้อมเสียงร้องอันน่าสงสาร
“..ระ-รอดแล้วหรอ..?”
จังหวะที่เด็กหนุ่มยังนอนแผ่อยู่กับพื้นบ่นพึมพำกับตัวเอง เงาใหญ่ยักษ์ก็ทาบลงมาจากด้านบน
“วะ-ไวเวิร์น?! มะ-ไม่สิ…นั่นมัน มังกรโบราณ”
ไวเวิร์นของทหารในเมืองหลวงที่ผมเคยเห็นช่างแตกต่างจากเจ้าตัวนี้อย่างมาก มันเป็นสัตว์สี่ขาที่ทั้งตัวใหญ่ยักษ์และทองอร่าม ใหญ่ขนาดที่ว่าน่าจะกลืนไวเวิร์นได้ภายในคำเดียวเลยด้วยซ้ำ
นัยน์ตาสีทองเคลื่อนมาจับจ้องเด็กหนุ่ม ขนทั้งร่างของเขาลุกซุ่ ดวงตาเบิกกว้าง ในครั้งนี้เขาหวาดกลัวจนสุดตัว
“ฮิ–ฮิ๊!!”
เขาทิ้งดาบที่ถืออยู่แล้วลงไปคู้ตัว ณ ตรงนั้น มุดหัวลงจนสุดราวกับแมลง แม้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนเห็นร่างร่างหนุ่งยืนอยู่บนหลังของมังกรโบราณตัวนั้น แต่มันคงเป็นแค่ภาพหลอนจากความกลัวต่างหาก
“….”
แต่ไม่ว่าเขาจะรอนานเท่าไหร่ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้านรอบข้างของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยซักนิด
หรือผมจะรอดแล้ว…?
ในขณะที่เขากำลังค่อยๆยืดคอออกมาเหมือนเต่าเพื่อเช็คสภาพโดยรอบ เขาก็ได้ยินเสียงหญิงสาวที่ไพเราะราวกระดิ่งเงินมาจากด้านหลังของเขา
“ไง NPC นายไม่ใช่ผู้เล่นใช่ไหม?”
◆◇◆◇
เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมาก
นั่นคือความประทับจากเด็กหนุ่ม โจอี้ นักผจญภัยหน้าใหม่ที่พึ่งจะอายุ 15 ในปีนี้
ข้ามองย้อนกลับไปยังเจ้าของคำถามที่ข้าไม่เข้าใจ
“..เทพธิดาแห่งดวงจันทร์”
ข้าเผลอหลุดปากออกไป เพราะตรงนั้นมีเด็กสาวที่งดงามอย่างไม่น่าเชื่อยืนอยู่
ผิวขาวผ่องบริสุทธิ์ไร้ริ้วรอยของเธอราวกับถูกเคลือบด้วยแสงจันทร์ เส้นผมสีดำขลับยาวลงมาถึงช่วงเอวดำขลับราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดวงดาวกระจายไปทั่ว ดวงตาสีแดงของเธอทอประกายลึกลับราวกับจะมองทะลุได้ทุกสิ่ง หญิงสาวคือได้ขึ้นชื่อว่าสาวงามประจำเมืองที่ถูกเลือกมาจากงานเทศกาลทุกๆปีเป็นได้แค่ฟักทองหรือหุ่นไล่กาเมื่อมองดูใบหน้าเล็กๆของเธอ
ความงามจนลืมหายใจของเธอถูกนิยามได้แค่ “หาที่ใดเปรียบ” หรือ “งามล่มเมือง” เหมือนที่มีบ่อยๆในเทพนิยายเท่านั้น
“—พอได้ยินคำชมตรงๆขนาดนั้นมันก็ลำบากใจนิดๆนะรู้ไหม”
เด็กสาวหลุบตาลงแล้วเขี่ยแก้มตัวเองด้วยนิ้วเรียวในท่าทางเขินอาย โจอี้ถึงพึ่งระลึกได้ว่าคนตรงหน้าเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขากลับมาตั้งสติได้ และลุกขึ้นจากพื้นช้าๆ เก็บดาบที่ร่วงอยู่เข้าฝัก ปัดฝุ่นทรายตามตัวเบาๆ และหันหน้าเข้าหาเด็กสาว
เธอดูมีอายุประมาณ 10 ถึง 12 ปี ใส่ชุดกระโปรงสีดำยาวประมาณเข่าที่ราคาคงจะเกินจินตนาการ ตกแต่งด้วยดอกกุหลาบประดับที่เหมือนของจริงสีแดงตรงนั้นตรงนี้
อันที่จริง เสื้อผ้านี้เข้ากันกับเด็กสาวลึกลับนี้อย่างลงตัว ตั้งแต่ที่คาดผม ถุงเท้ายาวสีขาว และรองเท้าส้นเตี้ยที่ต่างตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีแดง
แสงวิบวับที่เป็นประกายมาจากทั่วของเสื้อผ้าเธอไม่ใช่ลูกปัดแก้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นอัญมณีบางอย่าง
พร้อมกับร่มกันแดดที่ตกแต่งด้วยระบายลูกไม้อย่างฟุ่มเฟือย เธอช่างให้ความรู้สึกราวกับเจ้าหญิงที่ได้รับการปกป้องอย่างดี ที่ข้าจะไม่มีทางจินตนาการว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้เลย
ช่างผิดที่ผิดทาง
ข้าคงหาคำสั้นๆมาพูดได้แค่นี้ มันก็มีอีกหลายอย่างที่ข้าอยากจะพูด แต่ตอนนี้มีสิ่งสำคัญที่ข้าต้องรู้ก่อน
“เอ่อ คือ เมื่อกี้ ไม่ได้มีมังการโบราณสีทองบินอยู่แถวนี้หรอกหรอ?!”
ได้ยินคำดังนั้น ดวงตาของเด็กหญิงก็กลอกไปมา
“–อื้อ ตัวนั้น บินไปไหลแ้วก็ไม่รู้นะ สุดยอดเลยเนอะ”
“ทางโน้นนะ ไวสุดๆ” เธอพูด ชี้นิ้วไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
“..อะ..อา งั้นหรอ ขอบใจนะ”
โจอี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เด็กสาวมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็๋มใบหน้า
“หืมม ท่าทางของนายแทบไม่ต่างไปจากคนทั่วไปเลยนะ? หรือบางทีอาจจะเป็น AIรึเปล่า”
ว่าแบบนั้นแล้วก็พยักเข้าใจกับตัวเอง
ขณะที่โจอี้ผู้ถูกทำเหมือน “คนทั่วไป” ดูไม่พอใจนิดหน่อย
“ข้าขอบอกไว้ก่อนว่าข้าคือนักผจญภัยมืออาชีพ อย่าคิดว่าข้าจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปสิ” เขาว่าพลายยืดอกใส่
เด็กสาวได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง เธอมองเด็กชายด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับเด็กน้อย
“เห~ นักผจญภัยหรอ! น่าตื่นเต้นจังที่ได้เจอนักผจญภัยตัวจริงมาผจญภัยจริงในชีวิตจริงนะ”
เมื่อได้รับการตอบรับที่ไม่คาดคิดกระตุ้นเข้า โจอี้จึงเอาบัตรนักผจญภัยออกมาจากกระเป๋าหน้าอกแล้วโชว์เธอ
“ใช่แล้ว นี่ไงบัตรกิลด์นักผจญภัยเป็นหลักฐาน”
เธอไม่รุ้ว่ามันทำมาจากอะไร แต่บัตรโลหะบางๆนี้มีข้อมูลชื่อของโจอี้, สังกัด, เลเวล, และข้อมูลอื่นๆ ที่เด็กสาวมองดูอย่างตั้งอกตั้งใจ
“โจอี้ อลัน 15ปี นักผจญภัยอาระ.. อ๋อ สมาชิกกิลด์ของเมืองอาระนี่เอง แรงค์ F นักดาบ …ไม่ใช่นักสู้แต่เป็นนักดาบหรอ เขาก็มีดาบด้วยสิ ไม่มีประวัติผิดกฏ ใช่แต่ฮิรางานะกับคาตะคานะนี่อ่านยากจัง – ไม่ใช้คันจิกันหรอ?”
“คินจิคืออะไรนะ?”
“..เป็นผสมที่ใช้กันเพื่อแยกความหมายต่างๆนะ”
เธอถอนหายใจด้วยสีหน้ายุ่งยาก
“–อา ไม่มีอะไรหรอก โทษทีที่ชวนคุยยาวนะ ไม่ควรรบกวนคนทำงานด้วยสิ งั้นเราไปก่อนนะ”
เด็กสาวก้มหัวให้น้อยๆและกำลังจะจากไป แต่โจอี้หยุดเธอไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน เธอตั้งใจจะไปไหนนะ?”
“ก็ที่เมืองนะสิ เห็นจากข้างบนเมื่อกี้… อา คือ เห็นเมืองจากไกลๆก็เลยกำลังมุ่งหน้าไปอยู่นะ”
ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา เด็กสาวชี้ปลายร่มไปยังทิศทางของเมืองอาระ ก่อนจะกางมันออก เธอดูไร้การป้องกันจนโจอี้ต้องเอามือกุมหัว
ถ้าเธอเดินไปจากตรงนี้ ด้วยขาอันบอบบางนั่น อย่างดีก็คงจะถึงเมืองก่อนพระอาทิตย์จะตกพอดี
แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางที่เด็กสาวหน้าตาสะสวยใส่ชุดแพงๆจะเดินเท้าเปล่าไปคนเดียวได้อยู่ดี
แถวนี้อาจจะไม่มีโจรก็จริง แต่ก็มีพวกอันธพาลกับอาชญากรเต็มไปหมด
ถ้ามองจากมุมของคนพวกนั้น เด็กสาวคนนี้ก็เหมือนเดินถือป้ายว่าได้โปรดโจมตีฉันที ลักพาตัวฉันด้วย แล้วก็กระทำชำเราได้เลย
โจอี้ที่ยังทำคำร้องของตัวเองไม่เสร็จ ลังเลอยู่ซํกพัก แต่ก็ติดสินใจจะสลัดความลังเลนั่นทิ้งเสีย
“…อา ช่างมันแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปส่งเธอเอง!”
เด็กหญิงเอียงศีรษะน้อยๆดูน่ารัก แต่ดูจะไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดเลย
*——
ตอนนี้ eng ใช้คำว่า girl / boy ภาษาไทยก็เด็กชาย / เด็กหญิง แต่จากสภาพในนิยาย เด็กเหล่านี้นับว่าโตแล้ว ปวดหัวมากเลยคะว่าจะใช้คำอะไรเรียกเหล่าตัวเอกกัน แล้วก็ไม่ยอมเรียกชื่อกันด้วยนะ ใช้แต่ girl girl boy boy จะใช้เด็กสาวซ้ำๆติดๆกันก็ใช่ที่ ถ้าหากอ่านแล้วติดขัดชี้แนะได้เลยนะคะ เพราะปวดหัวสุดๆเลย
ไม่มีเครดิท ไม่มีเพจ แปลแล้วแปะเนโกะโพสที่เดียว เลยมีแต่คิวอาร์ขอส่วนบุญเจ้าคะ
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
เป็นกำลังใจหรือจะเป็นค่าชานมไข่มุกให้คนแปลก็ได้ทั้งนั้นคะ (แต่ส่วนใหญ่น่าจะไปลงชานมหมด)
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ