[นิยายแปล] เจ้าหญิงแวม Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru - ตอนที่ 14 บทที่ 2 ตอนที่ 1 ลูกเกาลัดในเปลวเพลิง
- Home
- All Mangas
- [นิยายแปล] เจ้าหญิงแวม Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru
- ตอนที่ 14 บทที่ 2 ตอนที่ 1 ลูกเกาลัดในเปลวเพลิง
บทที่ 2 ความปั่นป่วนในเมืองหลวง
ตอนที่ 1 ลูกเกาลัดในเปลวเพลิง
(ชื่อตอนนี้มาจากสำนวน หยิบเกาลัดออกจากกองไฟ/pull someone’s chestnuts out of the fire หมายถึงการอุทิศตัวทำประโยชน์ให้คนอื่นแต่ตัวเองเจ็บตัวแทน สำนวนนี้มาจากนิทานเรื่อง ลิงกับแมว/The Monkey and the Cat ที่ลิงบอกให้แมวหยิบเกาลัดจากกองไฟมาแบ่งกัน แต่ตัวเองกินจนหมด ส่วนแมวก็เท้าไหม้)
ข้อความจากผู้แต่ง
จุดเริ่มต้นของบทที่ 2 ละ
แต่ว่ายังไม่ออกจากเมืองอาระเลยนะ 55
—-
“…เป็นปัญหาแล้วครับ”
หลังจากผ่านมาอาทิตย์นึง หัวหน้ากิลด์แห่งเมืองอาระ คอนราดขมวดคิ้วพูดพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีที่เจอหน้ากัน
“ดูเหมือนนายจะมีปัญหาทุกครั้งที่เราเจอกันเลยนะ”
เมื่อผมเ่อยความคิดตัวเองออกไป ก็เจอสายตาเคืองๆจากหัวหน้ากิลด์จ้องมา
“จาก 8 ใน 10 ก็เป็นเรื่องของฝ่าบาทนั่นแหละครับ”
ก่อนผมจะรู้ตัว เขาก็เริ่มเรียกผมว่า [ฝ่าบาท] แล้ว
ตอนที่ผมเข้าห้องนี้หลังจากเปิดเผยตัวตน เขาก็หมอบราบลงกับพื้นแล้วก็เริ่มพ่นคำอย่างเช่น “ผ่าบาท ข้าพเจ้าขอร้องอย่างนอบน้อมว่าท่าน –”
“เรื่องนั้นนะช่างมัน พูดแบบปกติที่เคยพูดทีเถอะ”
ผมพยายามหยุดเขาแล้ว แต่ดูท่าเขาไม่มีความคิดที่จะหยุดเรียก [ฝ่าบาท] เลยแม้แต่น้อย
เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น แต่8ส่วนเลยหรอ นี่ผมสร้างเรื่องไว้เยอะขนาดนั้นเลยหรอไงนะ?
อืม ครั้งแรกที่เจอกันก็เพราะเรื่องรางวัลที่ผมให้โจอี้
ครั้งถัดมาก็เป็นปัญหาเรื่องการประชุมลับของพวกเรา
ครั้งที่สามปัญหาเกิดจากสแตมป์พีด
จากนั้นเขาก็น้ำตานองมาหาผม แต่ก็ไม่ยอมเจรจากัน ผมก็เลยช่วยอะไรไม่ได้
แล้วเขาก็พ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้มอนสเตอร์ที่ไม่ใช่แค่ ปัญหา อีกต่อไป
สุดท้ายแล้ว ผมก็ก้าวลงไปยังสนามรบแสนยุ่งเหยิง
ก็คือ 4 ครั้งจาก 6 ครั้งนั่นเอง อืม–
“เราว่าปัญหาที่เราก่อมันก็แค่ 67% เองนะ ถ้าตีเป็นเลขกลมๆก็ 70% เท่านั้นเอง”
“จะ70 หรือ 80 มันก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้นมั้ยเล่า! ขออภัยครับ”
เขารีบกระแอมในคอก่อนจะลุกขึ้นยืน
ดูท่าเรี่ยวแรงของเขาจะกลับมาหมดแล้วสินะ ก็ผ่านมาตั้งอาทิตย์นึงแล้วหลังจากเขาทุ่มแรงทั้งหมดไปกับสนามรบ แต่ทั้งที่ยังมีปัญหาให้ตามแก้อยู่แท้ๆ แต่กลับดูร่าเริงแปลกๆ แล้วก็ใบหน้าที่อิ่มเอิ่มไปด้วยความสุขนั่น…
“—นายมีแฟนแล้วหรอ?”
–พรู๊ด!
พอถามไปตรงๆ หัวหน้ากิลด์ก็สำลักชากลิ่นหอมที่กำลังดื่มอยู่อย่างหนัก
“แค่ก.. แค่กแค่ก.. ทะ-ทะไมถึงเป็นเรื่องนั้นละ!?”
“ก็ไม่ทำไมหรอก นายดูต่างออกไปนิดหน่อยนะ แบบ.. ประมาณว่า.. นายกำลังแผ่รังสีแห่งความสุขและอิ่มเอมออกมาจากทั้งร่างเลยนะ”
“ฮืมม”
หัวหน้ากิลด์คอนราดพยายามจะทำหน้าขรึมแล้ว แต่วินาทีถัดมาใบหน้าของเขาก็อ่อนยวบลงมาเหมือนบุกนิ่มๆ
“แหม ดูออกเลยหรอครับ? เฮะเฮะ คือว่า~ เด็กที่ทำงานตรงเค้าท์เตอร์ตอนรับที่ชื่อโมนานะครับ”
อา หัวหน้ากิลด์ชอบเธอนี่นะ เด็กผมสีแดงที่ควงอยู่ราวๆ 3 คน แม้ว่าเรื่องช๊อคที่หัวหน้ากิลด์ได้รับไปตอนนั้นจะโดนลบออกไปด้วยอีวิลอายแล้วก็ตาม
แล้วก็ ไม่สำคัญก็จริง แต่ผมหวังว่าชายโตเต็มวัยจะหยุดทำเสียง [เฮะเฮะ] นะ เพราะมันน่าแหยงมากๆ
“ข้าได้รับการโจมตีสุดร้อนแรงจากเธอ ตอนนี้ก็เลยเริ่มคบหากันแล้วนะครับ”
“เหยื่อรายที่ 4 ละ…”
“ครับ? อะไรนะ??”
“อื้ม ไม่มีอะไร”
ถ้าเขายังมีความสุขดี ก็ไม่ใช่ธุระอะไรของผม
“แล้ว เรามาเพราะนายบอกว่าอยากมาพบ แต่นี่เรียกมาเพราะจะอวดความรักแค่นั้นหรอไง?”
แต่ว่า ผมยังไม่เคยมีแฟนเลยนะ… ระเบิดไปซะ!
“ไม่ใช่อยู่แล้วสิครับ!”
หัวหน้ากิลด์เปลี่ยนสีหน้าไปเป็นบูดบึ้งในทันใด
“ชดเชยค่าเสียหายให้ผู้คนและสิ่งของที่เกิดจากการโจมตีของมอนสเตอร์ การลดลงของปริมาณพ่อค้าเนื่องจากข่าวลือที่ไม่ดี — เรื่องพวกนี้สามารถจัดการไปตามเวลา ปัญหาจริงๆคืออิทธิพลของฝ่าบาทต่างหาก!”
แม้จะบอกว่าเป็นความผิดผมก็เถอะ แต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในปราสาทตลอดเลยนะ เพราะข้ารับใช้ที่วุ่นว่ายคอยเข้ามาร้องขออ้อนอ้วนกับผม
“องค์หญิง ทำไมท่านไม่เรียกหาข้าเล่า?!” มั่ง
“องค์หญิง เมื่อไหร่จะเป็นตาของข้าละ?!” มั่ง
เพื่อปรับอารมณ์ ผมก็เลยใช้อีวิลอายเป็นทางเลือกสอดส่องหัวหน้ากิลด์คอนราดว่าเป็นยังไงมั่ง แล้วก็พบว่าท่าทางเขาอยากติดต่อกับผม ผมก็เลยใช้ประโยชน์เรื่องนี้หนีลงมาข้างล่างนี่
“…เราทำอะไรด้วยเรอะ?”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ฝ่าบาททำโดยตรงหรอกครับ แต่ว่า เหล่ามอนสเตอร์ที่พบในทะเลป่า ดันเจี้ยนซากโบราณสถาน และในภูเขามังกรขาวต่างก็ประกาศอาณาเขตของตนในนามของฝ่าบาท พวกมันอ้างมาว่า ‘นี่คืออาณาเขตของท่านฮิยูกิผู้ยิ่งใหญ่’ ‘ความตายของเจ้าก็เพื่อท่านฮิยูกิ’ ‘ท่านฮิยูกิ แฮ่ก แฮ่ก’ แล้วก็มีอื่นๆอีกเยอะแยะ”
ผมว่าไอ้ตัวสุดท้ายน่าจะป่วยแหงๆ
“แล้วก็นะ ไอ้นั่นมันอะไรนะ?! เมื่อวันก่อน มุมนึงของภูเขามังกรขาวก็ระเบิดจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่เลยนะครับ?! ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาทเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นด้วย!”
“อ๋อ มีกลุ่มปีศาจที่ไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือกับอาณาจักรของเราอยู่นะ เพราะงั้น ไอคิ โซจู แล้วก็ไกจิน -เอ ข้ารับใช้ของเราที่อาสาไปเจรจรานะ ไปกดดันเจ้าพวกนั้นนิดหน่อย แต่สงสัยจะพยายามสุดแรงกันไปนิดหน่อย”
“ในดินแดนของฝ่าบาท การเข้าไปโน้มน้าวจะต้องเชื่อมโยงไปถึงกิจกรรมทำล้ายล้างตลอดเลยหรือไงครับ!?”
“แหม.. ก็อยากปฏิเสธอยู่หรอกน้า”
มีอยู่หลายอย่างเลยละที่ปฏิเสธไม่ได้
“แล้วใครกันที่อนุญาตให้ท่านประกาศอาณาเขตพร้อมทำกิจกรรมทำล้ายล้างกันครับ!?”
ทำไมเขาต้องหัวเสียขนาดนั้นกันนะ? ผมเอีงคอพลางตอบ
“แต่เราได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของของแต่ละดินแดนแล้วนะ? แล้วตอนนี้เจ้าพวกนั้นก็เป็นประชาชนของอาณาจักรเรา เราสามารถทำอะไรก็ได้สิ จะต้มหรือจะย่างก็ได้ทั้งนั้นแหละ?”
“มันใช้ตรรกะแบบนั้นไม่ได้สิครับ! นั่นเป็นดินแดนของประเทศเรานะครับ!”
เอ แต่ถึงจะบอกว่าเป็นดินแดนของประเทศก็เถอะ นั่นเป็นเรื่องที่มนุษย์ตัดสินกันเองไม่ใช่หรอ? ไม่ได้ขอคำอนุญาตจากมอนสเตอร์ในพื้นที่ด้วยซ้ำ
พอผมบอกไปแบบนั้น เขาก็ตอบกลับมาว่า “มอนสเตอร์ไม่มีสิทธิของชนพื้นเมืองหรอกนะครับ”
“อืม~~~~ งั้นก็ไม่เห็นจะมีปัญหานี่นา อาณาจักรของเรามีแต่มอนสเตอร์ทั้งนั้น แล้วมนุษย์เองก็แสดงจุดยืนว่าจะไม่แม้แต่ยอมรับการมีอยู่ของพวกมันด้วยนี่? ดั้งนั้น ไม่ว่ามอนสเตอร์พวกนั้นจะพูดอะไรออกมา ก็แค่เมินไปก็ได้แล้วนี่?”
“ปกติแล้วก็แบบนั้นแหละครับ…”
ในตอนนี้ สีหน้าของคอนราดราวกับกำลังกินยาขมๆพร้อมกัน 10 เม็ดเลย
“อิทธิพลของฝ่าบาทมีมากเกินไป คนพูดกันว่าเห็นมังกรยักษ์นั่นจากในเมืองเลย แล้วนักผจญภัยที่ได้รับรู้พลังของท่านและข้ารับใช้อย่างใกล้ชิดก็คลั่งไคล้ท่านอย่างมาก ทั้งยังมีเสียงจากประชาชนและสมาชิกรัฐสภาที่บอกว่าพวกเราควรจับมือกับอาณาจักรอิมพีเรียลคริมสันด้วย ตอนนี้พวกเราต่างหัวหมุนอยู่กับการดับกระแสพวกนั้นลง เหตุผลที่กัลด์ไม่อยู่ที่ก็ก็เพราะเตรียมการเรื่องจำเป็นอยู่นะครับ”
อ๋อ ก็คิดอยู่ว่าเหมือนมีอะไรขาดไป คงจะเป็นเพราะเจ้ายักษ์หัวร้อน รองหัวหน้ากิลด์กัลด์ไม่อยู่ที่นี่แน่ๆเลย
และถึงจะเป็นแบบนั้นก็ตาม ต่อให้เขาระบายความไม่พอใจออกมาขนาดนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่ดี ดังนั้นผมจึงทำสิ่งเดียวที่ทำได้ ปลอบใจ
“อืม นั่นฟังดูยุ่งยากจังนะ แต่ว่านายเองก็ไม่ได้เหมาะกับตำแหน่งนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นา ไม่ลาออกซะละ”
“เฮ้อ ผมเองก็อยากจะลาออกแล้วไปใช้ชีวิตสบายๆกับโมนาเหมือนกันแหละครับ”
อะ ปลดปล่อยความในใจซะแล้ว
“แต่ไม่มีเลย ไม่มีซักคนที่อยากจะมารับตำแหน่งนี้แทน”
“ช่วงนี้ พวกระดับบนๆของประเทศและวิหารพูดกันว่า ‘เมืองเสรีอาระเชื่อฟังประเทศแค่เปลือกนอกเท่านั้นแหละ แต่ภายในก็แอบติดต่อกับมอนสเตอร์ใช่ไหมละ?’อยู่ด้วยครับ”
เขามองผมขณะที่พูดพึมพำกับตัวเอง
“—เป็นเรื่องที่ปวดใจอยู่บ้างนะครับ”
อ่า อันที่จริงแล้ว การที่นายมาคุยกับผมอยู่ตอนนี้ก็ดูท่าจะเป็นปัญหาแล้วนะ-
“อืม มันก็จริงนะ ถ้าตอนนั้นนายแกล้งๆทำเป็นเห็นด้วยแล้วทำตัวเป็นสายลับซักหน่อย นายก็น่าจะจัดการเรื่องอะไรๆได้ดีกว่านี้เยอะ”
“ครับ นั่นสินะครับ”
หัวหน้ากิลด์คอนราดเอ่ยยอมรับด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
“แล้วนายอยากให้เราทำอะไรละ? ให้แสดงละครลิงสู้กันกลางเมืองเพื่อแสดงว่าความสัมพันธ์ของเราย่ำแย่กันมั้ย?”
“ไม่แน่นอนครับ! ฝ่าบาทมีอิทธิพลมากกว่าผมอีก ถ้าผมทำอะไรแบบนั้นลงไปละก็ ผมโดนแทงแน่! อันที่จริง โจอี้หลุดปากไปว่าได้สนทนาอย่างเป็นกันเองกับฝ่าบาทที่ศูนย์ฝึก โดนเพิ่มชั่วโมงฝึกจาก 8 ไปเป็น 20 ชม.ต่อวันด้วยครับ แล้วเขาก็ผอมลงเรื่อยๆทุกวัน…”
เป็นเด็กโง่..ไม่สิ น่าสงสารจังนะ
“ดังนั้น ข้าขอร้องให้ฝ่าบาทและบริวารของท่านช่วยหยุดก่อความวุ่นวายใดๆเบื้องหน้าสาธารณชนในบริเวณใกล้เคียงเมืองอาระไปก่อนซักพักด้วยครับ”
“อาหะ เราตั้งใจจะไปจากอาระซักพักเหมือนกัน เราคิดว่าเดี๋ยวทะเลป่ากับพื้นที่รอบๆก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วแหละ”
ผมเสริมไปอีกหน่อยว่า ผมไม่ได้ห้ามให้พวกเขาโจมตี หรือห้ามกินมนุษย์ที่บุกรุกพื้นที่ของพวกเขา แต่ผมไม่คิดว่าจะมีการรุกรานไร้จุดหมายแบบสแตมป์พีดอีกแล้วในอนาคต
“แค่ได้ยินแบบนั้น การพูดคุยครั้งนี้ก็คุ้มค่าแล้วครับ จะว่าไป มีอีกเรื่องนึงที่ข้าอยากจะยืนยัน–”
“อะไรละ?”
“มีอาบอกข้ามาว่าฝ่าบาทจะเดินทางไปที่เมืองหลวงคาร์เดีย”
อ๋อ ใช่แล้ว ผมลืมบอกไปก่อนจะมาคุยกับคอนราด
“ก็เป็นแผนที่ตั้งใจจะไปแหละ ทำไมหรอ?”
“ว่ากันตามตรง ข้าไม่แนะนำครับ”
หัวหน้ากิลด์ทำสีหน้าเป็นทุกข์
“ทำไมอะ?”
ผมก็ไม่ได้จะไปหาเรื่องสู้อะไรใครนี่นา
เขาคงเดาคำถามนี้ไว้ได้แต่แรกแล้ว เพราะเขาหยิบจดหมายสองซองออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ แล้วเอามาวางไว้เงียบๆตรงหน้าผม
ทั้งสองซองเป็นจดหมายสีขาว ปิดผนึกด้วยขึ้ผึ้งธรรมดา แต่ไม่มีระบุผู้ส่งหรือสัญลักษณ์แสดงแหล่งที่มา
“–อะไรอะ?”
“ทั้งสองฉบับไม่ใช่จดหมายทางการ แต่ฉบับนึงมาจากสภาขุนนาง อีกฉบับมาจากองค์ชายลำดับที่ 3 อาชีล โกลด พวกเขาขอให้ข้าเอามามอบให้ฝ่าบาท เพราะงั้นก็เลยสรุปได้ว่าทางประเทศแม่สงสัยความสัมพันธ์ของเราแล้วนะครับ”
“เห”
ผมเรียก [กิลส์ เดอ เรยส์] ออกมาเพื่อที่จะเปิดจดหมายอ่าน แต่ก็โดนหัวหน้ากิลด์ที่ตกใจจนสะดุ้งหยุดไวเ
“–อย่าใช้ของที่อันตรายแบบนั้นได้ไหม! อย่างน้อยข้าก็มีมีดเปิดจดหมายให้ท่านนะ!”
ผมก็เลยต้องยืมมีดนั่นมาเปิดจดหมายอ่านเอา
“อืม-ม ของสภาขุนนางบอกว่า [พวกโจรที่แอบอ้างประกาศประเทศจงยอมมาอยู่ใต้อาณัติของเราซะ] ละ”
“อา อย่างที่คาดไว้เลย เจ้าพวกนั้นคงตามกลิ่นเงินมาละสิท่า? ดูเหมือนว่าเรื่องของเหรียญแห่งยุคที่สาบสูญจะรั่วไปไหลไป แล้วพวกนั้นก็กดดันให้ข้าบริจากให้กับประเทศด้วย –อืม ข้าจะแกล้งโง่ไปซักพักแล้วกัน”
หัวหน้ากิลด์ดูจะคิดถึงสถานการ์ณแบบนี้ไว้แล้ว เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าราวกับพึ่งได้คำตอบยืนยันชัดๆ
“งั้นหรอ จริงสิ แล้วประเทศของนายมีกำลังทหารเท่าไหร่ละ?”
“ถ้านับรวมทั้งหมด ทหารของกองทัพ, ทหารรับจ้าง แล้วก็ทหารส่วนตัวของตระกูลขุนนาง ก็คงจะรวมๆได้อยู่ที่ 5 ถึง 7 หมื่นครับ – ถามเรื่องนี้ทำไม?”
“นั่นดูน้อยจังเลย ถ้าเรารวมสมาชิกโต๊ะกลมมา ต่อให้ออมมือแล้วจะยันได้แค่ไหนกันนะ?”
“นี่ท่านพูดเรื่องอะไรเนี่ย?!”
คอนราดตกอกตกใจจนตัวกระเด้งออกจากโซฟาตามตัวอักษร แต่ว่านะ ก็เนื้อหาขอจดหมายมันว่าไว้งี้นี่นา?
“เอ ก็นี่มันประกาศสงครามกับเรานี่นา เราก็เลยคิดว่าจะขยี้ไปเลยดีไหมนะ?”
หัวหน้ากิลด์อ้าปากพะงาบๆพูดไม่ออกไปซะแล้ว
“แล้ว อีกฉบับของเจ้าชายเขียนว่า ‘แด่องค์หญิงผู้แสนงดงาม แม้ลายมือของข้าอาจจะย่ำแย่ แต่ข้าก็จะยอมให้มันถูกส่งต่อไปยังชนรุ่นหลัง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อพรรณาความหลงไหลของข้าที่มีต่อดอกกุหลาบแสนงดงามของท่าน..’ ไอ้นี่หมายความว่าไงเนี่ย?”
“….คงจะเป็นจดหมายรักนะครับ”
ดูเหมือนคอนราดจะใจเย็นลงได้หน่อยนึงแล้วสินะ แต่คำอธิบายของเขาทำเอาผมต้องเกาหัว
“ฝั่งนึงประกาศสงคราม อีกฝั่งนึงส่งจดหมายรัก บรรดาชนชั้นสูงของประเทศนี้สมองไหลกันไหหมดแล้วหรอ?”
“เอ่อ..คือ นั่นไม่ใช่การยื่นคำขาด เพราะงั้นข้าขอร้องละ ได้โปรดอย่าพึ่งเข้าใจผิดไปว่านั้นเป็นการประกาศสงครามเลยเถอะ แล้วก็เจ้าชายองค์ที่สามนะเป็นบุคคลสาธารณะ พระองค์ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับสภาขุนนาง เผลอๆก็น่าจะเกลียดขี้หน้ากันด้วยครับ จะคิดซะว่าเขาไม่ฝั่กใฝ่ฝ่ายใดก็ได้ครับ”
“หรือก็คือเจ้าชายโดนพวกขุนนางเกลียดขี้หน้าสินะ?”
บางทีเขาอาจจะเป็นคนโง่ หรือไม่ก็เป็นคนที่เก่งมากๆจนสามารถเมินสิทธิเสียงขุนนางทั้งหลายได้ –แต่การส่งจดหมายรักให้เจ้าหญิงจากอาณาจักรปีศาจที่เขาไม่เคยพบมาก่อนก็น่าจะเป็นอย่างแรกนะ
“เพราะว่าองค์ชายเป็นผู้กล้านะครับ ตอนที่เขาอายุ 11 ขวบ เขาโดนนักฆ่า 8 คนไล่ล่าที่บ้านพักตากอากาศ แต่เขากลับสามารถปกป้องน้องสาวของเขา เจ้าหญิงที่อายุน้อยกว่าเขาถึง 5 ขวบได้ และกำจัดนักฆ่าจนหมดสิ้น และตั้งแต่อายุ 12 เขาก็ชนะการประลองดาบในการแข่งขันศิลปะป้องกันตัวที่จัดขึ้นปีละครั้งมาตลอด 5 ปีรวด
และเพื่อที่จะได้รับประสบการ์ณการต่อสู้จริง เขาสมัครเข้ากิลด์ที่เมืองหลวงตั้งแต่อายุ 14 และได้รับสมญานาม [แรงค์ s] ตั้งแต่อายุ 16
แม้เขาจะเป็นองค์ชายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ในการแข่งขันเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะความสามารถและความสำเร็จส่วนตัวของเขาล้วนๆ
และตัวข้าเองอาจจะไม่รู้มากนัก แต่ด้วยความเคารพ กัลด์เองก็เคยบอกข้าว่าถ้าเป็นเรื่องของเชิงดาบเพียงอย่างเดียวฝ่าบาทเองก็เอาชนะเขาไม่ได้ครับ”
ผมทำเพียงแต่ยักไหล่เงียบๆ ยังไงซะผมก็เรียนรู้เอาเองทั้งนั้นนี่นะ
แต่ถึงอย่างนั้น ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมจะทำได้ดีแค่ไหนถ้าได้ประมือกับคนที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ยังไงซะอีกฝ่ายก็เป็นถึงแรงค์ s นี่นะ
“แสดงว่าความสามารถของเขาเป็นที่รู้กัน แล้วก็ยังหนุ่มแน่น แถมยังเป็นที่นิยมทั้งชายและหญิง ก็เลยเป็นตัวตนที่สภาขุนนางไม่ชอบใจ เพราะพวกนั้นอยากได้ราชวงศ์เป็นแค่หุ่นเชิดสินะ”
ดูจากสีหน้าแล้ว หัวหน้ากิลด์น่าจะเข้าข้างเจ้าชายนะนั่น
“ยุ่งยากจังนะ..แต่เจ้าชายระบุวัน,เวลา,สถานที่ในการนัดพบมาให้ด้วย ไปเจอกน้ากันซักครั้งนึงอาจจะดีกว่าก็ได้ละมั้ง แต่ถึงจะเป็นกับดักเราก็พังได้อยู่ดี”
ได้ยินดังนั้น คอนราดก็ถามผมกลับด้วยสีหน้ายอมแพ้
“อา..ข้าจะทำเป็นว่าไม่ได้ยินแล้วกันนะครับ แต่ข้าขอถามวันและสถานที่ที่ระบุมาได้ไหมครับ?”
“งานเต้นรำสวมหน้ากากที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 อาทิตย์หน้า เป็นเวลาที่เหมาะเจาะเสียจริง”
ผมโบกจดหมายที่มีบัตรเชิญแนบมาด้วย
“..อย่างงี้นี่เอง นี่เป็นสถานที่ลับๆในการพบปะระหว่างชายหญิงที่รู้กันดีนะครับ”
“อืม เราไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาวไปได้หรอกนะ”
พูดจบ ผมก็ตัดสินใจว่าการสนทนานี้ก็น่าจะจบได้แล้ว ก็เลยลุกขึ้นยืน
และหัวหน้ากิลด์คอนราดก็ร้องกับผมอย่างจริงจัง
“ฝ่าบาท ไม่ว่าสภาขุนนางหรือองค์ชาย์อาชีลจะตัวหยาบคาย แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นความเห็นทั้งหมดของสภาขุนนางและราชวงศ์นะครับ ได้โปรดอย่าลืมเรื่องนี้นะครับ”
–หืม? ผมนิ่งคิดไปซักพัก ก่อนจะถามกลับ
“ถ้างั้น– นายจะแยกความแตกต่างว่าส่วนไหนใช่ ส่วนไหนไม่ใช่ยังไงละ? ถ้าพวกเขาเอาแต่นิ่งเงียบมันก็ไม่ต่างอะไรจากการยืนยันไม่ใช่หรอ เราไม่รู้หรอกนะว่าจะแยกแยะยังไง ถ้าให้ยกตัวอย่างก็คือ ถ้ามีผึ้งตัวหนึ่งมาต่อยนายแล้วก็บินหนีไป นายจะคอยมองหาผึ้งทีละตัวไหม? นายก็คงจะบดขยี้ไปทั้งรังนั่นแหละ”
“….”
บางทีเขาคงยอมรับคำตอบนั้นไปในระดับนึง เพราะหัวหน้ากิลด์หลับตาลงแล้วเงียบไป
ผมพูดต่อ พลางโบกจดหมายจากสภาขุนนางในมือไปมา
“การหวังจะได้รับบางอย่างโดยไม่เสียอะไรไปเลยมันเห็นแก่ตัวไปหน่อยนะ? สิ่งที่เราคิดจะทำนี่นะ เป็นโลกในอุดมคติที่เจ้าพวกนี้วาดฝันไว้ไงละ เราคิดว่ามันก็ยุติธรรมนะ”
ผมคิดอยู่ว่าจะเสริม “หวังว่านายกับแฟนสาวจะเข้ากันได้ดีนะ” แต่ก็ตัดสินใจว่าไม่เอาดีกว่า
—-
ข้อความจากผู้แต่ง
ก่อนจะไปเจอเจ้าชายในข่าวลือ เดี๋ยวจะได้เจอคนสำคัญอีกคนนึงก่อนละ
ตอนยาวจังเจ้าคะ แล้วก็ติดธุระหลายๆอย่างก็เลยไม่สามารถแปลได้ต่อเนื่อง ก็เลยลากยาวหลายวันเลย
เรารู้สึกว่าฮิยูกิ/ผู้แต่ง ค่อนข้างเขียนประโยคพูดให้มีความหมายที่ต้องคิด 2 ต่อ เราพยายามแปลออกมาตามนั้นเพื่อให้ตรงกับต้นฉบับ แต่ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้นะคะ บางจุดกว่าเราจะแปลออกมาได้เราเองก็ต้องนั่งทำความเข้าใจซักพักเหมือนกันคะ ฮาา
สุดท้ายเป็นชื่อของเจ้าชายลำดับที่ 3 ถ้าลองไปดำยุ่น หรืออ่านของเก่าๆจะถอดเสียงมาเป็น แอช แอชีล แอชลีย นามสกุลก็จะออกไปทาง คลาว โคลว โคล
แต่พอลองเสิจหาดีๆแล้ว ชื่อเจ้าชายยุ่นเขียนตามนี้ →アシル・クロード
แล้วเราก็ไปเจอบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ชื่อว่า
โกลด-อาชีล เดอบูว์ซี
ฝรั่งเศส: Claude-Achille Debussy)
ยุ่น : クロード・アシル・ドビュッシー
ชื่อเจ้าชายยุ่น →アシル・クロード
ในเมื่อตัวอักษรตรงขนาดนี้ งั้นก็จัดไป!
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจหรือจะเป็นค่าชานมไข่มุกให้คนแปลก็ได้ทั้งนั้นคะ (แต่ส่วนใหญ่น่าจะไปลงชานมหมด)
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ