[นิยายแปล] ทั้งที่ติดร่างแหไปกับการอัญเชิญผู้กล้า แต่ต่างโลกนั้นแสนสงบสุข - ตอนที่ 3
ภายในรถม้าขนาดใหญ่ที่มีการสั่นไหวเล็กน้อยนั้น กลับได้แต่เอามือกุมหัวโดยที่ไม่ได้มีความประทับใจอะไรกับการได้นั่งสิ่งที่เรียกว่ารถม้าเป็นครั้งแรกอยู่เลยแม้แต่นิด
กล่าวคือในปัจจุบันพวกฉันกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปยังบ้านที่เป็นของคุณลิเลีย และในรถม้านั้นก็มีสมาชิกที่ได้รับคำอธิบายก่อนหน้านี้อยู่กันครบทุกคน
ส่วนมิทสึนากะคุงนั้นดูเหมือนว่าจะตอบรับการเข้าร่วมในเทศกาลผู้กล้า จึงได้มุ่งหน้าไปยังพระราชวังในฐานะราชอาคันตุกะหลังจากที่ได้มากล่าวทักทายกับคุณคุสุโนกิและคุณยูซุกิเล็กๆน้อยๆ โดยการนั่งรถม้าที่หรูหราสุดๆไป ฉันเองก็อยากให้พาไปกับทางนั้นเหมือนกันน่ะนะ
“……คือว่า คุณไคโตะ? ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? ถ้าหากรู้สึกไม่สบายขึ้นมาล่ะก็ จะหยุดพักกันก่อนไหมล่ะคะ……”
“ไม่ครับ ไม่เป็นไร”
“คุณหนู คิดว่าท่านมิยามะคงจะกำลังสับสนอยู่ก็ได้ล่ะมั้งคะ”
เมดคนนี้นี่ทำเหมือนไม่มีอะไรซะงั้น……ทั้งที่ก็รู้สาเหตุอยู่แล้วแท้ๆ ยังจะมาทำเนียนอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องแบบนั้นแน่นอนอีก
“อย่างนี้นี่เอง ก็คงจะเป็นแบบนั้นสินะคะ พอคิดถึงสาเหตุแล้ว อาจจะไม่ใช่ถ้อยคำสำหรับฉันที่ไม่แม้แต่จะขออภัยอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันได้จะพูดออกมาก็เถอะค่ะ……แต่ได้โปรด อย่าคิดมากอะไรเลยนะคะ ถ้าหากฉันสามารถเป็นพลังให้ได้ล่ะก็ไม่ว่าจะอะไรก็โปรดพูดออกมาได้เลยค่ะ แน่นอนว่าคุณอาโออิกับคุณฮินะก็ด้วย”
“ค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ความใจดีของคุณลิเลียนั้นพุ่งเสียดแทงเข้าไปเต็มอกเลย แต่ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องความรู้สึกสั้นๆก็——ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้เนี่ย? ที่ว่าบ้านของคุณลิเลียมีแต่ผู้หญิงแบบนี้ ไม่ใช่แค่จะทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวแบบครึ่งๆกลางๆแล้วนะ อย่าว่าแต่โลกเดิมเลย สำหรับฉันที่เป็นผู้เดียวดายจนได้ถูกอัญเชิญมายังฝั่งนี้น่ะมันเป็นสภาพแวดล้อมที่สุดแสนจะฮาร์ดโหมดเกินไปแล้ว
มันคือการลงโทษที่ไปสงสัยในตัวคุณลิเลียผู้แสนใจดีรึไงกันเนี่ย? อือ อย่างน้อยถ้าให้นักเรียนชายม.ปลายคุงอีกคนที่ได้เจอในตอนนั้นเองได้มาด้วยกันก็คงจะดีแท้ๆ……เดี๋ยวนะรึจะหมายความว่า ฉันดันไปเผลอแย่งที่ของเค้ามารึเปล่าเนี่ย? จะให้ขอโทษก็ได้ ช่วยมาเปลี่ยนกันทีจะได้ไหม?
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะกังวลไปสักเท่าไรความเป็นจริงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด หลังผ่านเวลาไปประมาณ30นาทีรถม้าก็ได้มาถึงยังที่หมาย……ถึงยังบ้านของคุณลิเลีย
ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าไม่ใช่ขนาดความใหญ่ที่จะให้คนทั่วไปอยู่อาศัย เป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่ราวกับจะแสดงให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ในตำแหน่งของเธออย่างชัดเจน เบื้องหน้าประตูบานคู่นั้นมีกระทั่งอัศวินหญิงที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยชุดเกราะอยู่ด้วย เห็นแล้วเหมือนกับว่าเป็นงานศิลปะชนิดหนึ่งเลย
หลังผ่านสวนขนาดใหญ่อันแสนงดงามจนกระทั่งไปถึงยังหน้าตัวบ้าน——รึต้องเรียกว่าคฤหาสน์น่าจะถูกต้องกว่า ก็ได้ลงจากรถม้าแล้วเดิมตามคุณลิเลียไป ซึ่งกับอิมเมจที่คิดไปเองของสามัญชนแล้วนั้น ถึงจะมีจินตนาการไปว่าพอบานประตูเปิดออกก็จะมีพวกคนรับใช้มาเรียงแถวกันทั้งสองข้างเพื่อต้อนรับก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้มีภาพอะไรแบบนั้นให้เห็นแค่เดินผ่านทางเดินไปในแบบปกติ
แล้วก็เป็นตามที่คุณลูน่ามาเรียว่าไว้ ดูเหมือนว่าในคฤหาสน์แห่งนี้จะมีแค่ผู้หญิงจริงๆ ทั้งคนที่ผ่านไปมา ทั้งคนที่ทำความสะอาดอยู่ ทั้งหมดมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น ตัวฉันนั้นแตกแยกอย่างชัดเจนเลย จะว่าไปแล้ว สายตาเย็นชากับสายตาที่เหล่มองมาจากตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้างตั้งแต่เมื่อกี้น่ะ มันทำเอาปวดกระเพาะขึ้นมาเลยนะ!?
“……”
“คุณหนู?”
“ลูน่า นี่ก็เที่ยงวันแล้วด้วยสิคะ……แถมทุกคนก็เจออะไรกันมาเยอะคงจะเหนื่อยกันแล้วด้วย ก่อนอื่นมาทานอาหารกลางวันกันเถอะค่ะ คงได้สินะคะ?”
“ค่ะ คิดว่าคงจะจัดเตรียมให้ได้ในทันที”
“ถ้างั้นก็ ช่วยหน่อยนะคะ”
พอคุณลิเลียพูดแบบนั้นออกมา พวกฉันก็ถูกพามาที่ห้องที่ค่อนข้างจะกว้าง——เป็นห้องที่กว้างพอที่จะรับรองคนกว่า10คนได้เลย ก็จริงอยู่ที่ตอนที่ถูกอัญเชิญมานั้นเป็นช่วงราวๆเที่ยง แถมไม่ได้มีเข้าฟังบรรยายช่วงบ่ายด้วยท้องเลยยังว่างอยู่ แถมทางคุณคุสุโนกิกับคุณยูซุกิเองจากการที่กำลังกลับบ้านกันในเวลาแบบนั้นก็แปลว่ามีเรียนแค่ครึ่งวันล่ะมั้ง คิดว่าก็คงยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเหมือนกันนั่นแหละ
เมื่อถูกพาไปถึงที่นั่งของแต่ละคน ก็มีคนในชุดเมดที่ไม่รู้โผล่จากไหนมาเลื่อนเก้าอี้ให้ ว่าแต่ที่รู้สึกว่ามีแต่เก้าอี้ของฉันเท่านั้นที่เหมือนว่าจะถูกเลื่อนให้แบบขอไปทีนิดหน่อยเนี่ย บางทีคงคิดไปเองล่ะมั้ง
“อะ เอ่อ คุณลิเลีย……ฉันน่ะ เรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารค่อนข้างที่จะ……”
“อ๋อ ไม่ได้เป็นแบบพวกงานเลี้ยงอาหารค่ำหรอกค่ะ ไม่ต้องกังวลแล้วเชิญรับประทานในแบบที่ทานได้สะดวกได้เลยค่ะ”
คุณลิเลียได้เผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน ให้กับคุณยูซุกิที่ส่งเสียงที่ดูไม่ค่อยสบายใจออกมา ซึ่งก็พอที่จะมีความรู้อยู่เต็มที่ก็แค่ในระดับที่ว่า ต้องใช้มีดและส้อมจากด้านนอกเข้ามาเท่านั้นแหละนะ แถมความจริงก็ไม่เคยกินอาหารแบบนั้นเลยด้วย
หลังจากนั้นเล็กน้อยพวกผู้หญิงที่เหมือนเป็นคนเสิร์ฟอาหารก็ขนถาดที่เป็นรูปโดมสีเงินมา ซึ่งเหมือนที่เคยเห็นมาก่อนแค่ในทีวี แล้วในช่วงเวลาที่ของพวกนั้นกำลังจะมาวางเรียงอยู่ต่อหน้าของพวกฉัน ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมา
“……อาหารที่กำลังจะวางไว้ให้คุณไคโตะ——กำลังจะวางไว้ตรงหน้าของผู้ชายที่อยู่ทางนั้น ช่วยเอามาเปลี่ยนกับของของฉันด้วยค่ะ”
“เอ๊ะ? คะ คุณหนู?”
“ไม่ได้ยินรึไงคะ?”
“ปะ เปล่าค่ะ แต่ว่า……”
นั่นน่ะ ไม่ใช่เสียงที่ทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยนจนถึงเมื่อครู่ แต่เป็นเสียงที่ทรงพลังและเปี่ยมด้วยความเฉียบคมจากที่ไหนสักแห่ง
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณลิเลีย ผู้หญิงที่เป็นคนเสิร์ฟอาหารก็แสดงสีหน้าที่ดูเหมือนกำลังลังเลออกมา
“……จะขอพูดเพื่อที่จะไม่ให้เข้าใจผิดไปนะคะ ฉันไม่ได้กำลัง [ขอร้อง] อยู่หรอกนะคะ แต่กำลังออก [คำสั่ง] อยู่ค่ะ……ความหมายนั้น คงเข้าใจนะคะ?”
“คะ ค่ะ จะทำให้ทันที……”
หลังจากที่ได้ยินเสียงที่เฉียบคมและเยือกเย็นยิ่งกว่าเมื่อครู่เข้าไป ผู้หญิงที่เป็นคนเสิร์ฟอาหารก็หน้าซีด แล้วรีบทำการสับเปลี่ยนอาหารให้ตามคำสั่งของคุณลิเลียทันที
จากนั้นเมื่ออาหารถูกจัดเรียงเรียบร้อยแล้ว คุณลิเลียก็กลับมายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วส่งเสียงเรียกอีกครั้ง
“เชิญค่ะ เชิญรับประทานกันได้เลย แล้วถ้าหากถูกปากก็คงดีค่ะ”
“อ๊ะ ครับ”
“จะทานล่ะนะคะ”
“ขอเสียมารยาทนะคะ”
แล้วพอพูดถึงอาหารของขุนนางก็เลยมีอิมเมจว่าจะเป็นแบบพวกฟูลคอร์สก็เถอะ แต่สิ่งที่ออกมานั้นก็เป็นอาหารอันหรูหราที่มีทั้งขนมปัง ซุป สลัด แล้วก็จานหลักที่ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรว่าชื่ออะไร ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเป็นชุดอาหารแบบต่างประเทศ แถมยังดูน่าอร่อยพิลึกอีก
ถึงพวกต่างโลกในไลท์โนเวลส่วนใหญ่นั้นจะบอกว่าอาหารในต่างโลกนั้นไม่อร่อยอย่างขนมปังแห้งแข็งหรือซุปมีแต่รสเค็มก็เถอะ ซึ่งเอาจริงๆฉันเองก็ทึกทักไปว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันนะแต่——อร่อยแฮะ
ขนมปังก็นุ่มแบบปกติ ซุปเองก็มีการปรุงรสอย่างนุ่มนวลราวกับซุปคอมซอมเม่ อย่างน้อยก็อร่อยกว่าข้าวกล่องร้านสะดวกซื้อที่ฉันกินมาจนถึงตอนนี้ซะอีก
โอ๊ะ ในตอนนั้นเมื่อหันสายตาไปทางคุณลิเลียเข้า ก็เห็นคุณลิเลียกำลังถอนหายใจออกมาจากที่ไหนสักแห่งหลังจากที่กินอาหารเข้าไปคำหนึ่ง
“……ลูน่า พอช่วงอาหารกลางวันจบ……”
“……ทราบแล้วค่ะ”
หลังจากที่มอบคำสั่งอะไรบางอย่างกับคุณลูน่ามาเรียด้วยเสียงกระซิบแล้ว ก็เหมือนจะรู้สึกถึงสายตาของฉันได้เลยส่งรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้
“รสชาติเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
“เอ๊ะ? อ๋อ อร่อยมากเลยครับ”
“ถ้าถูกปากแบบนี้ ก็โล่งใจค่ะ”
ข้างๆตัวฉันที่หน้าแดงขึ้นโดยไม่รู้ตัวจากรอยยิ้มที่ราวกับบุปผาบานสะพรั่งนั้น ก็มีคุณลูน่ามาเรียที่ได้รับคำสั่งอะไรบางอย่างเดินผ่านมา พร้อมเข้ามาพูดด้วยเสียงกระซิบ
“……ท่านมิยามะ ถึงเมื่อครู่จะได้พูดเรื่องที่ทำให้รู้สึกตกใจไปก็เถอะค่ะ……แต่แหม โปรดสบายใจได้ไม่เป็นไรหรอกนะคะ”
“เอ๊ะ?”
“ถึงคุณหนูจะมีจุดที่หลุดๆอยู่ก็ตาม แต่ก็เป็นคนที่มีไหวพริบล่ะนะคะ……”
หลังจากพูดออกมาแบบนั้นด้วยรอยยิ้มแล้ว คุณลูน่ามาเรียก็ออกจากห้องไป อะไรล่ะเนี่ย? รึว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องที่มีการสับเปลี่ยนอาหารก่อนหน้านี้รึเปล่านะ?
หลังจากที่ได้รับชาฝรั่งหลังอาหารเมื่อจบการกินข้าวเที่ยง คุณลิเลียก็ได้เข้ามาพูดกับฉันแค่คนเดี๋ยวว่า [พอจะมีเวลาให้สักครู่ได้รึเปล่าคะ?] ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แล้วก็ถูกพาไปยังอีกห้องหนึ่ง
แล้วถ้าจะให้พูดถึงเรื่องความรู้สึกสั้นๆอีกครั้งก็——ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้เนี่ย?
ในขณะนี้ตรงหน้าของฉันนั้นมีพวกผู้หญิงยืนเรียงกันอยู่เป็นแถว มีทั้งคนในชุดเมด ทั้งคนที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยชุดเกราะ หรือแม้กระทั่งคนที่สวมสิ่งที่เหมือนชุดปฏิบัติงานอยู่ด้วย ซึ่งสายตาของผู้หญิงหลายสิบคนนั้นทั้งหมดได้พุ่งตรงมาทางฉันในระดับที่ไม่ใช่แค่ไม่ดีต่อใจแล้ว
“……เหมือนส่วนใหญ่จะมารวมตัวกันแล้วสินะคะ?”
ตรงหน้าของฉันที่ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่นั้น ก็ได้มีคุณลิเลียขึ้นมายืนอยู่ และจากนั้น……ก็ได้จ้องมองไปยังพวกผู้หญิงที่มารวมตัวกันอย่างเฉียบคมและเงียบงัน
“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่ยอมเสียเวลา ในการเรียกที่ให้มารวมตัวกันอย่างกะทันหันกันด้วยนะคะ อีกทั้งเรื่องแบบนี้คงจะดีกว่าถ้ารีบพูดออกไปไว้ก่อน จึงได้ขอให้มารวมตัวกันโดยเหลือจำนวนคนในขั้นที่ต่ำที่สุดไว้ค่ะ”
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่การแผดเสียงออกมาแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นเสียงของคุณลิเลียก็ส่งผ่านไปได้อย่างทั่วถึงราวกับเสียงกำลังก้องอยู่ในความเงียบ อีกโฉมหน้าที่แสนงดงามและทรงพลังนั้น ทำเอารู้สึกได้ถึงความสง่างามอันสูงส่งของเธอที่ปรากฏออกมาทั้งแบบนั้น
“เอาล่ะ เรื่องปัญหาหลัก……หรือก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับท่านมิยามะ ไคโตะผู้นี้ค่ะ แม้ว่าเค้านั้นจะเป็นผู้ชายก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเป็น [แขก] คนสำคัญที่ฉันได้เชื้อเชิญมาด้วยตนเองค่ะ ถึงจะเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกสับสนว่าควรจะรับมือเช่นไรดี กับผู้ชายที่ปกติไม่เคยได้รับเชิญมาเลยก็เถอะค่ะ ได้ทำให้ทุกคนต้องลำบากใจไปสินะคะ”
“……”
พอคุณลิเลียได้พูดออกมาถึงตรงนั้น ฉันก็สามารถเข้าใจได้ในที่สุดว่าเธอนั้นกำลังพูดถึงอะไรอยู่ รวมถึงได้รู้เหตุผลในเรื่องที่คุณลูน่ามาเรียได้บอกออกมาว่าคุณลีเลียนั้นเป็นคนที่มีไหวพริบด้วย
“ถึงอย่างนั้น ก็จะขอพูดให้ชัดๆไปเลยก็แล้วกันนะคะ การที่เค้าได้รับการกระทำอันเสียผลประโยชน์จากเหตุผลที่ว่าเพราะว่าเป็นผู้ชาย……จากเหตุผลที่ว่านั้น ฉันไม่ให้อภัยค่ะ หลังจากที่เอ่ยคำพูดนี้ไปแล้ว หากมีการกระทำที่จงใจจะทำเช่นนั้นกับเค้าอยู่อีก……จงคิดเสียว่าเป็นการกระทำที่เทียบเท่ากับการจ่อดาบมายังตัวฉันซะ!”
ช่างเป็นคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ ในระดับที่ว่าจะไม่ให้อภัยกับการคัดค้านใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งสิ่งนั้นยังราวกับดาบที่ถูกฟาดฟันลงไปยังสถานที่อันเงียบงันได้อย่างเหมาะสม อ๊า น่าอายจริงๆตัวฉัน……ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ แต่ตัวฉันที่คิดไปว่าคนคนนี้อาจจะเป็นคนเลวก็ได้นั้นช่างน่าสมเพชจริงๆ
“เข้าใจไหมคะ? มันไม่ใช่แค่ว่าจะได้รับความเสียหายหรือไม่หรอกนะคะ แม้จะเป็นกรณีที่พวกเธอจะยืนยันแล้วว่าอยู่ในขอบเขตที่จะไม่มีปัญหาอะไรก็ตาม แต่ถ้าหากฉันคิดว่าแบบนั้นมันไม่ใช่แล้วล่ะก็……จะไม่มีการให้อภัยค่ะ เรื่องที่จะพูดด้วยมีแค่นี้ เชิญแยกย้ายกลับไปทำงานของตัวเองได้เลยค่ะ”
หลังจากที่คุณลิเลียพูดจบ พวกผู้หญิงที่ได้มารวมตัวกันก็ได้แยกย้ายกลับไปยังสถานที่ในความรับผิดชอบของตน จนในห้องนั้นเหลือเพียงแค่ฉันกับคุณลิเลียเท่านั้น
“เพียงเท่านี้ คิดว่าคงพอที่จะใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นเล็กน้อยแล้วล่ะค่ะ”
“อ๊ะ คือว่า ขอบคุณมากครับ”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่ว่าควรที่จะต้องขอโทษเสียมากกว่า……ถึงจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นเลยก็เถอะค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรกันที่บ้านหลังนี้ได้มีบรรยากาศประมาณว่าห้ามมีผู้ชายเข้ามาไปได้ ถึงขนาดที่ว่าในนั้นมีคนแบบที่หากแค่เป็นผู้ชายก็จะรู้สึกเกลียดขึ้นมาโดยที่ไม่มีเหตุผลเลยล่ะค่ะ กับคุณไคโตะแล้วนั้น การที่ได้ทำให้รู้สึกลำบากใจโดยไม่จำเป็นต้องขออภัยจริงๆค่ะ”
“อ๊ะ ไม่ครับ”
“ว่าแล้วว่า สาเหตุคงเป็นเพราะว่าฉันไม่มีเพื่อนที่เป็นผู้ชายเลยล่ะมั้งคะ? อื~ม แล้วก็อาจจะเป็นเพราะยังมีเสน่ห์ในฐานะของกุลสตรีไม่เพียงพอก็ได้ล่ะนะคะ”
คุณลิเลียไม่ได้แสดงสีหน้าอันองอาจที่เหมาะสมกับที่เป็นขุนนางแบบที่ทำจนถึงเมื่อครู่ แต่ฝืนยิ้มออกมาราวกับเด็กน้อยที่ความแตกเรื่องที่ได้ไปทำพิเรนทร์มาจากที่ไหนสักแห่ง
ซึ่งในที่สุดก็ได้รู้ว่าเรื่องขุนนางที่ทำการอัญเชิญมาต่างโลกน่ะจะเป็นพวกคนเลวนั้น มันก็เป็นเพียงแค่ความอคติที่คิดไปเองก็เท่านั้น ทางฉันเองนี่แหละที่รู้สึกอยากที่จะขอโทษเสียมากกว่าน่ะ
“……แต่ฉันน่ะ คิดว่าคุณลิเลียเป็นคนที่ทั้งอ่อนโยนแล้วก็มีเสน่ห์มากเลยนะครับ”
“……! หุหุ ขอบคุณมากเลยนะคะ เอาล่ะ ดูเหมือนจะทำให้คุณอาโออิกับคุณฮินะต้องรอแล้วด้วยสิคะ กลับกันเลยเถอะค่ะ”
ถึงแม้ฉันจะไม่มีประสบการณ์ด้านปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างล้นเหลือจนสามารถพูดโดยใช้คำที่เปี่ยมด้วยความเอาใจใส่อย่างตรงไปตรงมาได้ก็ตาม แต่ว่า คำพูดชมเชยที่แสนธรรมดาแบบนั้นก็ได้พรั่งพรูออกจากปากได้อย่างเป็นธรรมชาติ
จากนั้นฉันเองก็ได้ออกจากห้องตามคุณลิเลียที่แสดงสีหน้าตกใจออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มอย่างมีความสุขแล้วเดินออกไป
แถมพอได้ลองกลับมาคิดดูแล้ว——นี่น่ะ ช่วง1ปีที่จะได้ใช้ชีวิตจากนี้ไปนี่ อาจจะเป็นช่วงเวลาที่น่าเพลิดเพลินขึ้นมานิดหน่อยแล้วก็ได้
“จะว่าไปแล้ว สุดท้ายแล้วอาหารกลางวันในส่วนของฉันมันมีอะไรบางอย่างอยู่เหรอครับ?”
“ค่ะ ถึงจะเป็นเรื่องที่น่าอายก็ตาม แต่พอได้ลองสอบถามจากคนทำอาหารดูแล้ว เหมือนว่าจะมีแค่อาหารที่จะมาเสิร์ฟให้แก่คุณไคโตะเท่านั้น ที่ได้มีการใช้วัตถุดิบที่คุณภาพไม่ค่อยจะดีน่ะค่ะ”
“แบบนี้นี่เอง……แต่ว่า บางทีถึงฉันจะกินพวกนั้นเข้าไป คิดว่ายังไงก็คงไม่รู้ถึงความแตกต่างอะไรหรอกนะครับ”
“……ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“เฮะ?”
“พอดูปฏิกิริยาของคนเสิร์ฟอาหารแล้ว คิดว่าคงมีเรื่องอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ……แต่ถึงจะได้ลองทานไป มันก็อร่อยดีค่ะ ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีพรสวรรค์ของนักวิจารณ์อาหารเลยสินะคะเนี่ย”
“อ๊ะฮะฮะ เรื่องนั้น……คงเป็นเพราะได้จ้างคนทำอาหารฝีมือดีมากกว่า”
“หุหุหุ ค่ะ ถึงจะน่าเสียดายที่ลิ้นของฉันยังตามฝีมือของคนทำอาหารไม่ทันก็เถอะค่ะ”
กราบเรียนด้วยความเคารพ ท่านแม่ ท่านพ่อ——ที่ต่างโลกรอบๆตัวมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น โดดเดี่ยวแบบนี้ลำบากมากเลยครับ แต่ว่า ท่านดยุกที่คอยให้การดูแลนั้น——เป็นคนดีล่ะครับ