[นิยายแปล] ทั้งที่ติดร่างแหไปกับการอัญเชิญผู้กล้า แต่ต่างโลกนั้นแสนสงบสุข - ตอนที่ 1
หากสิ่งนั้นไม่ใช่ลางบอกเหตุของอะไรบางอย่างที่ได้เกิดขึ้นมา ก็คงจะไม่ใช่ภาพปรากฏที่ผิดปกติเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะให้ยกตัวอย่างถึงความแตกต่างเล็กน้อยจากที่เคยเป็น คงเป็นการได้เห็นหนุ่มสาวที่ใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนเก่าในขณะที่อยู่บนทางกลับบ้านจากมหาวิทยาลัย
เด็กหนุ่ม2คนเด็กหญิง2คน นักเรียนม.ปลาย4คนที่เดินอยู่ข้างหน้าและน่าจะอยู่แม้กระทั้งชมรมเดียวกันได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งกับผู้เดียวดายชั้นยอดอย่างฉันแล้วมันช่างเป็นภาพที่เจิดจ้ามาก โดยเฉพาะนักเรียนหญิงม.ปลาย2คนนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่น่ารักมากจนเรียกว่าเป็นสาวงามท็อปคลาสก็ยังได้ ทำเอารู้สึกอิจฉาเด็กนักเรียนชาย2คนนั้นขึ้นมาเลย แถมสัดส่วนชายหญิงยังเป็น1ต่อ1พอดีอีก อาจจะเป็นคู่รัก2คู่ก็เป็นได้……พวกเพียบพร้อมน่ะ ระเบิดตายไปซะได้ก็ดี……
ใช่แล้ว ช่างเป็นทางกลับบ้านที่ไม่มีอะไรถึงขนาดนั้นเลย จนกระทั้งมาหยุดยืนที่ด้านหลังของกลุ่มคน4คนที่หยุดอยู่ตรงไฟแดงของทางม้าลาย ในระยะห่างไม่กี่ก้าว——ก็มีสิ่งที่เหมือนวงเวทย์ประหลาดปรากฏขึ้นมาที่เท้า——
นี่มันอะไรกัน พอรู้สึกแบบนั้นทิวทัศน์ที่ฉายอยู่เบื้องหน้าก็กลายเป็นเหมือนภาพนอยซ์ พื้นที่ควรจะเป็นยางมะตอยนั้นก็กลับกลายเป็นหิน แสงยามบ่ายที่ส่องสว่างจนทำเอารู้สึกว่ามันน่ารำคาญนั้นก็กลายเป็นแสงของโคมไฟ? ที่สลัวๆ……เดี๋ยวก่อนนะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย
“ยินดีต้อนรับการมาถึงค่ะ [ท่านผู้กล้า]”
ก่อนที่จะรู้สึกสับสนขึ้นมา ในขณะที่ยังไม่เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงอันแสนไพเราะเพราะพริ้งราวกับกระดิ่งเข้ามาในหูจึงหันหลังกลับไปมอง ที่ตรงนั้นมีสาวงามที่มีนัยน์ตาสีฟ้าอันงดงามกับผมสีทองยาว พร้อมสวมเดรสสีขาวบริสุทธิ์ไร้ซึ่งมลทินอยู่ ส่วนในกลุ่มของคน4คนที่ได้เจอกัน……ก่อนหน้านี้นั้น กลับเห็นแค่ร่างของนักเรียนหญิงม.ปลาย2คนกับนักเรียนชายม.ปลาย1คน อ้าว? หายไปคนนึงรึเปล่าเนี่ย?
“ถึงจะเป็นเรื่องเร่งด่วน——เอ๊ะ?”
สาวงามผมทองนั้นได้มองมายังพวกฉัน พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าหลงใหลและกำลังเอ่ยปาก……แต่จู่ๆก็หยุดพูดไป
จากนั้นก็เกิดความเงียบ……ฉันกับพวกนักเรียนม.ปลาย3คนที่ถูกทิ้งให้กลืนไปในสถานการณ์นั้นก็ด้วย รวมถึงสาวงามที่เหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างค้างไว้กับพวกคนในชุดโรปที่ดูผิดยุคผิดสมัยที่อยู่รอบๆพวกนั้น ก็หยุดนิ่งราวกับเวลาได้ถูกหยุดลง จนความเงียบได้เข้าครอบงำสถานที่แห่งนั้นไปครู่หนึ่ง
“……อะ เอ่อ คุณหนูคะ? เห็นเหมือนกับว่าจะมี4คนเลยนะคะ?”
“……บังเอิญจังนะคะลูน่า ฉันเองก็เห็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”
คนในชุดโรปคนหนึ่งที่เหมือนจะเตรียมใจได้แล้วจึงเอ่ยทักขึ้นมากับสาวงาม ทางสาวงามเองก็ตอบกลับไปด้วยท่าทีที่ลังเลที่ไหนสักแห่ง แต่น่าเสียดายที่ความนึกคิดของฉันนั้นราวกับโดนอัดใส่ด้วยเดมพ์ซี่ย์โรล จนตามความผิดปกตินี้ไม่ทัน ถ้าเป็นเครื่องคอมล่ะก็ตอนนี้คงเป็นตอนที่ไอคอนเปลี่ยนไปเป็นรูปนาฬิกาทรายล่ะมั้ง ควรจะใส่เป็นอินเOลได้แล้วนะเนี่ย……เดี๋ยวสิเดี๋ยว นี่กำลังคิดอะไรอยู่น่ะตัวฉัน?
เมื่อกวาดสายตาแล้วเลื่อนมองไปยังนักเรียนม.ปลาย3คนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันดู ทางนั้นเองที่เหมือนจะอยู่ในสภาพเดียวกันกับฉันและเหลือบหันมามองทางนี้นั้นก็แสดงสีหน้าที่กำลังดูสับสนออกมาอยู่
“จะ จะจะจะ จะทำยังไงกันดีคะนี่น่ะ!? นี่น่ะ คือไอ้นั่นสินะคะ! บางทีทั้ง3คนคงบังเอิญติดร่างแหจากการ [อัญเชิญ] อะไรแบบนั้น จะพูดแบบนั้นก็คงได้สินะคะ!?”
“กะ เกรงว่าคงเป็นเช่นนั้น……แล้วจะทำยังไงกันดีคะคุณหนู?”
“ถึงจะให้ทำยังไงหรืออะไร ถ้าจะแค่ [พลาดซะแล้วล่ะค่ะ เอะเฮะ] ก็คงจบเรื่องไม่ได้ด้วยสิ ยังไงก็อธิบายสถานการณ์ให้ทุกท่านได้รับทราบ……อ๊า แต่ว่า ก่อนหน้านั้นคงต้องแยกให้ออกก่อนว่าท่านผู้กล้าคือคนไหน……”
“เอะเฮะ……เนี่ย คุณหนู ทั้งที่อายุก็ตั้งขนาดนั้นแล้วจะไม่ดูแอ๊บเด็กไปหน่อย……”
“ทำไมถึงมาตบมุขนิ่งๆที่เรื่องนั้นกันล่ะ!?”
อะไรกันเนี่ย การสนทนาที่น่าผิดหวังนี่น่ะ เหมือนกับว่าความรู้สึกอันตรายจากสถานการณ์ที่ไม่รู้จักกำลังถูกทำให้ค่อยๆหายไปเลย…… นักเรียนหญิงม.ปลาย2คนก็ทำหน้าเอ๋อไปแล้วด้วยสิ ส่วนทางนักเรียนชายม.ปลายเองก็——ไหงทำท่าเหมือนถูกหวยแบบนั้นล่ะ? ทำท่าเหมือนถูกหวย ในสถานการณ์แบบนี้น่ะนะ?
หืม? เดี๋ยวนะ……ท่านผู้กล้า? อัญเชิญ? ติดร่างแห? รู้สึกเหมือนมีคำที่จำได้ว่าเคยได้ยินมาก่อนอะไรสักอย่างพุ่งเข้ามาเลยแฮะ คิดสิคิด จะว่าไปก่อนหน้านี้เหมือนจะ——
“อะแฮ่ม งั้นก็อีกครั้ง ยินดีต้อนรับการมาถึง——”
“ขอโทษนะครับ พอดีมีเรื่องที่ต้องคิดอยู่ ช่วยเงียบหน่อยได้ไหมครับ?”
“อ๊ะ ค่ะ ขออภัยด้วยค่ะ”
เนื่องจากได้ยินเสียงที่เหมือนจะมาขัดขวางความคิด ก็เลยนึกไปว่าขอให้รออีกสักครู่หนึ่งไปก่อนแทน อ๋อ นั่นไงนึกออกแล้ว ไลท์โนเวลที่อ่านไปเมื่อเร็วๆนี้ไง!
ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่น่าเปิดเผย แต่ฉันก็มีงานอดิเรกที่ถูกเรียกได้ว่าเป็นแบบพวกโอตาคุอยู่ แม้จะเป็นโอตาคุครึ่งๆกลางๆที่ ชอบเล่นเกม อ่านไลท์โนเวลแบบพอถูไถ แต่ไม่ดูพวกอนิเมะเลยก็เถอะ……อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ มันเหมือนที่ปรากฏในไลท์โนเวลนั่นเป๊ะๆเลย เป็นเรื่องราวตามแบบแผน ที่มายังต่างโลกด้วยการอัญเชิญผู้กล้าและต้องต่อสู้กับจอมมาร พอมาคิดดูให้ดีๆอีกครั้งก็จำได้เลยว่ามีในนิยายหลายๆเรื่องเลย
“……คะ คือว่า……”
อ๋อ แต่ว่า จะว่าไปถ้าจะให้พูดสั้นๆเรื่องของการย้ายมาต่างโลกนั้นก็รู้สึกว่าจะมีหลายๆแบบปรากฏให้เห็นอยู่ด้วย อย่างเช่นหากเป็นเรื่องที่ต้องมาสู้กับจอมมารด้วยผู้กล้าแล้วล่ะก็ ก็จะมีแบบที่จริงๆแล้วฝั่งราชวงศ์ที่อัญเชิญมานั่นแหละที่เป็นตัวร้าย แล้วก็แบบที่เป็นคนทั่วไปที่มาติดร่างแหแล้วถูกตราหน้าว่าไร้ความสามารถแต่ความจริงเป็นพวกสุดโกงก็ด้วย……
“……เอ่อ คือว่า~……”
ถึงงั้นก็เถอะแต่ว่ายังไงสิ่งที่จำเป็นในตอนนี้ก็คงเป็นข้อมูลล่ะมั้ง? แม้จะมีคำว่าถึงยังไงความเป็นจริงนั้นก็ต่างจากนิยายอยู่ ในขั้นตอนนี้จะให้ตัดสินไปว่าที่นี้คือต่างโลกไปเลยก็คงไม่ได้ แต่ว่า ก็เข้าใจอยู่แหละนะว่านี่น่ะเป็นสถานการณ์ที่ผิดจากปกติอย่างเห็นได้ชัด ก่อนอื่นเลยต้องรู้สถานการณ์ในปัจจุบันให้ได้ก่อน——อ้าว? เหมือนลืมอะไรไปรึเปล่านะ?
“……เอ่อ……”
“……เอ๊ะ?”
แล้วในที่สุดก็รู้สึกตัว ถึงตัวตนของสาวงามผมทองที่มองมาทางนี้ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและความสับสนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ทำเอาสติกลับจากห้วงนึกคิดสู่ความเป็นจริงทันควัน
จากนั้นเมื่อสติกลับสู่ความเป็นจริง ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองนั้นมัวแต่หมกมุ่นอยู่ในห้วงความคิดจนขัดคำพูดของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ทำเอารู้สึกหน้าซีดขึ้นมาทันที
“……ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากที่จะอธิบายเรื่องต่างๆแล้วน่ะค่ะ……ได้รึเปล่าคะ?”
“ขะ ขอโทษครับ!? คือว่า พอดีตั้งแต่เมื่อก่อนมีนิสัยเสียที่ว่าถ้าอยู่ในห้วงความคิดเมื่อไรก็จะไม่สนใจถึงสิ่งรอบข้างเลย……”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ถูกพูดออกมาด้วยความลังเล ฉันก็รีบก้มหน้าลงในทันที ทำไปอีกแล้วจนได้……นิสัยเสียนี่มันออกมาอีกจนได้ ไม่ว่ายังไงตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วฉันนั้นมีนิสัยเสียที่ถ้าตั้งใจคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ก็จะไม่สนใจถึงสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าพูดในแง่ดีก็คงบอกได้ว่ามีสมาธิสูง แต่ถ้าให้พูดในแง่ร้ายก็คงบอกได้ว่าเป็นพวกโลกทัศน์แคบ
ยังไงก็เผลอทำลงไปอีกจนได้ แถมรู้สึกถึงสายตาของนักเรียนหญิงม.ปลาย2คนที่มองมาทางนี้ก็มีความเอือมระอาอยู่หน่อยๆด้วย แล้วทางพวกคนในชุดโรปที่อยู่รอบๆสาวงามเองก็เห็นว่ากำลังยิ้มเจื่อนอยู่เช่นกัน ส่วนทางนักเรียนชายม.ปลายนั้น……เหมือนว่าจะก้มหน้าลงแล้วกำลังบ่นพึมพำอยู่——อ๊ะ ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนกับเด็กคนนี้ได้แฮะ
“ไม่เลยค่ะ กับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลับแล้วมันไม่แปลกอะไรเลยค่ะ งั้นก็อีกครั้ง ชาวต่างโลกทุกท่าน ขอยินดีต้อนรับสู่ [ราชอาณาจักรซิมโฟเนีย]”
หลังจากที่เผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนให้กับฉันที่ขอโทษขอโพยอยู่ สาวงามนั้นก็จับจีบยกชายกระโปรงขึ้นและก้มหัวลงอย่างสง่างาม แล้วจะบอกว่าเป็นไปตามที่คิดดีหรือยังไงดี เพราะได้มายังราชอาณาจักรของต่างโลกจนได้
อื~มพอรู้สึกถึงความสูงศักดิ์นี่แล้วมัน แถมเมื่อกี้เหมือนจะถูกเรียกว่าคุณหนูด้วยสิก็หมายความว่าเป็นขุนนาง? หรือว่าบางที่อาจจะเป็นเจ้าหญิงก็ได้ล่ะมั้ง
“ฉันชื่อลิเลีย อัลเบิร์ทค่ะ ก่อนอื่นเรื่องที่จู่ๆก็อัญเชิญมา ต้องขออภัยจริงๆค่ะ คิดว่าคงกำลังรู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทราบดีค่ะว่าก่อนอื่นก็ควรที่จะอธิบายสถานการณ์โดยเร็ว……แต่ ต้องขออภัยเนื่องด้วยความสะดวกของทางนี้ ก่อนที่จะเริ่มอธิบายขอทราบชื่อของแต่ละท่านหน่อยจะได้ไหมคะ?”
“……อ๊ะ ครับ เอ่อ……มิยามะ ไคโตะครับ”
กับคำถามของหญิงงาม——ของผู้หญิงที่ชื่อลิเลียนั้น อย่างแรกเลยคนที่มีอายุมากที่สุดอย่างฉันก็ควรที่จะตอบกลับไปก่อน ถ้าเป็นอย่างในนิยายตรงนี้คงมีพวกคนที่หัวร้อน ไม่ก็คนที่สับสนและกรีดร้องอยู่น่ะนะ……แต่ความจริงพอมาเป็นแบบนี้ดูแล้ว มันทั้งสับสนและกังวลมากเกินไป กลับกันเลยทำให้สามารถตอบกลับไปได้อย่างใจเย็น
“……คุสุโนกิ อาโออิค่ะ”
“……ยูซุกิ ฮินะ”
“……มิทสึนากะ เซย์กิ”
นักเรียนม.ปลาย3คนได้บอกชื่อออกไปต่อจากฉัน จะว่าไปนักเรียนชายม.ปลายนั่น ชื่อเท่จังน้า เธอน่ะไปเป็นผู้กล้าเลยเถอะ ชื่อความยุติธรรมแด่แสงอันเป็นนิรันดร์เนี่ย ดูยังไงก็เป็นชื่อที่ราวกับเกิดมาเพื่อเป็นผู้กล้าชัดๆเลยไม่ใช่เหรอ……แต่ถ้าเอาตามที่เห็นแล้วให้บอกว่าตรงไหนก็ มันเป็นแค่ความรู้สึกของมนุษย์ล้วนๆน่ะนะ
“ท่านมิยามะ ท่านคุสุโนกิ ท่านยูซุกิ แล้วก็ท่านมิทสึนากะสินะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เช่นนั้นขออนุญาตนะคะ ช่วยกรุณารอสักครู่ด้วยค่ะ”
ขณะที่กำลังพูดเช่นนั้นคุณลิเลียก็ขยิบตาให้กับคนในชุดโรปอีกคนก่อนหน้านี้เล็กน้อย คนในชุดโรปได้หยิบสิ่งที่เหมือนลูกผลึกแก้วออกมา แม้รู้ว่ากำลังจะถูกทำอะไรบางอย่างแต่ร่างกายกลับแข็งทื่อในสภาพที่เหมือนอยากพูดอะไรออกมาโดยไม่รู้ตัว คุณลิเลียจึงช่วยเข้ามาอธิบายว่า “ไม่ได้จะทำอันตรายใดๆ” ด้วยท่าทีที่รีบร้อน แถมการขยับโดยไม่ระวังนั้นก็ไม่คิดว่าจะเป็นวิธีที่ดีจึงได้แต่นิ่งอยู่ที่ตรงนั้น……ยังไงก็ไม่ขอคัดค้านอะไรถ้าจะถูกพูดว่าขี้ขลาดหรือไม่มีความกล้าล่ะนะ
“……ดูเหมือนว่า ท่านมิทสึนากะจะถูกอัญเชิญมาในฐานะผู้กล้านะคะ ส่วนท่านที่เหลือนั้นเป็นเพียงแค่ผู้ติดร่างแหเท่านั้นค่ะ”
“ว่าแล้วเชียวเป็นแบบนั้นเหรอคะ”
ดูเหมือนว่าท่านผู้กล้านั้นจะเป็นมิทสึนากะ เซย์กิคุงล่ะ จะบอกว่าตรงตามคาดไหมก็ตรงล่ะนะ นี่น่ะ จะเป็นยังไงต่อกันล่ะเนี่ย? แล้วในสถานการณ์ที่ไม่รู้อะไรนี้ มิทสึนากะคุงที่จู่ๆก็ทำท่าเหมือนถูกหวยเบาๆเมื่อถูกบอกว่าเป็นท่านผู้กล้าเนี่ยยอดเลย เธอนี่แหละนัมเบอร์วัน พยายามเข้าล่ะลุยท้าทายกับเรื่องยุ่งยากหรืออะไรก็ตามไปเลย
“ถ้างั้น เรื่องให้คำอธิบายแก่ท่านผู้กล้าเอาเป็นที่ตรงนั้น?”
“อืม เอาเป็นแบบนั้นก็แล้วกันค่ะ ส่วนท่านลิเลียนั้นยังไงก็ขอรบกวนเรื่องช่วยให้คำอธิบายแก่ผู้ติดร่างแหทั้ง3ท่านด้วยนะคะ”
หลังจากที่ได้ยินการสนทนานั้น คุณลิเลียก็มาบอกว่าเนื่องจากรายละเอียดคำอธิบายที่จะให้แก่มิทสึนากะคุง——ให้แก่ท่านผู้กล้านั้นมีเนื้อหาต่างจากคำอธิบายของทางนี้ การให้คำอธิบายนั้นจึงต้องให้ต่างฝ่ายต่างแยกกันไป
แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ต้องมีการโต้แย้งอยู่แล้ว——หมายถึงคุณคุสุโนกิกับคุณยูซุกิน่ะนะ……ส่วนฉันน่ะเหรอ? ฉันน่ะมีเรื่องอื่นอัดอยู่เต็มหัวไปหมดก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น
บอกตามตรงฉันเองก็ไม่ใช่เจ้าชายนักบุญหรืออะไรแบบนั้นด้วยสิ แถมไม่ได้มีจิตใจโอบอ้อมอารีมากขนาดที่จะสามารถมาเป็นห่วงเรื่องหลังจากนี้ของพวกเด็กๆที่ไม่เคยพบหรือรู้จักขณะที่อยู่ในช่วงเวลาอันผิดจากปกติของตัวเองหรอก ตอนนี้สำหรับฉันแล้วปัญหาที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือ……คุณลิเลียที่กำลังปลอบคุณคุสุโนกิกับคุณยูซุกิที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหาก ว่าเธอนั้นเป็นคนแบบไหนกัน แล้วก็พวกฉันจะเป็นยังไงต่อจากนี้
จากความรู้สึกจนถึงตอนนี้ก็คิดว่าเป็นคนที่ทั้งถ่อมตัวแล้วก็คงไม่ใช่คนเลวอยู่หรอก แต่ว่ายังไม่ได้อธิบายเรื่องเหตุผลที่ทำการอัญเชิญผู้กล้ามาด้วยสิ แรกเริ่มเดิมทีเธอเป็นคนที่อยู่ในจุดยืนแบบไหนเองก็ยังไม่รู้เลยด้วย
จะอะไรหรือยังไง การจะเอาสิ่งที่เกิดในไลท์โนเวลมาเปรียบเทียบอาจจะเป็นเรื่องที่ผิดก็ได้ แต่ในเรื่องแนวๆนี้ที่พวกราชวงศ์เป็นตัวร้ายแล้วเอาผู้กล้าไปใช้งานเยี่ยงทาส ส่วนพวกที่ไม่ใช่ผู้กล้าก็จะถูกปฏิบัติอย่างเย็นชานั้นก็บอกได้ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานของพื้นฐาน
แถมจากความเป็นจริงในปัจจุบันเองมิทสึนากะคุงที่เป็นผู้กล้ากับพวกฉันก็ถูกบอกให้แยกกันไปฟังคำอธิบายอีก เลยรู้สึกสงสัยว่ายังไงก็คงกำลังหัวเราะสะใจกันอยู่ไม่ใช่รึไงขึ้นมา
แต่ว่า ก็น่าเศร้าน่ะนะที่ทั้งหลักฐานที่จะใช้ในการพิสูจน์เรื่องนั้นทั้งคำใบ้เพื่อที่จะฝ่าฝันสถานการณ์ต่อจากนี้ ตราบใดที่เธอยังครอบครองทั้งหมดนั่นไว้อยู่ ก็คงจะไม่สามารถเลือกตัวเลือกที่ว่าจะไม่ให้เป็นไปตามความต้องการนั้นได้
“ความรู้สึกที่ว่ากังวลใจนั่นเข้าใจดีค่ะ แต่ว่ายังไงก็ไม่ได้จะทำอันตรายใดๆต่อพวกท่านอย่างแน่นอน ขอสาบานด้วยนามของฉันเลยค่ะ ถึงแม้จะเป็นการตอบสนองที่เห็นแก่ตัวตามสถานการณ์ของทางนี้ก็ตาม แต่ได้โปรดเถอะนะคะ”
คุณลิเลียพูดออกมาเช่นนั้นแล้วก้มหัวลงต่ำอย่างสุดซึ้ง ถึงแม้จะอยู่ในสภาพที่ยังไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม แต่คุณคุสุโนกิกับคุณยูซุกิทั้ง2คนก็ได้หยุดการโต้แย้งลง ทางมิทสึนากะคุงเองก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ แน่นอนว่าฉันเองก็พยักหน้าด้วย
ทั้ง3คนที่เหลือก็เหมือนจะเข้าใจแล้ว แถมต่อต้านไปก็กลัวว่าจะเปล่าประโยชน์ เพราะแค่ลองดูจำนวนคนคร่าวๆแล้วพวกคนในชุดโรปนั้นก็มีจำนวนที่มากกว่าพวกฉันถึงเท่าตัว อีกทั้งที่นี่นั้นถ้ายอมเชื่อในเรื่องที่เธอเล่ามาทั้งหมดล่ะก็มันคือต่างโลก……ยังไงดีล่ะคิดว่าคงมีพลังที่เหมือนเวทมนตร์อยู่ไม่ผิดอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าทางมิทสึนากะคุงที่ถูกเรียกว่าผู้กล้านั้นอาจจะมีพลังพิเศษอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ แต่กับแค่ผู้ติดร่างแหอย่างพวกฉันแล้วคิดว่าคงไม่มีอะไรแบบนั้นอยู่แน่ๆ หากเป็นเช่นนั้นตัวเลือกที่ควรจะเลือกเพื่อเอาตัวให้รอดในตอนนี้นั้น ก็มีเพียงยอมฟังเรื่องที่จะพูดแค่ตัวเลือกเดียว
เมื่อถูกคุณลิเลียนำทางออกมาจากสถานที่ที่เหมือนกับห้องใต้ดินอันมืดสลัว จนกระทั้งได้ไปถึงยังห้องโถงที่มีการตกแต่งภายในอย่างหรูหรา ซึ่งดูเหมือนว่าการให้คำอธิบายแก่มิทสึนากะคุงที่เป็นผู้กล้านั้นจะทำกันที่นี่ เค้าจึงได้อยู่ในห้องนี้ ร่วมกับเหล่าคนที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยชุดสีขาวจนทำเอานึกว่าเป็นนักบวชจากที่ไหนสักแห่ง ส่วนฉันกับเด็กหญิงอีก2คนก็ได้ถูกนำทางไปยังอีกห้องหนึ่ง
แม้จะเป็นห้องที่ความใหญ่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับห้องโถงเมื่อครู่แต่ก็กว้างพอตัว พร้อมมีโต๊ะขนาดใหญ่ที่มีการตกแต่งแบบยุคกลางและเก้าอี้——แต่จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่รู้สึกถึงบรรยากาศของต่างโลกเลย สัมผัสถึงไม่ได้เลยสักนิด
“เชิญค่ะ โปรดทำตัวตามสบายได้เลย ลูน่า ช่วยเอาเครื่องดื่มอะไรมาให้ทั้ง3ท่าน……”
“ทราบแล้วค่ะ”
คุณลิเลียได้ไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามของพวกฉัน แล้วก็มีผู้หญิงที่ใส่ชุดเมดหรือก็คือคุณลูน่าที่ถอดชุดโรปออกไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรมาทำตามที่สั่ง คงเป็นเพราะก่อนหน้านี้อยู่ในห้องที่มืดสลัวแถมยังใส่ฮู้ดของชุดโรปอีกก็เลยไม่รู้ แต่คุณลูน่านั้นเป็นผู้หญิงที่มีผมสีฟ้าอ่อนยาวประบ่าแถมมีการจัดทรงเป็นอย่างดีล่ะ……ในที่สุดก็เจอแล้ว ความเป็นต่างโลก
หลังจากเห็นคุณลูน่าที่ได้ก้มหัวแล้วเดินออกจากห้องไป พวกฉันเองก็นั่งลงกันอย่างระแวดระวัง ก่อนอื่นอันดับแรกฉันได้ไปอยู่ตรงหน้าของคุณลิเลียแล้วนั่งลง——ตรงที่นั่งเยื่องขวามานิดหน่อย ส่วนคุณคุสุโนกิกับคุณยูซุกินั้นนั่งตรงที่ว่างที่ห่างจากฉันประมาณ2ตัว
“ก่อนอื่นต้องขออภัยอีกครั้งค่ะ ที่เรียกมายังอีกโลกอย่างกะทันหัน แถมยังด้วยความสะดวกของทางนี้เลยต้องใช้เวลากว่าจะได้ให้คำอธิบายอีก ต้องขออภัยด้วยจริงๆค่ะ”
“อ๊ะ ไม่……”
“คือว่า จากนี้พวกเรา……จะเป็นยังไงต่อเหรอคะ?”
คนที่ได้ถามคำถามที่น่าจะสำคัญที่สุดออกมาก็คือคุณคุสุโนกิ เธอนั้นมีผมยาวสีดำขลับและร่างกายสูงเพรียว แถมสีหน้าท่าทางของเธอก็เหมาะกับคำว่าหญิงงามเพียบพร้อมมาก เมื่อเทียบกับฉันแล้วเห็นได้เลยว่าจิตใจดูสงบกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไร คิดว่าคงเป็นสาวใจแกร่งอย่างแน่นอนเลย แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคนขี้ขลาดอย่างฉันน่ะนะ
“ก่อนอื่น เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญว่าพวกเราไม่ได้จะทำอันตรายใดๆต่อพวกท่านรวมถึงท่านมิทสึนากะนั้น ขอสาบานและเดิมพันด้วยนามของ [ตระกูลดยุกอัลเบิร์ท] ตระกูลของฉันค่ะ”
“……ตระกูลดยุก……อัลเบิร์ท”
“โอ๊ะ ขออภัยที่เสียมารยาทนะคะ ควรที่จะอธิบายเรื่องจุดยืนของฉันก่อนสินะคะ งั้นก็อีกครั้ง ชื่อของฉันคือลิเลีย อัลเบิร์ท ในราชอาณาจักรซิมโฟเนียแล้วมีบรรดาศักดิ์เป็นดยุก……หรือก็คือเป็นขุนนางนั่นแหละค่ะ”
“อีกทั้งคุณหนูลิเลียยังเป็นน้องสาวต่างมารดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน แถมยังมีตำแหน่งเป็นผู้ที่มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์อันดับที่4ด้วย เช่นนั้นแล้วคำที่คุณหนูเอ่ยออกไปว่าขอสาบานด้วยนามของตระกูลเมื่อครู่นั้น ก็ถือได้ว่าเป็นฉันทมติแห่งชาติไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนค่ะ”
ดยุก!? สิทธิ์สืบทอดบัลลังก์!? ถึงจะเดาๆไว้แล้วก็เถอะแต่นี้มันชนชั้นสูงสุดๆเลยนี่นา
“อย่างไรก็ตามอายุอานามก็ปาไป22ปีแล้ว ทั้งที่โดยทั่วไปในราชอาณาจักรซิมโฟเนีย ที่จะแต่งงานกันตอนอายุ15-19ปีนั้น ถือว่าเป็นท่านดยุกโสดสนิทที่หาได้ยากมากเลยค่ะ”
“……ลูน่า? ทำไมถึงเพิ่มเรื่องนั้นเข้าไปด้วยล่ะคะ? ไม่ใช่ข้อมูลที่จำเป็นในตอนนี้เลยไม่ใช่เหรอคะ?”
“เปล่าค่ะ แค่คิดว่าการที่จะยังให้เรียกว่า [คุณหนู] อยู่เนี่ย ใกล้น่าจะไม่ไหวแล้วน่ะค่ะ……”
“……เดี๋ยวกับเธอหลังจากนี้มีเรื่องคุยกันหน่อยนะคะ”
อะไรกันเนี่ยนี่น่ะ ความรู้สึกน่าเสียดายนี่ผุดขึ้นมานี่น่ะ……ทั้งที่จากที่เห็นก็เป็นสาวงามชนชั้นสูงที่ทั้งถ่อมตัวและพูดจาสุภาพแท้ๆ……แล้วก็ คุณลูน่าเป็นคนที่ค่อนข้างไร้ปราณีสินะ
“……กะ กลับมาเข้าเรื่องกันเถอะนะคะ งั้นมาตอบคำถามของท่านคุสุโนกิเมื่อครู่กันต่อเถอะค่ะ คิดว่าบางทีสิ่งที่กังวลใจที่สุดก็คงเป็น เรื่องที่ว่าจะสามารถกลับไปยังโลกเดิมได้หรือไม่สินะคะ เกี่ยวกับเรื่องนั้นโปรดวางใจได้เลยค่ะ”
“กะ กลับไปได้……เหรอคะ?”
ผู้ที่ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูสั่นๆนั้นคือ คุณยูซุกิที่มีผมสั้นสีน้ำตาลเกาลัดและให้ความรู้สึกน่ารักเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ จากการที่คุณคุสุโนกิกำลังกุมมือคุณยูซุกิที่กำลังกลัวอย่างอ่อนโยน แล้วก็ความสูงที่ต่างกันเล็กน้อยนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าคงมีความเกี่ยวข้องกันแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ว่าเรื่องหน้าอกเนี่ยทางคุณยูซุกิใหญ่——เดี๋ยวสิเดี๋ยว คิดอะไรอยู่เนี่ยตัวฉัน!?
“ค่ะ……เพียงแต่ เรื่องนั้น……”
พอได้ยินคำที่คุณยูซุกิพูดออกมาคุณลิเลียก็แสดงสีหน้าลำบากใจที่จะพูดออกมาเล็กน้อย นี่มัน ว่าแล้วเชียวไอ้นั่นสินะ? ที่เป็นแบบว่ามีสิ่งที่เหมือนจอมมารอยู่ แล้วถ้าไม่โค่นสิ่งนั้นลงก็จะไม่สามารถกลับไปได้อะไรแบบนั้นน่ะ
ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ว่าแล้วเชียวว่าอาจจะยังไม่ควรที่จะเชื่อใจคุณลิเลียก็ได้——
“กว่าจะสามารถเตรียมวงเวทย์อัญเชิญได้อีกครั้ง……ต้องใช้เวลาประมาณ1ปีค่ะ”
“นะ 1ปี!?”
อ้าว? รู้สึกเหมือนจะต่างจากที่คาดไว้ไปหน่อยแฮะ ถึงทั้ง2คนจะรู้สึกตกใจกับความนานถึง1ปีอยู่ก็เถอะ แต่ทางฉันกลับตกใจในอีกเรื่องหนึ่งแทน ใช่แล้ว เรื่องที่เงื่อนไขมันดูหละหลวมเหลือเกินนั่นไง……
ปกติถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้ล่ะก็ มันต้องจนกว่าจะโค่นจอมมารได้ถึงจะได้กลับไม่ใช่เหรอ? อ๋อ รึว่าบางทีทางของมิทสึนากะคุงอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ เพราะแบบนี้ก็เลยให้แยกไปฟังคำอธิบายแค่คนเดียว
อีกทั้งถึงจะบอกว่าหละหลวมแต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกเทพลักซ่อนไปเป็นปีนั้น พอคิดถึงผลกระทบต่อโลกเดิมแล้ว จะให้สามารถยอมรับได้เลยก็คงจะไม่ได้
“……อะไรกัน ทั้งที่เป็นก่อนการแข่งแท้ๆ……”
“ฮินะจัง ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นนะ……”
คุณยูซุกิเนี่ยเป็นพวกบ้องแบ๊วตามธรรมชาติรึเปล่านะ การที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้แต่กลับเป็นห่วงเรื่องงานแข่งของชมรมได้เนี่ย อยู่ในระดับที่น่าชื่นชมเลยล่ะ
“อ๊ะ โปรดวางใจได้เลยค่ะ จากเรื่องที่ [ท่านเทพธิดา] เคยกล่าวไว้ โลกของทางนี้กับโลกของพวกท่านนั้นเหมือนจะมีกระแสเวลาที่ต่างกัน ในตอนที่ส่งตัวกลับไปนั้น จะกลับไปยังช่วงเวลาที่ถูกอัญเชิญมายังโลกนี้โดยทันทีค่ะ เรื่องการเจริญเติบโตของร่างกายในช่วงเวลา1ปีเองก็ด้วย ก่อนส่งตัวกลับท่านเทพธิดาจะช่วยทำให้เป็นเหมือนเดิมเองไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนค่ะ”
“……”
พอคิดว่าเรื่องที่กังวลอยู่ถูกแก้ไขได้โดยสิ่งที่ดูจะสุดยอดสุดๆไปแล้ว กลับมีองค์ประกอบใหม่ที่ไม่อาจอธิบายได้อย่างท่านเทพธิดาก็โผล่มาเฉยเลย
เอ่อหรือก็คือ ถึงจะต้องใช้เวลา1ปีก่อนที่จะได้กลับไปยังโลกเดิม แต่ก็ไม่ต้องไปเป็นห่วงเรื่องเวลาที่ผ่านไปของฝั่งนั้นเลย แถมถ้าจู่ๆเกิดอ้วนขึ้นมาในโลกฝั่งนี้ท่านเทพธิดาก็จะทำให้กลับเป็นแบบเดิมด้วย……
“แน่นอนว่า ขอรับประกันเรื่องอาหารเครื่องนุ่มห่มที่พักอาศัยและความปลอดภัยส่วนบุคคลในระหว่างที่ทั้ง3ท่านยังอยู่ที่ฝั่งนี้ค่ะ ถึงแม้จะไม่ได้หรูหราตระการตานัก แต่เรื่องการใช้ชีวิตโดยไม่ไร้ซึ่งอิสรภาพนั้นทางฉันจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดเตรียมให้เองค่ะ”
“……อะ อืม……”
“เอ่อ ขะ ขอบคุณมากค่ะ”
ตกตะลึงกันออกมาแบบนั้นจะดีเหรอ เพราะข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของฝั่งนี้ได้ถูกส่งมาให้อย่างต่อเนื่อง จนคุณคุสุโนกิกับคุณยูซุกิเองก็ยังสับสน ถึงขนาดที่ว่ากล่าวขอบคุณโดยไม่ต้องคิดกันเลย……
แต่ทว่ายังสบายใจไปไม่ได้ ใช่แล้ว เพราะเรื่องของมิทสึนากะคุงนั้นยังไม่ได้รับการแถลงไขเลย ถ้าหากบอกมาว่าผู้กล้านั้นถูกอัญเชิญมาเพื่อต่อสู้กับจอมมาร ก็หมายความได้เลยว่าโลกนี้น่ะเป็นสถานที่อันตรายแค่นั้นแหละ
“……ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ?”
“แน่นอนค่ะ ท่านมิยามะ”
“เอ่อ มิทสึนากะคุง……ที่ต้องแยกไปฟังอีกห้องหนึ่ง เรื่องนั้นน่ะครับ เค้าถูกเรียกว่าเป็นผู้กล้า นั่นก็หมายความว่า มีตัวตนที่เหมือนกับจอมมารอยู่ เลยต้องให้รับรู้ว่าต้องไปสู้กับสิ่งนั้นไม่ผิดใช่ไหมครับ?”
นั่นคือเรื่องที่ฉันได้ตัดสินใจลองถามออกไปดู น่ากลัวว่านี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนอย่างแน่นอน คุณลิเลียนั้นจะพูดออกมาตามตรงหรือจะเบี่ยงประเด็น นั่นจะเป็นวิธีการบ่งชี้ของตัวฉันว่าควรจะแข็งขืนไปในทิศทางไหน เอาล่ะ จะออกมาเป็นแบบไหนกัน?
แต่กับฉันที่ถามออกไปพร้อมกับความตื่นเต้นที่อยู่ในใจแล้ว ทั้งคุณลิเลียและคุณลูน่านั้น……กลับเอียงคอแล้วทำหน้างงๆใส่
“จอมมาร เหรอคะ? ถูกท่านผู้กล้ารุ่นแรกปราบไปตั้ง1000ปีก่อนแล้วล่ะค่ะ”
“……เฮะ? เอ่อ ถ้างั้นรึว่าเผ่ามารกับมนุษย์มีความเป็นศัตรูกันอะไรแบบนั้น?”
“ไม่นี่คะ มนุษย์กับเผ่ามารมีความสัมพันธ์อันดีกันอย่างมากเลยล่ะค่ะ ทั้งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทั้งการทำการค้าก็ประสบความสำเร็จดีค่ะ”
“……แล้วเรื่องสงคราม?”
“จากที่ฉันรู้ เหมือนจะไม่มีเกิดขึ้นมากว่า800ปีแล้วนะคะ”
“……แล้วเรื่องอย่างมอนสเตอร์มีมากเกินควบคุมไหว?”
“ก็มีมอนสเตอร์อยู่หรอกค่ะ แต่เนื่องจากการปราบปรามเป็นงานของทางกิลด์นักผจญภัยกับกองกำลังอัศวิน ทุกท่านรวมถึงท่านมิทสึนากะนั้นไม่จำเป็นต้องออกไปต่อสู้หรอกนะคะ”
“……”
อ้าว? การสนทนานี่มันอะไร? เดี๋ยว รอก่อน ขอร้องล่ะขอเวลาให้ได้คิดอีกหน่อยเถอะ!?
เอ่อ ไม่มีทั้งจอมมาร? กับเผ่ามารก็มีความสัมพันธ์อันดี? สงครามก็ไม่มีมา800ปีแล้ว? แถมถึงจะมีมอนสเตอร์อยู่ก็เถอะแต่พวกฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปเกี่ยวด้วยเลย?
“……ถ้างั้น การอัญเชิญผู้กล้านี่ทำเพื่ออะไร?”
“เมื่อ1000ปีก่อน ถ้าให้ถูกคือเมื่อ1009ปีก่อนที่จอมมารถูกโค่นลง ท่านผู้กล้ารุ่นแรกได้กลายมาเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ให้แก่เผ่ามารและมนุษย์ เพื่อเป็นเกียรติแก่คุณงามความดีนั้นและเพื่อภาวนาแด่ความสงบสุขจากนี้ไป ในทุกๆ10ปีจึงมีการเชิญท่านผู้กล้าจากต่างโลกที่เหมือนกับท่านผู้กล้ารุ่นแรกมาเพื่อจัดเทศกาลขนาดใหญ่ค่ะ”
“……งานเทศกาล?”
“ค่ะ เพราะเหตุนั้นสำหรับท่านมิทสึนากะแล้ว เพื่อที่จะมาเป็นตัวเอกของ [งานเทศกาลผู้กล้า] ตลอด1ปีหลังจากนี้ จะมีทั้งการไปเข้าร่วมในพิธีต่างๆแล้วก็การไปเยือนยังนานาประเทศด้วย จึงต้องมีการร้องขอให้ไปฟังคำอธิบายแยกในอีกห้องหนึ่งแทนค่ะ แน่นอนว่าเราเคารพในเจตนาของเจ้าตัวอยู่แล้ว ถ้าจะปฏิเสธก็สามารถทำได้ค่ะ”
“อ๊ะ มีการปฏิเสธอยู่ด้วยสินะครับ”
“ค่ะ ในอดีดก็มีหลายครั้งที่ต้องตั้งตัวแทนผู้กล้าแล้วจัดงานเทศกาลผู้กล้าอยู่เหมือนกันค่ะ ในกรณีที่ยอมเข้าร่วมนั้นตลอดเวลา1ปีในช่วงเทศกาลผู้กล้าจะได้รับการปฏิบัติในฐานะราชอาคันตุกะและทำการต้อนรับอย่างดีที่สุดค่ะ ส่วนในกรณีที่ถึงแม้จะปฏิเสธก็จะรับรองการใช้ชีวิตให้ แล้วก็จะได้กลับไปหลังจากที่ได้ท่องเที่ยวชมโลกเป็นเวลา1ปีอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ”
“……เอ่อ แล้วท้ายที่สุด……เกี่ยวกับพวกเราหลังจากนี้……”
“ค่ะ……คิดไว้อยู่แล้วค่ะว่าคงยังมีเรื่องที่รู้สึกสับสนอยู่ แต่ขอเชิญให้เพลิดเพลินไปอย่างเต็มที่……ออกไปท่องเที่ยวแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ในโลกที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกันนี้ หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์งานเทศกาลที่มีเพียงครั้งเดียวในรอบ10ปีแล้ว……ก็จะได้กลับไปยังโลกเดิมอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนค่ะ”
“……”
กราบเรียนด้วยความเคารพ ท่านแม่ ท่านพ่อ——ดันมาติดร่างแหจากการอัญเชิญมายังต่างโลกเข้าซะแล้วครับ แต่ว่า โลกน่ะ——สงบสุขดีครับ
—————————————————————————————————