[นิยายแปล]สโนไวท์ปากร้าย - ตอนที่ 5 chapter 2.2
หลังจากที่พวกเขามาถึงโรงเรียนก็ต้องไปเจอกันตอนพักกลางวันแล้วยิ่งพวกเขาเรียนคนละห้องด้วย นาโอยะ จึงรีบลงมือทำตามแผนทันที
“วันนี้เธอนำข้าวกล่องมารึเปล่า ชิโรกาเนะซัง ? ถ้าไม่รังเกียจกินข้าวกลางวันด้วยกันไหม?”
“เอ๋…ฉะ-ฉันก็ไม่รังเกียจหรอก…”
เพราะคำชวนกะทันหัน โคยูกิ จึงเริ่มทำตัวไม่ถูกดูเหมือนลิ้นที่แสนร้ายกาจของเธอจะใช้ไม่ได้ผลกับการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวพอถึงเวลาพักกลางวัน นาโอยะ ก็ไปรับเธอที่ห้องเรียนแต่…
“ห๊ะ…?ไม่อยู่…?”
เมื่อเขามองเข้าไปในห้องเรียนม.5/3ก็ไม่พบ โคยูกิ เขาคิดว่าเธอคงไปเข้าห้องน้ำ
“นี่ เธอ”
เขารู้สึกคุ้นเคยกับเสียงที่ดังมาจากทางเดินเมื่อหันไปมองก็เห็น โคยูกิ เธอยังไม่รู้ตัวว่า นาโอยะ อยู่ตรงนั้นเธอกำลังเรียกนักเรียนหญิงอีกคนหนึ่งหญิงสาวคนนั้นสวมแว่นตาดูเหมือนเด็กเรียนทั่วไปเธอกำลังแบกกล่องกระดาษขนาดใหญ่ในมือคงจะเป็นเอกสารสำหรับเรียนหญิงสาวคนนั้นเบิกตากว้างเมื่อมอง โคยูกิ
“อะ-อะไรเหรอคะ ชิโรกาเนะซัง ?”
“กล่องนั่นดูหนักนะฉันช่วยถือให้ครึ่งหนึ่งแล้วกัน”
“เอ๊ะ…มะ-แต่…อาจารย์ฝากฉันมาฉันเกรงใจ…”
“เอาให้ฉันเถอะ!” โคยูกิ ไม่ฟังคำทัดทานเธอคว้ากล่องไป
หญิงสาวคนนั้นอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มออกมา
“ขอบคุณนะคะ ชิโรกาเนะซัง จริงๆแล้วคุณก็ใจดีเหมือนกันนะคะเนี่ย”
“…!” โคยูกิ กลืนน้ำลายเธอหันหน้าหนี”หึ้ย…ฉันทนดูเธอไม่ได้หรอกนะ ซุ่มซ่ามแบบนั้นระวังจะสะดุดล้มไปเถอะอย่าให้ต้องเสียเวลา”
“อะ-ฮ่าฮ่า…ขอโทษนะ”หญิงสาวที่สวมแว่นตาหรี่ตาลงอย่างขอโทษ
นักเรียนคนอื่นๆรอบข้างก็มีปฏิกิริยาคล้ายๆกันพวกเขาเพียงยักไหล่บรรยากาศไม่ค่อยสบายใจนัก
เข้าใจล่ะ…นี่สินะที่พวกเขาเรียกเธอว่า’สโนไวท์ปากร้าย’…
จากมุมมองของ นาโอยะ คำพูดของ โคยูกิ เมื่อกี้ชัดเจนว่าเธอแค่พยายามปิดบังความเขินอย่างไรก็ตามนักเรียนคนอื่นๆกลับไม่เข้าใจ
…น่าเสียดายทั้งๆที่เธอเป็นคนดีขนาดนี้
นาโอยะ ตัดสินใจเรียกเธอ
” ชิโรกาเนะซัง “
“เหวอ!?ซะ-ซาซาฮาระคุง…?” โคยูกิ สะดุ้งเธอเกือบจะทำกล่องกระดาษหล่น
แม้แต่หญิงสาวที่สวมแว่นตาก็มอง นาโอยะ อย่างเคลือบแคลงเขาไม่สนใจเธอพูดกับ โคยูกิ ด้วยรอยยิ้มใจดี
“ฉันไม่คิดว่า…เธอควรจะทำแบบนั้นนะ”
“…เอ๋?” โคยูกิ เบิกตากว้าง
“ฉันรู้ว่าเธอแค่เขิน ชิโรกาเนะซัง แต่คนอื่นๆไม่ได้มีทักษะแบบฉันเพราะงั้นเธอต้องบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปสิ”
“ฉะ-ฉันไม่ได้เขินสักหน่อย…!”
“คือ…ฉันไม่อยากให้คนอื่นๆเข้าใจเธอผิด”
“อึก…กรร…”
นาโอยะ แสร้งทำหน้าผิดหวังซึ่งดูเหมือนจะมีผลอย่างมากต่อ โคยูกิ สีหน้าของเธอผ่อนคลายลงเล็กน้อยเธอเริ่มตัวสั่นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเธอก็หันหน้าไปทางหญิงสาวคนนั้น—แล้วก้มหน้าลง
“อืม…ขอโทษนะที่พูดจาแย่ๆแบบนั้น…ฉันเห็นว่ามันอันตรายก็เลยอยากจะช่วย”
“เอ๋!?”หญิงสาวคนนั้นร้องเสียงหลง
แม้แต่ นาโอยะ ก็ยังประหลาดใจเขาไม่คิดว่าเธอจะกลายเป็นคนซื่อสัตย์ขนาดนี้
สงสัยเธอจะพยายามอดทนเพราะฉันบอกเธอแบบนั้น…
นาโอยะ แค่อยากให้เธอไตร่ตรองคำพูดของตัวเองสักหน่อยแต่นี่ดีกว่าที่คาดไว้มาก
“ไม่เป็นไรค่ะฉันไม่ถือสาหรอกค่ะ ชิโรกาเนะซัง “หญิงสาวคนนั้นพูดต่อ
“…จริงเหรอ?”
“ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณชอบช่วยเหลือคนอื่นค่ะ ชิโรกาเนะซัง รู้อยู่แล้ว”หญิงสาวคนนั้นยิ้มแล้วมองไปที่ โคยูกิ “แต่…ฉันก็ดีใจนะคะที่คุณซื่อสัตย์กับฉัน ฉันดีใจที่ได้ยินความรู้สึกที่แท้จริงของคุณค่ะ”
“คะ-คือ…”
“นายทางนั้นน่ะ! ฉันขอยืมตัว ชิโรกาเนะซัง สักครู่นะคะ!”
“เชิญเลยไม่ต้องรีบ~”
โคยูกิ พึมพำอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายเธอก็เดินตามหญิงสาวคนนั้นไปที่ห้องพักครู นาโอยะ มองตามพวกเธอไปพลางโบกมือนักเรียนคนอื่นๆรอบข้างมองดูเหตุการณ์นี้ราวกับเป็นการแสดงละครแต่ นาโอยะ ไม่ได้สนใจ
ประมาณสิบนาทีต่อมา โคยูกิ ก็กลับมา
“ทำได้ดีมากภูมิใจไหม ชิโรกาเนะซัง ?”
“……”
นาโอยะ ทักทายเธอที่ลานกว้างมีสวนดอกไม้อยู่ระหว่างอาคารเรียนสองหลังซึ่งมักจะมีนักเรียนมาใช้เวลาพักผ่อนมากมายทั้งในช่วงพักและพักกลางวันยิ่งวันนี้อากาศแจ่มใสทุกคนต่างเพลิดเพลินกับการกินข้าวเล่นเกมและใช้เวลากับกิจกรรมที่ชอบ
ม้านั่งตัวหนึ่งในร่มเงายังว่างอยู่ นาโอยะ จึงรออยู่ตรงนั้น โคยูกิ ถือกล่องข้าวกลางวันของเธอมานั่งลงข้างๆเขาเวลาผ่านไปแต่ความเงียบก็ยังคงอยู่
สงสัย…เมื่อกี้ฉันคงเข้าไปยุ่งมากเกินไป…ไม่น่าว่าเธอต่อหน้าคนอื่นเลย…
นาโอยะ รู้ว่า โคยูกิ รู้สึกอึดอัดแค่ไหนที่ต้องนั่งข้างเขาเขากำลังทบทวนการกระทำของตัวเองทันใดนั้น…
“อืม…” โคยูกิ เอ่ยปาก
เธอยกศีรษะขึ้นช้าๆมอง นาโอยะ ด้วยแววตาจริงจัง
“ขอบคุณนะ…ที่ว่าฉันเมื่อกี้”
“เอ๋?” นาโอยะ กระพริบตาด้วยความสับสน
แววตาของ โคยูกิ ไม่ได้แสดงความโกรธหรือผิดหวังเลยเธอขอบคุณเขาจากใจจริงเธอถอนหายใจแล้วพูดต่อ
“ฉันมักจะเป็นแบบนี้เสมอเลย…จริงๆแล้วฉันไม่ได้แย่เรื่องการเข้าสังคมหรอกฉันแค่ชอบพูดในสิ่งที่ไม่ได้คิดโดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้…”
“อ่า…เธอก็รู้นี่”
“อืม…ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้แต่ฉันก็แก้ไม่ได้…” โคยูกิ จ้องมองหน้าของ นาโอยะ แล้วพูดต่อ
“แต่เพราะนายว่าฉัน…เลยคุยกับเธอคนนั้นได้…เพราะงั้น…ขอบคุณนะ”
“…ไม่เป็นไร” นาโอยะ ยิ้ม
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตกใจไม่หายนี่มันผ่านมาเดือนหนึ่งแล้วนับตั้งแต่เปิดเทอมปีสองแต่เธอก็เพิ่งได้คุยกับเพื่อนร่วมชั้นอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
*จะว่ายังไงดี…เธอช่างเรียบง่ายและซุ่มซ่ามจริงๆ*
นาโอยะ รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วลิ้นที่แสนร้ายกาจของ โคยูกิ เป็นเพียงวิธีปกปิดความเขินของเธอแต่มันก็เป็นกลไกป้องกันตัวด้วยสิ่งนั้นเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับเธอ…แบบนี้มันมากเกินไปหน่อย
อาการแบบนี้ส่วนใหญ่คงเกิดจากบาดแผลในอดีต…ไม่สิ ฉันไม่ควรสอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของเธอมากไป
นาโอยะ กำลังจะคิดอย่างจริงจังแต่ก็หยุดตัวเองไว้ทุกครั้งที่เขาเริ่มอ่านใจคนอื่นจะมีบางครั้งที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ในเวลาเดียวกันสีหน้าของ โคยูกิ ก็สั่นไหวเธอนึกว่า นาโอยะ เงียบเพราะรู้สึกไม่ดี
“สงสัยนายคงเบื่อฉันแล้วสินะ…คนที่มีฉายา’สโนไวท์ปากร้าย’คงเป็นตัวปัญหา…”เธอพูดเสียงสั่นเครือมองกล่องข้าวกลางวันของเธอ
ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำคลอเธอกำลังโทษตัวเอง นาโอยะ จึงต้องพูดอะไรสักอย่าง
“ไม่ๆไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”
“เอ๋?” โคยูกิ เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ
นาโอยะ มองไปรอบๆแล้วชี้ไปที่ทางเดินระหว่างอาคารเรียน
“เช่น…ลองดูอาจารย์อิวะตะนิคนนั้นสิ”
เขาชี้ไปที่อาจารย์ที่รับผิดชอบเรื่องการให้คำปรึกษาแก่นักเรียนเป็นชายร่างใหญ่หน้าตาดุดันกำลังต่อว่านักเรียนสองสามคนเรื่องชุดนักเรียน เขามีชื่อเสียงว่าเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดที่สุดในโรงเรียนแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เขาก็ไม่ยอมปล่อยผ่านและมักจะเทศนาสั่งสอนทุกคนที่เขาจับได้
“…เขาทำไมเหรอ?”
“จริงๆแล้วเขาเป็นคนใจดีเขาแค่แสร้งทำเป็นเข้มงวดตอนให้คำปรึกษานักเรียน”
“เอ๊ะไม่มีทางน่า”
“เรื่องจริง ลองดูเขาสิ”
การให้คำปรึกษาเสร็จสิ้นนักเรียนกลุ่มนั้นก็แยกย้ายกันไปราวกับฝูงแมงมุมอาจารย์อิวะตะนิมองตามพวกเขาไปแล้วถอนหายใจใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอีกครั้งเมื่อเขากลับเข้าไปในอาคารเรียน โคยูกิ เบิกตากว้างเมื่อเห็นแบบนั้น
“เขา-เขาดูเหมือนกำลังฝืนตัวเองจริงๆ…ไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
“ใช่แล้ว เขากำลังพยายามปกปิดมันอยู่”
มีเพียงอาจารย์จำนวนเล็กน้อยและ นาโอยะ ที่รู้เรื่องนี้อาจารย์อิวะตะนิแสร้งทำเป็นเข้มงวดกับทั้งนักเรียนและเพื่อนร่วมงานด้วยเหตุนั้นเขาจึงสร้างบุคลิก’อาจารย์ปีศาจ’ขึ้นมาเอง
“ฉันพอจะรู้ว่าคนอื่นคิดอะไรอยู่ ก็เลยรู้ไงคนส่วนใหญ่ก็สวมเกราะป้องกันแบบเธอ ชิโรกาเนะซัง “
ไม่ว่าจะเป็นเกราะของอาจารย์ผู้เข้มงวดเกราะของนักบุญผู้ใจดีหรือเกราะของนักเสียดสีทุกคนล้วนมีเกราะของตัวเองใช้มันตามที่ต้องการไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไปและเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต
“เพราะงั้น…หน้ากากที่เธอสวมใส่อยู่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการใช้ชีวิต ฉันไม่ได้คิดว่ามันเป็นสิ่งไม่ดีนะ”
“…แต่นายก็ว่าฉันอยู่ดี”
“นั่น…เพราะฉันคิดว่ามันน่าเสียดาย”
“น่าเสียดาย…?” โคยูกิ ทวนคำพูดของ นาโอยะ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
นาโอยะ วางมือลงบนมือของเธอแล้วอธิบาย
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนจริงจังและใจดีขนาดไหน ชิโรกาเนะซัง แค่ฉันถึงคิดว่ามันน่าเสียดายที่เธอจะต้องถูกคนอื่นเข้าใจผิด”
“ฉะ-ฉันไม่ได้เป็นคนดีอะไร…”
“เธอบอกแบบนั้นแต่เธอก็ช่วยเพื่อนร่วมชั้นใช่ไหมล่ะ?” นาโอยะ ยิ้ม”ฉันรู้ว่าเธออยากจะเข้ากับคนอื่นให้ได้มากกว่านี้ ถ้าเธอซื่อสัตย์กับตัวเองขึ้นล่ะก็ฉันมั่นใจเลยว่าเธอจะมีเพื่อนอีกเยอะเลยล่ะ”
“…ไม่มีใครอยากคบกับฉันหรอก”
“พูดอะไรน่ะ? มีคนหนึ่งอยู่ตรงนี้ไง”
“อึก…นะ-นายนี่แปลกจริงๆด้วย” โคยูกิ หน้าแดงก่ำพึมพำกับตัวเอง
อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า’อยากมีเพื่อนมากขึ้น’งั้นสิ่งที่ นาโอยะ ทำได้ก็คือ—สนับสนุนเธอ
“มันไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ในทันทีหรอกนะ เราค่อยๆพยายามไปด้วยกัน…เพื่อที่วันหนึ่งเธอจะสามารถพูดความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้ บอกฉันนะถ้ามีอะไรที่ฉันช่วย”
“ซาซาฮาระคุง…” โคยูกิ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ในที่สุดเธอก็พยักหน้า
“อืม ฉันจะพยายาม…เพื่อที่จะ…เป็นคนซื่อสัตย์กับตัวเอง…และไม่มีใครเรียกฉันว่า’สโนไวท์ปากร้าย’อีก!”
“ใช่เลย แบบนั้นแหละ” นาโอยะ ยิ้มให้เธอ
เพราะเขาอ่านใจเธอได้เขาจึงรู้ว่าเธอจริงจังกับเรื่อง’การเปลี่ยนแปลงตัวเอง’มากแค่ไหนในเวลาเดียวกันเขาก็รู้ว่ามันต้องใช้ความกล้าหาญมากแค่ไหนคนส่วนใหญ่มักจะรู้ข้อบกพร่องของตัวเองแต่ก็ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่พยายามแก้ไขทว่าความมุ่งมั่นของ โคยูกิ ราวกับสลักไว้บนศิลาวันที่เธอจะกำจัดฉายาของเธอทิ้งไปคงอีกไม่ไกลอย่างแน่นอน
ใช่จริงด้วย…ฉันคงชอบเธอแล้วจริงๆ…
เขากำลังตกหลุมรักเธอโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าคนเรามักจะรู้ตัวในวินาทีที่ตกหลุมรัก นาโอยะ หัวเราะเยาะตัวเองที่มันเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
“ขอบคุณมากนะซาซาฮาระคุง”
“เอ๋?”
โคยูกิ เรียกสติของเขาเธอมอง นาโอยะ ตรงๆพร้อมกับรอยยิ้ม
“ถ้านายไม่ช่วย…ฉันคงทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าและต้องเสียใจเหมือนทุกครั้งเพราะงั้น…ขอบคุณนะ”
“มะ-ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ทำอะไรมากมายหรอก”
เมื่อได้สติ นาโอยะ ก็พูดตะกุกตะกัก
“ฉันแค่…สร้างโอกาสให้เธอต้องพยายามสร้างมิตรภาพด้วยตัวเองแค่นั้นเอง”
“เพื่อนเหรอ…” โคยูกิ ทำหน้าเศร้า”ฉันจะมีเพื่อนได้จริงๆเหรอ…กังวลจังว่า…จะมีใครอยากคบกับฉันไหม…”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกแค่ทำตัวปกติก็พอ”
“ปกติ…หมายถึง?”
“อืม…”
นาโอยะ แสร้งทำเป็นรู้ดีแต่เขาก็แทบจะไม่มีเพื่อนเลยเหมือนกันถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกว่าต้องตอบสนองความคาดหวังของ โคยูกิ
“ไปโรงเรียนด้วยกัน กินข้าวกลางวันด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน…”
“หืม…ฟังดูยากจัง…เอ๋ ซาซาฮาระคุงเป็นอะไรไป?”
“ก็…ฉันรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย”
“หืม?”
นาโอยะ ก้มหน้าลงเพื่อปิดบังสีหน้าซึ่งทำให้ โคยูกิ เอียงศีรษะด้วยความสับสน ไปโรงเรียนด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน กินข้าวกลางวันด้วยกัน…มันไม่ใช่สิ่งที่ นาโอยะ กับ โคยูกิ กำลังทำอยู่เหรอ?
สรุปแล้วความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ก็เป็นแค่’เพื่อน’งั้นเหรอ…?
นาโอยะ มีเพื่อนผู้หญิงหลายคนเขาจึงคุ้นเคยกับการสร้างมิตรภาพกับพวกเธอมากกว่า ในทางกลับกันเขาไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์แบบอื่นๆกับเพศตรงข้ามเลย เขาไม่เคยออกคบกับผู้หญิงมาก่อนประสบการณ์ของเขาจึงเป็นศูนย์
เขาสนุกกับการใช้เวลากับ โคยูกิ ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีความรู้สึกดีๆต่อเธออย่างไรก็ตาม…
‘ความชอบ’แบบไหนกันที่ฉันมีต่อ ชิโรกาเนะซัง …?
มันคือความรักหรือมิตรภาพ?ณ ตอนนี้ นาโอยะ ยังไม่มีทางรู้คำตอบ