[นิยายแปล]สโนไวท์ปากร้าย - ตอนที่ 1 เล่ม 1 chapter 1.1
ฤดูใบไม้ผลิ…ฤดูกาลแห่งการพบพานใหม่ๆเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองได้มาพบกัน
“อืม…เธอดูจะมีปัญหานะครับคุณปล่อยเธอไปเถอะ”
“แกเป็นใคร!?ต้องการอะไร!?”
“…!”
ณ บริเวณด้านนอกย่านช้อปปิ้งท้องฟ้ากำลังจะลาลับขอบฟ้าแสงอาทิตย์ย้อมเมืองให้เป็นสีส้ม นาโอยะ ยืนขวางอยู่ตรงกลางระหว่างชายคนหนึ่งกับหญิงสาวสถานการณ์พลิกผันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? คำอธิบายนั้นแสนเรียบง่าย นาโอยะ กำลังทำความสะอาดบริเวณหน้าร้านที่เขาทำงานพาร์ทไทม์อยู่ก็เหลือบไปเห็นคนทั้งสองเข้าพอดี
หญิงสาวสวมชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกับ นาโอยะ ผมสีเงินยวงของเธอยาวจรดสะโพกแม้จะเห็นเพียงด้านหลังแต่เขาก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศอึดอัดที่แผ่ออกมาจากเธอ
ส่วนอีกคนเป็นชายสวมสูทแต่กลับมีสีผมฉูดฉาดและต่างหูห้อยระย้าเขาพูดจาหว่านล้อมหญิงสาวซึ่งเธอก็ตอบรับด้วยท่าทีขัดเขินเสียงของเธอสั่นเทาด้วยความกลัว
เขากำลังจีบเธออยู่แน่ๆ…
ทันทีที่ นาโอยะ สรุปความในใจเขาก็ก้าวเข้าไปขวางระหว่างคนทั้งสองเขาสังเกตเห็นว่าหญิงสาวดูตื่นตระหนกขึ้นอีกแต่เขาก็ไม่สนใจ
“คุณช่วยหยุดทำแบบนี้หน้าร้านของเราได้ไหมครับ ถ้ายังรบกวนแบบนี้อีกผมจะแจ้งตำรวจ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ฉันไม่รู้ว่านายเข้าใจผิดอะไรไปแต่ฉันไม่ได้ทำอะไรน่าสงสัยสักหน่อย”
นาโอยะ จ้องมองชายคนนั้นอย่างเอาเรื่องซึ่งเขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรพร้อมกับยื่นนามบัตรให้ดูจากนามบัตรแล้วเขาคงเป็นโปรดิวเซอร์ในวงการบันเทิง
“ผมกำลังหานางแบบคนใหม่สำหรับนิตยสารฉบับต่อไป ถ้าเป็นเด็กคนนี้ล่ะก็เธอดังแน่”
“โกหกสินะ”
“…ห๊ะ?”ชายคนนั้นขมวดคิ้วแต่เขาไม่ได้สนใจเขามองสบตาชายคนนั้นตรงๆแล้วพูดต่อ
“คุณไม่ได้กำลังหานางแบบ แค่กำลังจีบผู้หญิงอยู่ไม่ใช่หรอ”
“มะ-มีหลักฐานอะไรว่าฉันทำแบบนั้น—”
“ผมดูออกไม่ว่าจะพยายามแสดงออกอย่างไรคนเราก็ไม่สามารถซ่อนปฏิกิริยาทางกายภาพได้หรอก”
สำหรับ นาโอยะ แล้วปฏิกิริยาของชายคนนั้นอ่านง่ายมากรูม่านตาขยายกว้างกว่าปกติหายใจถี่เสียงพูดตะกุกตะกักริมฝีปากกระตุกเหงื่อผุดบนหน้าผากทั้งหมดนี้ชัดเจนมากจน นาโอยะ ไม่ลังเลที่จะสรุปความจริง
“คุณเป็นแค่นักศึกษาใช่ไหมล่ะ? ผมเดาว่าคุณคงมาจากภูมิภาคคันไซเพราะมัวแต่เที่ยวเล่นไม่ตั้งใจเรียนพ่อแม่เลยตัดเงินเดือนสินะ”
“ทะ-ทำไมนายถึงรู้!?”สีหน้าของชายคนนั้นซีดเผือด
นาโอยะ เดาที่มาของเขาได้จากสำเนียงนอกจากนั้นกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆที่ลอยมาเตะจมูกกับสภาพสูทที่ดูเก่าโทรมก็เป็นหลักฐานชั้นดีเห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นเริ่มตื่นตระหนก นาโอยะ จึงไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปรีบโจมตีต่อ
“คุณถึงกับลงทุนขนาดนี้แค่เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจ…ทำไมไม่ลองปรับปรุงรูปลักษณ์แล้วไปฝึกฝนการแสดงก่อนที่จะเป็นห่วงเป็นใยนามบัตรปลอมๆนั่นล่ะ”
“วะ…ว่าไงนะไอ้เวรนี่!”ชายคนนั้นคำรามพร้อมกับคว้าคอเสื้อของ นาโอยะ
เขารู้สึกได้ถึงเสียงกรีดร้องเบาๆดังมาจากด้านหลังแต่ไม่ได้ใส่ใจนัก
“อย่ามาทำเป็นอวดเก่งเลยไอ้เด็กเวร! ระวังจะเจ็บตัว”
“ผมไม่ชอบความรุนแรง…แล้วรู้อะไรไหมครับ?”
“…รู้อะไร?”
“ผมทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านหนังสือเก่าร้านนี้เห็นไหมครับช่วงนี้แถวนี้มีเรื่องวุ่นวายบ่อยเลยต้องติดกล้องวงจรปิดไว้” นาโอยะ ผายคางไปทางร้านหนังสือ Akaneya
จะเห็นว่าเลนส์กล้องวงจรปิดติดอยู่ข้างป้ายโฆษณาพุ่งตรงมายังพวกเขาทันทีที่ชายคนนั้นเห็นสีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง นาโอยะ แสยะยิ้ม
“ถ้าคุณทำร้ายผมตรงนี้ภาพจากกล้องจะถูกส่งไปให้ตำรวจทันทีถ้าไม่กลัวก็เชิญเลยครับ”
“……!”ชายคนนั้นผลัก นาโอยะ ออกก่อนจะเดินจากไปด้วยท่าทางหัวเสีย
นาโอยะ มองตามเขาไปก่อนจะจัดปกเสื้อ
“เฮ้อ…ถึงจะเป็นของปลอมก็เถอะนะ”
นาโอยะ รู้สึกดีใจที่เขาขอให้ผู้จัดการร้านติดตั้งมัน
“อ๊ะ…อืม…”
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
เขารู้สึกได้ถึงเสียงกลืนน้ำลายดังมาจากด้านหลังเขาอยากจะหันไปปลอบใจหญิงสาวแต่เสียงแหบๆของใครบางคนก็ดังมาจากในร้าน
“ซาซาฮาระคุง!ขอโทษที่กะทันหันนะ แต่รบกวนไปส่งของให้หน่อยได้ไหมฉันออกไปตอนนี้ไม่ได้”
“ได้ครับ!เดี๋ยวไปเดี๋ยวนี้!เอ่อ…ระหว่างทางกลับบ้านก็ระวังตัวด้วยนะครับ”
“อ๊ะ…!”
สุดท้าย นาโอยะ ก็ไม่ได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นเขารีบกลับเข้าไปในร้านด้วยอารมณ์เบิกบานหลังจากได้ทำประโยชน์เพื่อสังคม
“ซาซาฮาระคุง…งั้นเหรอ”
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหญิงสาวที่เขาเพิ่งช่วยไว้จะพึมพำชื่อเขาเบาๆแบบนั้นพร้อมกับประสานมือไว้ที่หน้าอก
การเผชิญหน้ากันอย่างเป็นทางการครั้งแรกเกิดขึ้นในวันถัดมาช่วงพักกลางวัน นาโอยะ กำลังเดินไปตามทางเดินกับเพื่อนก็มีใครบางคนเดินตัดหน้าเขา
“นายนี่เอง… ซาซาฮาระ นาโอยะคุงขอบคุณมากสำหรับเมื่อวานนี้นะ”
“หืม”
บุคคลที่เอ่ยคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งผสมความจองหองผยองคือหญิงสาวผู้เลอโฉมผมสีเงินยวงของเธอยาวจรดเอวดวงตาสีฟ้าประกายแวววาวราวอัญมณีใบหน้างดงามหมดจดราวกับหลุดออกมาจาก CG ในเกมผิวขาวผ่องจนแทบจะมองทะลุได้ทว่าแววตาที่เธอใช้มองเขานั้นกลับเต็มไปด้วยความดุดัน
ร่างเล็กของเธอแผ่รังสีอำนาจออกมาราวกับจงใจปลดปล่อย’จิตสังหาร’ท่าทางกอดอกยิ่งเสริมความดุดันเข้าไปอีกแม้แต่นักเรียนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องก็ยังรับรู้ได้ถึงแรงกดดันและเริ่มซุบซิบกันส่วนหนุ่มหน้าตาดีข้างๆ นาโอยะ —โคโนะ ทัตสึมิ—ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
” นาโอยะ …เกิดอะไรขึ้นกับนายกับ’สโนไวท์ปากร้าย’งั้นเหรอ?”
“อ่า…ก็เมื่อวานนี้…” นาโอยะ พยักหน้าพลางรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง
เมื่อวานเขาไม่ได้เห็นหน้าเธอแต่หญิงสาวตรงหน้าก็มีผมสีเงินเหมือนกับหญิงสาวคนนั้น
ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธอแบบนี้…
หญิงสาวคนนี้ชื่อ ชิโรกาเนะ โคยูกิ เธอเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีสองโรงเรียนเดียวกับ นาโอยะ เธอมีรูปโฉมงดงามสมองอันชาญฉลาดและความสามารถทางกีฬาที่เหนือกว่าคนทั่วไปเรียกได้ว่าเพียบพร้อมทุกด้านแต่ฉายาของเธอกลับแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจ
“ขอบคุณมากสำหรับเมื่อวานนี้นะ ฉันอยากจะขอบคุณนายเลยตามหานายมาตลอดพอเห็นนายใส่ชุดนักเรียนเมื่อวานฉันก็รู้ทันทีว่านายเรียนอยู่ที่นี่”
“เข้าใจแล้วแต่…ไม่เห็นต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้”
“ไม่ได้หรอกนะ” โคยูกิ สางผมสีเงินของเธอเบาๆแล้วพ่นลมหายใจ”ฉันไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณคนอื่นโดยเฉพาะกับ…หนุ่มหน้าเบื่อแบบนาย”
“หืม”
ความงามอันสมบูรณ์แบบของ ชิโรกาเนะ โคยูกิ มีข้อบกพร่องอย่างหนึ่งนั่นคือ’ลิ้นที่แสนร้ายกาจ’ของเธอตั้งแต่เข้าเรียนมามีหนุ่มๆมากมายตกหลุมรักในความงามของเธอและพยายามสารภาพรักแต่ทุกคนก็ต้องพ่ายแพ้เพราะคำพูดที่รุนแรงและเย็นชาของเธอจึงเป็นที่มาของฉายา’สโนไวท์ปากร้าย’
ทันใดนั้นก็มีนักเรียนมามุงดูพวกเขาซุบซิบกันให้แซด
“สโนไวท์ปากร้ายยังคงร้ายกาจเหมือนเคยเลย…”
“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่จำเป็นต้องพูดแบบนั้นด้วยเหรอ?”
แปลกที่ โคยูกิ ไม่ได้สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นเลยแววตาของเธอกลับดูแข็งกร้าวขึ้นและพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เมื่อวานฉันกลัวอยู่บ้างแต่ฉันจัดการเองได้ไม่ต้องเสนอหน้ามาทำเป็นอัศวินขี่ม้าขาวฉันไม่ชอบติดหนี้บุญคุณคนอื่น”
“อ้อ…เข้าใจแล้วเข้าใจแล้ว” นาโอยะ พยักหน้า
เขาเข้าใจสิ่งที่เธอกำลังพยายามจะสื่อ
“สรุปคือ…เธออยากจะขอบคุณฉันเลยชวนฉันไปเที่ยวหลังเลิกเรียนใช่ไหม?”
“……ห๊ะ?”
“……ห๊ะ?”
ไม่ใช่แค่ โคยูกิ แต่ทุกคนที่มุงดูอยู่ต่างก็งุนงงพวกเขาทำหน้าราวกับจะถามว่า’หมอนี่พูดเรื่องบ้าอะไร?’ทว่าปฏิกิริยาของ โคยูกิ กลับแตกต่างออกไปใบหน้าของเธอแดงก่ำพูดตะกุกตะกัก
“พะ…พูดเรื่องอะไร!?ทำไมนายถึงสรุปแบบนั้น!”
“ก็มันชัดเจนอยู่แล้ว” นาโอยะ เปลี่ยนน้ำเสียง”เรื่องที่เธอ’กลัว’น่ะคงจะเป็นเรื่องจริงส่วนที่เหลือน่ะเธอแค่แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง”
“…!”
“แถมเธอยังบอกว่าไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณคนอื่น แต่เธอก็แค่อยากจะตอบแทนฉันใช่ไหมล่ะ?”
สีหน้าและน้ำเสียงของ โคยูกิ ซื่อสัตย์มากจากข้อมูลที่รวบรวมมา นาโอยะ จึงเดาความรู้สึกที่แท้จริงของเธอได้ไม่ยากเมื่อ โคยูกิ พูดไม่ออก นาโอยะ จึงคาดคั้นต่อ
“วันนี้ฉันไม่มีงานพาร์ทไทม์ไม่มีชมรมด้วยว่างตลอดเลยงั้น ชิโรกาเนะซัง เราไปทำอะไรกันดี?”
“ฉะ-ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น…!” โคยูกิ เริ่มตัวสั่นก้มหน้าลง
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเธอก็พูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ
“อืม…ถ้านายไม่รังเกียจ…ฉะ-ฉัน…จะรอนะ…”
“โอเคเข้าใจแล้วเจอกันที่หน้าประตูโรงเรียน”
“…!ทำไมนายได้ยินฉันพูดเนี่ย!?ปกตินายต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วถามฉันสิ!”
“ก็หูฉันดีมาตลอดได้ยินทุกอย่างชัดเจน”
“อึก…!นะ-นาย…!”
“ฉัน?”
“นาย…ไอเจ้าคนสุขภาพดีเอ้ยยยยยย” โคยูกิ ทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ตีความได้ว่าเป็นคำชมก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“เอ๋…นั่น ชิโรกาเนะซัง จริงๆเหรอ…”
“ไม่น่าเชื่อเลย…”
“สงสัยเธอจะมีมุมน่ารักๆเหมือนกันนะ…”
ทันทีที่ โคยูกิ หายลับไปสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ นาโอยะ ด้วยความอบอุ่นทัตสึมิเดินเข้ามาตบบ่า นาโอยะ เบาๆ
“ความสามารถในการอ่านใจของนายยังคงน่าทึ่งเหมือนเคยแต่…”ทัตสึมิหรี่เสียงลงพูดต่อด้วยท่าทีไม่พอใจ”นายจะเตือน ชิโรกาเนะซัง แบบที่ทำกับคนอื่นๆอีกเหรอ?”
“คงเป็นแบบนั้นแหละ”
“น่าเสียดายจริงๆเลยนายไม่คู่ควรกับความนิยมแบบนี้หรอก”
นาโอยะ ได้แต่ยักไหล่